ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป‘หลงยู่อิน’ยังยืนอยู่ที่เดิมครู่ใหญ่ ก่อนที่จะเริ่มเดินไปยังกระท่อมของ’อิงเยว่ลู่’อย่างช้าๆ คำพูดของ’เนี่ยหลี่’ทำให้นางต้องเริ่มคิด ชะตาของ’อิงเยว่ลู่’อยู่ในมือ’หลงยู่อิน’ แต่’หลงยู่อิน’ต้องการให้’อิงเยว่ลู่’ตายจริงๆ งั้นเหรอ?
นางคิดถึงคำถามนี้จนกระทั่งได้ข้อสรุป จะอย่างไร ‘อิงเยว่ลู่’ก็เป็นศิษย์พี่ของนาง ส่วนเรื่องอาจารย์ของทั้งคู่ นางคิดว่าน่าจะมีเรื่องราวอยู่เบื้องหลัง
อย่างที่’เนี่ยหลี่’พูด ‘อิงเยว่ลู่’เป็นคนที่ให้ตัวเองเจ็บดีกว่าให้คนอื่นเจ็บ
‘เนี่ยหลี่’กลับมาถึงส่วนที่พักของ’เซี่ยวหยู่’
‘เซี่ยวหยู่’เห็น’เนี่ยหลี่’ก็ถามว่า
“เนี่ยหลี่ ไปไหนมาล่ะ?”
‘เนี่ยหลี่’ยิ้ม
“ข้าไปเจอเพื่อนเก่ามาน่ะ”
“เพื่อนเก่า?”
‘เซี่ยวหยู่’สับสนกับคำพูดนั้น ‘เนี่ยหลี่’เพิ่งมาถึงสถาบันวิญญาณฟ้าไม่นาน เขาไปมีเพื่อนเก่าตั้งแต่เมื่อไหร่?
‘เนี่ยหลี่’ไม่อธิบายให้’เซี่ยวหยู่’ฟังมากนัก แต่มองเลย’เซี่ยวหยู่’ไปก็เห็น’หวงอิ้ง’ จึงรีบทักทายนาง
“เจ้าก็อยู่ด้วย?”
“เนี่ยหลี่ สวัสดี”
‘หวงอิ้ง’เผยยิ้มอย่างน่ารักทันทีพลางกอดของ’เซี่ยวหยู่’ไว้ด้วยสองมือ ราวกับนกน้อยน่ารักที่ช่วยตัวเองไม่ได้
‘เนี่ยหลี่’ยิ้มอย่างมีเลศนัย แล้วกล่าวว่า
“ข้าจะไปฝึกฝนต่อ พวกเจ้าก็ตามสบายเลยแล้วกัน”
‘เซี่ยวหยู่’หน้าแดง
“เนี่ยหลี่ อย่าเข้าใจผิด”
แต่’เนี่ยหลี่’เพียงหัวเราะ แล้วโบกมือลา
“เข้าใจผิด? เจ้าพูดจริงใช่มั้ยเนี่ย?”
เขาขยิบตาให้’หวงอิ้ง’คราหนึ่งแล้วกลับไปที่ห้องของตัวเอง
‘หวงอิ้ง’หน้าแดงด้วยความเขินอาย แต่นางยังคงไม่ปล่อยแขน’เซี่ยวหยู่’ ส่วนทาง’เซี่ยวหยู่’นั้นดูจะทำอะไรไม่ได้นอกจากถอนหายใจ
เมื่อ’เนี่ยหลี่’กลับเข้าไปในห้อง เขาก็เห็นนางฟ้า’ยู่หยาน’ลอยอยู่กลางอากาศระหว่างที่กำลังบ่มเพาะพลัง ทว่า ที่ทำให้เขาแปลกใจจริงๆ แล้วคือทั่วร่างของนางสามารถส่งเปลวเพลิงสีทองออกมาได้ เปลวเพลิงเหล่านี้เผาไหม้อย่างต่อเนื่อง เพิ่มอุณหภูมิของห้องขึ้นไปถึงจุดที่สูงจนน่ากลัว พลังอันมหาศาลอัดอยู่เต็มห้องจนแทบล้น
‘เนี่ยหลี่’ไม่เคยมีเรื่องที่’ยู่หยาน’จะไปถึงขั้นชะตาสวรรค์ก่อนเขาอยู่ในหัวเลย เพราะชะตาสวรรค์ของนางดูจะแตกต่างจากคนอื่นอยู่ไม่น้อย ดังนั้น’เนี่ยหลี่’จึงไม่รู้ว่านางแข็งแกร่งขนาดไหน เมื่อไม่มีคนที่สามารถนำมาเปรียบเทียบได้
เปลวเพลิงสีทองดุจละลายอากาศในห้องได้เลย
เมื่อเห็น’ยู่หยาน’อยู่ระหว่างการฝึก เขาก็ไม่รบกวนหรือขัดขวางนาง พอ’เนี่ยหลี่’ก้มลงมองไปรอบๆ ก็เจอจินตาน ม้วนตัวนอนอยู่ที่มุมห้อง กิจวัตรของเจ้าตัวนี้มีเพียงหลับ กิน หลับ และกิน แต่สิ่งที่ทำให้’เนี่ยหลี่’งุนงงที่สุดก็คือความจริงที่ว่าจินตานจะหลับเป็นเวลานานทุกๆ วันหลังจากกินแล้ว พอมันตื่น มันก็จะแข็งแกร่งกว่าเดิมหลายเท่าทีเดียว
เจ้าตัวน้อยนี่เก่งขึ้นด้วยความเร็วที่น่ากลัวมาก
จากห้วงวิญญาณของเขา’เนี่ยหลี่’บอกได้ว่า’ลู่เพียว’ กำลังจะทะลวงชั้นชะตาสวรรค์ได้แล้วหลังจากที่ดูดซับพลังจากศิลาจิตวิญญาณจำนวนมาก ทว่า’เนี่ยหลี่’เองกลับยังไปไม่ถึงหน้าประตูของระดับชะตาสวรรค์เลยด้วยซ้ำ
ตามปกติแล้ว หลังจากดูดซับพลังฟ้าได้มากพอ ระดับพลังของเขาควรจะพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทว่า พลังสวรรค์ที่ดูดซับได้ส่วนใหญ่ถูกเถาเลื้อยในห้วงวิญญาณดูดกลืนไป เหลือให้เนี่ยหลี่ใช้ฝึกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
สิ่งที่เขาทำได้ตอนนี้มีเพียงตั้งสมาธิกับการฝึกฝนบ่มเพาะพลังต่อไปเท่านั้น
แล้วเวลาก็ผ่านไปอย่างช้าๆ
แม้ว่าเด็กชุดใหม่จะสร้างความฮือฮาขึ้นในสถาบันวิญญาณฟ้า แต่ความตื่นเต้นก็ค่อยๆ ลดน้อยลงไปตามเวลา จะอย่างไร การฝึกฝนบ่มเพาะพลังนับเป็นเรื่องสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด
หลังจากถูก’หลี่ชิงอวิ๋น’เตือน ‘ฮัวหลิง’ก็แสดงให้เห็นว่ามีความยับยั้งชั่งใจมากขึ้น และจมอยู่กับการฝึกฝนบ่มเพาะพลังมากขึ้น
ด้าน’มู่หลงหยี่’กำลังหงุดหงิดได้ที แม้ว่าความจริงเขาจะสามารถสร้างสถิติใหม่ได้ในสนามฝึกซากโบราณสถานแห่งความสะพรึง
แต่เขาไม่คิดเลยว่า’เนี่ยหลี่’จะหนีเงื้อมมือของเขาไปได้ ‘เนี่ยหลี่’คงจะหนีออกจากสนามไปได้ระหว่างที่เขากำลังตามล่าตัวอยู่ ดังนั้นแม้ว่าเขาจะต้องการสร้างปัญหาให้’เนี่ยหลี่’เพิ่ม แต่’เนี่ยหลี่’ไม่เปิดโอกาสให้เขาทำได้เลยคนอื่นๆ เองก็อยู่ในช่วงสงบเงียบ พยายามมุ่งความสนใจไปที่การฝึกฝนบ่มเพาะพลัง
เวลาผ่านไปวันต่อวัน
‘เนี่ยหลี่’หมดศิลาจิตวิญญาณไปกับการบ่มเพาะพลังราววันละร้อยถึงสองร้อยก้อน ทว่า ศิลาที่เขาเก็บเอาไว้ในแหวนมิติเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นี่เป็นเพราะ’เนี่ยหลี่’หลอมวิญญาณอสูรที่มีระดับเติบโตในระดับพระเจ้าทุกวัน เขายังทั้งให้’กู้เบ่ย’ขายแทน และทั้งส่งให้’หลี่ชิงอวิ๋น’เอง ส่วนที่เหลือก็เอาไปขายที่ตลาด
ปริมาณศิลาจิตวิญญาณในแหวนของ’เนี่ยหลี่’เพิ่มขึ้นในอัตราที่น่ากลัวยิ่ง ‘เนี่ยหลี่’ยังคงซื้อจิตอสูรสายเลือดมังกรจำนวนมากต่อไป
ถึงแม้ว่าทั้งหมดจะมีระดับการเติบโตชั้นสามัญก็ตามยิ่ง’เนี่ยหลี่’ขายวิญญาณอสูรที่มีระดับเติบโตในระดับพระเจ้ามากเท่าไหร่ ‘หลี่ชิงอวิ๋น’ก็ยิ่งให้ความสำคัญกับเขามากเท่านั้น ‘หลี่ชิงอวิ๋น’ไม่รู้ว่า’เนี่ยหลี่’ไปเอาวิญญาณอสูรที่มีระดับเติบโตในระดับพระเจ้าเหล่านี้มากจากไหน และไม่คิดจะถามหาคำตอบด้วย จะอย่างไร เมื่อเป็นความลับของอีกฝ่ายก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องถาม อีกประการมันจะเป็นปัญหาที่ทำให้การทำธุรกิจร่วมกันเสียหาย
ด้าน’หูหย่ง’ก็เหมือนถูกข่มขู่กลายๆ เมื่อ’เนี่ยหลี่’มีเส้นสายใกล้ชิดกับทั้ง’กู้เบ่ย’และ’หลี่ชิงอวิ๋น’
——-
วันนี้มีชั้นเรียนของอาจารย์’ชิหลิง’ และหัวข้อการเรียนก็ยังเป็นเรื่องพลังกายอยู่
ทุกคนต่างก็มองไปที่’เนี่ยหลี่’และ’หลงยู่อิน’ ในชั่วโมงเรียนครั้งก่อน ‘เนี่ยหลี่’และ’หลงยู่อิน’สู้กันจนพื้นสนามซ้อมเละเทะไปหมด ทั้งสองคนคงไม่เป็นแบบคราวที่แล้วหรอกนะ?
‘หลงยู่อิน’ยืนนิ่งลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเข้าไปหา’เนี่ยหลี่’ ใบหน้าของนางขึ้นสีแดงจางแล้วถามด้วยเสียงนุ่มนวลเบาบางว่า
“เจ้าช่วยฝึกกับข้าได้มั้ย?”
เสื้อผ้าที่นางสวมใส่ทำให้นางดูแข็งแกร่งยากจะผู้ใดต้านทาน เมื่อรวมกับความงามของนางแล้ว ภาพของนางสามารถทำให้เด็กชายในชั้นเดินเหม่อจนหน้าคว่ำได้แน่นอน ก่อนหน้านี้ ภาพลักษณ์อันเกรี้ยวกราดของนางผลักดันผู้อื่นให้อยู่ห่างนางไว้ แต่ตอนนี้ เป็นความจริงที่นางกำลังพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เบาบางจนคนที่แอบดูอยู่ถึงกับอ้าปากตาค้างจนกรามแทบหลุด
‘หลงยู่อิน’ยังเป็นแม่เสือสาวที่พวกเขารู้จักอยู่หรือไม่? นี่เป็นใครมาสลับตัวไปหรือ?
ไม่ใช่เพียงนักเรียนคนอื่นๆ แม้แต่’ลู่เพียว’และ’กู้เบ่ย’ก็ยังยืนงง
‘ลู่เพียว’ขยี้ตา
“ข้าคงยังไม่ตื่น นี่ต้องเป็นในฝันแน่ๆ”
‘เนี่ยหลี่’ยิ้มแห้งเมื่อเห็นท่าทางประหม่าของ’หลงยู่อิน’
“ได้สิ”
ทุกคนต่างก็ยืนงงเพราะคำตอบของ’เนี่ยหลี่’ สมองไม่อาจประมวลผลได้ทัน นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
นี่ยังเป็น’เนี่ยหลี่’คนเดิมที่บอกให้’หลงยู่อิน’อยู่ห่างๆหรือเล่า?
การเปลี่ยนแปลงนี้เร็วเกินไป ในช่วงเวลาที่ไม่ได้เข้าเรียนสั้นๆ นี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่? มันต้องมีเรื่องราวเบื้องหลังแน่
“ข้าได้กลิ่นแหม่งๆ เนี่ยหลี่เจ้าคงไม่ทำอะไรลับหลังนางฟ้าจื่อหวินกับหนิงเอ๋อใช่มั้ย? “
‘ลู่เพียว’เค้นคอถาม’เนี่ยหลี่’ แล้วก็ได้รับรางวัลอย่างหนักหน่วงจาก’เนี่ยหลี่’เป็นคำตอบ
แม้แต่อาจารย์’ชิหลิง’ก็ยังไม่เข้าใจ ก่อนนี้ทั้งสองคนต่างก็หัวร้อนใส่กัน เหตุใดจึงลดท่าทีต่อกันลงเสียเฉยๆ? แต่นี่เป็นเรื่องดีสำหรับเขา จะอย่างไรเขาก็ไม่ต้องการให้นักเรียนในชั้นมีข้อขัดแย้งกันเท่าไหร่ แม้ว่าจะเป็นเรื่องปกติที่นักเรียนระดับอัจฉริยะมักจะหยิ่งในศักดิ์ศรีจะท้าชนกัน และเขาก็ไม่อาจห้ามได้เด็ดขาดเมื่อเป็นความต้องการของพวกนั้นเองก็ตาม
เมื่อการจับคู่ซ้อมเริ่มขึ้น ทุกคนต่างก็หันหน้าเข้าสู้คู่ซ้อมของตนเอง
สีหน้าของ’หลงยู่อิน’ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นจริงจัง นางพุ่งขึ้นแล้วส่งลูกเตะด้วยท่าหมุนตัวเตะใส่’เนี่ยหลี่’เป็นชุด
“เจ้าอาจจะมีระยะจู่โจมยาว แต่ยังมีช่องว่างอยู่เยอะมาก เจ้ายังช้าเกินไป”
‘เนี่ยหลี่’พูดระหว่างหลบจากนั้นก็ชกคืนใส่นางสามหมัด หนึ่งที่น่อง หนึ่งที่สีข้าง และอีกหนึ่งที่ท้อง
“ทั้งสามจุดนี้เป็นช่องว่าง”
ใบหน้าของ’หลงยู่อิน’ขาวซีดเมื่อรับสามหมัดนั้นจนต้องล่าถอยไปหลายก้าว นางรู้สึกมึนงงจากสามหมัดนั้น ในใจสั่นไหว อย่างนี้เอง ความจริง’เนี่ยหลี่’แข็งแกร่งกว่านางมาก ก่อนหน้านี้เป็นเขาออมมือเอาไว้
ความจริงแล้ว ‘เนี่ยหลี่’อ่อนแอกว่านางมาก จะอย่างไร’หลงยู่อิน’ก็มีสายเลือดมังกรไหลเวียนอยู่ ทว่า’เนี่ยหลี่’เข้าใจในวิถี เข้าใจในเส้นทางแห่งวิชายุทธในระดับที่’หลงยู่อิน’จินตนาการไม่ถึงเลยทีเดียว
สีหน้าของ’หลงยู่อิน’เริ่มเปลี่ยนเป็นเคารพนบนอบเมื่อนางค่อยๆ พิจารณาคำแนะนำของ’เนี่ยหลี่’ เมื่อเข้าใจได้มากขึ้นเล็กน้อย นางก็เริ่มโจมตีต่อ
เสียงของ’เนี่ยหลี่’กลายเป็นเข้มงวดและจริงจังมากขึ้น
“นี่ นี่ และนี่ การตอบสนองของเจ้าช้าเกินไป และมุมโจมตีก็ไม่ถูกต้อง!! นั่นผิดแล้ว!!”
‘หลงยู่อิน’ถูกฟาดลงไปกองกับพื้นครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่า นางกลับตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ : ประตูบานใหม่เปิดแล้ว
หลงยู่อินได้พบกับนายท่านแล้ว!! อ๊ะล้อเล่น..
และตั้งท่าเตรียมพร้อมทุกครั้งที่ลุกขึ้นมา แม้ว่า’เนี่ยหลี่’จะเข้มงวด แต่นางสัมผัสได้ว่าวิชาการต่อสู้ของนางกำลังพัฒนาขึ้นภายใต้การชี้แนะของ’เนี่ยหลี่’ เขาสามารถสอนนางได้ดีกว่าอาจารย์คนไหนๆ
นักเรียนคนอื่นๆ ได้แต่มองหน้ากันเมื่อเห็น’หลงยู่อิน’ตื่นเต้นจนอารมณ์ที่ปรากฎอยู่บนใบหน้านั้นดูยินดีจนแทบคลั่ง ผู้หญิงคนนั้นต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
อาจารย์’ชิหลิง’มองการซ้อมของทั้งคู่ด้วยความตกตะลึง สิ่งที่ปรากฎอยู่บนใบหน้าของเขาตอนนี้คือความ “อับอาย” รู้สึกราวกับว่าไม่อาจสู้หน้าใครได้อีกแล้ว
แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยมีความรู้เรื่องการฝึกพลังกาย เมื่อเทียบกับ’เนี่ยหลี่’
แต่ในฐานะอาจารย์ที่ปรึกษาแล้ว เขารู้สึกว่าตัวเองไม่มีความรู้ด้านพลังกายที่อาจสอน’เนี่ยหลี่’ได้เลย
เขาทำได้เพียงแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นต่อไปเมื่อนักเรียนคนอื่นไม่ทราบเรื่อง
จิตใจของ’หลงยู่อิน’เต็มไปด้วยความเคารพยกย่อง’เนี่ยหลี่’ ทุกการโจมตีที่ดูจะสมบูรณ์แบบในสายตาของนาง แต่’เนี่ยหลี่’กลับเห็นว่ามันเต็มไปด้วยช่องว่างรอยโหว่ การชี้แนะของเขามอบปัญญาให้นาง ยิ่งเมื่อนางเป็นพวกเรียนรู้ได้เร็ว
เมื่อผ่านการต่อสู้มารอบหนึ่ง นางก็สามารถสัมผัสได้ว่าความเข้าใจในการฝึกฝนของ’เนี่ยหลี่’นั้น สูงเกินกว่านางไปหลายมิติ!!
แต่ในใจของนางยังคงไม่ยอมรับอยู่หน่อยๆ ‘เนี่ยหลี่’เป็นศิษย์ของ’อิงเยว่ลู่’? นั่นไม่ได้หมายความว่าอิงเยว่ลู่ยังเก่งกาจกว่าเนี่ยหลี่อีกเหรอ?
นางยังคงดูดซับวิชาที่’เนี่ยหลี่’สอนให้อย่างรวดเร็วราวกับฟองน้ำ นางรู้สึกว่า’เนี่ยหลี่’เป็นเพียงคนเดียวที่สามารถชี้แนะให้นางไปถึงระดับที่สูงจนไร้ที่สิ้นสุด
‘เนี่ยหลี่’ก็เข้าใจดีว่าสตรีนางนี้นับว่าสามารถสั่งสอนได้เมื่อนางยังเด็กอยู่ ไม่มีใครที่สามารถชี้แนะนางได้อย่างเหมาะสม จึงเป็นเหตุให้นางกลายเป็นคนร้ายกาจไป ทว่า นางจะเคารพคนที่แข็งแกร่งกว่านาง แม้ว่าจะเป็นคนอื่นอย่าง ‘มู่หลงหยี่’ ที่เรียกได้ว่าแข็งแกร่งกว่านางเช่นกัน แต่กับนางแล้ว นั่นก็เป็นเพียงเพราะอายุของเขามากกว่า ทว่า ‘เนี่ยหลี่’ที่มีอายุเท่ากันกลับสามารถโค่นนางลงได้ด้วยพลังกาย นางจึงยอมรับเขา
ไม่ว่า’เนี่ยหลี่’จะตำหนินางอย่างไร นางก็ยังคงอดทนเงียบๆ ในขณะที่ทั้งคู่ซ้อมต่อไป นางยิ่งเคารพในตัว’เนี่ยหลี่’มากขึ้น เช่นเดียวกันกับที่ศิษย์เคารพในคำสอนของอาจารย์
นักเรียนคนอื่นๆ ถึงกับพูดไม่ออก ไม่มีใครคิดออกว่า’เนี่ยหลี่’ใช้วิธีอะไรทำให้นางเสือตัวนี้เชื่องได้ กับคนอื่นแล้ว รังสีกระหายเลือดของนางกลับทำให้พวกเขาหวาดกลัว ทว่านางกลับเชื่องราวกับลูกแกะเมื่ออยู่ต่อหน้า’เนี่ยหลี่’
ไม่นาน ชั้นเรียนก็หมดเวลา
แปลโดย
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: