I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 299 คู่แค้นทางคับแคบ

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 2537 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์มีขั้วอำนาจหลายแห่ง ทั้งหมดต่างก็ไม่ลงรอยและมีการแข่งขันกันและกัน จนในหนึ่งร้อยปีให้หลัง นิกายก็ล่มสลาย ‘เนี่ยหลี่’ตั้งใจจะขึ้นเป็นเจ้าสำนักนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ในเวลาหนึ่งร้อยปีเพื่อให้ได้อำนาจสิทธิขาดมา นั่นจึงจะสามารถป้องกันไม่ให้นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ล่มสลายได้

การได้นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์มาไว้ในการควบคุมจะเป็นก้าวแรกในการรวบรวมแนวร่วมที่จะเผชิญหน้ากับจักรพรรดิปราชญ์

หลังกลับจากการมารอบนี้แล้ว ‘เนี่ยหลี่’จะต้องเร่งฝึกจนกว่าจะไปถึงระดับชั้นชะตาสวรรค์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นี่นับเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญของการฝึกบ่มเพาะพลัง

ถนนสายนี้มีทางเข้าออกเดียวคือปากหุบเขา

‘เนี่ยหลี่’เงยหน้าขึ้นด้วยความงงงัน เขาไม่คิดเลยว่าจะได้มาพบ’หลงยู่อิน’ที่นี่ นางตามหาอาจารย์ของเขางั้นเหรอ? แต่ก็อีกนั่นแหละ ‘หลงยู่อิน’กับอาจารย์ของเขาเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกัน

‘หลงยู่อิน’เองก็ไม่คาดคิดว่าจะได้พบ’เนี่ยหลี่’ที่นี่ ขณะมองไปที่’เนี่ยหลี่’ นางรู้สึกราวกับถูกคนถอดวิญญาณของนางไป นางไม่รู้จะวางมือไว้ตรงไหนดี หรือจะเข้าไปหาแล้วทักทาย ความจริงด้วยนิสัยของนาง นางไม่เคยมองใครด้วยความเคารพมาก่อน ทว่า จิตใจของนางเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยเมื่อ’เนี่ยหลี่’โค่นนางลง

แม้แต่นางยังไม่ทราบว่าเหตุใด นางถึงได้ประหม่าเมื่ออยู่ต่อหน้า’เนี่ยหลี่’นัก นี่ไม่ใช่ตัวนางเลยจริงๆ รอบๆ นี้ไม่มีใครอยู่นอกจากทั้งสองคน

ความไม่สบายใจเมื่อไม่รู้จะทำอย่างไรดีในสถานการณ์นี้ ทำให้นางเริ่มหวั่นใจ

‘เนี่ยหลี่’ยืนอยู่กับที่พลางจ้องมองมาที่นางก่อนจะพูดว่า

“ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่”

แม้ว่าเขาไม่อาจลืมการกระทำอันยากจะรับได้ของ’หลงยู่อิน’เมื่อชาติก่อน เขาก็ยังจำคำของอาจารย์ได้ เรื่องทั้งหมด อดีต และอนาคต ล้วนเริ่มที่ตัวเขาเอง

ถึง’หลงยู่อิน’ในตอนนี้จะเป็นเด็กหยิ่งผยองและเอาแต่ใจไปหน่อย แต่นางยังไม่ถึงขั้นเลวร้ายจนแก้ไขไม่ได้

เมื่อเขามีโอกาสได้มีชีวิตที่สอง เขาย่อมสามารถแก้ไขความแค้นนี้ก่อนที่มันจะสายเกินไป

‘หลงยู่อิน’พูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า

“ข้ามาที่นี่…..เพื่อหาคน”

‘เนี่ยหลี่’แปลกใจ เด็กหญิงที่ยืนหน้าแดงอยู่ตรงหน้าเขานี่ใครกัน? ใช่’หลงยู่อิน’ที่มีนิสัยยากจะรับได้เมื่อชาติก่อนแน่หรือ? นางใช่สตรีเอาแต่ใจไร้เหตุผลนั่นแน่หรือ? ทั้งสองยืนอยู่ในระยะที่่างกันพอสมควร ‘เนี่ยหลี่’เห็นว่าระยะขนาดนี้ยากจะคุยกันดีๆ ได้ ดังนั้นเขาจึงเดินเข้าไป

‘หลงยู่อิน’ถึงกับตัวแข็งและก้าวเท้าถอยหลังในทันที นางถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า

“เจ้าจะทำอะไร?”

นางถึงกับหน้าร้อนเมื่อคิดถึงสิ่งที่’เนี่ยหลี่’เคยหยามนางไว้ เขาคงไม่คิดจะทำแบบนั้นที่นี่หรอกจริงมั้ย? ยิ่งในตอนนี้ ที่นี่? ที่นี่มีเพียงนางและ’เนี่ยหลี่’สองต่อสอง และนางไม่ใช่คู่มือ’เนี่ยหลี่’เลยสักนิด แม้แต่ทางด้านพลังกายที่นางภาคภูมิใจ นางก็ยังถูกโค่นได้ง่ายๆ เมื่อเผชิญหน้ากับ’เนี่ยหลี่’ นางไม่อาจปลุกปลอบความคิดต่อสู้ขึ้นมาได้เลยจริงๆ

‘เนี่ยหลี่’ถึงกับยืนงง ‘หลงยู่อิน’กลายเป็นคนขี้อายเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด?

‘เนี่ยหลี่’ยืนอยู่กับที่ แต่กลับพบว่าสถานการณ์ดูจะตลกอย่างแปลกๆ

“ไม่ต้องห่วง เมื่ออยู่ในสถาบันวิญญาณฟ้า ข้าก็ทำอะไรเจ้าไม่ได้หรอก”

‘เนี่ยลี่’พยายามทำตามที่อาจารย์ของเขาแนะนำ เพื่อแก้ไขความแค้นของทั้งสอง แต่ยามนี้เมื่อได้มาเผชิญหน้ากันจริงๆ เขากลับไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นอย่างไร

ในใจจริงของ’เนี่ยหลี’ เขายังคงมีความแค้นต่อ’หลงยู่อิน’อยู่ ทว่า นี่ไม่ใช่ชาติก่อน สถานการณ์นับว่าแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หลังจากที่ได้รับการสั่งสอนจากอาจารย์ของเขา ‘เนี่ยหลี่’ก็มีความคิดจะปล่อยวางมันลง

‘เนี่ยหลี่’ไม่คิดเลยว่าการปะทะกันของทั้งสองคน จะเปลี่ยน’หลงยู่อิน’ที่เอาแต่ใจกลายเป็นเรียบร้อย เช่นนี้ นับว่าผิดไปจาก’หลงยู่อิน’ที่เขารู้จักโดยสิ้นเชิง ‘เนี่ยหลี่’พอจะปะติดปะต่อความได้ว่า ในชาติก่อนนั้น

‘หลงยู่อิน’เป็นคนที่มีพรสวรรค์สูงส่งและโดดเด่นจนหาคนเทียบได้ยากตั้งแต่ยังเล็ก และผู้คนต่างพากันยกยอนางด้วยเหตุนั้น ทีละนิดๆ นั่นเป็นสิ่งที่ปั้นให้นางกลายเป็นคนที่หัวสูงและมีนิสัยเหลือรับ พอเวลาผ่านไปจนนางเติบใหญ่และแข็งแกร่งขึ้น ก็ยิ่งหยิ่งผยอง และมองว่าไม่มีสิ่งใดคู่ควรกับนางจนสุดท้าย นางก็กดดันอาจารย์ของเขาจนตาย

ทว่า ‘หลงยู่อิน’ในชาตินี้ยังเด็ก นางยังเปลี่ยนได้อยู่
:
สอนตอนเด็กแถมฟรีตอนโต

นางเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่’เนี่ยหลี่’โค่นนางลงอย่างสมบูรณ์ นางยังคงแข็งแกร่งอย่างที่เคยเป็น แต่ตอนนี้ อย่างน้อยนางก็ลดท่าทางอันเหลือรับนั่นลงไปแล้ว

แต่’หลงยู่อิน’ตอนนี้เพียงเรียบๆร้อยๆ ต่อหน้า’เนี่ยหลี่’เท่านั้น กับคนอื่นนางยังแสดงท่าทางเช่นเดิมอยู่ นางย่อมไม่วางตัวเรียบร้อยต่อคนอื่น เหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้แน่

ดูเหมือนว่า’หลงยู่อิน’ในชาติก่อนจะขาดคนคอยสั่งสอน ดังนั้นนางจึงโตไปเป็นคนเลวร้ายขนาดนั้น

รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฎที่ปากของ’เนี่ยหลี่’ ขณะที่เขามองไปยัง’หลงยู่อิน’ที่กำลังประหม่าอยู่

“เจอต้นตอของปัญหาจนได้ ข้าจะทำให้แน่ใจว่าเจ้าถูกปั้นใหม่!! ข้าจะเปลี่ยนเจ้าให้เป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเดิม”

‘เนี่ยหลี่’เดินเข้าหา’หลงยู่อิน’จนเหลือเพียงก้าวเดียวจะถึงตัว ความคิดของเขาก็ถูกดึงไปอีกทาง ก่อนหน้านี้ ความโกรธแค้นและเกลียดชังหลงยู่อินบดบังสายตา แต่คำพูดของอาจารย์ทำให้มันสามารถสำรวจการกระทำของตัวเองใหม่

ในความเป็นจริงแล้ว วิธีแก้ปัญหาไม่ได้มีเพียง ‘ตาต่อตา ฟันต่อฟัน’ เท่านั้น มันสามารถฉวยโอกาสขณะที่ฝ่ายตรงข้ามยังเล็กอยู่ได้ เขาสามารถทำให้นางหมดกำลังต่อสู้ หรือแม้แต่เปลี่ยนนางให้มาอยู่ฝ่ายเดียวกันได้ นั่นไม่ฉลาดกว่าหรอกหรือ?

บางคนกระหายเลือดตั้งแต่ยังเด็ก พอโตขึ้นก็กลายเป็นคนชั่วร้ายไร้จิตเมตตา คนพวกนี้ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ ทว่า คนอย่าง’หลงยู่อิน’นั่นแตกต่างออกไป แม้ว่านางจะหยิ่งผยองและเอาแต่ใจตัว แต่โดยสันดานแล้วนางไม่ใช่คนเลวร้าย แม้ว่าจำเป็นจะต้องใช้รุนแรงเล็กน้อย แต่นางยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้

‘หลงยู่อิน’รู้สึกขนลุกทุกก้าวที่เนี่ยหลี่เดินใกล้เข้ามา นางรู้สึกราวกับตัวเองเป็นลูกแกะที่เพิ่งถูกตัดขนออกไป ยืนเปล่าเปลือยอยู่ภายใตสายตาของเนี่ยหลี่ รับแรงกดดันอันมหาศาล

หากเป็นคนอื่น’หลงยู่อิน’จะยังไม่หวาดกลัวขนาดนี้ แม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นยอดฝีมือที่มีพลังสูงกว่านางหลายเท่าก็ตาม นางรู้ว่าพวกนั้นจะต้องเกรงอิทธิพลของตระกูลผนึกมังกรแน่ ดังนั้นพวกนั้นย่อมไม่กล้าทำอะไรนางเด็ดขาด แต่นั่นไม่อาจใช้กับ’เนี่ยหลี่’ได้

เขาเป็นบุคคลคนแรกและคนเดียวที่กล้าเอ่ยปากด่านาง ใช้แส้ฟาดนาง และยังโค่นนางได้ด้วยพลังกายที่นางภาคภูมิใจว่าไม่มีทา ด้วยกว่าใคร แต่แม้จะเป็นอย่างนั้น หลังจากที่นางถูกคำพูดของ’เนี่ยหลี่’ยั่วยุ นางก็ยังต้องการสู้กับมันอย่างยุติธรรมโดยไม่มีเรื่องตระกูลเข้ามาเกี่ยวข้อง

นางทราบดีว่าหากไม่มีตระกูลคอยหนุนหลังแล้ว สำหรับ’เนี่ยหลี่’ นางนับว่าไร้ค่า

แม้ว่า’เนี่ยหลี่’จะสูงกว่านางเพียงเล็กน้อย แต่ในสายตาของนาง ‘เนี่ยหลี่’ราวกับภูเขาลูกใหญ่ที่กดทับจนนางหายใจไม่ออก

‘หลงยู่อิน’ใจเต้นไม่เป็นส่ำ นางหอบหายใจรุนแรงพร้อมหน้าอกยุบพองอย่างรวดเร็ว ภายใต้สายตารุกรานของ’เนี่ยหลี่’ นางอดใช้สองมือปิดหน้าอกมิได้ เสียงของนางสั่นเครือถามว่า

“เจ้า……เจ้าคิดจะทำอะไร?”

‘หลงยู่อิน’ความจริงแล้วมีใบหน้างดงามทีเดียว เทียบกับอาจารย์ของ’เนี่ยหลี่’แล้ว นับว่างดงามต่างกันไปคนละแบบ แต่ทั้งคู่ก็ยังเรียกได้ว่าเป็นหญิงงามระดับนางฟ้าทีเดียว ในตอนนี้’หลงยู่อิน’สวมชุดรัดรูปแสดงให้เห็นสัดส่วนอันงดงาม

‘เนี่ยหลี่’อดเห็นอาการหงุดหงิดของ’หลงยู่อิน’เป็นเรื่องตลกมิได้ สตรีนางนี้หลงตัวเองเกินไป นางคิดว่าเขาจะหน้ามืดทำอะไรนางงั้นเหรอ? เขาเคยได้ยินว่าผู้หญิงที่หยิ่งทะนงนั้นจะแข็งแกร่งแต่เพียงที่แสดงออกเท่านั้น แต่ภายใต้เปลือกนั้นเป็นคนที่จิตใจอ่อนแอ เขาเคยได้ยินว่า’หลงยู่อิน’ถูกเลี้ยงมาโดยมารดาเพียงคนเดียว ซึ่งแต่งงานอีกครั้งภายหลัง เพราะฉะนั้นนางจึงมีท่าทางหยาบคายและไร้เหตุผล เพื่อไม่ให้มีใครเข้าใกล้นางได้

บางที ‘หลงยู่อิน’คงจะเหงา การแสดงออกที่เหลือจะรับนั้นเป็นเพียงหน้ากากที่ปิดปังตัวตนข้างในอยู่เท่านั้น

ความคิดเหล่านี้ผ่านเข้ามาในสมองเพียงชั่วพริบตา ความเกลียดชังที่มีต่อ’หลงยู่อิน’ก็สลายไปจนหมด มุมปากของ’เนี่ยหลี่’ยกขึ้นเมื่อมองไปยัง’หลงยู่อิน’ ที่กำลังทำท่าหวาดหวั่นสั่นกลัวราวกับลูกกระต่ายตัวน้อย การเป็น ‘ตัวร้าย’ ในชาตินี้นับว่าไม่เลวทีเดียว

‘เนี่ยหลี่’ตบไหล่นางเบาๆ

“หลงยู่อิน อิงเยว่ลู่เป็นอาจารยข์ของข้า ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้ามีความขัดแย้งอะไรกันมาก่อน แต่ข้าอยากให้เจ้ารู้ว่านางเป็นคนที่มีจิตใจดี นางย่อมไม่ทำร้ายคนอื่นแน่ ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถลดอคติแล้วลองคิดดูใหม่ มันอาจเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดกันก็ได้จริงมั้ย?”

เมื่อมือของ’เนี่ยหลี่’แตะลงบนไหล่ของนาง กล้ามเนื้อทั่วร่างของ’หลงยู่อิน’พลันแข็งเกร็ง นางประหม่าจนถึงขนาดในหัวขาวโพลนไม่อาจคิดอะไรได้อีก นี่เป็นเพราะในพื้นที่เปลี่ยวเช่นนี้ ‘เนี่ยหลี่’จะยอมปล่อยนางไปหรือ?

‘หลงยู่อิน’ไม่ได้คิดถึง’อิงเยว่ลู่’แล้ว นางทำได้เพียงตอบกลับอย่างสั่นเครือว่า

“อึ้ม”

‘เนี่ยหลี่’จ้องนางอยู่อีกครู่หนึ่ง ทำไมวันนี้’หลงยู่อิน’ดูว่าง่ายจัง? นิ้วของนางกลายเป็นสีขาวซีดจากการกำหมดแน่นจนเกินไป ใบหน้ากลับแดงเถือก ช่วยไม่ได้หากมันจะรู้สึกสนุกแปลกๆ หากเขาคิดจะจับกดนางตรงนี้ นางคงไม่อาจขัดขืนได้จริงมั้ย?

บางที เด็กหญิงตรงหน้าเขานี่แหละ เป็นตัวของ’หลงยู่อิน’จริงๆ

ความแตกต่างระหว่าง’หลงยู่อิน’ก่อนหน้ากับ’หลงยู่อิน’ตอนนี้มีมากเกินไปจน’เนี่ยหลี่’ขบขัน ทว่าเขาเลิกแกล้งหยอกนางเมื่อเห็นว่านางกำลังก้มหน้าจนแทบฝังหัวลงไปในอกของตัวเองแล้ว

‘เนี่ยหลี่’มอง’หลงยู่อิน’อีกครั้ง

“กลับไปคิดเรื่องที่ข้าพูดให้ดี หากเจ้ามีปัญหาอะไร ให้มาหาข้า”

‘เนี่ยหลี่’อดหัวเราะในใจไม่ได้ ช่างเป็นลูกแกะที่เชื่องอะไรอย่างนี้? แต่เขาไม่ได้รั้งนางไว้อีก เพื่อให้’หลงยู่อิน’พิจารณาคำพูดของเขาก่อน เขาเดินผ่านนางก่อนจะเดินจากไป

แต่เขาเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ถูกหยุดด้วยเสียงของ’หลงยู่อิน’ที่ดังขึ้นมากะทันหัน

“ช้าก่อน”

นางรู้สึกราวกับว่าต้องใช้พลังทั้งหมดเพื่อบังคับร่างกายให้กล่าวคำนี้ออกมาทีเดียว

‘เนี่ยหลี่’หมุนตัวกลับไปมองนาง

“ว่าอย่างไรหรือ?”

“ไม่ใช่เจ้าบอกข้าว่าให้ข้าอยู่ให้ห่างที่สุดเท่าที่จะทำได้หรือ…..?”

เสียงของ’หลงยู่อิน’เบาลงทุกคำจนกระทั่งคำสุดท้ายเสียงเบาเป็นยุง

แต่’เนี่ยหลี่’ยังได้ยินชัดเจนทุกคำทีเดียว เขายิ้มและกล่าวว่า

“แม้ว่าข้าจะอธิบายเรื่องก่อนหน้านี้ให้ฟังเจ้าก็ไม่เข้าใจ แต่หลังจากที่ได้รับการสั่งสอนจากท่านอาจารย์ ข้าก็ตัดสินใจที่จะปล่อยวางความเกลียดชังต่อเจ้า หลงยู่อิน ข้ายังหวังว่าเจ้าจะสามารถปล่อยวางความเกลียดชังที่เจ้ามีต่อท่านอาจารย์ของข้าได้เหมือนกัน เมื่อถึงเวลานั้น บางทีพวกเราอาจได้เป็นสหายกัน…”

“พวกเราจะมีเรียนในอีกสามวัน ข้าจะรอคำตอบจากเจ้า”

‘เนี่ยหลี่’พูดจบ ยิ้ม หมุนตัว และเดินจากไป

‘หลงยู่อิน’ยังคงงุนงงในขณะที่เงาหลังของ’เนี่ยหลี่’หดเล็กลงตามระยะห่างที่เพิ่มขึ้น เหตุใด’เนี่ยหลี่’จึงเกลียดชังนาง? เป็นเพราะ’อิงเยว่ลู่’? ‘อิงเยว่ลู่’กลายเป็นอาจารย์ของ’เนี่ยหลี่’ได้อย่างไร?

ความคิดของ’หลงยู่อิน’ผสมปนเปกันจนยากจะสงบได้ ร่างกายของนางหายจากอาการแข็งเกร็งเมื่อ’เนี่ยหลี่’จากไปไกล แต่นังยังรู้สึกว่าร่างกายอ่อนแอลง ราวกับนางถูกสูบพลังงานออกไปหมด

แค่การเผชิญหน้ากับ’เนี่ยหลี่’ธรรมดา แต่นางรู้สึกราวกับเพิ่งได้รับประสบการณ์การต่อสู้ครั้งใหญ่อันดุเดือดมาทีเดียว

แปลโดย

คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments