ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปในหลาย ๆตระกูลนั้น จะใช้วิธีการ โดยที่ไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยเพื่อยกระดับฝีมือของลูกหลาน ซึ่งมักจะทำให้มีการแข่งขันกันเองในกลุ่มคนรุ่นใหม่ เปรียบดั่งการเติบโตของแมลงมีพิษ
ในขณะที่มีอัจฉริยะปรากฏขึ้นก็จะสยบให้ผู้อื่นต่ำลงไป จากนั้นตระกูลจึงจะให้ความสนใจ และดูแลให้เขาประสบความสำเร็จ ด้วยอำนาจ และตำแหน่งของตระกูล สำหรับคนอื่น ๆที่ไม่อาจที่จะขึ้นไปอยู่ระดับสูงสุดได้ พวกเขาก็จะถูกบีบให้ยอมรับความพ่ายแพ้ และหาตำแหน่งอื่น ๆ ที่เหมาะสมในตระกูลให้แทน
ในนิกายขนนกศักดิสิทธิ์ ‘หลงเทียนหมิง’ นับเป็นตัวอย่างได้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะมีคนอื่น ๆ ที่มีคุณสมบัติในการสืบทอดตระกูลของเขา แต่ก็ไม่มีผู้ใดที่เทียบกับเขาได้
พรสวรรค์ของ’กู้เฮง’นั้น ก็นับว่าดียิ่งในกลุ่มคนรุ่นใหม่ของตระกูลกู้ แต่เขาก็ไม่มีความมั่นใจว่าจะล้มผู้อื่นได้ทั้งหมด ส่วน’กู้หลาน’นั้น
เหล่าสมาชิกของตระกูลกู้ รวมถึงคนรุ่นเดียวกันนั้นต่างก็รู้สึกเสียดาย ทั้ง ๆที่นางมีคุณสมบัติพอที่จะเป็นผู้นำตระกูลกู้แต่ทว่า ‘กู้หลาน’นั้นพบปัญหาจากการบ่มเพาะพลังของนาง หลังจากเกิดอุบัติเหตุนั้น น้องชายของนางได้ถูกตั้งความหวังไว้สูงมาก เนื่องทั้งสองคนนั้นเป็นพี่น้องกัน ดังนั้นในแง่ของความสามารถของพวกเขาน่าจะใกล้เคียงกัน แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายที่ความจริง
มันมิได้เป็นเช่นนั้นเลย‘กู้เบ่ย’นั้นเปรียบได้กับเห็บหมัด ที่ไม่เอาไหน ถึงแม้ว่าเขาจะมีรากวิญญาณฟ้าก็ตาม เขากลับใช้ชีวิตราวกับเด็กเสเพล และมีภรรยาถึงยี่สิบคนทั้งที่อายุยังน้อย ไม่ต้องพูดถึงการบ่มเพาะพลังของเขา เพราะมันไม่เคยเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด ดังนั้นทุกคนจึงเบือนหน้าหนีจาก’กู้เบ่ย’
แต่ในตอนนี้ คนเหล่านี้เริ่มที่จะรู้สึกว่าเรื่องนี้ชักจะคลุมเครือไม่เหมือนกับที่พวกเขาเคยได้เห็นมา มีความเป็นไปได้สูงว่า’กู้เบ่ย’นั้นปกปิดตัวตนที่แท้จริงของเขาเอาไว้
‘หลงเทียนหมิง’ก็อดไม่ได้ที่จะมองไปทางเขา เขาจำได้ว่าเด็กหนุ่มที่ถูกเรียกว่า’กู้เบ่ย’นั้น เป็นแค่ใครบางคนในตระกูลกู้เท่านั้น
แต่ไม่มีทางที่’กู้เบ่ย’ จะสามารถนำเงินจำนวนมากของตระกูล มาใช้ได้เพียงคนเดียวเช่นนี้ หรือว่า’กู้เบ่ย’ผู้นี้จะทำธุรกิจอะไรบางอย่างกันแน่?นอกเหนือจาก’กู้เฮง’แล้ว พรสวรรค์ของเหล่าคนรุ่นใหม่ของตระกูลกู้นั้น ไม่อาจที่จะเรียกได้ว่าดีนัก แต่’หลงเทียนหมิง’ ก็มิได้ใส่ใจเกี่ยวกับ’กู้เฮง’แต่อย่างใด ภายในนิกายขนนกศักดิสิทธิ์แห่งนี้ มีคนเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่หลงเทียนหมิงจะปฏิบัติโดยที่เห็นว่ามีฝีมือทัดเทียมกัน
นอกเหนือจาก ‘หลี่ยื่อฟง’ 李御风 จากตระกูลเถ้าอัคคีแล้ว สำหรับคนผู้นั้น ก็ยังพอที่จะอยู่ในสายตาของ’หลงเทียนหมิง’บ้าง ที่จะเป็นคู่แข่งคนสำคัญที่สุดของเขา ในการชิงตำแหน่งผู้นำนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์
ในส่วนของ’กู้เบ่ย’นั้น ‘หลงเทียนหมิง’ ก็แค่ประหลาดใจเล็กน้อยกับสิ่งที่ได้เห็น แต่เขาก็ไม่ได้เป็นกังวลไปมากกว่านั้น เขาก็หันกลับมาพูดคุยกับคนอื่นต่อเช่นเดิม
หลังจากนั้นจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโต ในระดับมหัศจรรย์ก็ได้ปรากฏขึ้นบนเวทีประมูลอีกครั้ง
“มีจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโต ในระดับมหัศจรรย์ จำนวนมากเสียจริงที่นำมาประมูลในปีนี้”
เสียงของใครบางคนอุทานมาจากด้านข้าง
ในการประมูลครั้งที่ผ่าน ๆ มา มีจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโต ในระดับมหัศจรรย์ ปรากฏมา หนึ่งหรือสองตน ก็นับว่าดีมากแล้ว แต่ในปีนี้ มีออกมาแล้วสิบตน และดูเหมือนว่าอาจจะยังมีขึ้นมาอีกเรื่อย ๆ นี่เป็นสิ่งที่น่าตกใจยิ่งนัก
หลังจากที่ได้ยินเสียงอุทานของเหล่าฝูงชน ‘กู้เบ่ย’กับ’เนี่ยลี่’ก็หันมาสบตากันแล้วก็ยิ้ม
‘กู้เบ่ย’นั้นได้นำจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโต ในระดับมหัศจรรย์ เข้าร่วมประมูลจำนวนทั้งหมดยี่สิบตน สำหรับพวกเขาแล้ว มันคงจะแปลกยิ่งนักหากว่าไม่ได้เห็นของพวกนี้จำนวนมากปรากฏในการประมูล
‘หลี่ชิงอวิ๋น’ รู้สึกเศร้าใจ จึงยกแก้วไวน์ดื่มลงไปหนึ่งแก้ว
“แค่จิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโต ในระดับมหัศจรรย์ มีอะไรที่น่าสนใจ?”
ความสามารถของเขานั้นด้อยกว่า ‘หลงเทียนหมิง’และ’หลี่ยื่อฟง’ เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่เนื่องจากเขาเป็นลูกนอกสมรส ตระกูลเถ้าอัคคีจึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเขามากนัก และไม่ได้มีจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโต ในระดับพระเจ้าให้แก่เขา เขาถึงได้ตามหลังคู่แข่งของเขาอยู่ก้าวหนึ่งเสมอ
มันเป็นเรื่องยากที่ตระกูลของเขาจะมอบจิตอสูรในระดับดังกล่าวให้กับเขา
แน่นอนว่านั่นทำให้เขารู้สึกไม่พอใจยิ่งไปกว่านั้น ไม่ใช่เพียงแค่’หลี่ชิงอวิ๋น’ แม้แต่คนอย่าง ‘มู่หลงหยี่’ กับ ‘เยี่ยเชียน’ ก็ขาดคุณสมบัติเนื่องจากไม่มี จิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโต ในระดับพระเจ้าเช่นกัน ทุกคนต่างก็รู้สึกเศร้าใจกับความเป็นจริงในข้อนี้ แต่ถ้าหากพวกเขาได้มาไว้ในกำมือหล่ะก็ สถานะในตระกูลของเขา รวมถึงในนิกายจะต้องเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน
‘เนี่ยลี่’เหลือบมองไปยัง’หลี่ชิงอวิ๋น’ ในชีวิตที่แล้วของเขา ‘หลี่ชิงอวิ๋น’ ได้เป็นบุคคลที่ทรงอำนาจมาก และแน่นอนว่าท้ายที่สุดเขาก็ได้ครอบครอง จิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโต ในระดับพระเจ้า แต่ในปัจจุบันนั้นเขายังจมอยู่กับความสิ้นหวัง
‘หลี่ชิงอวิ๋น’นั้นรู้ดีว่า’เนี่ยลี่’สามารถที่จะหาจิตอสูรธรรมดาที่มีระดับการเติบโต ในระดับพระเจ้าได้ แต่เขาไม่เชื่อว่า ‘เนี่ยลี่’จะสามารถหาจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโต ในระดับพระเจ้า ให้เขาสักตนได้ ดังนั้นเขาจึงไม่เคยที่จะพูดคุยเรื่องนี้กับ’เนี่ยลี่’เลย
‘เนี่ยลี่’ได้ส่งเสียงของเขาไปยัง’หลี่ชิงอวิ๋น’
“ท่านพี่หลี่ ข้ามีข้อตกลงบางอย่างเสนอกับท่าน ข้าสงสัยว่าท่านจะสนใจหรือไม่?”
‘หลี่ชิงอวิ๋น’อดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปหา’เนี่ยลี่’
“ข้อตกลงที่ว่าคือสิ่งใดกัน?”
“ถ้าหากว่าท่านพี่หลี่สนใจ ข้าสามารถที่จะหาจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโต ในระดับพระเจ้า ให้ท่านได้”
‘เนี่ยลี่’ยิ้มเล็กน้อย จากการที่ได้มีทำธุรกิจร่วมกันมาช่วงระยะเวลาหนึ่ง ‘เนี่ยลี่’ นั้นได้ตระหนักว่า ‘หลี่ชิงอวิ๋น’ ยังคงเป็นดั่งเช่นที่เขารู้จักในชีวิตก่อนหน้า เขาเป็นคนที่รักษาคนพูดของตนเองยิ่งนัก ดังนั้น’เนี่ยลี่’จึงมีความคิดอะไรบางอย่าง
“เจ้าสามารถที่จะหาจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโต ในระดับพระเจ้า ให้กับข้าได้เช่นนั้นเหรอ?”
‘หลี่ชิงอวิ๋น’ รีบส่งเสียงตอบกลับ’เนี่ยลี่’ แม้แต่แก้วไวน์ในมือของเขาก็ไม่อาจที่จะหยุดสั่นได้ แม้ว่าเขาจะตื่นเต้น แต่เขาก็ยังพอที่จะควบคุมตัวเองได้
“ข้าต้องใช้เวลาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับว่า เป็นไปไม่ได้!”
‘เนี่ยลี่’ตอบกลับมาหลังจากที่ขบคิดอยู่ชั่วครู่ ‘หลี่ชิงอวิ๋น’ ก็พูดไปว่า
“สิ่งใดคือข้อเสนอที่เจ้าต้องการ? หากมันทำให้ข้าได้รับจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโต ในระดับพระเจ้า โปรดอย่าลังเล บอกราคาที่เจ้าต้องการมาได้เลย!”
จิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโต ในระดับพระเจ้า นั้นไม่อาจที่จะประเมินค่าได้ แม้ว่า’หลี่ชิงอวิ๋น’ จะขายธุรกิจของเขาออกไปทั้งหมด เขาก็อาจจะรวบรวมเงินได้เป็นจำนวนมาก แต่มันก็ไม่อาจที่จะเพียงพอที่จะซื้อจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโต
ในระดับพระเจ้าได้ แต่มันก็คงจะไม่ห่างไกลเกินไปกว่าจะหามาสักตนหนึ่ง‘เนี่ยลี่’ยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็ตอบไปว่า
“แค่เพียงศิลาจิตวิญญาณ สักแสนก้อนก็เพียงพอแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ข้าต้องการให้ท่านพี่หลี่ สัญญาว่าจะรับคำร้องขอของข้าสามข้อ”
“ไม่มีปัญหา อยาได้ชักช้า พูดมาได้เลย”
‘หลี่ชิงอวิ๋น’ เสียงสั่นเล็กน้อย คนที่มีจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโต ในระดับพระเจ้า จะกลายเป็นเสาหลักของนิกาย แม้ว่าจะมีศิลาจิตวิญญาณถึงแสนก้อน ก็ไม่มีที่แห่งไหนที่จะขายมันให้อยู่ดี แม้ว่า’เนี่ยลี่’จะเอ่ยปากมาว่า หนึ่งล้านศิลาจิตวิญญาณ ก็ยังจะมีผู้ซื้อมาเข้าแถวรอเหมือนเป็ดอยู่ดี
แต่ถึงกระนั้นเนี่ยลี่กลับเอ่ยขอเพียงแค่ศิลาจิตวิญญาณจำนวนแสนก้อนเท่านั้น นี่ราวกับว่ายกให้โดยที่ไม่รับสิ่งตอบแทนเลยเสียด้วยซ้ำ
“สิ่งแรกที่จะร้องขอก็คือ ต้องการที่จะเป็นพันธมิตรกับท่าน ท่านพี่หลี่ ในอนาคต ไม่ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้นก็ตามในนิกายขนนกศักดิสิทธิ์ ไม่ว่าข้านั้นจะมีความขัดแย้งกับผู้ใด ท่านพี่หลี่จักต้องยืนอยู่ฝั่งเดียวกับข้า!”
‘เนี่ยลี่’จ้องไปยัง’หลี่ชิงอวิ๋น’ พร้อมกับส่งเสียงของเขาไป
‘หลี่ชิงอวิ๋น’ รู้สึกตกใจเล็กน้อยขณะที่เขามองที่’เนี่ยลี่’ เขาต้องการเวลาสักเล็กน้อยเพื่อขบคิด ก่อนที่จะมีประกายแห่งความมุ่งมั่นปรากฏในดวงตาของเขา
“แน่นอน ถ้าน้องลี่ขายจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโต ในระดับพระเจ้า ในราคาเพียงแค่หนึ่งแสนศิลาจิตวิญญาณ ข้า หลี่ชิงอวิ๋น ข้ามิใช่คนที่จะคิดคดต่อสหาย ถ้าหากเจ้าเรียกร้องสิ่งใด โปรดอย่าได้ลังเลที่จะส่งเสียงบอกมา หากว่าข้านั้นสามารถที่จะทำได้ ข้าจะทำอย่างเต็มที่ ตราบเท่าที่มันมิได้เป็นการทรยศต่อนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์”
“แน่นอน เองก็มิได้จะขอให้ท่านั้นทรยศต่อนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ เพราะมันมิได้มีประโยชน์ต่อข้าหรือผู้ใด”
‘เนี่ยลี่’ยิ้มแล้วก้พูดต่อไปอีกว่า
“สำหรับคำร้องขออื่นๆอีกสองข้อนั้น ข้ายังมิได้ตัดสินใจ ข้าจักบอกให้ท่านหลังจากที่ข้าคิดออกแล้ว ส่วนจิตอสูรของท่าน ข้าจะทำให้ดีที่สุด เพื่อที่จะได้มันมา”
ในใจของ’หลี่ชิงอวิ๋น’ เต็มไปด้วยความหวังหลังจากที่ได้ยินคำพุดของ’เนี่ยลี่’
ถ้าหาก’เนี่ยลี่’นั้นสามารถมอบจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโต ในระดับพระเจ้า ให้กับเขาได้ ไม่ต้องคำนึงเลยว่า’เนี่ยลี่’จะเอ่ยปากว่าต้องเผชิญหน้ากับผู้ใด
แม้ว่าคนผู้นั้นจะเป็น’หลงเทียนหมิง’ ‘หลี่ชิงอวิ๋น’ เขาก็ไม่เกรงกลัว เขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์รู้คุณคน สำหรับคนที่ช่วยเหลือเขาแล้ว แน่นอนว่าเขาจักตอบแทนโดยไม่ลังเล ถ้าไม่เช่นนั้น เขาคงจะไม่มีสหายที่เชื่อใจเขาเป็นจำนวนมาก แม้ว่าจะไม่มีข้อเสนอดังกล่าวก็ตาม ‘หลี่ชิงอวิ๋น’ ก็รู้สึกว่า’เนี่ยลี่’ เป็นคนที่คู่ควรที่จะเป็นสหาย
‘เนี่ยลี่’ได้ทำข้อเสนอนี้เพื่อที่จะสร้างความประทับใจแก่’หลี่ชิงอวิ๋น’ แก่เขาทั้งในชีวิตนี้และชีวิตก่อนหน้า ‘เนี่ยลี่’ไม่ได้คำนึงผลกำไรจากการทำข้อเสนอในครั้งนี้ แต่ก็หาใช่เรื่องสำคัญ ตราบเท่าที่เขาเองก็มิได้เสียอะไร ศิลาจิตวิญญาณจำนวนหนึ่งแสนก้อนก็เพียงพอแล้วที่ ‘เนี่ยลี่’จะทำจิตอสูรให้แก่’หลี่ชิงอวิ๋น’
ไม่มีผู้ใดเลยที่รับรู้เกี่ยวกับข้อเสนออันน่ามหัศจรรย์ ที่’เนี่ยลี่’ได้ทำกับ’หลี่ชิงอวิ๋น’นี้เลย
‘เนี่ยลี่’ส่งเสียงของเขาไปยัง’กู้เบ่ย’
“กู้เบ่ยอิทธิพลของเจ้า ในตระกูลเป็นอย่างไรบ้างในตอนนี้?”
‘กู้เบ่ย’ เกาหัวตัวเองพร้อมกับยิ้มอย่างขมขื่น
“ข้านั้นถูกเรียกว่าคนไม่ได้ความอยู่เสมอ จะมีอิทธิพลใด ๆ ที่ข้ายังจะมีได้อีกหล่ะ? อย่างมาก ข้าก็มีเพียงแค่สายสัมพันธ์เพียงเล็กน้อยจากทางบิดาของข้าและข้าก็สามารถเรียกคุยได้เพียงแค่บางคนเท่านั้น แม้ว่าข้านั้นจะจะก้าวหน้าขึ้นมาอย่างกระทันหัน ข้านั้นก็ดึงดูดความสนใจได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ข้านั้นหาได้มีความเชื่อถือใดๆจากคนในตระกูลเลยแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม มันจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงหากพี่สาวของข้าลุกยืนขึ้น มันจะเป็นเรื่องที่ง่ายดายและมีคำตอบรับนับร้อย ถ้าหากนางเรียกร้องเพียงแค่คราเดียว”
‘เนี่ยลี่’หยุดคิดไปชั่วครู่ ก่อนที่จะพูดออกไปว่า
“มันจะเป็นการดีกว่าถ้าหากปล่อยให้พี่สาวของเจ้ามุ่งเน้นไปที่การบ่มเพาะพลังของนาง ต่อไปข้างหน้า ข้าอาจจะต้องการความช่วยเหลือบางอย่างจากเจ้า”
“เหตุใดต้องคิดมากด้วย? ตราบเท่าที่ไม่เกินกำลังของข้า!”
‘กู้เบ่ย’อดไม่ได้ที่จะตอบกลับเนี่ยลี่ไปอย่างจริงจัง ‘เนี่ยลี่’นั้นได้ช่วยเหลือพี่สาวของเขา นี่นับว่าเป็นแค่การตอบแทนเล็กๆน้อยๆ
‘กู้เบ่ย’นั้นยินดีที่จะตอบแทนเขาด้วยชีวิตเสียเลยด้วยซ้ำ“พวกเราได้ซื้อสิ่งของมากมายในวันนี้ ซึ่งเป็นความมั่งคั่งที่น่าประหลาดใจ แน่นอนว่ามันจะต้องดึงดูดความสนใจจากคนในตระกูลกู้ สิ่งสำคัญก็คือ เราจักต้องเก็บเป็นความลับ มิให้ใครรู้ที่มาของเงิน และปล่อยให้มันเป็นไปอย่างที่เคยเป็นมาก่อนหน้านี้ ค่อยๆสร้างความโดดเด่น และฉุดดึงกู้เฮงลงมา”
‘เนี่ยลี่’พูดต่อไปอีกว่า
“เราจักต้องเริ่มแผนการของเรา ไปทีละขั้น”
“การที่พี่สาวของข้าถูกวางยาพิษนั้น จักต้องมีความเกี่ยวข้องกับกู้เฮงเป็นแน่ แต่ถึงไรนั้นกู้เฮงก็ได้หยั่งรากฝังลึกลงในตระกูลกู้แล้ว
และเขาก็นับว่าเป้นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของตระกูล การที่จะฉุดดึงเขาลงมานั้นมิใช่เรื่องง่าย!”‘กู้เบ่ย’ยิ้มอย่างขมขื่นและพูดต่ออีกว่า
“ซึ่งมันต่างจากข้าที่เคยได้รับการยกย่องจากผู้อื่น แต่กลับทำให้มันแผ่วเบาลงไปด้วยตัวเอง ที่สำคัญ ความแข็งแกร่งของข้าในตอนนี้ ยังคงด้อยกว่ากู้เฮงอยู่อีกด้วย “
‘เนี่ยลี่’พูดขึ้นมาว่า
“แน่นอนว่า ปัญหาในข้อนี้จะหมดไปอย่างรวดเร็ว ข้าจะช่วยชี้แนะในการบ่มเพาะพลังของเจ้า หลังจากนั้น เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เจ้าก็จะแสดงให้ทุกคนได้เห็น จิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโต ในระดับพระเจ้า ต่อหน้าคนในตระกูลของเจ้า !”
ตั้งแต่ที่’เนี่ยลี่’ได้ตัดสินใจที่จะต่อสู้เพื่อตำแหน่งผู้นำของนิกาย เขาก็เริ่มที่จะทำตามแผนการณ์ที่คิดไว้ในตอนนี้
เมื่อ’กู้เบ่ย’ได้แสดงจิตอสูรของเขาออกมา ตำแหน่งในตระกูลของเขาจะเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเป็นแน่ เมื่อเวลานั้นมาถึง เขาก็สามารถที่จะสั่นคลอนกู้เฮง จากตำแหน่งของเขาได้ทีละนิด ทีละนิด
“ข้าคิดว่าเวลานั้นคงจะมาถึงในอีกไม่นานนี้แหละ!”
ดวงตาของ’กู้เบ่ย’นั้นเป็นประกาย เขาและ’กู้หลาน’ ต้องทนทุกข์ทรมานมาเป็นเวลานานมากเกินไปแล้ว
ในกลุ่มสมาชิกของสามตระกูลหลักในนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ ทั้ง’หลี่ชิงอวิ๋น’และ’กู้เบ่ย’ ต่างก็มีคุณสมบัติที่จะต่อสู้เพื่อชิงตำแหน่งผู้นำของนิกายได้ และที่เหลืออยู่ก็คือตระกูลผนึกมังกร หลังจากใตร่ตรองดูแล้วก็มีความคิดหนึ่งเข้ามาในหัวของ’เนี่ยลี่’ ดวงตาของเขาหันไปมองที่’หลงยู่อิน’
‘หลงยู่อิน’ยังคงเป็นผู้ที่ได้คัดเลือกให้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลผนึกมังกร แม้ว่าอันดับของนางนั้นจะยังต่ำต้อยและอยู่ในอันดับท้าย ๆ แต่นางก็ยังมีคุณสมบัติเพียงพอ ปัญหาเพียงอย่างเดียวของ’หลงยู่อิน’ก็คือ นางหมกมุ่นอยู่กับวิถีแห่งการต่อสู้มากเกินไป และไม่มีความสนใจในอำนาจทางการเมือง แต่ถ้าสามารถทำให้นางคิดเช่นนั้นได้ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดี มันก็เป็นแผนหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อย
ถ้าหากว่า’หลงยู่อิน’ ต้องการที่จะแข่งขันกับ’หลงเทียนหมิง’ นางจำป็นที่จะต้องได้รับการขัดเกลาจาก’เนี่ยลี่’ และได้รับคำแนะนำที่เป็นระบบ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาคิดจะต้องค่อยๆ ทำให้เกิดขึ้น
แปลโดย นายมะพร้าว
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: