ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปเมื่อเร็ว ๆนี้ ‘เนี่ยลี่’ได้ให้คำชี้แนะแก่’หลงยู่อิน’ ทำให้ผ่อนปรนความสัมพันธ์ของพวกเขาได้บ้าง แต่ถึงอย่างไร เขาก็ยังคงเป็นกังวลอยู่บ้างกับหญิงที่ดุยิ่งกว่าแม่ของไทแรนโนเซารัสผู้นี้ ดุกว่าแม่
– ต้นฉบับจีนบอกไว้แบบนี้จริง ๆ
ด้วยเหตุนั้นเขาจึงพบว่ามันเป็นการยากที่จะพูดคุยกับ’หลงยู่อิน’
ดั่งเช่นตัวอย่าง ‘หลงยู่อิน’ในตอนนี้นางนั่งนิ่งราวกับท่อนไม้ ไม่มีปฏิสัมพันธ์ใด ๆกับผู้อื่น นางแสดงสีหน้าที่ปิดกั้นผู้อื่น ใครจะรู้ว่านางกำลังคิดสิ่งใดอยู่ ยังดีที่ในตอนนี้’หลงยู่อิน’สามารถที่จะข่มใจ ยับยั้งตัวเองได้บ้างแล้ว ดังนั้นคนอื่น ๆจึงไม่ได้รู้สึกรังเกียจนางมากดังที่แล้วมา
ในทางกลับกัน ‘กู้เบ่ย’ก็ยังซื้อของได้อย่างต่อเนื่อง ทั้ง’เยี่ยเชียน’ และ ‘มู่หลงหยี่’ สีหน้าเริ่มดูมืดมน เพราะของทุกอย่างถูก’กู้เบ่ย’แย่งซื้อไปจนหมด
การประมูลผ่านไปราว ๆครึ่งชั่วโมง หลังจากที่มีการตัดสินการประมูลแล้ว เมื่อการประมูลเสร็จสิ้น ‘กู้เบ่ย’ได้ใช้จ่ายไปประมาณ 178,000 ศิลาจิตวิญญาณ แน่นอนว่านี่เป็นเพียงแค่จำนวนที่น้อยนิดเมื่อเทียบกับจำนวนที่เหลืออยู่ เขานำของที่ประมูลมาได้และศิลาจิตวิญญาณที่เหลือใส่ไว้ในแหวนห้วงมิติ และแอบส่งแหวนไปให้กับ’เนี่ยลี่’
‘ฉินเยี่ย’ 琴悦 ส่งยิ้มหวานขณะที่นางพูดว่า
“ข้ามั่นใจเลยว่า ทุกท่านคงจะอดใจไม่ไหวกับสินค้าหลักที่นำมาประมูลในครั้งนี้ สินค้าชิ้นนี้มหัศจรรย์ยิ่งนัก เป็นสมบัติล้ำค่าตั้งแต่สมัยโบราณกาล แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ใดที่รู้วิธีใช้มัน จนถึงวันนี้เท่าที่เราทราบเกี่ยวกับมัน คือมันสามารถช่วยเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะพลังให้แก่ผู้ที่ใช้งาน เพียงแค่นี้ทุกท่านคงไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่ามันคุ้มค่ายิ่งนัก นับเป็นสิ่งของลึกลับ ที่บุคคลระดับสูงที่ไม่เปิดเผยชื่อ ที่เป็นหนึ่งในสำนักใหญ่ได้มอบความไว้วางใจให้เราจัดทำการประมูลนี้ เพื่อที่จะได้ค้นหาว่าใครจะเป็นผู้ที่เหมาะสมที่จะได้ครอบครองมัน! ”
หลังจบคำพูดของ’ฉินเยี่ย’ กระตุ้นความอยากรู้ของผู้คนเป็นอย่างมาก เจ้าของสิ่งนี้มันคือ อะไรกันแน่? มันน่าพิสวงถึงปานนั้นเชียวหรือ?
แม้แต่’หลงเทียนหมิง’ 龙天明 ‘หมิงเยี่ย’ ‘วู่ซวง’ 明月 无双 และ ‘เหยียนหยาง’ 炎阳 ทุกคน ต่างก็จ้องไปยัง ‘ฉินเยี่ย’
สมบัติที่ไม่ธรรมดาจากโบราณกาลงั้นเหรอ? แค่ชื่อของมันก็ดึงดูดความสนใจจากผู้คนเหลือคณานับ
เหล่าศิษย์ของทั้ง สามสำนักต่างจดจ่อเฝ้ารอดูมันอยู่
“แม่นางฉินเยี่ย ได้ปรอบนำมันออกมาเร็ว ๆหน่อย!”
‘ฉินเยี่ย’รู้สึกยินดียิ่งนัก ที่คำพูดของนางเป็นที่สนใจแก่ทุกคน นางยิ้มพร้อมกับเอ่ยว่า
“ในเมื่อทุกท่านมีความอยากรู้อยากเห็นเจ้าสิ่งนี้ยิ่งนัก ข้าจะนำมันออกมาในตอนนี้!”
หญิงสาวสองนาง ค่อย ๆนำมันมันวางลงในถาด และมันถูกคลุมไว้ด้วยผ้าสีแดง
ของสิ่งนี้ก็กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของ’เนี่ยลี่’เช่นกัน ทั้ง ๆที่เขาไม่คิดว่าจะเป็นอะไรที่จริงจังถึงเพียงนี้ เขาสงสัยแค่ว่าสมบัติโบราณชั้นนี้คืออะไรกันแน่?
ปรากฏรอยยิ้มแสนหวานบนใบหน้าของฉินเยี่ยขณะที่นางนำผ้าคลุมออก ค่อย ๆ เผยให้เห็นสิ่งของที่เฉกเช่นม้วนคัมภีร์ นางค่อย ๆ
ถือมันขึ้นมาแล้วคลี่มันออกให้ดู“แม้ว่าในวันนี้ เรายังไม่อาจบอกว่าสิ่งนี้คืออะไร สิ่งเดียวที่เรารู้ก็คือ มันคือสิ่งที่น่ามหัศจรรย์ยิ่งนัก ”
ทุกคนต่างจับจ้องไปยังสิ่งที่อยู่ในมือของ’ฉินเยี่ย’ สิ่งที่นางถืออยู่ในมือมิใช่ม้วนคัมภีร์ แต่จริงๆแล้วมันคือ งานจิตรกรรม เป็นภาพดินแดนที่กว้างใหญ่และมีภูเขาอยู่ไกลลิบ และมีแม่น้ำไหลผ่าน มีอักษรโบราณ 4 ตัว ที่ดูทรงอำนาจเขียนไว้ว่า 万里河山 ว่าน หลี่ เข่อ ชาน : หมื่นขุนเขาและสายน้ำ
หลังจากที่ได้เห็นอักษรทั้งสี่ ทุกคนต่างรู้สึกยำเกรง ราวกับว่าใจของพวกเขาถูกสายฟ้าฟาด ตัวอักษรทั้งสี่ดูเหมือนจะมีเจตจำนงค์ที่ทรงอำนาจอยู่ ของสิ่งนี้ต้องเป็นของที่มหัศจรรย์เป็นแน่!
นั่นคือความคิดแรกที่ปรากฏขึ้นในใจของทุกคน
‘เนี่ยลี่’นั้นตกใจกว่าผู้ใดในนั้น คนอื่น ๆ นั้นไม่มีผู้ใดที่รู้วิธีใช้งานของสิ่งนี้ พวกเขาแค่รู้สึกอ่อนไหวเมื่อเห็นภาพวาดชิ้นนี้ แต่’เนี่ยลี่’นั้นรู้วิธีใช้งานมันเป็นอย่างดี!
ตามที่หนังสือจิตอสูรท่องเวลาได้บันทึกไว้ ภาพวาดดังกล่าวคงอยู่มาตั้งแต่สมัยโบราณกาลที่เก่าแก่เป็นที่สุด ยอดฝีมือผู้หนึ่งได้ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างใส่เจตุจำนงค์ของเขาเพื่อสร้างผลงานจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ ชั้นนี้ขึ้นมา เขาได้ใส่พลังงานทั้งหมดลงไปจนหมดสิ้น ของสิ่งนี้ไม่เพียงแค่ช่วยในการบ่มเพาะพลังเท่านั้น
กลิ่นอายที่แผ่ออกมาสามารถดูดซับเพื่อเพิ่มการบ่มเพาะพลังได้ แต่ก็เป็นวิธีการใช้สมบัติล้ำค่าที่สูญเปล่ายิ่งนัก! เพราะมันเป็นเพียงแค่พลังงานสวรรค์ที่กระจัดกระจายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
‘เนี่ยลี่’สังหรณ์ว่ามันจะต้องมีเงื่อนไขอะไรบางอย่างที่ติดมาด้วยเป็นแน่ ไม่เช่นนั้นสมบัติที่น่าตื่นตกใจเช่นนี้ไม่มีทางถูกนำมาออกประมูลเป็นแน่ แต่เขาจะไม่ยอมที่จะปล่อยให้สมบัติชิ้นนี้หลุดมือไปแน่นอน ถ้าหากเขาสามารถครอบครองภูมิปัญญาของจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำได้ มันจะกลายเป็นขุมกำลังหลักในการต่อกรกับจักรพรรดิปราชญ์ได้
จักรพรรดิปราชญ์นั้นสามารถที่จะควบคุมได้ทุกสิ่ง รวมไปถึงทั้งเวลาและพื้นที่ ถ้าหากว่าเนี่ยลี่ต้องการที่จะทำลาย การปิดผนึกเวลาและพื้นที่ เขาจำเป็นจะต้องใช้วิธีการที่ไม่ธรรมดา
เนี่ยจะไม่มีทางยอมให้จิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ ตกไปอยู่ในมือผู้อื่นเป็นแน่!
“กู้เบ่ยไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าต้องซื้อภาพวาดชิ้นนี้ให้ข้าให้จงได้!”
‘เนี่ยลี่’ บอกกับกู้เบ่ย
“ส่วนเรื่องเงินนั้น ข้าจะเป็นผู้จ่ายเอง!”
“ตกลง!”
‘กู้เบ่ย’พยักหน้า แม้ว่าเขาจะไม่รู้วิธีใช้ภาพวาดชิ้นนี้ เขาก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่สิ่งของธรรมดาเป็นแน่ และนั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา! ไม่ว่าอย่างไรเงินที่คำนวนไว้แม้จะใช้จนหมดก็น่าจะเพียงพอ
ในตอนนี้’กู้เบ่ย’กระตือรือร้นเป็นอย่างมาก!
‘ฉินเยี่ย’เผยยิ้มเล็กน้อยให้กับทุกคน
“ข้าพนันกับทุกท่านได้เลยว่า ของสิ่งนี้มิใช่ของธรรมดาแน่นอน โดยปกติแล้ว ของชิ้นนี้ไม่มีทางที่จะปรากฏในการประมูลครั้งนี้ได้แน่นอน แต่เราได้รับข้อมูลที่น่าแปลกใจยิ่งกว่านั้น เนื่องจากไม่มีผู้ใดรู้วิธีการใช้มันเลย มันจึงเป็นแค่ของประดับ ตกแต่งห้องของเราเท่านั้น แม้แต่บุคคลระดับสูงผู้ลึกลับที่นำภาพวาดนี้ออกมา เขาก็ไม่ทราบวิธีการใช้งานมันเช่นกัน!”
ทุกคนชำเลืองมองสบตากัน
ทุกคนต่างตระหนักดีว่าสมบัติชิ้นนี้จะต้องมีวิธีใช้นานับประการ แต่ว่าแม้แต่บุคคลระดับสูงผู้ลึกลับที่นำภาพวาดนี้ออกมาขาย เขาก็ไม่อาจที่จะค้นพบวิธีการใช้งานมันอย่างนั้นเหรอ? ถ้าเช่นนั้นพวกเขาก็ลืมมันไปได้เลย!
แต่เนื่องจากสินค้าชิ้นนี้นับว่าเป็นการปิดฉากของการแสดงสินค้า ราคามันจักต้องแพงมากเป็นแน่ ถ้าหากว่าพวกเขาจะซื้อมันเพื่อมาเสี่ยงโชค ก็นับว่าคงจะเสียเปล่าเป็นแน่ มันเสี่ยงที่จะสูญเสียโดยเปล่าประโยชน์มากเกินไป!
‘ฉินเยี่ย’ยิ้มเล็กน้อย พร้อมกับพูดต่ออีกว่า
“บุคคลระดับสูงผู้นำจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำออกมาขาย ได้แจ้งมาว่า ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ตาม ที่สามารถที่จะค้นพบวิธีการใช้งานจิตกรรมหมื่นขุนเขา เขายินดีที่จะรับซื้อคืนด้วยราคา 2 แสนศิลาจิตวิญญาณ แต่ถ้าไม่มีผู้ใดรู้วิธีการใช้งานมัน เขาก็ยินดีที่จะขายมันออกไป ราคาประมูลเริ่มต้นที่ 1 แสน ศิลาจิตวิญญาณ!”
‘เนี่ยลี่’ขมวดคิ้วของเขาครู่หนึ่ง ดูเหมือนว่าบุคคลระดับสูง ช่างทำให้เสื่อมเสียเกียรติยิ่งนัก ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้ต้องการที่ขายภาพวาดนี้จริง ๆ แต่เขาไม่อาจที่จะหาวิธีการใช้งานมันได้ ดังนั้นเขาจึงมีทางเลือกไม่มากนัก
ถ้าแม้แต่บุคคลระดับสูง ยังไม่อาจเข้าใจถ้อยคำที่เขียนอยู่ในภาพวาดนี้ได้ แล้วจะมีผู้ใดอีกที่สามารถใช้งานจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำได้อีก ไม่มีทาง?
‘เนี่ยลี่’อาจจะเป็นเพียงผู้เดียวที่ไขความลับของมันได้!
ราคาเริ่มต้นที่เสนอคือหนึ่งแสนศิลาจิตวิญญาณ! หลายคนถึงกับตะลึงด้วยราคาที่แพงหูฉี่
ด้วยราคาขนาดนี้จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะลดจำนวนผู้เข้าร่วมประมูลแข่งขันได้ ในบรรดาผู้คนที่อยู่ที่นี่ มีเพียงไม่กี่คนที่จะเข้าร่วมประมูลได้ หนึ่งแสนศิลาจิตวิญญาณ ไม่ได้เป็นจำนวนที่คนธรรมดาสามารถจะจ่ายได้
ทั่วทั้งห้องโถงด้านข้างถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบเป็นเวลานานพอสมควร ใครกันจะกล้าพอที่จะยกมือให้กับราคานี้ได้?
“หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นศิลาจิตวิญญาณ!”
‘หลงเทียนหมิง’พูดออกมาโดยไม่ได้เต็มใจนัก
ในที่สุดก็มีใครบางคนที่กล้าที่จะเสนอราคาขึ้นมา!
ความเงียบได้ถูกทำลายลงในทันที ทุกคนเริ่มจะตอบโต้กันด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น บางทีอาจจะมีเพียงแค่คนระดับ’หลงเทียนหมิง’ ถึงจะมีส่วนร่วมในการประมูลครั้งนี้ได้
จำนวนเงินที่ใช้ในการซื้อขายปีนี้พุ่งทะลุสูงกว่าปีที่แล้ว นอกจากนี้ราคาของจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำเพียงอย่างเดียวก็ครอบคลุมเงินทั้งหมดแล้ว
“หนึ่งแสนสองหมื่นศิลาจิตวิญญาณ!”
‘เหยียนหยาง’ เอ่ยออกมาอย่างไม่เต็มใจ
ตลอดการประมูลอันยาวนาน ‘เหยียนหยาง’ไม่ได้ประมูลสิ่งใดแม้แต่รายการเดียว จำนวนสิ่งที่เขานั้นสนใจแทบจะเป็นศูนย์ แต่ในที่สุดเขาก็เริ่มที่จะประมูลจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ
‘หลงเทียนหมิง’ อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วของเขา เมื่อได้ยิน’เหยียนหยาง’ทำการเสนอราคา เมื่อ’เหยียนหยาง’เข้าร่วมการประมูล ‘หลงเทียนหมิง’ ถือว่าไม่ใช่คู่แข่งที่ดีนักสำหรับการประมูลภาพวาดนี้ ดังนั้นเขาได้แต่หวังว่าเหยียนหยางจะไม่ได้สนใจภาพวาดนี้เท่าใดนัก
“หนึ่งแสนสามหมื่นศิลาจิตวิญญาณ!”
“หนึ่งแสนสี่หมื่นศิลาจิตวิญญาณ!”
“หนึ่งแสนห้าหมื่นศิลาจิตวิญญาณ!”
………
ราคาปรับขึ้นสูงอย่างต่อเนื่องในขณะที่พวกเขากำลังทำสงครามการเสนอราคา เมื่อ ‘เหยียนหยาง’ เสนอราคาขึ้นไปถึง หนึ่งแสนหกหมื่นศิลาจิตวิญญาณ ‘หลงเทียนหมิง’ถูกบังคับให้ออกมาจากการแข่งขันด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น
“ศิษย์พี่ เหยียนหยางได้เสนอราคาประมูลที่ หนึ่งแสนหกหมื่นศิลาจิตวิญญาณ มีผู้ใดจะให้ราคาสูงกว่านี้ไหม?”
‘ฉินเยี่ย’ยิ้มเล็กน้อย และมองไปยังฝูงชน
ทันใดนั้น’หมิงเยี่ย’ ‘วู่ซวง’ เอ่ยด้วยเสียงที่เบาแต่ชัดเจน พร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมา
“ข้าเสนอราคาที่หนึ่งแสนเก้าหมื่นศิลาจิตวิญญาณ ถ้าหากมีผู้ใดเสนอราคาสูงกว่านี้ ข้าก็จะถอนตัว”
‘เหยียนหยาง’ถึงกับเงียบไปชั่วครู่ แล้วเขาก็พูดออกมาว่า
“ข้าไม่คิดเลยว่า ศิษย์พี่หมิงเยี่ย จะสนใจมันด้วย ข้าควรจะยอมปล่อนมันให้กับศิษย์พี่หมิงเยี่ยแต่น่าเสียดายที่ข้านั้นมีความสนใจจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำยิ่งนักนอกจากนี้ดูเหมือนว่ามันจะช่วยส่งเสริมในการบ่มเพาะพลังของข้าเป็นอย่างมาก ข้าจึงไม่อยากที่จะพลาดโอกาสในการได้มันไป หวังว่าศิษย์พี่หมิงเยี่ยจะไม่โกรธเคืองกันนะ!”
‘เหยียนหยาง’ แสดงออกกับ ‘หลงเทียนหมิง’ไม่ดีเท่าใดนัก แต่เขากลับแสดงออกอย่างสุภาพกับ ‘หมิงเยี่ย’ ‘วู่ซวง’
‘หมิงเยี่ย วู่ซวง’ ยิ้มพร้อมกับตอบกลับว่า
“ไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้หรอก ศิษย์น้องเหยียนหยางเชิญทำตามที่เจ้าต้องการได้เลย”
นางก็แค่อยากจะเพิ่มราคาให้สูงขึ้นเท่านั้นเอง
“สองแสนหมื่นศิลาจิตวิญญาณ!”
‘เหยียนหยาง’ทำการเสนอราคาต่อไปอีก
ราคาของภาพวาดสูงถึงสองแสนหมื่นศิลาจิตวิญญาณ! มันเป็นราคาที่น่าตื่นตกใจเหลือเกิน แม้แต่คนอย่าง ‘เยี่ยเชียน’ กับ ‘มู่หลงหยี่’
จะนำสมบัติของพวกเขามารวมกันพวกเขาก็ยังไม่อาจที่จะมีศิลาจิตวิญญาณจำนวนมากถึงเพียงนี้ ‘เหยียนหยาง’นับเป็นโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักอัคคีอย่างแท้จริง
เขาช่างร่ำรวยยิ่งนักด้วยความมั่งคั่งอันน่ากลัวของ’เหยียนหยาง’ทำให้คนอื่นหวาดหวั่นที่จะแข่งขันด้วย เมื่อทุกคนรู้ดีว่าจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำจะต้องตกอยู่ในมือของเหยียนหยางแน่นอน
เสียงของ’กู้เบ่ย’ก็ดังขึ้น
“ข้าเคยได้ยินมาจากท่านผู้อาวุโสว่าจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำเป็นดั่งกุญแจที่เชื่อมโยงกับจิตวิญญาณหนือคณานับ ที่แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพสงครามก็ไม่อาจที่จะไขได้ ดังนั้นถึงแม้น้อยน้อยเหยียนหยางได้มันไป ท่านก็คงไม่อาจที่จะหาหนทางในการใช้มันได้เป็นแน่ ข้าขอเสนอราคาสองแสนหนึ่งหมื่นศิลาจิตวิญญาณ!”
คนที่เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวต่างก็รู้สึกขบขันอย่างช่วยไม่ได้ การที่’กู้เบ่ย’เพิ่งกล่าวว่าจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ เป็นดั่งกุญแจที่เชื่อมโยงกับจิตวิญญาณหนือคณานับ แน่นอนว่ามันไม่คู่ควรกับเขาเป็นที่สุด ในทางกลับกันเขากลับเสนอราคาที่สูงขึ้นไปอีก มันจึงเป็นเรื่องที่น่าขันอยู่เล็กน้อย ‘กู้เบ่ย’ พยายามบอกว่าเขานั้นไม่ได้ตั้งใจที่จะยั่วยุ’เหยียนหยาง’ แต่ในทางกลับกัน มันก็ทำให้’เหยียนหยาง’นั้นดูแย่ลง
แต่ถึงอย่างไร ก็ไม่มีผู้ใดที่คิดจะยั่วยุ’เหยียนหยาง’!
‘เหยียนหยาง’นั้นเป็นตัวแทนของสำนักอัคคี และอาจจะเป็นผู้นำคนต่อไปในอนาคต!
‘เหยียนหยาง’หันมาทาง’กู้เบ่ย’ และครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่คิดว่า’กู้เบ่ย’นั้นจะมั่งคั่งพอที่จะมาแข่งขันกับเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เขาได้ประมูลซื้อของอื่น ๆมาแล้วจำนวนมาก ‘เหยียนหยาง’พูดออกมาว่า
“การชุมนุมของสามสำนักใหญ่ในครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้พวกเราได้พบหน้ากัน ความสามัคคีนั้นคือสิ่งตอบแทนที่ล้ำค่าที่สุด ทุกคนสามารถที่จะเสนอราคาได้สูงเท่าที่ต้องการ และผู้ที่ให้ราคาสูงกว่าก็คือผู้ชนะ โดยไม่ต้องสนใจตำแหน่งและสถานะของผู้ใด ศิษย์น้องกู้เบ่ย เชิญทำตามที่ต้องการได้เลย!”
เหล่าฝูงชนถึงกับอดถอนหายใจไม่ได้หลังได้ยินคำพูดดังกล่าว เป็นคำพูดที่มีมารยาทและไม่ธรรมดา’เหยียนหยาง’ สมแล้วที่เขาได้รับการขนานนามว่า โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักอัคคี
แปลโดย นายมะพร้าว
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: