ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“ทำไมถึงห้ามข้าไม่ให้ช่วยเขาล่ะ”
‘ชูเฟิง’ถามด้วยความสับสน
“เจ้ายังจะถามอีกหรือ เขาเป็นศัตรูของเขา เขาจแย่งสมบัติไปจากข้าและเจ้านะ “
‘จื่อ หลิง’พูด
“ไม่ ข้าจะไม่เอาสมบัติไป ได้โปรดชูเฟิงช่วยข้าที ถ้าเจ้าช่วยข้าข้าจะออกไปจากที่นี่ทันที “
‘เจียง หวู่ชาง’ พูดขอร้อง’ชูเฟิง’ เมื่อต้องเผชิญกับความตายต่อให้ยิ่งใหญ่มาจากไหนก็ล้วนกลัวทั้งสิ้น
“อย่าเชื่อเขา ถ้าข้าคิดไม่ผิดเขามาจากราชวงศ์เจียง ถ้าเจ้าช่วยเขาในวันนี้ ในอนาคตเขาจะย้อนกลับมาโจมตีเจ้าและข้าแน่นอน “
‘จื่อ หลิง’พูด
“ไม่นะ ชูเฟิงได้โปรดเชื่อข้า ข้าไม่ทำอย่างนั้นแน่นอน และข้าจะไม่พูดเรื่องวันนี้ให้ใครฟังเลย “
‘เจียง หวู่ชาง’ ตื่นตระหนกมาก ที่’จื่อ หลิง’พูดอย่างนั้น เขาจงรีบพูดไป
ในตอนนั้น’ชูเฟิง’ขมวดคิ้วแน่น และนิ่งคิดในตอนนั้นหัวของเขาเต็มไปด้วยคำถามมากมาย และท้ายที่สุดดวงตาที่แหลมคมดั่งนกอินทรีของ’ชูเฟิง’ ก็จ้องไปที่’เจียง หวู่ชาง’ และพูดว่า
” เจียง หวู่ชาง ข้าจะช่วยเจ้าในวันนี้ ข้าเชื่อว่าเจ้าจะไม่ทรยศผู้มีพระคุณ “
หลังจากพูดจบ ‘ชูเฟิง’ ก็ซ้อนทับฝ่ามือแล้วเรียกโซ่พลังวิญญาณ มาพลันลอบตัว’เจียง หวู่ชาง’อีกครั้ง และในตอนนี้ ‘จื่อ หลิง’ก็มอง’ชูเฟิง’ด้วยสายตาที่คับข้องใจ แต่เธอก็ไม่หยุด’ชูเฟิง’และเงียบมองดูทุกอย่างที่เกิดขึ้น
ในที่สุด’ชูเฟิง’ก็ช่วย ‘เจียง หวู่ชาง’ ไว้ในที่สุด หลังจากได้รับการช่วยเหลือแน่นอนว่า ‘เจียง หวู่ชาง’ก็ไม่ได้โจมตี’ชูเฟิง’ อย่างไรก็ตามด้วยความทะนงตนของเขาเขาก็ไม่ขอบคุณ’ชูเฟิง’ตรงๆ
“ชูเฟิง ข้าเจียง หวู่ชาง จะจำพระคุณของเจ้าในวันนี้ไว้ ในอนาคตข้าต้องตอบแทนให้เจ้าแน่นอน “
“นี่คือคำแนะนำจากข้า ว่าที่แห่งนี้นั้น ทั้งพวกเจ้าและข้านั้นไม่สามารถสำรวจได้อย่างแน่นอน ทางที่ดีที่สุดคือออกไปร่วมกับพวกข้า “
‘เจียง หวู่ชาง’พูด
“ขอบใจสำหรับคำแนะนำของเจ้า แต่ตั้งแต่ข้าชูเฟิงได้ก้าวมาที่นี่ข้าก็คิดว่าข้าจะไม่ยอมกลับไปมือเปล่า ข้าหวังว่าเจ้าจะรักษาสัญญาและไม่บอกใครเกี่ยวกับเรื่องในวันนี้ “
‘ชูเฟิง’พูด
“ไม่ต้องกังวล ข้า เจียง หวู่ชาง รักษาสัญญาเสมอ เห็นว่าเจ้าจะเดินทางไปต่อและบางทีนี่อาจจะเป็นการช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆจากข้า “
‘เจียง หวู่ชาง’ ล้วงเข้าไปในถุงจักรวาลของเขาและหยิบกระดาษหนังแกะ และส่งให้’ชูเฟิง’และเดินกลับไปยังทางที่เขาเข้ามา
และหลังจากที่ส่ง ‘เจียง หวู่ชาง’ด้วยสายตา เขาก็พลิกดูกระดาษหนังแกะนั้น และพบว่า มันแผนที่ แต่มัยังไม่สมบูรณ์เป็นแผนที่ที่บันทึกเส้นทางและกลไกของที่แห่งนี้ไว้แต่ไม่ได้บันทึกถึงหลุมที่อยู่ตรงนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่’เจียง หวู่ชาง’จะถูกจับตัวไป
“แผนที่นี้ไม่ได้สำคัญเท่าไหร่นัก และเรายังคงต้องพึ่งตัวเองต่อไป.”
‘จื่อ หลิง’ เดินไปและมองแผนที่ไป หลังจากนั้นเธอก็วางรูปแบบวิญญาณบนพื้นดิน และเมื่อเสร็จสมบูรณ์มันนกลายเป็นสะพานสีรุ้ง ข้ามหลุมข้างล่างไป
“หลุมนี้ มีแรงดึงดูด ถ้าเราเดินบนอากาศเราจะโดนดูกแน่นอน มันคงจะดีถ้าเราเพิ่มการระมัดระวังตัวเองขึ้น “
‘จื่อหลิง’ พูด พร้อมก้าวไปยังสะพานสายรุ้งและข้ามไป หลังจากที่ประมาทไปก่อนหน้านี้ในตอนนี้เธอเพิ่มความระมัดระวังขึ้นเป็นอย่างมาก
หลังจากนั้น ‘ชูเฟิง’ กับ ‘จื่อหลิง’ ที่เดินทางด้วยกัน ก็พบอุปสรรคและผ่านมาได้ ในตอนท้ายเขาพบปัญหาที่ใหญ่หลวงคือ แผนที่นั้นดูเหมือนว่าจะถูกบันทึกมาหลายปีแล้ว
หลังจากผ่านอุปสรรค พวกเขาจะพักฟื้นตัวเองซักพักนึง มันจะเป็นวิธีการที่เยี่ยมมากถ้าพวกเขาไม่มีแผนที่ แมว่า’จื่อหลิง’ อยากจะฝ่ามันไป แต่มันก็ต้องใช้พลังอย่างมาก ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถฝ่ามันไปได้
ในทำนองเดียวกันก็มีกลไกหลอกหลายตัว และในแผนที่ไม่ได้บันทึกกลไกดังกล่าวไว้ แต่กลไกเหล่านั้นไม่ได้เหมือนกลไกที่ถูกวางมาเป็นเวลานานแล้ว อย่างไรก็ตามผู้บันทึกแผนที่นี้ยอดเยี่ยมมากพวกเขาบันทึกไม่เว้นแม้แต่กลไกหลอกด้วย
มันมีบางอย่างแปลกๆ เพราะเมื่อก่อนนั้น ที่นี่มีคนอยู่แค่2คน และกลไกนั้นถูกวางไว้ผ่านมา 2 ยุคสมัยแล้ว นอกจากนี้ต่อให้มีสมบัติก็ไม่น่าจะมีกลไกมากมายขนาดนี้
ซึ่งหมายความว่ากลไกเหล่านี้ถูกนำมาใช้เพื่อป้องกันผู้บุกรุก ไม่ใช่ทดสอบผู้บุกรุก เพราะอุปสรรคด้านในนั้นยากขึ้นเรื่องๆ จึงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะฝ่าเข้าไปเลย
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือกลไกเหล่านี้ควรจะฆ่าผู้บุกรุกในทันที แต่มันยังปล่อยให้ผู้บุกรุกมีชีวิตอยู่ซักพัก ยกตัวอย่าง หลุมก่อนหน้านี้ ถ้ามันไม่ใช่หลุม แต่เป็นกับดักอื่นๆ ‘จื่อ หลิง’ กับ ‘เจียง หวู่ชาง’อาจตายก็ได้
แต่โชคดีที่ ‘จื่อ หลิง’ นั้นมีอำนาจวิญญาณที่แข็งแกร่ง และ พลังของเธอก็ไม่ได้น้อยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อสูรวิญญาณประเภทภูติ ของเธอนั้น แข็งแกร่งมากดและต่อมาในที่สุด’ชูเฟิง’ และ’จื่อ หลิง’ก็มายังส่วนที่ลึกที่สุดที่แผนที่ได้แสดงไว้
ในสถานที่นั้น เป็นวิหารขนาดใหญ่มาก วิหารนั้นใหญ่เหมือนเป็นลานที่พอจะรองรับคนหลายร้อยหลายพันคนได้เลยทีเดียว
และโครงสร้างของมันเหมือนกับวิหารหยกทองคำก่อนหน้านี้อย่างไรก็ตามในกลางวิหารนี้ไม่มีสมบัติ และในสถานที่แห่งนี้ไม่ได้เปล่งประกายด้วยหยกทองคำ แต่มันทรุดโทรมเต็มที่แล้วเพราะผนังข้างนอกนั้นเหมือนถูกทำลายโดยใครบางคน
“กำแพงนี้ช่างวิเศษยิ่งนักและความแข็งแกร่งของข้าในตอนนี้ไม่สามารถทำลายมันได้คนที่ทำอย่างนี้ได้ต้องแข็งแกร่งจริงๆ “
‘จื่อ หลิง’ พูดในขณะที่สำรวจรอยบนผนัง
“ผนังเหล่านี้ดูเหมือนปกปิดรักษาบางอย่างไว้ก่อนหน้านี้ ดังนั้นจึงมีคนมาทำลายมันเพื่อที่จะทำบางอย่างกับสิ่งที่อยู่ใต้ผนังนี้อย่างนั้นสินะ”
‘ชูเฟิง’พูด
“บ้าจริง ถ้าข้าคิดไม่ผิดสิ่งที่อยู่ใต้ผนังนี้ควรจะเป็นสิ่งที่ถูกทิ้งไว้โดยผู้เชี่ยวชาญ “
“และคนที่ทำลายมันอาจจะเป็น 1 ใน ราชันย์อสูรมหึมาที่พ่ายแพ้ให้กับบรรพบุรุษของราชวงศ์เจียงในตอนนั้น และหลังจากเรื่องนั้น มันคงแข็งแกร่งขึ้นเพราะได้บางอย่างจากที่นี่ “
‘จื่อ หลิง’กัดฟันแน่น และดูเหมือนจะโกรธมาก เพราะด้วยความเห้นแก่ตัวของราชันย์อสูรมหึมา อาจจะทำลายมรดกที่ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงทิ้งไว้ให้ในก่อนหน้านี้เพื่อที่จะไม่ให้คนอื่นได้รับประโยชน์จากมัน
“เดี๋ยวก่อนที่นี่ยังไม่ใช่ที่สิ้นสุดของสถานที่แห่งนี้ “
‘ชูเฟิง’พูด
“ทำไมหรือ”
‘จื่อ หลิง’ถาม
“ดูนี่สิ้.”
‘ชูเฟิง’ชี้ไปที่แผนที่ของเขา
“นี้! นี่มัน! “
หลังจาก ‘จื่อ หลิง’เดินมาใกล้กับ’ชูเฟิง’และมองไปยังพื้นที่ที่’ชูเฟิง’ชี้ เธอจึงแสดงท่าทีออกมาอย่างช่วยไม่ได้
: เอ็งว่า วันหน้าเจียง หวู่ชาง มันจะเนรคุณป่าวว่ะ ?
: เห็นว่าไม่นะ ประมุขแห่ง 9 อาณาจักร คงไม่ตะบัดสัตย์หรอก ได้ยินว่าราชวงศ์รู้เรื่องที่ ชูเฟิง ช่วยเจียงหวูชางด้วยนะ
: เรื่องนั้นข้าก็พอได้ยินเรื่องนั้นมาบ้าง แต่อย่างว่านะไม่มีมิตรแท้ที่ถาวร นอกซะจากเขาทั้ง 2 จะเปนพี่น้องร่วมสาบาน
: หากได้ราชวงศ์เจียงคอยหนุนหลัง พี่เฟิง ก็ไม่กลัวใครน่าไหนในอาณาจักรทั้ง 9 แล้วนะสิ
: ถึงป่านนั้น สสานจักรพรรดิทั้ง 4 ก็คงตกเป็นของพี่เฟิงแล้ว จากนั้นก็คงเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปยังโลกใบใหม่
: ส่วนเขาตั้งเป้าหมายไปที่ไหนก่อนนั้น ทุกท่านโปรดติดตามให้ดี
: ใช่ๆ แต่เร็วๆนี้จะมีเรื่องน่าสนุกเกิดขึ้นด้วยเมื่อชูเฟิง ไปกระตุกหนวด 6 มหาอำนาจ
: จะทำไงได้ ไอพวกบ้านั้น มันอยากโลภมากเอง . . . . . . .
แปลโดยคุณ#
ที่มา: