ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปการอยู่ภายในนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ ตราบเท่าที่’เนี้ยหลี่’นั้นมี ปรมาจารย์เทียนอวิ๋น สนับสนุนอยู่เบื้องหลังเขาแล้วนั้น จะทำให้เขาสามารถที่จะปลดเปลื้องปัญหาต่างๆมากมายที่ต้องเผชิญ ได้อย่างแน่นอนซึ่งมันไม่น่าจะมีปัญหาเนื่องจาก ปรมาจารย์เทียนอวิ๋น นั้นมีตำแหน่งที่สูงส่ง มันเป็นตำแหน่งที่พิเศษสุด ไม่มีทางที่ตระกูลใดๆ หรือยอดฝีมือผู้ใดจะกล้าเข้ามาวุ่นวาย
ในชาติภพที่แล้ว ‘เนี้ยหลี่’ได้ยินมาว่า ‘ปรมาจารย์เทียนอวิ๋น’ ได้ปกป้องบรรดาเหล่าอัจฉริยะ ที่ไม่ได้เข้าร่วมตระกูลต่างๆ อย่างอาจารย์ของ’เนี้ยหลี่’ ‘อิงเยว่ลู่’ นั้นก็ได้รับการปกป้องจาก ‘ปรมาจารย์เทียนอวิ๋น’ เช่นกัน ทำให้ไม่มีใครกล้าแตะนาง
ต่อจากนั้นเพียงหนึ่งร้อยปี เมื่อ ปรมาจารย์เทียนอวิ๋น นั้นชราภาพมากและได้เกิดความขัดแย้งภายในนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ ‘อิงเยว่ลู่’ก็เริ่มเกิดมีปัญหาเข้ามา
“ได้โปรด รอสักครู่ ข้าจะไปเขียนคำบางคำมาให้ท่าน”
เมื่อ’เนี้ยหลี่’ย้อนกลับเข้าไปภายในห้องของเขา ก็ปรากฏอากับกริยาเคร่งเครียดเมื่อเทียบกับครั้งแรก ในการเขียน ห้าคำ นี้ วิถีแห่งเจตจำนงค์ในครั้งนี้ มากมายกว่าเมื่อครั้งที่เขาได้เขียนให้แก่ ‘เหยียนหยาง’ แหละ’หมิงเยี่ย วู่ซวง’ มากนัก
หลังจากที่เขียนคำเหล่านั้น ‘เนี้ยหลี่’ก็ส่งพวกมันให้กับ’อาจารย์ชิหลิง’
“ขอบคุณมากสำหรับสิ่งนี้”
‘อาจารย์ชิหลิง’ ยิ้มอย่างดีใจ
“อาจารย์ชิหลิง ท่านกล่าวเกินไปแล้ว”
‘เนี้ยหลี่’ยิ้มพร้อมตอบกลับด้วยความเคารพ
หลังจาก’อาจารย์ชิหลิง’ จากไป ก็มีผู้คนอีกมาขออักษรจากเขา แน่นอนว่า’เนี้ยหลี่’นั้นไม่ได้ปฏิเสธพวกเขา เขาเขียนอักษรด้วยรูปแบบที่แตกต่างกัน พลังที่แฝงอยู่นั้น ขึ้นอยู่กับแต่ระบุคคล ว่าในชาติภพที่แล้วเขาได้ใช้ชีวิตอย่างไร
บางคนก็ได้ภาพอักษรที่แฝงไปด้วยวิถีแห่งเจตจำนงค์ ส่วนบางคนนั้นก็ได้เพียงแค่ภาพการประดิษฐ์อักษรธรรมดามา
ตระกูลผนึกมังกร ณ ห้องฝึกซ้อม ของ’หลง เทียนหมิง’
‘หลง เทียนหมิง’ ค่อยๆ คลี่ ม้วนอักษรอย่างช้าๆ และจับจ้องไปยัง อักษรทั้งสามคำ เขารู้สึกพอใจ เจ้าเด็ก’เนี้ยหลี่’ นี้ค่อนค้างฉลาดเลยที่เดียว เขามอบ ให้ ‘เหยียนหยาง’ และ ‘หมิงเยี่ย วู่ซวง’ สองคำ
แต่มอบให้เขาถึงสามคำ สายตาของเขานั้นจับจ้องไปยังจุดศูนย์กลางของภาพอักษร อย่างเคร่งเครียด และมุ่มมั่นเต็มที่ ตัวอักษร
“กระบี่ “ ปรากฏในดวงตาของเขารูปร่างของคำนี้เป็นคำเดียวกันแน่นอนกับคำที่เขาเคยเห็นมาก่อนหน้านี้ ซึ่งเขานั้นไม่เคยลืม ‘เหยียนหยาง’ และ ‘หมิงเยี่ย วู่ซวง’ สามารถ เห็นความลึกซึ้งที่ถูกซ่อนอยู่ในคำว่า “กระบี่”แต่เขานั้นกลับไม่สามารถที่จะค้นพบมันได้เลย สิ่งนี้ทำให้’หลง เทียนหมิง’ เศร้าสลดเป็นอย่างมาก หรือว่ามันอาจเป็นเพราะความอัจฉริยะของเขานั้นไม่สามารถสูงส่งเหมือนกับ ‘เหยียนหยาง’และ ‘หมิงเยี่ย วู่ซวง’กระนั้นหรือ หรือเป็นเพราะตอนก่อนหน้านี้เขานั้นไม่ได้ตั้งใจมากพอหรืออย่างไร?
‘หลง เทียนหมิง’ มุ่งความสนใจ จับจ้องไปยังคำว่า “กระบี่” เขาพยามค้นหา วิถีแห่งเจตจำนงค์ ทันใดนั้นสิ่งที่ปรากฏแก่เขาคือ
ความอบอุ่นของแสง และ ความหนาวเย็น ของความมืด ถึงแม้ว่าเหตุการณ์นั้นมันจะปรากฏแก่เขาเพียงชั่วครู่ อันที่จริงแล้วมันเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาในการที่จะค้นหาวิถีแห่งเจตจำนงค์ที่ซ่อนอยู่ภายในคำว่า “กระบี่” มันดูเหมือนว่า เขานั้นมีความสามารถไม่ด้อยไปกว่าพวก ‘เหยียนหยาง’ และ ‘หมิงเยี่ย วู่ซวง’ ก่อนหน้านั้นที่เขาไม่สามารถค้นพบนั้นเป็นเพราะว่าเขาไม่ได้มุ่งมั่น และมีสาธิเพียงพอ
‘หลงเทียนหมิง’ ยิ้มอย่างดีใจ เขาพยามใช้สำนึกของเขาอย่างต่อเนื่อง คำว่า “กระบี่” ที่อยู่ในมือของเขาเพื่อหาความสามารถที่ซ่อนอยู่ในวิถีแห่งเจตจำนงค์ แต่ก็พบเพียงแค่วิถีแห่งเจตจำนงค์เท่านั้น ‘เหยียนหยาง’ และ ‘หมิงเยี่ย วู่ซวง’ คงจะไม่พบสิ่งอื่นใดมากกว่านี้ใช่ไหม
มันอาจจะเป็นไปได้ว่าเขาสามารถสัมผัสได้เพียงส่วนหนึ่งของเจตจำนงแห่งกระบี่ มันอาจจะมีความลึกซึ้งเป็นอย่างมากที่ถูกซ่อนอยู่ในคำว่า กระบี่ นี้ ‘หลงเทียนหมิง’ ยังคงพยายามตรวจสอบหาร่องรอยความลึกซึ้งที่ถูกซ้อนไว้ในคำว่า “กระบี่” อย่างรีบเร่ง แต่เขากลับไม่สามารถพบวิถีแห่งเจตจำนงค์ได้อีกต่อไป
มันเป็นไปไม่ได้หรือว่าความสามารถเขานั้นจะด้อยกว่า ‘เหยียน หยาง’ และ’หมิงหยู่ หวู่ซวง’ กระนั้น เขาได้พยายามอย่างต่อเนื่องแต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ประสบผลสำเร็จ ‘หลงเทียนหมิง’ คิดมองข้ามไปถึง หรือว่า’เนี้ยหลี่’อาจจะกระทำบางอย่างกับมัน แม้ว่าคำว่ากระบี่ จะเหมือนกัน
แต่ ดูเหมือนว่ามีอะไรที่ผิดแปลกไปจากเดิม แม้ว่าเขาจะสามารถเห็นวิถีแห่งเจตจำนงค์ได้ แต่มันเพียงชั่วครู่ ในตอนนี้เขาไม่สามารถจะรู้สึกถึงมันได้อีก
เวลาผ่านไป หนึ่งชั่วโมง สองชั่วโมง ไม่ว่าจะผ่านไปนานเพียงใด ‘หลงเทียนหมิง’ ยังมิสามารถที่จะค้นพบสัมผัส ความลึกซึ้งที่ถูกซ่อนอยู่ได้ บ้าเอ้ย
‘หลงเทียนหมิง’ ทุบลงไปบนโต๊ะอย่างรุนแรง ความรู้สึกถึงการพ่ายแพ้ของเขาต่อ ‘เหยียนหยาง’และ’หมิงเยี่ย วู่ซาง’ นั้นดูเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เขาเป็นอันดับหนึ่งของอัจฉริยะ ของตระกูลผนึกมังกร เขามีความภูมิใจที่สามารถเทียบชั้นกับ ‘เหยียนหยาง’ ซึ่งเป็นหนึ่งในคู่แข่งของเขา อย่างไรก็ตามเขานั้นไม่สามารถเข้าใจถึงวิถีแห่งเจตจำนงค์ได้ ทำให้เขารู้สึกพ่ายแพ้
“เจ้าเด็กนั่นทำบางสิ่งกับมันหรือไม่”
‘หลง เทียนหมิง’ ขมวดคิ้วแต่เขาก็ยังมิสามารถที่จะยืนยันได้ การเขียนคำทั้งสามคำนี้ที่’เนี้ยลี่’ได้เขียน มองดูแล้วใช้กำลังเต็มที่
ไม่ได้มองดูว่าใช้เพียงครึ่งมิเต็มร้อย และดูเหมือนว่า’เนี้ยลี่’นั้นพยายามที่จะประจบ ‘หลงเทียนหมิง’ ‘เนี้ยลี่’นั้นเป็นเด็กใหม่ คงไม่กล้าที่จะขัดใจ’หลงเทียนหมิง’เขาจึงสรุปได้ว่าสามคำนี้น่าจะไม่มีปัญหา มีเพียงคำตอบเดียวของ’หลงเทียนหมิง’คือ เขาไม่สามารถเข้าใจถึงวิถีแห่งเจตจำนงค์ ที่ซ่อนอยู่ในนั้น
‘หลงเทียนหมิง’ไม่ยอมที่จะเอยถามคนอื่นเป็นแน่ เพราะเขาไม่อาจยอมรับว่าเขานั้นไม่สามารถจะพบมันและด้อยกว่า’เหยียนหยาง’
และ’หมิงหยู่ หวู่ซวง’‘หลงเทียนหมิง’ เริ่มหงุดหงิดก่อนที่เขาจะโยนม้วนกระดาษนี้ออกไป
“ บ้าเอ้ย ไม่เห็นวิถีแห่งเจตจำนงค์ในสามคำนี้เลย!”
‘หลงเทียนหมิง’ พูดด้วยความโกรธ ก่อนที่จิตใจของเขาจะค่อยๆเย็นลงอย่างช้าๆ ซักครู่ ‘หลง เทียนหมิง’ก็หยิบกระดาษขึ้นมาค้นหาวิถีแห่งเจตจำนงค์ที่ซ่อนอยู่ต่อ
ณ ตำหนัก เมฆาสวรรค์
ปรมาจารย์เทียนอวิ๋น ได้รับตัวอักษรมา แล้ว เริ่ม ทำความเข้าใจตรวจสอบหาวิถีแห่งเจตจำนงค์ เพียงครู่หนึ่งประกายตาของเขาก็เป็นประกาย ปรมาจารย์เทียนอวิ๋น ถอนหายใจ พร้อมกล่าวขึ้นว่า
“ ข้ามิเคยคาดหวังเลยว่าตัวอักษรเพียงไม่กี่คำ สามารถสร้างความเข้าใจถึงวิถีแห่ง โลกและสวรรค์ได้ แม้ว่า เขาอาจจะไม่ได้เป็นหนึ่งในผู้คิดค้น อักษรเหล่านี้ แต่มันค่อนข้างที่น่าประทับใจทีเดียวที่เขาสามารถเขียนอักษรเหล่านี้ขึ้นมาได้แม้ว่าเขานั้นจะอายุยังน้อย สามารถเขียนอักษร ที่แฝงไว้ด้วยความเข้าถึงในวิถีแห่งเจตจำนงค์ในตัวของมัน!”
เด็กคนนี้ จะต้องเป็นผู้ที่มีความสามารถพิเศษเป็นที่แน่แท้ ในอนาคตเขาจะต้องเจริญเติบโต และพัฒนาขึ้นอีกมากมายนักแม้แต่ปรมาจารย์เทียนอวิ๋น ก็ยังไม่ มั่นใจเลยว่าเขาจะสามารถเขียนอักษรเหล่านี้ได้อย่างสมบูรณ์
“เด็กอัจฉริยะ ของห้องเรียนใหม่ จากโลกใบเล็กนี่ช่างน่าสนใจนัก”
ปรมาจารย์เทียนอวิ๋น บ่นพึมพำกับตัวเอง มุมปากของเขานั้นเผยให้เห็นถึงรอยยิ้ม
“ โลกใบเล็ก นี่ช่าง เป็นที่บ่มเพาะสร้างอัจฉริยะ ข้าสงสัยว่าเด็กคนนี้จะเติบโตมาเป็นบุคคลเช่นไร”
ภายในห้อง ของ’เนี้ยลี่’ ‘ยู่หยาน’ ตื่นขึ้นมาจากการบ่มเพาะพลังของนาง หลังจากที่ไม่มีผู้ใดมาเคาะประตูให้เขียนอักษรอีกแล้ว ‘เนี่ยลี่’จึงนำจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำขึ้นมาวางบนโต๊ะ
‘ยู่หยาน’ ทักทาย ‘หนิงเอ๋อ’
เมื่อเห็น’เนี้ยลี่’กำลังเปิด จิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ นางบินไปและถาม’เนี้ยลี่’ว่า
“ เนี้ยลี่ สิ่งนี้คืออะไร”
‘ยู่หยาน’มองไปที่ จิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ ก็รู้สึกประหลาดใจ เหมือนมีห้วงเวลาที่ไม่มีที่สิ้นสุดจากตัวมัน
“ของสิ่งนี้มีชื่อว่า จิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ มันแฝงด้วยความลี้ลับมากมากนัก หนิงเอ๋อ พี่สาวยู่หยาน ช่วยคุ้มกันข้าด้วย ถ้ามีใครบางคนเข้ามานี้ ให้บอกว่าข้านั้นไม่อยู่ที่นี่ ข้าต้องการจะทำลายผนึกของจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ”
‘เนี้ยลี่’กล่าว ‘หนิงเอ๋อ’ มองมายังเนี้ยลี่ก็พลันรู้สึกตกใจ นางไม่เคยคาดคิดว่าภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ ที่ ‘กู้เบ่ย’ ได้ซื้อมา จะอยู่ในมือของ’เนี้ยลี่’ แม้ว่าเหล่าชนชั้นสูง จะขายมัน แต่ไม่สามารถถอดรหัสเพื่อจะทราบความหมายของมัน
‘เนี้ยลี่’จะสามารถทำได้กระนั้นหรือ? แม้ว่านางนั้นจะเกิดความสงสัยแต่ก็ยังคงเชื่อมั่นในตัวของ’เนี้ยลี่ ‘
“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะเป็นผู้ป้องกันจากด้านนอก พี่สาวยู่ หยาน คอยดูแลอยู่ด้านใน”
‘หนิงเอ๋อ’ พยักหน้าเนี้ยลี่นั้นคงเป็นกังวลว่าจะมีใครบางคนคอยขัดขวาง เขาจึงคอยมองจนไม่มีใครอยู่ก่อน จึงเริ่มลงมือที่จะถอดรหัสภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ ‘หนิงเอ๋อ’ และ’ยู่ หยาน’ เตรียมการป้องกัน ‘เนี้ยลี่’ ที่หน้าประตูและภายในสนามบ้าน
‘เนี้ยลี่’เริ่มใช้เลือดอสูร ที่เป็นอสูรสายเลือดมังกร เขียนจารึกลงไปเพื่อวางค่ายกล ทำให้เขานั้นแยกตัวออกจากโลกภายนอก
‘เนี้ยลี่’จับจ้องมายังภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ เริ่มสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่แผ่ออกมา เขารับรู้ได้ว่ามันนั้นได้รับการปกป้องจากพลังวิญญาณจำนวนมหาศาล ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงความลี้ลับที่ซ่อนอยู่ได้ ภาพจิตรกรรมแม่น้ำและขุนเขาดูเหมือนว่าจะถูกปกปิดไว้ โดยกำแพงวิญญาณที่ความทนทานอยู่ด้านนอก จึงมิสามารถมองเห็นในสิ่งที่ซ่อนอยู่ด้านในได้
เขาต้องทำลายกำแพงทีละชั้น ทีละชั้น จำนวนมากมาย ของภาพจิตรกรรมแม่น้ำหมื่นลี่และขุนเขา เช่นเดียวกันนั้น’เนี้ยลี่’ได้ตั้งใจเพ่งสมาธิของเขาที่จะตรวจสอบภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ ความสนใจของเขานั้นพุ่งไปที่เจตจำนงที่ถูกปิดซ่อนอยู่ภายในภาพ
‘เนี้ยลี่’ตรวจสอบแล้วจึงวิเคราะห์ว่า มันนั้นถูกปกปิดโดยยอดฝีมือที่มีความแข็งแกร่ง ซึ่งควรจะอยู่ในระดับ เทพสงคราม เลยทีเดียวเนี้ยลี่ลดเจตจำนงของเขาลงพร้อมกับยิ้มอย่างขมขื่น
“มิแปลกใจเลยว่าทำไมชนชั้นสูงของนิกาย จึงไม่ยอมขายสมบัติที่มีค่าชิ้นนี้เพียงแสนหินจิตวิญญาณแถมยังมีเงื่อนไขผูกมัดมาด้วย แม้ว่าของชิ้นนี้จะไม่สามารถใช้งานได้ก็จริง แต่เขาก็ยังต้องการที่จะเก็บรักษาไว้กับตนเอง”
มันเป็นเรื่องที่ยากมากที่ ยอดฝีมือระดับเทพสงคราม ที่จะยกระดับการบ่มเพาะให้สูงขึ้น สมบัติชิ้นนี้อาจจะช่วยให้เขาสามารถยกระดับขึ้นมาได้ง่ายๆ
“เขาอาจจะใส่เจตจำนงที่สามารถติดตามภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ เมื่อเขาต้องการ และเขาอาจจะรอที่จะฉกฉวยมันกลับไป เมื่อมีคนที่สามารถถอดรหัสความลี้ลับได้ในภายหลัง”
‘เนี้ยหลี่’แสดงออกถึงความสงสัย ว่าเขาอาจถูกหลอก พวกเขาอาจจะยังมีความเสียดายของสิ่งนี้ ‘เนี้ยลี่’ยังคงกระตือรือร้นมาก เขานั้นหาวิธีสัมผัสถึงเจตจำนงที่ปรากฏอยู่ชนชั้นสูง ที่ขาย ภาพจิตรกรรมหมื่นแม่น้ำและขุนเขาที่ตลาดประมูล เพราะเขาต้องการรู้ว่าอาจจะมีคนที่ล่วงรู้ถึงสิ่งนี้
ถ้ามีใครบางคนซื้อมันด้วยเงินจำนวนมากเขาย่อมต้องรู้เกี่ยวกับการใช้งานจริงของภาพจิตกรรมนี้เป็นแน่ อีกฝ่ายเป็นถึงยอดฝีมือระดับเทพสงคราม
ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่’เนี้ยหลี่’นั้นจะสามารถกำจัดเจตจำนงที่แฝงมาได้ในเวลานี้ ขณะที่เขาทำ ฝ่ายตรงข้ามจะต้องรับรู้ได้อย่างแน่นอนและติดตามหาสถานที่ตั้ง ด้วยความแข็งแกร่งของ’เนี้ยหลี่’ และ’กู้เบ่ย’ ในเวลานี้ ย่อมเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่จะป้องกันตัวเองจากยอดฝีมือระดับเทพสงครามได้
งั้นเราควรจะทำเช่นไร ‘เนี้ยหลี่’ลูบคางของเขาขณะครุ่นคิด ทันใดนั้นก็มีความคิดหนึ่งเปล่งประกายขึ้นมาในหัวเขา
“ การประดิษฐ์ตัวอักษรข้าก็เคยทำมาแล้ว จะเป็นอะไรไป ถ้าข้าจะเขียนภาพวาดอีก”
‘เนี้ยหลี่’นำเอากระดาษออกมาตัดมันให้มีขนาดเท่ากับภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ
เขาเริ่มลงมืออย่างรวดเร็ว มองภายนอกแล้วช่างเหมือนกับของเดิมเลยทีเดียว
หลังจากนั้นภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ อีกอันก็ปรากฏอีกภาพต่อหน้าเขา หลังจากวาดเสร็จ’เนี้ยหลี่’ก็ใช้เลือดอสูรผนึกจารึกเพื่อปิดบังตัวตน เป็นค่ายกลหลายชั้นลงในภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ
แปลโดย ผู้ไม่ประสงค์นาม
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: