ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปหลังจากนั้นไม่นาน เสียงโอดครวญและกรีดร้องของ’ลู่เพียว’ ก็ดังมาจากห้องพักของเขา ตามมาด้วยเสียงดุด่าของ’เซี่ยวซุ่ย’ ที่ต่อว่า’ลู่เพียว’ที่ทำสัปดน แล้วก็ตามไปด้วยเสียงเฆี่ยนตีก่อนที่จะสงบลงในที่สุด
มันเป็นเสียงแห่งความเจ็บปวดอย่างแท้จริง
‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’กระพริบตาพร้อมกับถาม’เนี่ยลี่’ว่า
“เจ้านั้นพูดอะไรกับลู่เพียวงั้นเหรอ?”
‘เนี่ยลี่’อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายขณะที่เขาตอบไป
“ไม่ได้มีอะไรมากหรอก”
‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’เม้มริมฝีปากของนาง ‘เนี่ยลี่’คงจะมอบความคิดบ้าๆบางอย่างให้กับ’ลู่เพียว’เป็นแน่ ไม่เช่นนั้น ‘ลู่เพียว’ คงไม่ถูก’เซี่ยวซุ่ย’สั่งสอนแบบนี้
ขณะที่’เนี่ยลี่’กับ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’คุยกันอยู่นั้น ก็มีเสียงเคาะประตูมาจากทางประตูลานบ้าน
“เซี่ยวหยู่คงจะกลับมาแล้ว”
‘เนี่ยลี่’ยิ้ม ขณะที่เขาเดินไปที่ประตู เมื่อเขาเปิดมันออกก็พบกับคนสามคนยืนอยู่ที่นั่น พร้อมกับส่งกลิ่นอายที่ทรงพลังแผ่ออกมาปะทะ
ทั้งสามคนดูแล้วน่าจะอายุราวๆยี่สิบ การบ่มเพาะพลังของพวกเขาล้วนสูงกว่าระดับชะตาสวรรค์ และหนึ่งในนั้นอาจจะถึงระดับดาราสวรรค์เสียด้วยซ้ำ ในขณะเดียวกัน’เนี่ยลี่’ก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายและจิตสังหารที่แผ่ออกมาเช่นกัน
เหล่าชายหนุ่มมองมายัง’เนี่ยลี่’ในขณะที่พวกเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า
“เจ้าคือเนี่ยลี่สินะ?”
ดวงตาของพวกชายหนุ่มเบิกโพลงขึ้นเมื่อพวกเขากวาดตามองที่’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’แต่พวกเขาก็ข่มใจเอาไว้ได้
“ถูกแล้ว”
‘เนี่ยลี่’มองไปที่กลุ่มพวกเขา เขาเองก็ไม่รู้ว่าคนพวกนี้มาด้วยเหตุใดกัน
“ชื่อของข้าคือ หลงโหย่ว 龙右 เป็นคนของตระกูลผนึกมังกร มีใครบางคนร้องขอให้ข้ามารับตัวอักษรที่เจ้าเขียน ”
‘หลงโหย่ว’ พูดอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก แม้ว่าคำกล่าวอ้างของเขาจะบอกว่าเป็นการร้องขอตัวอักษร แต่น้ำเสียงขอเขานั้นมิใช่การร้องขอเลยแต่น้อย
‘หลงโหย่ว’นั้นมีกลิ่นอายของพลังระดับดาราสวรรค์ จึงทำให้’เนี่ยลี่’รู้สึกกดดันเล็กน้อย
‘หลงโหย่ว’ผู้นี้ อาจจะเป็นหนึ่งในคนของ’หลงเทียนหมิง’ ในทางกลับกัน พวกเขามาที่นี่เพื่อต้องการตัวอักษร แต่อีกทางหนึ่ง เขาต้องการที่จะให้’เนี่ยลี่’นั้นยอมรับความพ่ายแพ้ และ ป้องกันไม่ให้เขาหยิ่งทะนงมาเกินไป ด้วยความสามารถอันดีเยี่ยมของเขา
“นอกเหนือจากจากการคุยกันเรื่องตัวอักษรแล้ว นายน้อยของข้านั้นมีความสนใจในตัวของเจ้า และต้องการที่จะให้เจ้าเข้าร่วมกับกองกำลังมังกรสวรรค์ ของตระกูลผนึกมังกรด้วย”
‘หลงโหย่ว’จ้องมอง’เนี่ยลี่’ ในมุมมองของเขานั้น ‘เนี่ยลี่’มิได้มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมในกองกำลังมังกรสวรรค์เลยแม้แต่น้อย เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดนายน้อย จึงบอกว่าจะตอบรับทุกข้อเสนอที่’เนี่ยลี่’เอ่ยมา ถ้าหากยอมเข้าร่วมกับกองกำลัง
“ข้านั้นได้ประกาศออกไปแล้วว่า ข้าจะไม่เข้าร่วมกับตระกูลใดๆ โปรดอภัยให้ข้าด้วย สำหรับเรื่องตัวอักษรนั้น ข้าใช้เวลาเขียนเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น และจะมอบให้พวกท่านนำกลับไป”
‘เนี่ยลี่’ตอบกลับ สังเกตุเห็นได้ถึงร่องรอยแห่งความสงสัยผ่านทางสายตาของเขา
เป็นดังที่เขาได้คาดไว้ ‘หลงเทียนหมิง’ จักต้องส่งใครมาขอตัวอักษรจากเขา
ด้วยคนอย่าง’หลงเทียนหมิง’นั้น แน่นอนว่าจักต้องไม่ยอมที่จะจ่ายศิลาจิตวิญญาณหนึ่งแสนห้าหมื่นก้อนเพื่อตัวอักษรของ’เนี่ยลี่’เป็นแน่ เพราะถึงอย่างไรศิลาจิตวิญญาณหนึ่งแสนห้าหมื่นก้อนมิใช่เงินจำนวนน้อยๆ มารยาทของ’หลงเทียนหมิง’นั้น เลวทรามกว่า’เหยียนหยาง’ และ ‘หมิงเยี่ย วู่ซวง’ ยิ่งนัก
เขาพยายามที่จะข่มขู่ผู้อื่นด้วยอำนาจที่เหนือกว่า และนำเอาตัวอักษรของเนี่ยลี่ไปโดยที่ไม่ต้องจ่ายสิ่งใดเลย ‘หลงเทียนหมิง’คิดว่าเรื่องนี้จักต้องได้ผลเป็นอย่างดี เขาไม่คิดจะจ่ายสิ่งใด แต่กลับที่จะต้องการได้รับผลประโยชน์
ซึ่งสำหรับ’เนี่ยลี่’นั้น เขาระวังเกี่ยวกับ’หลงเทียนหมิง’อยู่เสมอ ดังนั้น เขาจะไม่ยอมปล่อยให้’หลงเทียนหมิง’ ได้รับตัวอักษรของเขาไปโดยง่ายเป็นแน่
เดิมที’หลงโหย่ว’ นั้นคิดว่า’เนี่ยลี่’จะปฏิเสธ เนื่องจากมีคำร่ำลือว่าตัวอักษรของเขานั้นขายได้ราคาสูงยิ่งนัก แต่ทว่า เมื่อ’เนี่ยลี่’ยอมเขียนให้โดยง่ายดาย เขาก็แสดงท่าทีที่อ่อนลงเล็กน้อย มันแสดงออกถึงความฉลาดของ’เนี่ยลี่’ ที่รู้ว่าควรจะทำเช่นใดในเวลาที่เหมาะสม
“โปรดรอคอยสักครู่ ข้าจักเขียนอะไรสักสามคำ ก่อนที่จะให้พวกท่านนำกลับไป”
‘เนี่ยลี่’พูดอย่างสุภาพพร้อมกับประสานมือ
“ตกลงพวกเราจะรอเจ้าอยู่ตรงนี้”
‘หลงโหย่ว’พยักหน้า ด้วยคำสั่งของ’หลงเทียนหมิง’นั้น ‘เนี่ยลี่’ได้ตอบรับไปแล้วหนึ่งคำร้องขอ ไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะต้องสร้างปัญหาให้แก่เขา แม้ว่าอาจจะเป็นไปได้ว่า’เนี่ยลี่’นั้น อาจจะกลายเป็นเสี้ยนหนามของเขา
ตราบใดที่’เนี่ยลี่’ยังเต็มใจที่จะมอบให้ ‘หลงเทียนหมิง’ก็มิได้มีแผนที่จะสร้างความลำบากอันใดให้แก่เขาในช่วงเวลานี้
เพราะถึงอย่างไร ก็ไม่มีผู้ใดที่จะทำอะไร’เนี่ยลี่’ได้ ตราบเท่าที่อยู่ในสถาบันวิญญาณฟ้า
‘เนี่ยลี่’และ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’กลับเข้าไปในห้องของเขา
‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’จ้อง’เนี่ยลี่’แล้วเอ่ยถามว่า
“พวกเขาทั้งสามกำลังพยายามที่จะข่มขู่เอาตัวอักษรจากเจ้าโดยไม่จ่ายค่าตอบแทนอันใด และเจ้าก็กำลังที่จะเขียนให้กับพวกเขาอย่างนั้นเหรอ? ”
‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย ซึ่งเรื่องแบบนี้จักต้องไม่เกิดขึ้นในสำนักเสียงสวรรค์เป็นแน่ นางรู้สึกเกลียดชังคนทั้งสามยิ่งนัก
พยายามที่จะข่มขู่ไปโดยที่ไม่จ่ายสิ่งตอบแทน แล้วยังทำท่าทีราวกับว่าเป็นเรื่องปกติเช่นนี้“อำนาจย่อมแข็งแกร่งยิ่งกว่ามนุษย์ แน่นอนว่าข้าจะมอบให้แก่เขา เพราะถึงอย่างไร ในหมู่พวกเขานั้นมียอดฝีมือระดับดาราสวรรค์อยู่ด้วย!”
‘เนี่ยลี่’ยิ้มเล็กน้อย ในขณะที่เขาเดินไปที่โต๊ะ เขาเปิดกระดาษสีขาวออกมา และขณะที่เขายกพู่กัน ในดวงตาของเขาก็จับจ้องอย่างมีสมาธิ
เมื่อ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’มองดู’เนี่ยลี่’ มันดูราวกับว่าร่างกายของเขากำลังลุกไหม้ และกลิ่นอายที่ราวกับไฟที่ลุกโชน ยิ่งไปกว่านั้นภายในกลิ่นอายเหล่านี้ ยังมีร่องรอยของพลังสัจธรรมแห่งความมืดและแสงสว่างอยู่อีกด้วย
วิถีแห่งเจตจำนงค์ได้มารวมกันตรงปลายพู่กัน ‘เนี่ยลี่’ค่อย ๆลดมือลงและเริ่มลงมือเขียน
ดวงตาของ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’เบิกโพลง ความงงงวยปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง ก่อนหน้านี้ในงานชุมนุม ‘เนี่ยลี่’ไม่ได้ใช้วิถีแห่งเจตจำงนงค์ใด ๆในการเขียนตัวอักษรของเขา แต่ในตอนนี้ เขากำลังใช้วิถีแห่งเจตจำนงค์อยู่
เนื่องจาก’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’นั้นฉลาดและมีไหวพริบ นางจึงคิดออกได้ในทันที ‘เนี่ยลี่’ทำเช่นนี้เพราะมีจุดประสงค์บางอย่างเป็นแน่
“ข้านั้นได้เข้าถึงพลังสัจธรรมแห่งความมืดและแสงสว่างจากโลกใบเล็ก และตระหนักได้ว่าภายในพวกมันนั้นก็มีวิถีแห่งเจตจำนงค์อยู่ ความมืดคือความหนาวเหน็บ และแสงสว่างคือความอบอุ่น โดยธรรมชาติแล้วนี่คือวิถีแห่งเจตจำนงค์ที่ข้านั้นได้เข้าถึง และยังมีช่องว่างอีกกว้างใหญ่นัก เมื่อเทียบกับวิถีแห่งเจตจำนงค์ มีเพียงยอดฝีมือขั้นสูงสุดเท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงได้ หลงเทียนหมิงคิดจะได้ตัวอักษรบางคำจากข้าโดยมิให้สิ่งตอบแทนงั้นเหรอ? ก็ดั่งคำที่ว่า ‘ความสะดวกสบายไม่อาจที่จะทำให้ได้รับสินค้าที่ดีพอ’ สำนวนจีนหมายถึง ถ้าคิดแต่จะเอาสบาย ก็จะได้รับผลตอบแทนที่ไม่ดี ”
‘เนี่ยลี่’ยิ้มเล็กน้อย ภายในตัวอักษรนี้ เขาจงใจที่จะปกปิดวิถีแห่งเจตจำนงค์ด้วยพลังสัจธรรมแห่งความมืดและแสงสว่าง ดังนั้นด้วยธรรมชาติของตัวอักษรนี้ จึงมีวิถีแห่งเจตจำนงค์ขั้นสูงสุดอยู่เช่นกัน
ในขณะที่เขากำลังเขียนตัวอักษรด้วยวิถีแห่งเจตจำนงค์ขั้นสูงสุดนั้น จิตใจของเขานั้นก็ได้เข้าสู่ขอบเขตแห่งปาฏิหาริย์
เมื่อนางได้ฟังคำพูดของ’เนี่ยลี่’ที่ว่า ‘ความสะดวกสบายไม่อาจที่จะทำให้ได้รับสินค้าที่ดีพอ’ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’อดไม่ได้ที่จะปิดปากของนาง พร้อมกับหัวเราะ
‘เนี่ยลี่’นั้นเป็นชายที่ไม่ยอมก้มหัวให้ใครแม้แต่น้อย ถ้าหากเขานั้นมิได้ยอมรับมันเอง ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาตบปากรับคำที่จะเขียนตัวอักษรให้กับคนพวกนั้น การเขียนตัวอักษรแต่ละคำนั้นไม่ได้ใช้เวลามากมายอะไรเลย
เมื่อเขาเขียนคำว่า “กระบี่”เสร็จแล้ว ‘เนี่ยลี่’ครุ่นคิดในขณะที่เขากำลังยิ้มอยู่
“ดูเหมือนว่าเพียงเท่านี้ คงจะยังดูเหมือนว่าไม่มีความจริงใจมากพอ เพราะมันมีแค่เพียงหนึ่งคำเท่านั้น เช่นนั้นข้าจะเขียนเพิ่มให้อีกสองคำ”
รวมกับคำว่า “กระบี่” เนี่ยลี่เขียนมันขึ้นมาทั้งหมดสามคำ เขายิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า
“มากกว่าที่ข้าเขียนให้เหยียนหยาง กับ หมิงเยี่ย วู่ซวง หนึ่งคำ ในตอนนี้ พวกเขาจักต้องรับรู้ถึงความจริงใจของข้าเป็นแน่”
เมื่อได้ยินคำพูดของ’เนี่ยลี่’ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’อดไม่ได้ที่จะยิ้ม ‘เนี่ยลี่’ร้ายกาจยิ่งนัก แม้นางจะเห็นว่าสิ่งที่เนี่ยลี่ทำนั้นเป็นการฉลาดแกมโกง ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ ก็ยังรู้สึกว่า’เนี่ยลี่’นั้นเป็นคนที่น่าเชื่อถือยิ่งนัก ความเจ้าเล่ห์ของเขานั้นจะนำมาใช้กับศัตรู แต่เมื่อเขาอยู่กับสหาย ‘เนี่ยลี่’ ก็จะทำให้พวกเขาไว้วางใจเป็นที่สุด และคอยช่วยเหลือพวกเขาด้วยความจริงใจ
‘เนี่ยลี่’ถือตัวอักษรของเขาขณะที่เขาเดินไปที่ประตูทางเข้า และส่งมันให้กับ’หลงโหย่ว’
“ข้าเขียนเสร็จแล้ว!”
‘หลงโหย่ว’รับตัวอักษรมาจาก’เนี่ยลี่’ และจับจ้องมันอย่างตั้งอกตั้งใจ เขาสัมผัสได้ถึงร่องรอยของวิถีแห่งเจตจำนงค์อย่างคลุมเครือ
แต่ก็ไม่ได้รู้สึกประทับใจอะไรมากนัก เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วของเขาในขณะที่กำลังสงสัยอยู่ว่า’เนี่ยลี่’นั้นหลอกลวงเขาอยู่หรือไม่? แต่ทว่า เขาก็ได้ยินมาว่า คนธรรมดานั้น ไม่อาจที่จะสัมผัสได้ถึงวิถีแห่งเจตจำนงค์ใดๆที่แฝงอยู่ในตัวอักษรได้เลย ซึ่งความจริงในข้อนี้ทั่วทั้งนิกายต่างก็ทราบกันดี
ในใจของ’หลงโหย่ว’ นั้น รู้สึกไม่มั่นใจเล็กน้อย เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นยอดฝีมือระดับดาราสวรรค์และเป็นระดับหัวกะทิของ กองกำลังมังกรสวรรค์ หรือว่าแม้แต่เขาก็ไม่อาจที่จะเข้าใจได้ถึงวิถีแห่งเจตจำนงค์ที่แฝงอยู่ในตัวอักษรพวกนี้?
‘หลงโหย่ว’ เก็บตัวอักษรไว้พร้อมกับชำเลืองมองเนี่ยลี่เล็กน้อย
“ข้าได้รับตัวอักษรแล้ว ไปกันเถอะ!”
เขาโบกมือของเขา และเดินนำอีกสองคนออกไปจากลานบ้าน
‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ขมวดคิ้วของนางเล็กน้อย นางตั้งข้อสังเกตุว่าคนพวกนี้ไร้มารยาทยิ่งนัก เขาเอาสิ่งของไปจากผู้อื่นโดยมิได้เอ่ยปาก “ขอบคุณ” เลยแม้แต่น้อย
‘เนี่ยลี่’นั้นตรงกันข้าม เขาไม่ได้สนใจในเรื่องนี้มากนัก เพราะตัวอักษรที่เขาทำให้ไปนั้นเป็นแค่ของที่ปลอมแปลงขึ้นเท่านั้น
ไม่นานนักหลังจากที่ ‘หลงโหย่ว’ จากไป มีใครบางคนมาเคาะประตู เมื่อ’เนี่ยลี่’เปิดมันออก เขาเห็นว่าเป็น’อาจารย์ชิหลิง’
“ด้วยเรื่องอันใดจึงได้นำพาท่านอาจารย์ชิหลิงมาถึงหน้าประตูของข้าได้?”
‘เนี่ยลี่’เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่แสดงความเคารพ เขายังคงทำตัวสุภาพ ถึงอย่างไร ‘อาจารย์ชิหลิง’ ก็เป็นอาจารย์ แม้ว่าจะเป็นแค่ในนามก็ตามที
การแสดงออกของอาจารย์ชิหลิงนั้น รวมไปถึงท่าทีที่เกรงอกเกรงใจ ราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ หมายถึงการนิ่งเงียบและพูดอย่างแผ่วเบาเขายิ้มและเอ่ยว่า
“ข้าขออภัยที่ต้องรบกวนเจ้า ในเรื่องที่นอกเหนือจากบทเรียน ข้าได้รับการไหว้วานจากคนที่ข้านับถือ เพื่อขอให้เจ้าเขียนอักษรให้สักคำ ถ้าหากว่าเจ้านั้นยินดีที่จะมอบให้ ข้าสามารถที่จะมอบศิลาจิตวิญญาณจำนวนหนึ่งแสนห้าหมื่นก้อนเป็นการแลกเปลี่ยน”
“ท่านอาจารย์ชิหลิง ท่านกล่าวหนักเกินไปแล้ว การที่อาจารย์จะเอ่ยปากขออะไรบางอย่างจากศิษย์ เหตุใดข้าจะต้องพูดเรื่องเงินทองด้วยเล่า? ข้าจะเขียนให้เป็นสิบคำเพื่ออาจารย์ชิหลิง แต่ข้าสงสัยว่าใครคือผู้ที่ต้องการงั้นหรือ?”
‘เนี่ยลี่’เอ่ยถามอย่างสุภาพ
อาจารย์ชิหลิงนั้นเป็นอาจารย์ในสถาบันวิญญาณฟ้า เขามีลูกศิษย์มากมายในนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ แน่นอนว่าเขาจักต้องมีเส้นสายที่มากมาย สำหรับอาจารย์ชิหลิงนั้น ใครบางคนที่เขาเรียกว่า “คนที่เขานับถือ” แน่นอนว่าจักต้องมิใช่บุคคลธรรมดา
เนื่องจากว่าเขามาเสนอด้วยตัวเองถึงที่หน้าประตู ‘เนี่ยลี่’จักพลาดโอกาสนี้ไปได้อย่างไร มันก็แค่ตัวอักษรไม่กี่คำเท่านั้น และเขาก็มิได้สูญเสียอะไรไปในการเขียนมันขึ้นมา
“คนที่ข้านับถือนั้นมักจะเก็บตัวอยู่เสมอ แม้ว่าข้าจะเอ่ยนามเขาออกไป เจ้าก็อาจจะไม่ทราบว่าเขานั้นเป็นใคร คนในโลกภายนอกรู้จักท่านในนามของ ปรมาจารย์เทียนอวิ๋น ”
‘อาจารย์ชิหลิง’ ตอบ ปรมาจารย์เทียนอวิ๋นนั้นเก็บตัวมานานหลายปี ดังนั้นคนที่เข้ามาใหม่อาจจะไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร
ใจของ’เนี่ยลี่’นั้นอดไม่ได้ที่จะกระโดดโลดเต้น ปรมาจารย์เทียนอวิ๋น เป็นหนึ่งในห้าเสาหลักของนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ ทำไม’เนี่ยลี่’จึงจะไม่รู้จักเสาหลักที่มีอำนาจถึงเพียงนั้น?
ปรมาจารย์เทียนอวิ๋น เป็นหนึ่งในห้าเสาหลัก ที่ไม่มีผู้ใดที่จะกล้าท้าทายอำนาจ แต่ทว่าเมื่อนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ได้ล่มสลายไปในชีวิตก่อนหน้าของเขา
ปรมาจารย์เทียนอวิ๋น ไม่อาจที่จะแก้ไขมันได้ เนื่องจากว่าเขานั้นมีอายุมากแล้ว และการบ่มเพาะพลังของเขาก็ถดถอยไปอย่างช้า ๆ
แต่ถึงอย่างไร ปรมาจารย์เทียนอวิ๋น ก็ยังคงมีอำนาจอยู่ในนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์นี้
“ในเมื่อคนที่ท่านนับถือนั้น ชื่นชอบตัวอักษรของข้า แน่นอนว่าข้าจะตั้งใจเขียนให้อย่างดีที่สุด เพื่อให้อาจารย์ชิหลิงมีความคุ้มค่าพอที่จะนำไปแสดงให้เขาได้เห็น”
‘เนี่ยลี่’โค้งคำนับเล็กน้อย และพูดต่ออีกว่า
“และเนื่องจากข้ามิได้ใช้เวลามากมายในการเขียนมันขึ้นมา ข้าจึงจะขอมอบให้เป็นของขวัญแก่อาจารย์ชิหลิงแทนก็แล้วกัน”
อาจารย์ชิหลิงมองดูเนี่ยลี่ด้วยสายตาที่แสดงความขอบคุณ
“ขอบใจเจ้ามาก แน่นอนว่าข้าจะนำไปบอกปรมาจารย์เทียนอวิ๋น ให้เขาได้รับรู้ความประสงค์ของเจ้า ”
อาจารย์ชิหลิงนั้น ไม่อาจที่จะปฏิเสธคำขอเรื่องตัวอักษรของ’เนี่ยลี่’จาก ปรมาจารย์เทียนอวิ๋น ได้ และเขาก็ไม่อาจที่จะบากหน้าเพื่อที่จะไปขอจากนักเรียนโดยที่ไม่ให้สิ่งตอบแทนได้
ตัวเลือกเดียวของเขาจึงเป็นการมอบศิลาจิตวิญญาณจำนวนหนึ่งแสนห้าหมื่นก้อน เพื่อซื้อตัวอักษรที่จาก’เนี่ยลี่’ แต่ทว่าเขาไม่ได้คาดหวังเลยว่า ‘เนี่ยลี่’ จะมอบให้เขาเป็นของขวัญอย่างไม่อ้อมค้อมเลยสักนิด
‘อาจารย์ชิหลิง ‘ไตร่ตรองในเวลาสั้น ๆ จากนั้ก็พูดว่า
“ข้าไม่อาจที่จะนำตัวอักษรของเจ้าไปโดยมิให้สิ่งตอบแทน ด้วยความคุ้มครองจากปรมาจารย์เทียนอวิ๋น เจ้าไม่ต้องกังวลว่าตระกูลใดๆ จะมากดดันเจ้าได้ ตราบเท่าที่ยังอยู่ในสถาบันวิญญาณฟ้า”
เมื่อได้ฟังคำพูดของ’อาจารย์ชิหลิง’ ‘เนี่ยลี่’รู้สึกยินดียิ่งนัก สำหรับเขาแล้ว ความสนับสนุนนี้มีค่าเสียยิ่งกว่าศิลาจิตวิญญาณหนึ่งแสนห้าหมื่นก้อนเสียอีก
“ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าต้องขอขอบคุณอาจารย์ชิหลิงยิ่งนัก!”
แปลโดย นายมะพร้าว
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: