ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปวันนี้ ‘เนี่ยหลี่’ได้ใช้ศิลาจิตวิญญาณเพื่อหลอกล่อจินตาน และเขาต้องการเพิ่มความแน่นหนาของการเชื่อมต่อกับตัวของมัน โดยปกติแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับจินตานที่จะหลุดพ้นจากการควบคุมของเขาแต่อย่างใด
หลังจากที่จินตาน เข้ามาในภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ มันก็ตื่นขึ้นมาเพราะพลังสวรรค์ที่มากล้นเหลือ มันรู้สึกตื่นเต้นดีใจและเริ่มอ้าปากกว้างเพื่อที่จะดูดพลังงานนั้นเข้ามา
ทันใดนั้นตัวของจินตานก็ขยายใหญ่ขึ้นคล้ายกับลูกบอล ใหญ่เป็น2 เท่าจากขนาดปกติ แม้ว่าใบหน้าของมันแทบจะจมลงไปและเกือบที่จะหายไปหมดเลยทีเดียว
ร่างกายเล็กๆของมันได้กลายเป็นอ้วนกลมจนไม่สามารถที่จะขยับเคลื่อนที่ได้ มันได้แต่นั่งอยู่บนพื้นดินราบเรียบระหว่างเนินเขา มันอาจจะต้องใช้ระยะเวลาค่อนข้างจะนานทีเดียวที่จะย่อยพลังสวรรค์ภายในตัวของมัน
เจ้าตัวเล็กนี้มีความสามารถที่จะดูดซับพลังสวรรค์ที่มีพลังล้นเหลือจำนวนมากมายมหาศาลได้โดยง่าย โดยในตอนแรกเริ่มนั้นเนี่ยหลี่ยังวิตกกังวลว่า ด้วยความสวาปามของจินตานนั้นจะทำให้ดูดพลังงานจากภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำจนแห้งเหือดลงไปได้
แต่เขากลับได้พบว่าจินตานนั้นดูดซับพลังงานสวรรค์ได้เพียงแค่ส่วนน้อยนิดเท่านั้น ภาพจิตกรรมแม่น้ำหมื่นลี้และขุนเขา ยังสร้างพลังสวรรค์ออกมาต่อเนื่องเรื่อยๆ
แม้ว่าจินตานนั้นจะมองดูเหมือนยังตัวเล็กอยู่ ตามที่เนี่ยหลี่ได้คาดคะเนว่า มันน่าจะมีความแข็งแกร่งไม่น้อยกว่ายอดฝีมือระดับชะตาสวรรค์ระดับ 3 ชะตา แต่ร่างกายของมันก็ใกล้เคียงกับระดับที่เป็นอมตะยากที่จะทำลายมันลงได้ ตอนนี้แม้แต่ระดับยอดฝีมือระดับเทพสงครามก็ยังเป็นเรื่องที่ยากลำบากในการที่จะสังหารมันเลยทีเดียว
ในตอนนี้นั้น ร่างกายของจินตาน ยังไม่พัฒนาเต็มที่ และยังไม่สามารถที่จะเข้าร่วมในการต่อสู้ได้ แต่ถ้าจินตานสามารถที่จะดูดซับพลังสวรรค์อย่างต่อเนื่องด้วยอัตรานี้แล้วล่ะก็ เมื่อนั้นใครจะรู้ว่าจะเป็นเช่นไร?
‘ยู่ หยาน’ ก็แลดูตื่นเต้นมากเหมือนกัน เมื่อนางเข้ามาในภาพ ร่างกายของนางก็จุดเปลวเพลิงสีทองขึ้นหลายครั้งและซึ่งมีความแข็งแกร่งยิ่งกว่าเวลาที่อยู่ภายด้านนอกเสียอีก
นางบ่มเพาะพลังได้เพิ่มขึ้นในระดับที่รวดเร็วขึ้นเป็นอย่างมากและนางยังก้าวไปถึง ชะตาสวรรค์ระดับ 3 ชะตาแล้วในตอนนี้ ด้วยระดับความสามารถของนาง ทำให้’เนี่ยหลี่’ไม่สามารถแน่ใจได้เหมือนกัน ซ้ำเขายังไม่รู้ว่าเจ้าเปลวเพลิงสีทองที่ ยู่หยานปลดปล่อยออกมานั้นช่างน่าหวาดหวั่นยิ่งนักแม้แต่เนี่ยหลี่เองก็ไม่สามารถที่จะบอกได้เลยว่ามันนั้นมาจากที่ใด
“พี่สาวยู่หยาน ท่านสามารถที่จะพำนักอยู่ในนี้ได้เพื่อบ่มเพาะพลังได้!”
‘เนี่ยหลี่’เผยยิ้มออกมา
‘ยู่หยาน’ลืมตาของนางขึ้นพร้อมกับเม้มปาก ยิ้มและพยักหน้าพร้อมตอบ
“ตกลง “
‘เนี่ยหลี่’มองดู ทั่วทั้งขุนเขาและสายน้ำ สถานที่แห่งนี้มันเหมือนกับอาณาเขตของเขาที่เขาสามารถที่จะทำอะไรได้ค่อนข้างเยอะพอสมควรเลยทีเดียว
มีความคิดบางสิ่งผ่านเข้ามาในสมองของเนี่ยหลี่และเขาก็ยิ้มออกมา เขาพร้อมแล้วที่จะดำเนินการบางอย่างสำหรับแผนนี้
‘เนี่ยหลี่’ออกมาจากภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำและเดินออกมาจากห้องของเขา
‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ยังไม่ได้ขยับไปใหนนางยังคงทำหน้าที่เป็นยามป้องกันที่หน้าประตู เมื่อ’เนี้ยหลี่’ก้าวออกมา ในที่สุดนางก็โล่งใจและเอ่ยถามออกไปว่า
“เนี้ยหลี่ มันเป็นอย่างไรบ้าง?”
“มันสำเร็จเรียบร้อยแล้วและมันสามารถที่จะหลอมรวมเข้ากับเขตแดนวิญญาณของข้าได้”
‘เนี้ยหลี่’พยักหน้า
‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’รู้นั้นสึกประหลาดใจเล็กน้อย นางไม่คาดคิดเลยว่าเนี้ยหลี่นั้นจะสามารถทำลายผนึกของภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำได้ นางเริ่มจะชื่นชมเขามากยิ่งขึ้นไปอีกเพราะว่าในจริงนั้น แม้ว่าผู้อาวุโสระดับสูงก็ยังไม่สามารถที่จะทำมันได้สำเร็จ
‘เนี้ยหลี่’นั้นเคยเป็นผู้นำพวกนาง เมื่อครั้งตอนที่อยู่ในโลกใบเล็กก่อนที่จะเดินทางมายังอาณาจักรซากมังกรดังนั้นในหัวใจของนางนั้นจึงรู้สึกเต็มไปด้วยความรักที่มีต่อเขา
‘เนี้ยหลี่’กับ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’นั้นบอกปฏิเสธคำเชิญไปร่วมงานชุมนุมอย่างแนบเนียน ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’นั้นต้องการที่จะใช้เวลาที่นางมีอยู่กับเขาให้มากที่สุด
‘เนี่ยหลี่’และ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’หยุดอยู่ที่ลานบ้านของ’กู้เบ่ย’ โดยที่เขาได้มอบภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำที่ได้ปลอมแปลงขึ้นให้กับ’กู้เบ่ย’และเขาได้กล่าวเตือน’กู้เบ่ย’เงียบๆ
“ทำให้มันหายไป”
‘เนี้ยหลี่’นั้นได้ปลอมแปลงภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ ภายหลังจากที่เขานั้นได้สังเกตเห็นเจตจำนงค์ที่ใช้ติดตามอยู่ภายในมันโดยยอดฝีมือระดับเทพสงคราม ‘กู้เบ่ย’นั้นรู้สึกตกใจเป็นอย่างยิ่ง และ เขาไม่สามารถที่จะอดชื่นชม’เนี่ยหลี่’เล็กน้อย
เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่า’เนี้ยหลี่’จะมีความสามารถเหนือล้ำและมีความคิดที่แยบยลเช่นนี้“ข้าเข้าใจแล้ว! เจ้าสามารถปล่อยให้ข้าจัดการได้! จะว่าไปทางนี้ ก็มีข่าวมาบอก ข้านั้นได้รับจิตอสูรสายเลือดมังกรระดับธรรมดามาแล้ว! “
‘กู้เบ่ย’ได้ส่งแหวนเก็บของไปให้กับ’เนี้ยหลี่’ก่อนที่เขาจะวุ่นวายกับเรื่องอย่างอื่นๆ
หลังจากรับดวงจิตอสูรทั้งหมดจาก’กู้เบ่ย’ ‘เนี่ยหลี่’ได้หากับสถานที่เงียบสงบและได้เริ่มปรับแต่งหลอมรวมพวกมันได้ภายในภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ
ยามสนธยา เริ่มคลืบคลานเข้ามาอย่างช้าๆ
มันเหมือนกับคืนปรกติ วันนี้ในสถาบันวิญญาณฟ้า คึกคักเป็นอย่างยิ่ง โดยเหล่านักเรียนเกือบทั้งหมดของสถานบันเดินทางไปยังเส้นทางที่ต้องผ่านเข้าไปในป่า
เหล่าอัจฉริยะจากสำนักอัคคีและนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ได้มีการจัดชุมนุมใหญ่ขึ้น มีข่าวลืออ้างว่ามีการจับคู่กันประลองระหว่างเหล่าอัจฉริยะขึ้น เหล่าผู้อาวุโสชั้นสูงของทั้งสามนิกายได้เตรียมมอบมอบรางวัลใหญ่เพื่อเป็นกำลังใจแก่ผู้ที่ชนะ
อย่างไรก็ตาม ‘เนี้ยหลี่’นั้นมิได้สนใจการประลอง
‘เนี้ยหลี่’และ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’เดินทางกลับมายังสนามเพิ่งได้เจอกับ’เซี่ยวหยู่’ ซึ่งเดินทางมาแล้ว ‘เซี่ยวหยู่’เงยหน้าขึ้น มองมายังพวกเขา
“หนิงเอ๋อ เจ้าก็มาที่นี่ด้วยเหรอนี่?”
‘เซี่ยวหยู่’ค่อนข้างประหลาดใจและแสดงกิริยาเขินอายและแสดงท่าทางที่ผิดปกติบนใบหน้าของเขา
“ใช่จ๊ะ! เซี่ยวหยู่ เราเจอกันอีกแล้วนะ”
‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’พูดขณะที่เม้มริมฝีปากของนาง
“เซี่ยวหยู่ เจ้าหายไปใหนมาไม่เจอตั้งสอง วันแล้ว? ทำใมข้าถึงไม่เห็นเจ้าเลยล่ะ?”
ทันใดนั้น’เนี่ยหลี่’ก็รู้สึกถึงสิ่งที่ผิดปรกติกับระดับพลังวิญาณของ’เซี่ยวหยู่’และเขาไม่สามารถที่จะอดเปลี่ยนสีหน้า
“เดี๋ยวก่อนเจ้าไปถึงชะตาสวรรค์ ระดับ 4 ชะตา แล้วแต่ตอนนี้ ทำทำไมมันลดกลับลงมาเหลือแค่ระดับ3 ชะตา เท่านั้น?เจ้าออกไปยังโลกภายนอกโลกมารึเปล่า?”
“ใช่”
‘เซี่ยวหยู่’ ตอบกลับพร้อมรอยยิ้มอย่างขมขื่น เขาต้องการที่จะปิดบังความจริง แต่เขากลับถูกตรวจพบเข้าโดย’เนี่ยหลี่’ในทันที
“มันเป็นใครกัน?”
ใบหน้าของ’เนี่ยหลี่’ทะมึนขึ้นมาทันทีขณะที่เขาปล่อยจิตสังหารรุนแรงออกมา ด้วยในประกายความคิดของเขานั้น เข้าใจว่ามีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่จัดการ’เซี่ยวหยู่’ ‘เนี่ยหลี่’ถามเพื่อความมั่นใจ
“มันคือฮัว หลิงใช่หรือไม่?”
‘เนี้ยหลี่’ ได้รับประสบการณ์พวกนี้มากจำนวนมากในชาติภพที่แล้วของเขา เพราะประสบการณ์เหล่านี้มีสิ่งหนึ่งที่เขาไม่สามารถยอมรับมันได้คือการที่มีคนมาทำร้ายเพื่อนของเขา!
“ใช่”
‘เซี่ยวหยู่’รู้ว่า เขาไม่สามารถที่จะปกปิดมันได้อีกต่อไป
“ข้าได้เดินทางไปยังโลกภายนอก เพื่อต้องการที่จะส่งสิ่งของบางสิ่งให้แก่ท่านลุงของข้า แต่ ไม่เคยคิดเลยว่าฮัวหลิงนั้น จะติดตามไป ข้าได้สังหารลูกน้องคนหนึ่งของมันด้วย”
โชคดี ที่ก่อน’เซี่ยวหยู่’จะออกเดินทางไปยังดินแดนโลกภายนอก เขาได้วางชะตาวิญญญาณส่วนหนึ่งไว้ในห้องโถงวิญญาณ
“กองกำลังของฮัว หลิงที่ควบคุมพื้นที่อยู่ ดินแดนโลกภายนอกมีเท่าไหร่กัน? พวกมันตั้งอยู่สถานที่ใด?”
‘เนี้ยหลี่’ถามขณะที่เขาขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด
“กองกำลังของฮัว หลิง ที่อยู่ในโลกภายนอกนั้นมีจำนวนมากรวมกันอยู่ในบริเวณตอนเหนือ ใกล้กับทะเลสาบแห่งเทพ หลิงหยี่ มีประมาณ 60 คน โดยทั้งหมดนั้นเป็นยอดฝีมือระดับชะตาสวรรค์ ประมาณ เก้าในสิบส่วน พวกเขานั้นมาจากดินแดน สวรรค์น้อย “
‘เซี่ยวหยู่’พูดหัวใจของเขาพลันเต้นรัวไม่เป็นจังหวะเมื่อเขาเห็นท่าทางโกรธของเนี่ยหลี่
เมื่อแลดูแล้วจะโกรธจัดมากเลยทีเดียว ‘เซี่ยวหยู่’กังวลว่าเขาจะทำสิ่งใดโดยไม่ยั้งคิด
” ลืมมันไปเถอะ”พวกเขามีคนจำนวนมากเกินไปด้วยความแข็งแกร่งของพวกเรานั้น มันเป็นไปไม่ได้ที่จะปะทะกับพวกเขา”
‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ พยายามทำให้ ‘เนี้ยหลี่’นั้นใจเย็นลง
“เนี่ยหลี่ เจ้ายังในตอนนี้ยังไม่ถึงระดับชะตาสวรรค์ ขั้น สองชะตาเลย การออกไปยังดินแดนโลกภายนอกเป็นเรื่องที่อันตรายมาก นอกจากนี้ กลุ่มของเขาก็มีคนจำนวนมาก!”
‘เนี่ยหลี่’ได้ว่าทะเลสาบแห่งเทพหลิงหยี่ นั้น มันเป็นทะเลสาบแห่งเทพระดับต่ำที่เกือบจะแห้งเหือดไปแล้ว โดยเริ่มต้นนั้น มันเป็นไปไม่ได้เลยที่คนอย่าง ‘ฮัวหลิง’นั้นจะได้ประโยชน์จากการควบคุมทะเลสาบแห่งเทพ ทั้งหมด มันมีแค่เพียงเหตุผลเดียวว่าทำใม ‘ฮัวหลิง’นั้นถึงได้ยึดครองมันอยู่นั่นเป็นเพราะว่ามันสามารถที่จะผลิตศิลาจิตวิญญาณจำนวนหนึ่งได้
ในโลกภายนอกนั้น ยิ่งกองกำลังผู้ใดได้ครอบครองทะเลสาบแห่งเทพ มากขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งสามารถจ้าง และขยายกองกำลังมากยิ่งขึ้นเท่านั้น เป็นธรรมดาที่กองกำลังเล็กๆ อย่าง’ฮัวหลิง’จะอยู่ปลายแถวในโลกภายนอก
ฮึ่ม!
“พวกมันได้สังหารคนของข้า! จะไม่ให้พวกมันทำการชดใช้ได้ยังไง?”
สายตาที่เย็นชาฉายออกมาจากดวงตาของ’เนี้ยหลี่’ เขาตบไปที่ไหล่ของ’เซี่ยวหยู่’
“อย่าได้กังวลไปเลย ข้าจะช่วยเจ้าชำระแค้นแน่!”
เมื่อ’เนี้ยหลี่’ตบไปที่ไหล่ของ’เซี่ยวหยู่’ใบหน้าของ’เซี่ยวหยู๋’ก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นสีแดงเล็กน้อยขณะที่เขานั้นสะดุ้งเล็กน้อยพร้อมออกการเอียงอาย
‘เนี้ยหลี่’และ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’เองก็มิทันได้สังเกตเห็นกิริยาท่าทางของเขา
“เนี้ยหลี่ เจ้ามีแผนการที่จะทำอะไรรึ?”
‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’กล่าวถาม’เนี่ยหลี่’ขณะที่นางนั้นจับจ้องมองไปที่เขา นางเป็นกังวลกับท่าทางที่ร้อนรนของเขาและตอนนี้’เนี้ยหลี่’นั้นเพิ่งจะมีแค่ระดับชะตาสวรรค์ ขั้น 1 ชะตาเท่านั้น
“อย่ากังวลไปเลย ข้ารู้ถึงขีดจำกัดของตัวเองดี ข้าจะไม่ทำมันเพียงลังพังผู้เดียวหรอกนะ!”
‘เนี้ยหลี่’ครุ่นคิดอยู่ระยะหนึ่ง แล้วก็พูดต่อว่า
“ตามข้ามา พวกเรากำลังจะไปพบใครคนหนึ่ง!”
ด้วยกันกับ’เซี่ยวหยู่’และ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ได้ถูกลากจูงไป โดย’เนี่ยหลี่’เข้าไปยังที่พักของ’หลี่ชิงอวิ๋น’
ณ ที่พักของ’หลี่ชิงอวิ๋น’
หนึ่งในลูกน้องของหลี่ชิงอวิ๋น ‘หลีหู่’ ได้นำพวกเขาไปข้างใน เมื่อพวกเขาเข้าไปข้างใน พวกเขาก็ได้ยินเสียงการโต้เถียงกันดังมาจาผู้อยู่ในห้องโถง
“ท่านนายน้อยหลี่มีแขกอยู่รึ?”
‘เนี่ยหลี่’เอ่ยถาม และมองไปยัง’หลีหู่’ ด้วยท่าทางงงๆ
“ใช่แล้ว”
‘หลีหู่’ พยักหน้ารับ แต่สีหน้าของเขาไม่ค่อยจะดีนัก
“รบกวนพวกท่านกรุณารออยู่ด้านนอก”
‘เนี้ยหลี่’ จ้องมอง ไปยังข้างในห้องโถงด้วยความตั้งอกตั้งใจด้วยความสนใจในข้อความที่เกิดการโต้แย้งกัน
ภายในห้องโถงนั้นมีผู้อาวุโสสองท่าน แลดูแต่กายดี หนึ่งในพวกเขากำลังโต้เถียงกันกับ ‘หลี่ชิงอวิ๋น’อยู่
ผู้อาวุโสพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูจริงจัง
“ชิงอวิ๋นแม้ว่าพวกเราจะรู้ว่าพรสวรรค์ของเจ้าจะค่อนข้างดีมาก แต่เมื่อเปรียบเทียบกับ หลี่ยื่อฟง 李御风แล้ว มันยังด้อยกว่า ในหมู่ผู้อาวุโสของตระกูลเถ้าอัคคีหกในสิบคนในพวกเขานั้นได้มีการตัดสินใจให้หลี่ ยื่อฟงขึ้นเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไปขณะที่ผู้เฒ่าอีก 4 คนนั้น สองคนสนับสนุนหลี่ หลิวเฉ่ย 李流水 อีกหนึ่งคนให้การสนับสนุนเจ้าและอีกหนึ่งคนงดออกเสียง หลี่ หลิวเฉ่ย ได้ตัดสินใจที่จะถอนตัวจากการแข่งขันในการเป็นผู้นำตระกูลด้วยความเต็มใจพร้อมเสนอหลี่ ยื่อฟง ด้วย พวกเราจึงอยากให้เจ้านั้น เห็นแก่ เสียงส่วนใหญ่และพิจารณามันด้วย”
สีหน้าของ’หลี่ชิงอวิ๋น’แสดงออกถึงความเบื่อหน่าย แต่เขาก็มองแบบไม่ยินดีที่จะรับนัก
“ท่านผู้อาวุโส ในเมื่อ หลี่ หลิวเฉ่ย ได้ถอนตัวออกจาการเป็นผู้เข้าแข่งขันแล้ว ข้าจะต้องถอนตัวถึงดีเช่นนั้นหรือ อย่างไรก็ตามข้าไม่ยอมตกลงในสิ่งที่พวกท่านขอมา ที่จะให้ข้า หลี่ชิงอวิ๋นส่ง กองกำลังทั้งหมดและธุรกิจของข้าให้แก่หลี่ ยื่อฟง?ทำไมเขามีสิทธิ์ที่จะควบคุมพี่น้องของข้าและธุรกิจของข้าได้เช่นไร?”
ผู้อาวุโสทั้งสามพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“ในตระกูลเถ้าอัคคีนั้นมีผู้นำเพียงคนเดียวก็พอแล้ว!”
“ข้าไม่เคยกล่าวเลยว่าตระกูลเถ้าอัคคีต้องมีผู้นำตระกูล 2 คน ผู้นำที่ผ่านมาทั้งหมด ล้วนไม่เคยมีใครยึดเอากองกำลังของคู่แข่งผู้สืบทอด ทำไมข้าจะต้องถูกยึดหละ? “
‘หลี่ชิงอวิ๋น’กล่าวอย่างเย่อหยิ่ง
“หลี่ชิงอวิ๋น ทำไมเจ้าถึงได้ทำท่าทางไม่รู้เรื่องเช่นนี้?”
“ข้านั้นไม่รู้?ข้าไม่เข้าใจ หลี่ ยื่อฟง ความจริงเขาเก่งกว่าข้าในเรื่องของความแข็งแกร่ง แต่ลูกน้องของเขาช่างน่าสงสารจริงๆ! เขาต้องการให้พี่น้องของข้าทุกคนติดตามเขากระนั้นหรือ?ถ้าเขาสามารถที่จะทำพี่น้องของข้าทั้งหมดของข้ายอมรับได้ ก็ไม่มีปัญหาตามที่ท่านได้กล่าวเสนอมา ตราบเท่าที่พวกเขายินยอมที่จะไป ข้าจะไม่รั้งพวกเขาเอาไว้!”
‘หลี่ชิงอวิ๋น’กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังขณะที่เขามองไปยังผู้อาวุโสทั้งสาม
ผู้อาวุโสทั้งสามขมวดคิ้ว แม้ว่าเขาจะไม่อยากยอมรับ
แต่ในเรื่องที่’หลี่ชิงอวิ๋น’มีความสามารถนั้นเป็นเรื่องจริง เนื้องจากลูกน้องทั้งหมดที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขานั้นมีความจงรักภักดีและมั่นคงที่
แม้พวกเขาจะพยายามหลากหลายวิธีไม่ว่าจะเป็นการข่มขู่คุกคามหรือให้สินบน แต่ก็ไม่มีใครที่ยินดียอมจะไปอยู่กับ’หลี่ ยื่อฟง’แม้แต่คนเดียว
แปลโดย ผู้ไม่ประสงค์นาม
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: