I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 324 การแสดงที่น่าสนุก

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 2537 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

“ถ้าเจ้านั้นยอมติดตามหลี่ ยื่อฟงด้วยอย่างจริงใจหล่ะก็ ผู้อื่นก็จะทำตามเจ้าเอง!”

ผู้อาวุโสลำดับสามนั้นรู้สึกโกรธเล็กน้อยที่โดน’หลี่ชิงอวิ๋น’บอกปฏิเสธ

“ถ้าท่านต้องการให้ข้าซื่อสัตย์ต่อกระกูล ท่านพิจารณาเลยว่าใช่แต่ถ้าท่านต้องการให้ข้ากลายเป็นสุนัขรับใช้ของหลี่ ยื่อฟงล่ะก็ เขานั้นไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ! เพราะตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ดวงจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตในระดับพระเจ้าปรากฏเพียงอันเดียวในตระกูลเถ้าอัคคี ลองถามใจพวกท่านดูสิ ก่อนหน้านั้นพรสวรรค์ของข้านั้นด้อยกว่าหลี่ ยื่อฟงจริงหรือไม่? ดวงจิตอสูรตนนั้นมันควรจะเป็นของข้า แต่มันเป็นเพราะว่าเขาคือลูกชายของผู้นำตระกูลคนก่อนหน้านี้ เขาได้ใช้วิธีที่ไม่ถูกต้องในการได้หลอมรวมเข้ากับดวงจิตอสูร ข้ายอมรับว่าในรอบหลายไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ความแข็งแกร่งของข้าไม่สามารถเทียบกับเขาได้ แต่ข้าไม่ยอมรับความไม่ถูกต้องของมัน”

น้ำเสียงของ’หลี่ชิงอวิ๋น’นั้นมีร่องรอยของความไม่พอใจเจือปนอยู่ในนั้น

สำหรับคนอย่าง’หลี่ชิงอวิ๋น’ เขานั้นไม่ควรที่จะเอ่ยคำเหล่านั้นออกมา อย่างไรก็ตามด้วยบุคลิกของเขาแล้ว มันคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะทนยอมรับความ อยุติธรรมเช่นนี้

ผู้อาวุโสลำดับสามพูดด้วยใบหน้าที่บ่งบอกถึงอารมณ์ที่ขุ่นมัว

“หลี่ชิงอวิ๋น เจ้ายังไม่ยอมที่จะถอนตัวจากเรื่องนี้อีกกระนั้นหรือ? ก่อนหน้านั้น พรสวรรค์ของเจ้าตามความจริงแล้วด้อยกว่าหลี่ ยื่อฟง ทุกอย่างนั้นเป็นเรื่องเข้าใจผิด”

“ไม่ต้องบอกเลยว่าความจริงมันคือการเข้าใจผิด  ข้าไม่ต้องการที่จะพูดเรื่องนี้อีกต่อไป  นอกจากนี้ ท่านผู้อาวุโสเช่นท่าน ไม่มีกองกำลังของตัวเองหรอกหรือ? ทำไมข้าจะต้องปล่อยพี่น้องข้องข้าให้กับหลี่ ยื่อฟงกันเล่า?”

‘หลี่ชิงอวิ๋น’จ้องมองไปยังเหล่าอาวุโสและกล่าวต่อ

“ผู้อาวุโสลำดับห้า ทำไมท่านไม่บอกถึงเหตุผลมา หรือว่ามันนั้นเป็นกฎของตระกูลเถ้าอัคคีของเราใช่ไหม?”

“หลี่ชิงอวิ๋น นี่คือการตัดสินใจของตระกูล กองกำลังของเจ้านั้นแปลกแยกและจะนำอันตรายมาสู่ตระกูลเถ้าอัคคีในอนาคตอย่างแน่นอน!”

ผู้อาวุโสลำดับห้าพูดพร้อมกับขมวดคิ้วของเขาขึ้น

“ฮ่าๆ ในที่สุดพวกท่านก็เผยพูดในสิ่งที่อยู่ในใจแล้ว แม้เจ้าเด็ก หลี่ ยื่อฟง นั้นแข็งแกร่งกว่าข้านั้นเป็นความจริง แต่เขาไม่สามารถที่จะครองใจของคนอื่นได้และไม่มีใครสักคนที่ยินดีที่จะรับฟังคำสั่งของเขา พวกท่านจึงกังวลกับพี่น้องของข้าที่เติบโตขึ้น จะกำลังเริ่มแข่งขันกับเขาได้  ดังนั้นพวกท่านจึงได้พยายามจัดการปัญหาดังกล่าวและจะหมักลงในโคลนตมถูกต้องไหม?”

‘หลี่ชิงอวิ๋น’หัวเราะด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“พวกท่านนั้นความจริงแล้วให้การสนับสนุนมากมายเพื่อจะมอบตำแหน่งให้กับ หลี่ ยื่อฟง!”

อาวุโสทั้งสอง ต่างขมวดคิ้วเข้าหากัน ‘หลี่ชิงอวิ๋น’นั้นช่างเย่อหยิ่งจองหองนักและไม่ยอมโอนอ่อนให้เลยแต่อย่างใด การพยายามที่ให้กองกำลังของ’หลี่ชิงอวิ๋น’ยอมรับอาจจะเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่เขายังมีผู้อาวุโสคนหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังเขา ดังนั้นมันคงไม่ดีสำหรับพวกเขานั้นจะทำสิ่งที่รุนแรงลงไป

อย่างไรก็ตาม ‘หลี่ชิงอวิ๋น’ นั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจขึ้นในตระกูลอย่างยิ่ง ในตอนนี้เขาเพิ่งซื้อดวงจิตอสูรคุณภาพดีจำนวนมากและเพิ่มความแข็งแกร่งให้เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา เป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่งในอนาคตข้างหน้าเมื่อพวกเขาได้เติบใหญ่ขึ้น

เมื่อ’เนี่ยหลี่’นั้นได้ฟังการสนทนาจากด้านภายนอกห้องและเผยรอยยิ้มออกมา เหตุการณ์ดังกล่าวนี้ เกี่ยวกับชาติภพแล้วของ’เนี้ยหลี่’
ในตอนท้าย’หลี่ชิงอวิ๋น’ ได้ตัดความสัมพันธ์จากตระกูล อาจเป็นเพราะว่าเขานั้นถูกกดดันจนเกินขีดความอดทนของเขา

แต่อย่างไร นั่นคงยังไม่เกิดขึ้นในเวลาเร็วๆนี้แน่  เมื่อ’หลี่ ยื่อฟง’นั้นยังไม่ได้เป็นผู้นำตระกูล  ‘หลี่ชิงอวิ๋น’ จะไม่ยังคงไม่ตีจากจนกว่าจะเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น

‘เนี้ยหลี่’นั้นค่อนข้างชื่นชม’หลี่ชิงอวิ๋น’ เขาเป็นคนที่มีความจริงใจมากและนั้นเป็นเหตุผลว่าทำไม’หลี่ชิงอวิ๋น’ถึงได้สามารถรวบรวมรวมพี่น้องที่พร้อมจะติดตามเขาเต็มใจ การที่คนผู้หนึ่งจะเป็นผู้นำของกลุ่มๆหนึ่งได้นั้น มันไม่ใช่เพราะว่าเขาแข็งแกร่งอย่างเดียวแต่นั้นเป็นเพราะว่าผู้นำของเขานั้นต้องเชื่อถือได้และจะไม่เคยทำสิ่งที่ไร้ความเป็นธรรมแก่พวกของเขา

“ท่านอาวุโสทั้งสอง ข้าคงต้องขอส่งพวกท่านออกไปแล้ว ไม่มีเรื่องอะไรที่ จะทำให้พี่น้องที่จงรักภัคดีต่อข้ากลายไปเป็นสุนัขรับใช้ ของหลี่ ยื่อฟง นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน”

‘หลี่ชิงอวิ๋น’ เอ่ยวาจาอย่างเย็นชา

“หลี่ชิงอวิ๋น เจ้าได้ปฏิเสธ ! ขนมปังและไวน์เลิศรส ที่จะเข้าสู่ลำคอของเจ้า”

ผู้อาวุลำดับโสสามกล่าวออกมาด้วยความโกรธ สำนวนจีนหมายถึงการปฏิเสธข้อเสนอที่ดีที่สุด

“ข้า หลี่ชิงอวิ๋นไม่เคยที่กระทำสิ่งผิดต่อกฎของตระกูล ผู้อาวุโสลำดับสาม ผู้อาวุโสลำดับห้า พวกท่านทั้งสอง ต้องการบังคับข้าโดยใช้ความแข็งแกร่งเช่นนั้นหรือ?”

ประกายตาที่เย็นชาพุ่งผ่านออกมาจากแววตาของ’หลี่ชิงอวิ๋น’

“เรื่องนี้ไป คุยกับท่านลุงของข้ารึยัง!”

ลุงของ’หลี่ชิงอวิ๋น’นั้นเป็นผู้อาวุโสลำดับสองของตระกูลเถ้าอัคคี และยังเป็นถึงมือขวาของผู้นำตระกูลอีกด้วย

“หนอย เจ้าจะต้องเสียใจเรื่องในวันนี้อย่างแน่นอน!”

ผู้อาวุโสสามและห้า ลุกยืนขึ้นด้วยความโกรธและเดินจากออกไป

ภายหลังจากที่อาวุโสสามและห้า จากไปแล้ว เนี้ยหลี่และพวกเขาก็เดินเข้าไปด้านใน

“น้องชายเนี่ยหลี่ ข้าไม่คาดคิดเลยว่าเจ้าจะมา!”

‘หลี่ชิงอวิ๋น’ แสดงรอยยิ้มออกมา

“ท่านยังสามารถยิ้มได้อีกเหรอ”

‘เนี้ยหลี่’ยิ้มตอบ

“ทำไมข้าจะทำไม่ได้หล่ะ ?จะให้ข้าต้องร้องไห้อย่างนั้นรึ? ดูเหมือนว่าเจ้าจะได้ยินจากด้านนอกแล้ว ถึงอย่างไร มันก็ไม่มีอะไรมากนักแม้ว่าเจ้าจะได้ยินมัน มันเป็นเพียงเรื่องทะเลาะกันภายในตระกูล มันคงเป็นเรื่องตลกสำหรับเจ้า “

‘หลี่ชิงอวิ๋น’ยักไหล่ขณะที่เขากล่าวต่อ

“ข้าสงสัยว่าน้องเนี้ยหลี่มาหาข้าที่นี้ด้วยธุระอันใด? ข้าได้เตรียม  ศิลาจิตวิญญาณหนึ่งแสนก้อน ไว้ให้เรียบร้อยแล้ว!”

‘หลี่ชิงอวิ๋น’ส่งแหวนเก็บของไปให้’เนี่ยหลี่’

‘เนี่ยหลี่’หยิบจับแหวนและมองผ่านสายตามันข้าไปภายในอย่างรวดเร็ว  มี หินวิญญาณหนึ่งแสนก้อน อยู่ในนั้นจริงๆ เขาเผยยิ้มและกล่าวต่อว่า

“ท่านไม่กลัวว่าข้าจะกลับคำหลังจากได้รับเงินแล้วหรือ?”

“ฮ่าๆช่างเป็นเรื่องที่น่าขบขันยิ่งนัก ข้าหลี่ชิงอวิ๋น แม้ไม่ได้มีความสามารถพิเศษอย่างอื่น ยกเว้นการใช้สายตาหาความจริงในผู้คน   ด้วยตาของข้า ข้าเชื่อในตัวน้องชายเนี้ยหลี่!”

‘หลี่ชิงอวิ๋น’มองตรงไปข้างหน้าพร้อมหัวเราะออกมา

“ข้าได้จัดเตรียมสิ่งที่ท่านต้องการไว้เรียบร้อยแล้ว!”

ด้วยการสะบัดมือขวา ‘เนี้ยหลี่’ก็ยื่น ดวงจิตอสูรให้กับ’หลี่ชิงอวิ๋น’

“เร็วเช่นนี้เลยรึ?”

‘หลี่ชิงอวิ๋น’ ตะลึงสักครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะรับมันมาอยู่ในมือ.ตอนแรกนั้น เขานั้นคิดว่า’เนี้ยหลี่’นั้นจะต้องใช้เวลาสักครึ่งเดือนเป็นอย่างน้อย จึงจะได้รับจิตอสูรระดับนั้น!

‘หลี่ชิงอวิ๋น’ได้ตรวจสอบของคุณสมบัติดวงจิตอสูรในมือของเขาอย่างรวดเร็ว และมองเห็นมังกรวารีสีชาดสายเลือดทองคำ อยู่ภายใน มันมีที่มีระดับการเติบโตในระดับพระเจ้าจริงๆ.ด้วย

“นอกจากนี้,มันยังมีการกลายพันธ์อีกด้วย ข้ารับรองว่ามันแข็งแกร่งมากว่า ตัวที่หลี่ ยื่อฟงรวมร่างด้วยเป็นแน่ “

‘เนี่ยหลี่’เผยยิ้มออกมา

‘หลี่ชิงอวิ๋น’กำหมัดขวาของเขาแน่นและมอง’เนี่ยหลี่’ด้วยความทราบซึ้ง

หลังจากเงียบไปชั่วขณะในที่สุดเขาก็กล่าวว่า

“ข้าไม่รู้จะหาคำใดมาขอบคุณเจ้า ถ้าเจ้ามีสิ่งใดที่เจ้าต้องการจากข้า น้องชายเนี้ยหลี่สามารถบอกมาได้!”

“ความจริง ข้านั้นต้องการความช่วยจากท่านในช่วงเวลานี้ สหายของข้าคนหนึ่งได้ถูกสังหารโดยหนึ่งในลูกน้องของ
ฮัว หลิง ที่โลกภายนอกและข้าต้องการยืมคนของท่านเพื่อที่จะจัดการกับพวกมัน!”

‘เนี้ยหลี่’พูดขณะที่มองไปที่’หลี่ชิงอวิ๋น’

‘หลี่ชิงอวิ๋น’มองไปยัง’เนี่ยหลี่’และพูดออกมาตรงๆว่า

“สหายของน้องชายเนี้ยหลี่นั้นก็เป็นดั่งสหายของข้าเหมือนกัน เจ้าต้องการคนจำนวนเท่าไหร่หล่ะ? เจ้าต้องการพวกเขาเมื่อไหร่?”

“จำนวน 200 คนเป็นอย่างน้อย  มันคงเป็นการดีถ้าพวกเขาหลายคนเป็นผู้เชียวชาญระดับ ดาราสวรรค์ ข้าจะต้องการให้พวกเขาในวันรืนที่จะถึงนี้”

‘เนี่ยหลี่’กล่าว

“วางใจได้เลย.ให้เป็นหน้าที่ข้า ข้าจะส่งพี่น้องของข้าที่อยู่ในระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ไปด้วย”

‘หลี่ชิงอวิ๋น’พูดพร้อมกับกระตุกคิ้วเล็กน้อย

อันที่จริงแล้ว กองกำลังของ’ฮัว หลิง’นั้น ดูเล็กน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับของ’หลี่ ชิงอวิ๋น’

“ขอบคุณท่านมาก!”

‘เนี้ยหลี่’เผยยิ้มออกมาเล็กน้อย

“ต้องขอบคุณข้าจริงๆหรือ? ข้าต่างหากที่ต้องขอบคุณเจ้าเป็นอย่างมาก จนไม่รู้จะพูดอะไรออกมา น้องชายเนี้ยหลี่?”

‘หลี่ชิงอวิ๋น’ยิ้ม  สิ่งที่’เนี้ยหลี่’ที่ทำให้เขานั้น เป็นบุญคุณอันใหญ่หลวง หลี่ชิงอวิ๋นจะไม่เพียงแต่จะแข็งแกร่งขึ้นเป็นอย่างมาก
เพราะเขาจะไม่ต้องจมปรักอยู่กับ จิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตในระดับมหัศจรรย์

ซึ่งมันค่อนข้างสร้างความผิดหวังสำหรับเขา แต่ตอนนี้ในที่สุดเขาก็ได้ครอบครองจิตอสูรที่มีระดับการเติบโตในระดับพระเจ้าแล้ว.

ในที่สุดวันที่เขาจะได้พิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนในตระกูลเถ้าอัคคีว่าเขา ‘หลี่ชิงอวิ๋น’นั้นจริงๆแล้วไม่ได้ด้อยไปกว่า’หลี่ยื่อฟง’ เขาไม่จำเป็นที่จะต้องตกเป็นเบี้ยล่าง คนที่น่ารังเกียจเช่นนั้น

กลุ่มของ’เนี่ยหลี่’ได้สนทนากับ’หลี่ชิงอวิ๋น’ก่อนที่พวกเขาจะกลับออกมาจากบ้านของเขา

ตอนนี้’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ได้รู้แล้วว่า’เนี้ยหลี่’นั้นจะใช้กองกำลังของ’หลี่ชิงอวิ๋น’

นางก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาก ‘เนี้ยหลี่’นั้นอยู่เพียงแค่ ชะตาสวรรค์ ระดับ 1 ชะตา มันอันตรายมากเกินไปสำหรับเขาที่จะเดินทางไปยังโลกภายนอกด้วยตัวเขาเอง

ต้องไม่ลืมว่า มีโอกาสที่สัตว์อสูรที่น่าหวั่นเกรงจะปรากฏตัวออกมาแม้ แต่ยอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ จำนวนมากยังต้องตกเป็นเหยื่อของพวกมัน

“เนี้ยหลี่ เจ้าจะเดินทางออกไปกับด้วยไหม?”

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ถามด้วยความกังวล

“เรื่องนี้แน่นอนอยู่แล้ว แต่ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับมันหรอก ภายในเวลาสองวันนี้ ข้าจะไปให้ถึงระดับ ชะตาสวรรค์ ขั้น 2 ชะตา ข้าได้ไปถึงจุดสูงสุดของชะตาสวรรค์ ระดับ 1 เมื่อเร็วๆนี้ และโดยใช้วิธีการเร่งรัด มันไม่ต้องใช้เวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงสำหรับข้าก็คงไปถึงระดับ ชะตาสวรรค์ขั้นที่ 2ได้!”

‘เนี้ยหลี่’เผยยิ้ม หลังจากที่เขาได้เข้าไปใน ภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ  ‘เนี้ยหลี่’ก็รู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของเขาที่ได้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

ด้วยเวลาเพียงเล็กน้อย เขาก็สามารถที่จะก้าวผ่านไปยังอีกระดับได้ ด้วยการเขาใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงภายในภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ  ในการบ่มเพาะพลัง

ขณะที่’เนี้ยหลี่’พูด  ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’เผยออกมายิ้มเล็กน้อยและรู้สึกวางใจมากขึ้น ตราบเท่าที่’เนี้ยหลี่’นั้นได้ก้าวไปถึงชะตาสวรรค์ ขั้นที่ 2 แล้ว แม้ว่าจะมีเหตุใดเกิดขึ้นที่โลกภายนอก มันก็คงไม่มีปัญหาอะไรมาก  อย่างมากที่สุด เขาก็เพียงแค่ระดับการบ่มเพาะพลังลดลง

‘เซี่ยวหยู่’รู้สึก สั่นไหวในหัวใจ ‘เนี้ยหลี่’นั้นได้ออกไปทวงความยุติธรรมให้แก่เขา อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขามองให้อากัปกริยาที่อ่อนโยน ระหว่าง’เนี้ยหลี่’และ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ หัวใจของเขาก็กลายเป็นความสับสนว้าวุ่นขึ้นมา

หลังจาก’เนี่ยหลี่’และกลุ่มของเขากลับมายังที่พัก เขามองเห็น’กู้เบ่ย’ กำลังใจจดใจจ่อรอคอยพวกเขาอยู่ เมื่อเขามองเห็น’เนี้ยหลี่’
และกลุ่มพวกเขากลับมา ‘กู้เบ่ย’ จึงเลิกขมวดคิ้ว

“ข้ากำลังรอพวกเจ้าอยู่เป็นเวลานานแล้ว!”

‘กู้เบ่ย’กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น

‘เนี่ยหลี่’มองไปที่’กู้เบ่ย’และเอ่ยถามว่า

“มีปัญหาอะไรเจ้าถึงได้มารอเราที่นี่งั้นหรือ?”

“ข้าจะพาพวกเจ้าไปดูการแสดงดีๆ “

‘กู้เบ่ย’ยิ้มอย่างมีเลศนัย เขาพูดต่อว่า

“เร็วเข้า ตามข้ามา”

แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ถึงความคิดของ’กู้เบ่ย’ว่ากำลังพูดเกี่ยวกับสิ่งใด แต่พวกเขาก็ยังคงตาม’กู้เบ่ย’มา

“ข้าได้ ให้ใครคนไปจัดการเรื่องที่เจ้าบอกข้าเรียบร้อยแล้ว โปรดวางใจได้  ข้าขอรับรองว่ามันจะต้องออกมาเรียบร้อยสวยงามเป็นแน่! คืนนี้จะมีอะไรบางสิ่งเกิดขึ้น! “

‘กู้เบ่ย’เผยรอยยิ้มอย่างมีความหมายแฝงอยู่ แววตาของเขาเป็นประกายร่องรอยเผยให้เห็นถึงความเย็นเยือกออกมา

เมื่อได้ยินคำพูดของ’กู้เบ่ย’  ‘เนี่ยหลี่’รู้สึกสัมผัสได้ถึงความคลุมเครือขณะที่พวกเขาทั้งสามเดินตามหลัง’กู้เบ่ย’ไป

ณ สถาบันวิญญาณสวรรค์ สนามประลองยุทธ์

ผู้คนกว่าหนึ่งหมื่นคนที่ มาชุมนุมกันในสนามประลองที่ถูกรายล้อมด้วยแสงไฟ  มีการประลองยุทธ์ต่อสู้กัน ราวๆเกือบห้าสิบ ถึง หกสิบ คู่  โดยแต่ละสนามก็มีฝูงชนเล็กๆรายล้อม โดยมีทะเลสาบล้อมรอบเวทีต่อสู้โดยรอบ.นี้เป็นการประลองยุทธ์ระหว่าง 3 นิกายหลัก

“ตามมาทางนี้!”

‘กู้เบ่ย’ยิ้มออกมา

‘เนี้ยหลี่’หันไปมอง เขามองเห็น’กู้หลาน’กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้โดยมีผ้าคลุมไว้ที่ขาของนาง ใบหน้าของนางนั้นไม่ได้มีสีซีดขาวเหมือนตอนก่อนหน้านี้ และยังมองเห็นออกจะเป็นสีชมพู ทำให้นางนั้นแลดูมีพลังแข็งแรงขึ้น

กลุ่มพวกเขาได้เดินไปบริเวณด้านข้างของ ‘กู้หลาน’

“พี่สาวกู้หลาน ดูเหมือนว่าท่านจะอาการดีขึ้นมาก!”

‘เนี้ยหลี่’เผยยิ้มเล็กน้อย

“ข้าต้องขอขอบคุณสำหรับสิ่งดีต่างๆ ที่ มอบให้แก่ข้า!”

‘กู้หลาน’พยักหน้าเล็กน้อยขณะ ที่สายตาของนางนั้นจับจ้องไปยัง’เซี่ยวหยู่’และ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ที่ยืนอยู่ด้านหลังของ’เนี้ยหลี่’ พร้อมกับยิ้มเล็กน้อย และพยักหน้าให้กับพวกเขา

‘เนี้ยหลี่’มองไปด้านหน้าของสนามประลอง และสังเกตเห็นว่าทุกๆคนนั้นต่างให้ความสนใจกับบนสนามประลอง ที่มีคนกำลังเตรียมการฝึกซ้อมอยู่ ฝูงชนต่างก็ตะโกนและเชียร์มาจากข้างสนาม น้องชายและพี่สาวทั้งคู่ กู้เบ่ยและกู้หลาน พวกมาที่นี้ พวกเขามีแผนอะไรบางอย่างรึเปล่า?’เนี้ยหลี่’ไม่สามารถจะอดเผยยิ้มได้ขณะที่เขาคิดอยู่ในใจ

“มากกว่า 9 ใน 10 ส่วน ของคนที่อยู่ที่นี่นั้นเป็นคนของตระกูลกู้ และก็มีบางผู้อาวุโสบางท่านอยู่ด้วยเหมือนกันในตอนนี้ มันเป็นการต่อสู้ของชนรุ่นใหม่ในตระกูลกู้”

‘กู้เบ่ย’พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนนุ่ม

“โอ้”

‘เนี้ยหลี่’พยักหน้าตอบรับในขณะที่เขานั้นชำเลืองมองไกลออกไป ดูจากแถวข้างหน้านั้นเห็น ‘กู้เหิง’กำลังยิ้มและพูดคุยอยู่กับบรรดาเหล่าศิษย์รุ่นพี่ ที่นั่งอยู่ด้านข้างเขา  ศิษย์พี่เหล่านั้นน่าจะเป็นผู้อาวุโสของตระกูลกู้

แปลโดย ผู้ไม่ประสงค์นาม

คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments