I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 330 ก่อตั้งกองกำลังอสูร

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 2537 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

จริงๆแล้ว คนจากกองกำลังเส้นทางสวรรค์ ก็ยังมีความคับข้องใจอยู่เหมือนกัน คนทั้งสองร้อยคนนั้นถูกส่งไปจัดการกับคนอย่าง’ฮัวหลิง’ ซึ่งนับว่ามากเกินความจำเป็น และเป็นเรื่องที่ทำให้พวกเขาต้องเสียเวลา อย่างไรก็ตาม คนที่ส่งพวกเขามาก็คือ ‘หลี่ชิงอวิ๋น’ พวกเขาจึงไม่กล้าที่จะคร่ำครวญใดๆ

แต่เมื่อ ‘หลีหู่’ 李虎 ได้รับศิลาจิตวิญญาณจากที่’เนี่ยลี่’แบ่งให้ ความคับข้องใจของพวกเขาก็หายไปจนหมดสิ้น

‘เนี่ยลี่’นั้นใจกว้างยิ่งนัก ที่ได้มอบศิลาจิตวิญญาณจำนวนมากในคราเดียว เมื่อศิลาจิตวิญญาณได้ถูกแบ่งสรรปันส่วนในกลุ่มพวกเขาแล้ว แต่ละคนได้รับไปคนละห้าสิบศิลาจิตวิญญาณ มันช่างเป็นการเดินทางอันแสนง่ายสำหรับพวกเขา แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องมีความสุขกับมันอย่างมาก

ศิลาจิตวิญญาณที่เขาได้รับนี้ มากกว่าทีได้รับในแต่ละเดือนเสียอีก แค่การเดินทางมาครั้งเดียว นายน้อย’เนี่ยลี่’ กลับยอมจ่ายให้พวกเขาถึงหนึ่งหมื่นศิลาจิตวิญญาณ

โอ้สวรรค์ ช่างมั่งคั่งเสียจนน่าตกใจยิ่งนัก

‘หลี่ชิงอวิ๋น’ ได้ส่งคนมาสองร้อยคนเพื่อช่วย ‘เนี่ยลี่’ จัดการกับ’ฮัวหลิง’และคนของเขา ในตอนนี้ ทุกคนเริ่มที่จะเข้าใจแล้วว่า เหตุใด ‘หลี่ชิงอวิ๋น’ จึงได้ประเมินค่า’เนี่ยลี่’ ไว้สูงถึงเพียงนี้ นายน้อย’เนี่ยลี่’จักต้องมิใช่คนธรรมดาเป็นแน่

คนเหล่านี้อยู่ในอาณาจักรซากมังกรมานานหลายปี และไม่เคยได้ยินถึงทรัพย์สมบัติมากมายถึงเพียงนี้ พวกเค้าทั้งหมดถึงกลับต้องละทิ้งคำสบประมาท ดูถูก และความไม่พอใจทิ้งไปในทันที

เมื่อพวกเขาเห็น’เนี่ยลี่’ทะยานไปยัง ทะเลสาบแห่งเทพหลิงหยี่ 玲玉 : หยกกังวาล ‘หลีหู่’และพวกของเขามองดู’เนี่ยลี่’ด้วยความสงสัย เขาไปที่ ทะเลสาบแห่งเทพหลิงหยี่ เพื่อหาอะไรกัน?

แม้ว่าทะเลสาบแห่งเทพ หลิงหยี่ จะสามารถผลิตศิลาจิตวิญญาณได้ แต่ในปีหนึ่งก็ได้เพียงแค่ไม่กี่พันก้อน มันก็แค่ หนึ่งในสิบส่วนของ ศิลาจิตวิญญาณหมื่นก้อนที่’เนี่ยลี่’จ่ายมาก่อนหน้านี้ในครั้งเดียว แล้วเหตุใดเขาจะต้องไปสนใจศิลาจิตวิญญาณจำนวนเล็กน้อยแค่นั้นด้วย?

‘เซี่ยวหยู่’และ ‘ลู่เพียว’ ต้องการที่จะตามเขาไป แต่’เนี่ยลี่’ได้หยุดเขาไว้ เขาจึงทำได้เพียงแค่ยืนดู’เนี่ยลี่’ไปถึง ทะเลสาบแห่งเทพ หลิงหยี่

ณ ทะเลสาบแห่งเทพ หลิงหยี่

น่องของ’เนี่ยลี่’จมอยู่ในน้ำขณะที่เขาเขียนลวดลายจารึกอย่างรวดเร็ว ลวดลายจารึกค่อยๆร่วงหล่นไปทีละตัว

*ตูม!* *ตูม!* *ตูม!*

ลวดลายจารึกได้เข้าไปทำลายในส่วนลึกของทะเลสาบแห่งเทพ และก่อให้เกิดน้ำสาดซัดกระจายไปทั่ว รูปแบบค่ายกลลายจารึกลึกลับของ’เนี่ยลี่’ได้รวมตัวกันที่ด้านล่างของทะเลสาบแห่งเทพอย่างรวดเร็ว ทั่วทั้งทะเลสาบต่างสั่นไหวอย่างรุนแรง

รูปแบบค่ายกลลายจารึกส่องแสงออกมา จากนั้นในส่วนลึกของทะเลสาบแห่งเทพ ปรากฏเงาสีดำค่อยๆลอยขึ้นมาอย่างช้า ๆ มองดูเงาผ่านๆราวกับเป็นงูตัวเล็ก ๆ แต่แน่นอนว่ามันไม่ใช่งู

นี่คือต้นกำเนิดของทะเลสาบแห่งเทพ รากเทวะในตำนาน

สิ่งลึกลับที่กำเนิดอยู่ในส่วนลึกของอาณาจักรซากมังกร และรากเทวะในตำนานก็เป็นหนึ่งในนั้น กล่าวได้ว่ามันคือสิ่งลึกลับที่มีจิตวิญญาณ และคอยดูบซ้ำแก่นแท้ที่อยู่ระหว่างสวรรค์และโลก

หลังจากที่ถูกหล่อเลี้ยงด้วยสิ่งนี้มานานนับพันปี มันก็จะรวมตัวกันเป็นก้อนดั่งภูเขาบนพื้นโลก และค่อย ๆ ล่องลอยขึ้นไปในอากาศ และกลายเป็นทะเลสาบแห่งเทพ จากนั้นมันก็จะผลิตศิลาจิตวิญญาณ และแผ่ขยายใหญ่ขึ้นโดยการดูบซับพลังงานสวรรค์โดยรอบ

ไม่มีผู้ใดรับรู้ถึงการคงอยู่ของ รากเทวะ เนื่องจากพวกเขาไม่อาจมองเห็นมันในส่วนลึกของแผ่นดินได้ และมันก็เป็นเรื่องยากที่พวก เขาจะหามันพบ เมื่อทะเลสาบแห่งเทพเริ่มจะเหือดแห้ง วิธีเดียวที่จะนำ รากเทวะขึ้นมาจากพื้นดินได้ คือการใช้รูปแบบค่ายกลลวดลายจารึกแบบพิเศษ

‘เนี่ยลี่’ยื่นมือของเขาและจับที่รากเทวะ และรากเทวะนั้นก็ทำการขัดขืน พยายามที่จะหลบหนีไป

พยายามที่จะหนีงั้นเหรอ? ไม่ง่ายเช่นนั้นหรอก!

ด้วยการสะบัดแขนขวาของเขา ‘เนี่ยลี่’โยนมันเข้าไปในจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ

รากเทวะตัวแรก ถูกจับไว้แล้ว

การจับรากเทวะ เพื่อที่จะนำไปหล่อเลี้ยงในจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ แม้ว่าทะเลสาบแห่งเทพหลิงหยี่ จะเหือดแห้งไป ก็ยังดีกว่าที่จะไม่ได้อะไรเลย

‘เนี่ยลี่’ทะยานกลับมา

‘หลีหู่’มองไปยัง’เนี่ยลี่’ เห็นว่าเขานำบางอย่างมาจากทะเลสาบแห่งเทพ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร

‘เนี่ยลี่’ยิ้มขณะที่เขากลับมา

“ไปกันเถอะ!”

กลุ่มของพวกเขาก็กลับกันไป

หลังจากที่’เนี่ยลี่’และกลุ่มของเขาจากไป ภูเขาที่ลอยอยู่เหนือ ทะเลสาบแห่งเทพ ก็ค่อย ๆร่วงหล่นจากท้องฟ้า และทับทะเลสาบแห่งเทพหลิงหยี่ จนหายไป

ทะเลสาบแห่งเทพหลิงหยี่ ได้สลายไปจนไม่เหลือแม้แต่เศษซาก

หลายวันต่อมา ‘ฮัวหลิง’ ได้นำคนกลุ่มใหญ่ กลับไปยังที่นั่น แต่ในตอนนี้ ทะเลสาบแห่งเทพ หลิงหยี่หายไปที่ไหนแล้ว? เมื่อ’ฮัวหลิง’มองดูมัน เขาตะโกนก้องจนเส้นเส้นปูดทั่วร่างของเขา

“เนี่ยลี่ หลี่ชิงอวิ๋น! แค่สังหารข้าก็ยังไม่เพียงพออีกเหรอ?  ยังทำลายทะเลสาบแห่งเทพของข้าทำไม? ข้าจะต้องหาทางล้างแค้นเจ้าให้ได้!”

‘ฮัวหลิง’ ไม่เข้าใจในเรื่องนี้ แค่สังหารเขามันก็น่าจะเพียงพอแล้ว แล้วทำไมจักต้องทำลายละเลสาบแห่งเทพด้วย? ไอ้พวกนรกที่ไหนกันที่ทำลายทะเลสาบแห่งเทพหลังจากที่สังหารผู้ที่ครอบครองมันได้? เขาไม่อาจที่จะลบความคับแค้นใจอันมากมายนี้ลงไปได้ ทะเลสาบแห่งเทพ หลิงหยี่ แม้ว่าจะผลิตศิลาจิตวิญญาณได้ไม่กี่พันก้อนต่อปี มีความจำเป็นอะไรถึงกับต้องทำกันอย่างไร้ปราณีถึงเพียงนี้

ในโลกภายนอกนี้ การต่อสู้เพื่อแย่งชิงทะเลสาบแห่งเทพเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นธรรมดา แต่ไม่เคยมีผู้ใดทำลายทะเลสาบแห่งเทพหลังจากที่สังหารผู้ที่ครอบครองแล้ว

เรื่องพวกนี้มันไม่สมควรที่จะเกิดขึ้น

‘ฮัวหลิง’โกรธจนริมฝีปากสั่นสะท้าน นี่มันช่างโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว

เมื่อไร้ซึ่งทะเลสาบแห่งเทพ หลิงหยี่ นับว่าเป็นเรื่องยากของ’ฮัวหลิง’ที่จะบริหารจัดการเรื่องรายได้ของลูกน้องของเขา
จากรายได้ส่วนตัวของเขา เขาเองก็มิได้แข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้เพื่อแย่งชิงทะเลสาบแห่งเทพแห่งใหม่

การทำลายทะเลสาบแห่งเทพ ความคับแค้นใจนี้ไม่อาจที่จะอภัยให้ได้เด็ดขาด ในขณะที่เขากำลังคิดเกี่ยวกับการทำลายทะเลสาบแห่งเทพนี้ ทำให้’ฮัวหลิง’แทบจะกระอักออกมาเป็นเลือด

ณ ลานที่พักของ’เซี่ยวหยู่’

‘เนี่ยลี่’ได้ทำการบ่มเพาะพลังอย่างเงียบ ๆ ภายในจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ รากเทวะที่ถูกจับมาก่อนหน้านี้ ได้ทำการหลอมรวมกับภูเขาจากนั้นก็ล่องลอยขึ้นไป และปรากฏทะเลสาบแห่งเทพอยู่ข้างใต้นั้น

ยิ่งไปกว่านั้น ‘เนี่ยลี่’สัมผัสได้ว่า รากเทวะ ได้รับการหล่อเลี้ยงด้วยปริมาณที่มากมายเหลือคณานับ ภายในจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ เนื่องจากพลังงานสวรรค์ในอาณาจักรมังกรพ่ายนั้นเบาบางยิ่งนัก ดังนั้นพลังงานสวรรค์ที่ รากเทวะดูดซับได้จึงมีจำกัด แต่ทว่าพลังงานสวรรค์ในจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ นั้นมีอย่างไร้ที่สิ้นสุด

พลังงานสวรรค์ หลั่งไหลออกมาราวกลับคลื่นยักษ์ลงไปยังทะเลสาบแห่งเทพ

ทุกครั้งที่มีการหล่อเลี้ยงด้วยพลังงานสวรรค์ รากเทวะ ก็เริ่มที่จะเติบโตขึ้น

ทะเลสาบแห่งเทพ จึงผลิตศิลาจิตวิญญาณได้มากยิ่งกว่าที่เคยมีมาก่อน

ในความเป็นจริงนั้น ภายในของจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ เป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดที่จะบำรุงรักษาทะเลสาบแห่งเทพ
ซึ่ง’เนี่ยลี่’ก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ว่าทำไมเจ้าของเดิมของจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ จึงไม่ได้บำรุงรักษาทะเลสาบแห่งเทพไว้ในภาพจิตรกรรมนี้

‘เนี่ยลี่’เองก็ไม่รู้ว่าทัศนียภาพของจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ นั้นยังดูเหมือนเช่นเดิมหรือไม่ หลังจากที่ยืนหยัดหลังการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ ภูมิทัศน์ภายในจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ อาจจะกลับไปสู่รูปแบบดั้งเดิมก็เป็นได้

‘เนี่ยลี่’ได้จดจ่ออยู่กับการบ่มเพาะพลังของเขา ประจวบเหมาะกับ ที่ห้องโถงกองกำลังสถาบันวิญญาณฟ้า กำลังเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมช่วยเหลือกลุ่มกองกำลังให้รับสมาชิกใหม่

‘กู้เบ่ย’และ’ลู่เพียว’ กำลังตะโกนเสียงดัง

“กองกำลังอสูรกำลังรับสมัครคน! ศิลาจิตวิญญาณยี่สิบก้อนต่อเดือน และเบี้ยบำเน็จอีกมากมาย คนที่มีรากวิญญาณดินจะได้ศิลาจิตวิญญาณสามสิบก้อนต่อเดือน และผู้ที่มีรากวิญญาณฟ้าจะได้รับศิลาจิตวิญญาณจำนวนสี่สิบก้อนต่อเดือน! ”

“ไม่มีกำหนดเส้นตาย ผู้ใดที่ลงนามในสัญญาของกองกำลังอสูร จะได้รับศิลาจิตวิญญาณจำนวนสามสิบก้อนทันที! ”

เมื่อยอดฝีมือลงนามในสัญญา พวกเขาก็จะถูกมันผูกมัดไว้ แม้ว่าส่วนใหญ่ของคนที่เข้ามาใหม่นั้น จะเข้าร่วมกับกองกำลังที่มีขนาดใหญ่ เมื่อยอดฝีมือบรรลุถึงระดับสองชะตา พวกเขาจะมุ่งหน้าสู่โลกภายนอก อย่างไรก็ตาม คนที่แข็งแกร่งไม่มากพอ เพื่อที่จะได้รับทรัพยากรที่มากขึ้น พวกเขาก็จำเป็นที่จะต้องเข้าร่วมกับกองกำลังขนาดใหญ่

‘กู้เบ่ย’และ’ลู่เพียว’ตะโกนเสียงดังเพื่อดึงดูดความสนใจ

ผู้คนจำนวนมาก มุ่งหน้ามายังทางที่เขาอยู่ โดยปกติผู้ที่เข้ามาใหม่นั้น จะได้รับเบี้ยเลี้ยงจำนวนเล็กน้อยเท่านั้นเมื่อเข้าร่วมกับกองกำลังขนาดใหญ่ ศิลาจิตวิญญาณจำนวนสิบก้อนก็นับว่าดีแล้ว แต่’กู้เบ่ย’กับ’ลู่เพียว’  กลับเสนอให้สูงกว่าหลายเท่าในแต่ละเดือน

แต่ถึงอย่างไร หลายๆคนก็ยังเกิดความลังเล  ก่อนที่คนที่มาใหม่จะเข้าร่วมในกองกำลัง พวกเขาจักต้องเชื่อมันในศักยภาพของผู้นำเพื่อโอกาศในภายภาคหน้า เพราะหลังจากที่พวกเขาลงนามในสัญญาแล้ว มันจะมีผลตลอดไปตราบเท่าที่ยังอยู่ในนิกายแห่งนี้

เว้นแต่จะมีสถานการณ์พิเศษเกิดขึ้น ถ้าหากพวกเขาฉีกสัญญากองกำลังของพวกเขา ก็จะเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากหากจะตั้งหลักได้ในนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์นี้ พวกเขาจะถูกดูหมิ่นราวกับสิ่งที่น่ารังเกียจ

เหล่าคนที่มาใหม่ยืนอยู่ในกลุ่ม และพูดคุยกันเอง

 “ทั้งสองคนนี้มากจากที่ไหนกัน?”

“เจ้าไม่รู้รึไง? ชายผู้นั้นคือกู้เบ่ย! เขาได้รับการยืนยันแล้วว่าได้ผสานกับจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตในระดับพระเจ้า และได้ถูกเลื่อนให้เป็นผู้สืบทอดลำดับที่หนึ่งที่จะนั่งขึ้นเป็นผู้นำตระกูลกู้!”

เมื่อเหล่าผู้ที่มาใหม่ได้ยินเช่นนั้น ต่างก็ดวงตาเบิกโพลง ผู้สืบทอดลำดับที่หนึ่งของตระกูลกู้ ใครจะรู้ ในอนาคตเขาอาจจะกลายเป็นผู้นำตระกูลกู้ก็เป็นได้

ยิ่งไปกว่านั้น’กู้เบ่ย’ยังมิได้ก่อตั้งกองกำลังใดๆของตัวเองที่โลกภายนอก  ถ้าหากเข้าร่วมกับเขาในตอนนี้ เมื่อ’กู้เบ่ย’ได้กลายเป็นผู้นำตระกูลกู้ พวกเขาอาจจะกลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ทรงเกียรติที่ช่วยส่งเสริมมังกรก็เป็นได้ มังกรในนิยายจีนแล้วจะหมายถึงฮ่องเต้หรือผู้มีอำนาจล้นฟ้าด้วย สิ่งนี้ก็นับว่าล่อใจไม่น้อย

ยิ่งไปกว่านั้น’กู้เบ่ย’ ก็ยังเป็นที่รู้จักโดยทั่วไป ข้อเสนอนี้จึงน่าตกใจและดึงดูดใจยิ่งนัก

หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีคนหนึ่งในกลุ่มผู้มาใหม่ เริ่มที่จะลงนามในสัญญากองกำลังกับ’กู้เบ่ย’

ถึงอย่างไรก็ตาม เหล่าผู้มาใหม่ ก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่า ผู้นำของกองกำลังอสูรนั้นมิใช่’กู้เบ่ย’ แต่จริงๆแล้วเป็นคนอื่น บุคคลที่ลึกลับนั้นช่างกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขาไม่น้อย คนผู้นี้จะเป็นใครกัน ที่สามารถทำให้คนอย่าง’กู้เบ่ย’ทำตามคำสั่งของเขาอย่างเต็มใจได้

เหล่าคนที่มารับสมัครต่างก็ดูอย่างตกตะลึง ที่เห็นคนที่มาใหม่ต่างหลั่งไหลไปที่’กู้เบ่ย’และ’ลู่เพียว’ มีเพียงแค่ไม่กี่คนที่มุ่งหน้ามาหาพวกเขา

แต่ถึงอย่างไร ความแตกต่างในค่าตอบแทนนั้นมากเกินไป!

พวกเขามองไปยังค่าตอบแทนที่พวกเขานั้นได้รับ และมองดูค่าตอบแทนที่’กู้เบ่ย’นั้นได้เสนอ แม้ว่าจะไม่มีผู้ใดพูดออกมา แม้แต่คนที่มารับสมัครบางส่วน ยังต้องการที่จะเข้าร่วมกับกองกำลังอสูรเลยด้วยซ้ำ

“ใจเย็น ๆ! ใจเย็น ๆ!”

‘ลู่เพียว’ตะโกนออกไปทันที หลังจากที่เขาเห็นว่าคนจำนวนมากกำลังเบียดเสียดกันอยู่ แต่ทว่า ใบหน้าของเขานั้นยังแอบเผยแสดงความตื่นเต้นออกมา

เขาไม่เคยคิดเลยว่า จะมีผู้คนจำนวนมาก ยินดีที่จะเข้าร่วมกับกองกำลังอสูร เนื่องจากพวกเขาเพิ่งจะก่อตั้งขึ้นมาเท่านั้น

ในขณะที่’ลู่เพียว’จ้องมองลงไปยังฝูงชน เขาอดที่จะจินตนาการไม่ได้ว่า พวกเขากำลังจะครองโลกนี้ก็ได้ เพียงแค่เขาโบกมือ ยอดฝีมือนับพัน นับหมื่นจะออกมาเต็มท้องฟ้าและพื้นดิน เขายิ่งรู้สึกตื่นเต้นขึ้นไปอีกกับสิ่งที่เขาคิด

‘กู้เบ่ย’ประกาศถ้อยคำที่’เนี่ยลี่’ได้บอกแก่เขาไว้อย่างภูมิใจ

“ตราบเท่าที่พวกเจ้าไม่ละความพยายามในการสนับสนุนกองกำลังอสูร แน่นอนว่าพวกเราก็จะปฏิบัติกับพวกเจ้าอย่างเป็นธรรม เมื่อพวกเจ้าเข้าร่วมกับกองกำลังอสูร เราจะมอบเทคนิคการบ่มเพาะพลังที่เหมาะสมแก่พวกเจ้า ซึ่งมันจะช่วยให้พวกเจ้าสามารถบรรลุได้ถึงระดับเทพสงคราม  ถ้าหากพวกเจ้าสามารถบรรลุถึงระดับดาราสรรค์ พวกเราจะมอบของวิเศษระดับสามให้ และถ้าหากพวกเจ้าบรรลุถึงระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ เราก็จะมอบจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตในระดับ ดีเยี่ยม หรือ แม้แต่ ระดับมหัศจรรย์ให้แก่พวกเจ้า จงจดจำคำพูดของข้าไว้ คำพูดของกู้เบ่ยผู้นี้! ”

เมื่อทุกคนได้ยินสิ่งที่’กู้เบ่ย’ประกาศความตื่นเต้นก็พุ่งเข้าสู่อีกระดับหนึ่งเลยทีเดียว

วิธีการสนับสนุนดูแลของพวกเขาน่าตกใจยิ่งนัก ไม่เพียงมอบเทคนิคการบ่มเพาะพลังที่สามารถบรรลุไปจนถึงระดับเทพสงครามให้แก่ทุกคน  เขายังจะมอบของวิเศษ รวมไปถึงจิตอสูรสายเลือดมังกร ที่มีระดับการเติบโตในระดับ ดีเยี่ยม และ ระดับมหัศจรรย์ โอ้สวรรค์มันจะมากเกินไปแล้ว

ทุกคนต่างรู้สึกว่าเลือดในตัวของพวกเขากำลังเดือดพล่าน สุดท้าย เหล่าอัจฉริยะบางส่วนที่ยังลังเลอยู่ก็ตัดสินใจที่จะเข้าร่วมกับ’กู้เบ่ย’

คนที่มารับสมัครจากกลุ่มอื่นต่างมองดูพื้นที่ว่างเปล่าตรงหน้าเขาด้วยความรู้สึกเศร้าใจ เสียงตะโกนโหวกแหวก จากการรับสมัครของกองกำลังอสูรนั้นกดดันพวกเขามากยิ่งขึ้น นี่มันเกิดอะไรขึ้น นี่มันท้าทายข้อบังคับอย่างเห็นได้ชัด ‘กู้เบ่ย’ไม่ได้กลัวว่าตระกูลกู้ของเขาจะต้องยากจนเลยหรือไง?

แปลโดย นายมะพร้าว

คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments