ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“อะไรนะ”
‘จื่อ หลิง’ และ ‘จาง เทียนยี่’ ตกใจกับสิ่งที่’ชูเฟิง’พูด
“ชูเฟิงเจ้าช่างน่าประทับใจจริงๆ ที่เจ้ารู้ความลับของรูปแบบเทพกระบี่ แต่มันสายเกินไปแล้ว “
‘อดีตประมุขหุบเขาเทพกระบี่’ พูดขึ้น
“ใครก็ตามที่มันกล้าบุกรุกหุบเขาเทพกระบี่ของข้ามันต้องตาย!!”
ในตอนนั้น เสียงชายชราก็ระเบิดดังออกมา และพลังของมันทำให้พื้นที่แถวนั้นสั่นสะเทือน
ในเวลาเดียวกัน ก็มีพลังที่น่าเกรงขามพุ่งลงมาจากท้องฟ้า พลังนั้นแข็งแกร่งมาก มันราวกับว่าพลังนั้นหลับไหลมากว่าหลายร้อยปีและบัดนี้ได้ตื่นขึ้น
และที่สำคัญที่สุดพลังนั้นมีเป้าหมายที่ ตัวของพวก’ชูเฟิง’ และด้วยอำนาจที่น่ากลัวของมัน มันทำให้ทั้ง 3 นั้นถูกผนึกไว้กลางอากาศและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้แม้แต่ครึ่งก้าว
*ตูม*
ในที่สุดก็มีแสงบางอย่างปรากฏขึ้นตรงกลางระหว่าง’ชูเฟิง’ ‘จื่อ หลิง’ และ’จาง เทียนยี่’ แสงนั้นตอนแรกมีขนาดเท่ามือ และมันเริ่มใหญ่ๆขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุด มันก็กลายเป็นร่างของมนุษย์
มันเป็นร่างของชายชรา สูงประมาณ 2.3 เมตร และมีร่างกายที่ใหญโต และ มีราศี
ผมของชายชรานั้นยาวปะบ่า และผมนั่นสะบัดไปมาแม้กระทั่งไม่มีลม
และที่สำคัญที่สุดเขาแบกกระบี่ยาวมาด้วย กระบี่นั้นเป็นกระบี่ที่โคตรจะธรรมดา ไม่มีกลิ่นอายหรืออะไรปรากฏเลย มันคือดาบธรรมดาทั่วไปนั่นเอง
*แล้วจะอธิบายทำขี้เกลือ
อย่างไรก็ตาม กระบี่อันนั้นมันเป็นอันเดียวกับกระบี่ที่ถูก ปั้นขึ้นมาเพื่อไปอนุสรณ์สถานระลึกถึง ผู้ก่อตั้งหุบเขาเทพกระบี่ ผู้ก่อตั้งคนนั้นมีนามว่า ‘มู่ หรงเฟิง ‘
“ท่าน คือ มู่หรง เฟิงอย่างนั้นหรือ”
หลังจากได้เห็นหน้าของชายชราคนนั้น ‘จาง เทียนยี่’ หน้าเปลี่ยนสีทันที และถามเขาไปด้วยวาจาที่สุภาพ
“ถูกต้อง ข้าเอง มู่หรง เฟิง.”
ชายชรา คนนั้นมองมาที่ ‘จาง เทียนยี่’ แล้วตอบเขาไป
“อะไรนะ เขาคือมู่หรง เฟิง ประมุขหุบเขาเทพกระบี่คนแรก เทพกระบี่ มู่หรง เฟิงอย่างนั้นหรือ”
“เป็นไปได้อย่างไร เขาน่าจะตายไปเมื่อพันปีก่อน แล้วนี่ ทำไมเขาถึงยังมีชีวิตอยู่ล่ะ”
เมื่อได้ยินชื่อนั้น ผู้คนต่างแตกตื่นทันที และพวกเขานั้นต่างสนใจเรื่องที่ทำไมตำนานอย่าง ‘มู่หรง เฟิง’ยังมีชีวิตอยู่
“มู่หรง เฟิง ประมุขรุ่นที่ 1 ท่านมู่หรง เฟิง หรือ ท่านยังมีชีวิตอยู่หรือ”
ไม่ใช่แค่คนนอก แม้แต่ศิษย์ในหุบเขาเทพกระบี่ นั้นก็ตกใจเช่นกัน
“เปล่า นั่นไม่ใช่ร่างโดยแท้จริงของเขา มู่หรง เฟิงนั้นตายมากว่าพันปีแล้ว ดังนั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมีชีวิตอยู่ นั่นคงเป็นเพียงจิตสำนึกของเขา.”
ในตอนนั้น มีคนคนหนึ่ง พูดขึ้นมา
“จิตสำนึกหรือ จิตสำนึกนั้นจะสามารถคงตัวอยู่ได้โดยมีเวลาจำกัดมิใช่หรือ ทำไมจิตสำนึกของเขาถึงได้คงอยู่มากว่าพันปีล่ะ”
แต่ยังมีบางคนนั้นสงสัย เพราะว่าผู้เชี่ยวชาญนั้น จะทิ้งจิตสำนึกไว้หลังจากตายก็จริง และระดับพลังของมันก็จะเท่ากับตอนที่ยังมีชีวิตอยู่
แต่ว่าการบ่มเพาะของจิตสำนึกนั้น มันควรจะอ่อนลงเมื่อเวลาผ่านไป และถ้าอ่อนลงมากๆร่างกายของคนผู้นั้นก็จะจางลงและหายไปในที่สุด ส่วนระยะเวลาที่จะคงจิตสำนึกไว้ได้นั้น อยู่ที่ระดับการบ่มเพาะของคนคนนั้น
แต่ ‘มู่หรง เฟิง’ ที่อยู่ตรงหน้านี้นั้นแตกต่างออกไป ออร่าของเขาที่กระจายออกมาจากตัวเขานั้นแข็งแกร่งมาก แม้ว่ามันจะไม่ได้โดดเด่นถึงขนาดบอกได้ว่า ตำนานนั้นได้หวนคืนแล้ว แต่ผู้คนต่างก็รู้ดีว่าเขานั้นน่าเกรงขามเพียงใด
หลังจากผ่านไปกว่าพันปี เป็นไปได้ว่าเขาจะมีวืธีการเก็บรักษาจิตสำนึกโดยไม่ให้พลังตกหล่นไปได้ ที่คิดอย่างนี้ได้ก็เพาะว่า ต่อให้มู่หรง เฟิงแข็งแกร่งเพียงใด เขานั้นที่มีพลังอยู่ในจุดสูงสุดของระดับ อาณาจักรสวรรค์ นั้น จิตสำนึกของเขาก็ไม่น่าจะอยู่ได้นานเท่านี้
“ถ้าจิตสำนึกทั่วไปล่ะก็ ไม่สามารถอยู่ได้นานเท่านี้หรอก แต่ถ้ามันถูกผนึกไว้ในบางอย่างที่พิเศษหน่อย มันก็พอเป็นไปได้”
“อย่างไรก็ตาม รูปแบบผนึกจิตสำนึกอันนี้ใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น นั่นหมายความว่าหากเมื่อ รูปแบบเทพกระบี่นี้ถูกใช้เมื่อใดมู่หรง เฟิงก็จะปรากฏออกมา และเมื่อจบการใช้รูปแบบนั้น มู่หรง เฟิงก็จะหายไปในทันที.”
คนจากฝูงชน พูดขึ้นมา
“มันน่าจะเป็นเช่นนั้นล่ะ ข้าไม่เคยได้ยินว่าจะมีรูปแบบอย่างนี้ในโลกนี้ ข้าคิดว่า ไอสิ่งที่เรียกว่ารูปแบบเทพกระบี่นี้เขาคงจะใช้พลังของเขาทั้งหมดสร้างขึ้นมา.”
ในตอนนั้น ผู้คนที่สงสัยอยู่ก็เข้าใจถึงรูปแบบนี้ในทันที
“ไม่ว่าเจ้าจะพูดอย่างไร แต่สำหรับข้ามันเป็นบุญตานัก ที่จะได้เห็นตำนานอย่าง เทพกระบี่ มู่หรง เฟิง.”
“อ้า, มู่หรง เฟิงนั้นเป็นคนอย่างไรหรือ มู่หรง เฟิงคนนั้นมีพลังใกล้เคียงกับ ผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้าเลย แม้ว่าเขาจะไม่แข็งแกร่งเท่าผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้า แต่เขานั้นก็ไม่ใช่ใครคนที่ ชูเฟิง หรือคนอื่นๆ จะต่อกรได้ ดูเหมือนว่าทั้ง 3 คนนั้นจะไม่มีโชคจริงๆวันนี้.”
หลังจาก ‘มู่หรง เฟิง’ ปรากฏตัวขึ้น ผู้คนต่างตกตะลึงด้วยความเหลือเชื่อ และคิดว่า ‘ชูเฟิง’ และคนอื่นๆนั้นต้องโดดจัดการแน่นอนในวันนี้ เพราะพลังของ’มู่หรง เฟิง’ ที่เป็นตำนานนั้นแข็งแกร่งมาก
“ชูเฟิง จาง เทียนยี่ จิตสำนึกของมู่หรง เฟิงนั้นไม่สามารถอยู่ได้นานและมันจะหายไปอย่างรวดเร็ว พวกเราต้องถ่วงเวลาไว้ถึงตอนนั้น.”
“ในตอนที่มู่หรง เฟิงยังมีชีวิตอยู่ เขานั้นเป็นคนที่ตรงไปตรงมามาก เขาไม่เคยทำอะไรที่ฝ่าฝืนใจตัวเองเลย ดังนั้นเราต้องใช้ประโยชน์จากจุดนั้น ทำให้เขาลำบากและเขาจะหายไปเอง.”
‘จื่อ หลิง’พูด โดยสื่อสารทางจิต เธอนั้งมีความรู้มากมายเกี่ยวกับรูปแบบวิญญาณหรืออะไรพวกนี้ เธอจึงรู้ข้อด้อยของรูปแบบผนึกจิตสำนึกดี
“มู่หรง เฟิง ผู้สืบทอดของท่านช่างไร้ยางอายยิ่ง พวกเขาต้องการขโมยสมบัติของข้า แต่พวกเขาไม่สามารถทำได้ พวกเขาจึงใส่ร้ายข้า และจับมือกับผู้อื่นเพื่อฆ่าข้า.”
“เมื่อพวกเขา ไม่สามารถฆ่าข้าได้ พวกเขาก็หันไปโจมตีสำนักของข้า และขุดหลุมศพของบรรพบุรุษของข้า และ บอกว่าจะโยนลงบ่อขี้ด้วย.”
“เรื่องที่ ข้าพูดนั้นเป็นเรื่องจรืงทั้งหมด ถ้าท่านไม่เชื่อก็ลองถามคนที่อยู่ในเหตุการณ์ดูสิ.”
‘ชูเฟิง’ พูดเสียดัง
“โอ้”
เมื่อได้ยิน’ชูเฟิง’พูด ‘มู่หรง เฟิง’ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย หลังจากนั้น เขาก็กวาดตาไปหาคนซักคนที่อยู่ในกลุ่มคนที่ไม่ได้เป็นศิษย์ของหุบเขาเทพกระบี่
“ท่านผู้ก่อตั้ง อย่าไปฟังมัน เจ้า3คนนี้มันเป็นปีศาจกระหายเลือก มันไม่เพียงฆ่าลูกหลานของท่าน มันยังขโมย กระบี่ไม้ศํกดิ์สิทธิ์ไปจากเราด้วย และพวกมันจ้องจะทำลายหุบเขาเทพกระบี่อีกด้วย”
“ถ้าหุบเขาเทพกระบี่ไม่ตกอยู่ในอันตราย ข้าคงไม่ใช้รูปแบบเทพกระบี่ เรียกท่านออกมาหรอก อย่างไรก็ตามรูปแบบนั้นใช้ได้แค่ครั้งเดียว หลังจากที่ข้าใช้มันท่านก็จะหายไป ข้า …”
หลังจากพูดเช่นนั้น ปู่ของ’มู่หรง ยู่’ ก็เงียบไป ท่าทีของเขานั้นดูอนาถมาก และมันทำให้ดูน่าสงสาร
“พ่อข้าพูดถูกแล้ว เจ้า3คนนี้นั้นไร้สัจธรรมและไร้หัวใจ ถ้าท่านไม่ฆ่าพวกมัน ศิษย์ของหุบเขาเทพกระบี่จำนวน 10 ล้านคนต้องตายไปแน่นอน!!”
ประมุขหุบเขาเทพกระบี่พูด
“ข้าไม่เคยคิดว่า หุบเขาเทพกระบี่ของข้าจะมาได้ไกลขนาดนี้ ศิษย์ 10 ล้านคนงั้นหรือ มันช่างมากมายเหลือเกิน มากมายกว่าตอนที่ข้าก่อตั้งหุบเขาเทพกระบี่ขึ้นมาเสียอีก!”
‘มู่หรง เฟิง’มองไปที่หุบเขาเทพกระบี่ของเขา และพยักหน้า และต่อจากนั้นเขาก็หันไปทางพ่อของ ‘มู่หรง ยู่’ และพูดว่า
“เมื่อตอนที่ข้าได้สร้างรูปแบบเทพกระบี่นั้น มันทำได้เพียงปกป้องความสงบสุขให้หุบเขาเทพกระบี่ของข้า แต่ถ้าเจ้าต้องการให้ข้าฆ่าเด็ก 3 คนนั้น เกรงว่าข้าจะทำไม่ได้.”
“ข้าจะถ่ายพลังให้แก่เจ้า เจ้าจะสามารถจัดการพวกเขาได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าเอง.”
หลังจากพูดจบ ร่างกายของ’มู่หรง เฟิง’ก็เกิดการเปลี่ยนแปลง เขากลายเป็นแสงและลอยเข้าไปในปู่ของ’มู่หรง ยู่ ‘
“อ๊ากกก~~”
ในตอนนั้น ปู่ของ’มู่หรง ยู่’ หรือ ประมุขรุ่นที่แล้ว ก็ได้ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แต่ในตอนนั้นตัวเขาก็ถูกปกคลุมด้วยออร่า และออร่านั้นก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และระดับพลังของๆเขาก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน จากระดับ 6 อาณาจักรสวรรค์ เลื่อนเป็น ระดับ 7อาณาจักรสวรรค์
..
แปลโดยท่าน#ฮายย
: ท่าทางจะเป็นคนมีเหตุผลอยู่บ้าง สำหรับมู่หรง เฟิง
: สำหรับลูกหลานของมัน หน้าด๊านน หน้าด้าน อยากจะเอาขี้ในบ่อเขวี้ยงใส่หน้าพวกแม่งจริงๆ
: อย่าให้พี่เฟิง กูเหลืออด เด๋วมืงจะเจอ ปิก้าจู ช็อตสายฟ้าแสนโว้ล
: แต่ว่าพลังอำนาจของสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์มันทำได้แค่เพิ่มระดับพลังวิญญาณจริงๆหรอ หรือว่ามันจะมีความลับที่มากกว่านั้น จะเป็นยังไงกัน ต้องรอดูตอนที่มันเฉลย
: มึงพูดแบบนี้ แสดงว่ามึงก็ไม่รู้เหมือนกันสินะ ???
: ไม่เอาไม่พูด ♪ ไม่เอาไม่เอาไม่บอก ♪
: แหม๋อีดอก มาเป็นเพลงเชียว
ที่มา: