ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“ถ้าหากว่าเจ้าคิดสังหารพวกข้า พวกข้าก็คงตายไปแล้ว”
‘เนี่ยลี่’ยิ้มและมองไปที่’อู๋หยาจื่อ’
ด้วยความจริงที่ว่าพวกเขานั้นอยู่ในระดับชะตาสวรรค์ คงไม่อาจที่จะรับมือกับ’อู๋หยาจื่อ’ได้
“ต้องนับว่าพวกเจ้าโชคยังดี ที่ได้พบกับข้า”
‘อู๋หยาจื่อ’ยักไหล่เล้กน้อย
“นับตั้งแต่ที่ออกมายังโลกภายนอก พวกเราก็พร้อมที่จะเผชิญกับความตายอยู่แล้ว หาได้เกี่ยวกับโชคชะตาไม่”
‘เนี่ยลี่’จับจ้องไปที่’อู๋หยาจื่อ’ด้วยความใจเย็น
“ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจักมีบางสิ่งที่แผ่ลมปราณแห่งการผันแปรห้วงเวลาและพื้นที่”
ดวงตาของเขาก็จ้องมองมาที่’เนี่ยลี่’และ’เซี่ยวหยู่’อย่างเป็นประกาย
ใจของ’เนี่ยลี่’ถึงกับสั่นไหว เขาไม่คิดเลยว่า’อู๋หยาจื่อ’ จักมีสัมผัสที่เฉียบคมถึงเพียงนี้ เขาพยายามจับจ้องการเปลี่ยนท่าทีของ’อู๋หยาจื่อ’แทบตาไม่กระพริบ
‘เซี่ยวหยู่’ทำได้เพียงยืนเงียบๆข้าง’เนี่ยลี่’ นางตระหนักดีกว่า’อู๋หยาจื่อ’ผู้นี้ แข็งแกร่งกว่าพวกเขามากนัก ถ้าหากนางพูดอะไรที่ไม่เข้าหู อาจจะถูกสังหารได้โดยง่าย
“ไม่ต้องกังวล ข้านั้นมิได้มีความแค้นเคืองอันใดกับเจ้า จึงไม่มีเหตุผลที่ข้าจักสังหารเจ้า!”
‘อู๋หยาจื่อ’ ยักไหล่ จากนั้นก็มองไปที่’เนี่ยลี่’และ’เซี่ยวหยู่’ และพูดต่ออีกว่า
“พวกเจ้าก็คิดที่จะไปที่ ตำหนักซีอิงเสิ่น 虚影神:เทพลวงตา เหมือนกันสินะ?”
ตำหนักซีอิงเสิ่นอย่างนั้นเหรอ?
‘เนี่ยลี่’ขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะที่กำลังครุ่นคิด
ดูจากที่’เนี่ยลี่’และ’เซี่ยวหยู่’มีท่าทีสงสัย ‘อู๋หยาจื่อ’จึงพูดต่อไปถ้า
“ถ้าหากว่าพวกเจ้าไม่ได้คิดที่จะไปตำหนักซีอิงเสิ่น แล้วเหตุใดพวกเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ ไม่รู้หรือว่ามันอันตรายยิ่งนัก?”
‘เนี่ยลี่’เคยได้ยินคำบอกเล่ามาว่า ตำหนักซีอิงเสิ่น เป็นตำหนักขนาดใหญ่ ที่ยอดฝีมือในยุคโบราณเคยพักอาศัยอยู่ และทุกๆหกปีประตูของมันจักเปิดออก เมื่อเปิดออกก็จักมียอดฝีมือจำนวนมากเข้าไปเพื่อที่จักค้นหาความลับของมัน
ในชีวิตที่ผ่านมาของเขา ‘เนี่ยลี่’ได้ยินมาว่ามีสมบัติจำนวนมากที่ถูกเก็บไว้ในตำหนักซีอิงเสิ่น แต่ก็มีอันตรายอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
และในช่วงหกสิบปีมานี้นิกายเทพอสูร ก็พยายามเข้าไปยังตำหนักซีอิงเสิ่น เพื่อค้นหาสมบัติล้ำค่าโบราณ
‘อู๋หยาจื่อ’ครุ่นคิดและพูดออกไปว่า
“ดูเหมือนว่าข้าจักถามอะไรมากความมากเกินไปแล้ว ถึงอย่างไรพวกเจ้าก็ยังอยู่แค่ในระดับชะตาสวรรค์ การเข้าไปยังตำหนักซีอิงเสิ่นก็เป็นการแสวงหาความตายเท่านั้น”
‘อู๋หยาจื่อ’โบกมือและพูดต่อว่า
“พวกเจ้าทั้งสองควรจักออกไปจากที่อันตรายแห่งนี้เสียดีกว่า!”
ด้วยความแข็งแกร่งของ’เนี่ยลี่’และ’เซี่ยวหยู่’ในตอนนี้ การที่จะเข้าไปยังตำหนักซีอิงเสิ่น คงจักเป็นเรื่องที่เกินตัวไปจริง ๆ เพราะถ้าหากพวกเขาไปเจอกับยอดฝีมือเผ่าอสูรคนอื่น พวกเขาจักต้องถูกสังหารไปแล้วเป็นแน่
“แล้วเหตุใดยอดฝีมือจากเผ่าอสูรสองตนนั้นจึงได้ตามไล่ล่าเจ้าหล่ะ?”
‘เนี่ยลี่’เอ่ยถามขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจ
“หึ เจ้าพวกโง่สองตนนั้นมันจักทำอะไรข้าได้? นิกายเทพอสูร มีตำหนักอยู่หกตำหนัก พวกมันมาจากตำหนักอัคคี ส่วนข้านั้นมาจากตำหนักวารี ก่อนหน้านี้ที่ตำหนักซีอิงเสิ่นข้าได้พบวัตถุสิ่งหนึ่งที่ไม่มีผู้ใดรู้จัก พวกมันต้องการที่จะแย่งชิงของชิ้นนี้ไปจากข้า ข้าก็เลยสังหารพวกมันไปหลายตน หลังจากนั้นพวกมันก็เริ่มที่จะไล่ล่าข้า สำหรับเจ้าสองตนนั่น ข้าสามารถที่จะสังหารพวกมันได้อย่างง่ายดาย แต่ข้าแค่ต้องการเล่นสนุกกับพวกมันเท่านั้น! ”
‘อู๋หยาจื่อ’พูดอย่างภาคภูมิใจ
“วัตถุสิ่งหนึ่งที่ไม่มีผู้ใดรู้จักเช่นนั้นหรอ? มันคือสิ่งใดกัน?”
‘เนี่ยลี่’ถามหลังจากที่ครุ่นคิด
“ถึงอย่างไรพวกเจ้าทั้งสองก็อยู่แค่ในระดับชะตาสวรรค์เท่านั้น เจ้าก็คงทำได้เพียงแค่ดูเท่านั้น”
‘อู๋หยาจื่อ’มิได้คิดอะไรมากนัก ถึงอย่างไร’เนี่ยลี่’ก็ไม่อาจที่จะแย่งชิงของสิ่งนี้ไปจากเขาได้ เขาหยิบศิลารูปร่างกลมสีแดงออกมาวางบนฝ่ามือพร้อมกับยิ้ม ขนาดของมันใหญ่ราวกำปั้น ทั่วทั้งก้อนราวกับคริสตัลบริสุทธิ์ แม้ว่าจักไม่มีพลังงานใด ๆแผ่ออกมา แต่ภายในศิลามีแสงสีแดงราวกับว่าร้อนจนเดือดอยู่ด้านใน
“เจ้าของสิ่งนี้ ข้าเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่มันจักต้องเป็นของที่วิเศษมากเป็นแน่!”
‘อู๋หยาจื่อ’พูดอย่างร่าเริง เขาเองนั้นก็กำลังซ่อนตัวอยู่จึงไม่มีอะไรที่จะทำ การอวดของสิ่งนี้ให้พวก’เนี่ยลี่’ดู ก็เป็นการเล่นสนุกอย่างหนึ่ง พวกเขาจักต้องชื่นชมมันไปจนวันตายเป็นแน่
‘เนี่ยลี่’มองศิลาในมือแล้วก็หัวเราะออกมาเสียงดัง
“ฮ่าฮ่าฮ่า ศิลาหงเยี่ยน ควันสีแดง อย่างนั้นเหรอ”
“เจ้ารู้ว่ามันคืออะไรอย่างนั้นเหรอ?”
‘อู๋หยาจื่อ’พูดอย่างตื่นเต้น เขาจ้องมองไปที่’เนี่ยลี่’
“แน่นอน ศิลาหงเยี่ยนก้อนนี้มันเป็นสิ่งที่หาได้ยาก เรียกได้ว่ายากมากเลยก็ว่าได้ แต่ศิลาหงเยี่ยนก็หาได้เป็นสมบัติล้ำค่าไม่ ส่วนใหญ่ก็แค่ใช้หลอมทำของวิเศษระดับห้าเท่านั้น”
“เป็นไปไม่ได้ เจ้ากำลังหลอกข้าอยู่ใช่ไหม?”
‘อู๋หยาจื่อ’มองไปที่เนี่ยลี่อย่างไม่ไว้ใจ
“ข้าไม่เชื่อหรอกว่า ของที่หายากเช่นที่เจ้าว่า มันจักไม่ใช่สมบัติล้ำค่า”
“สิ่งของที่หาได้ยาก ก็ไม่จำเป็นที่จักต้องเป็นสมบัติล้ำค่า ถ้าหากเจ้าไม่เชื่อข้า เจ้าก็ไปดูตำราเสิ่นเจี้ยง 神匠:เทพหัตถกรรม ที่ตำหนักเสิ่นเจี้ยง หน้าที่เจ็ดร้อยหกสิบเอ็ด”
‘เนี่ยลี่’ยักไหล่แบบไม่สนใจ
“ตำราเสิ่นเจี้ยงเช่นนั้นเหรอ? ดูเหมือนว่าข้าจักมีฉบับคัดลอกอยู่เล่มหนึ่ง!”
‘อู๋หยาจื่อ’รีบรื้อค้นจากในแหวนห้วงมิติ หลังจากนั้น เขาก็หยิบหนังสือขาดรุ่งริ่งออกมาเล่มหนึ่ง
“ครั้งสุดท้ายที่ข้าใช้งานมัน ก็คือตอนที่อยู่ในส้วม แต่ก็ใช้ไปแค่ไม่กี่หน้า ข้าไม่รู้หน้าที่เจ็ดร้อยหกสิบเอ็ดจักยังคงมีอยู่ไหม?”
‘อู๋หยาจื่อ’รีบเปิดดูที่หน้าเจ็ดร้อยหกสิบเอ็ด พอได้อ่านรายละเอียดของศิลาหงเยี่ยน จนแน่ใจว่าเป็นสิ่งเดียวกับที่เขามีอยู่
‘อู๋หยาจื่อ’มีท่าทีราวกับว่ากลืนแมลงวันลงไป ดูแล้วน่าเกลียดน่ากลัวยิ่งนัก
“ข้าต้องลำบากมากมาย เพราะเจ้าของสิ่งนี้เช่นนั้นเหรอ? นอกจากนี้ข้าต้องสังหารคนไปกว่าสิบคนเพื่อมัน”
‘อู๋หยาจื่อ’รู้สึกโมโหยิ่งนัก เขาคิดถึงตอนที่เขานั้นถูกไล่ล่า เขาก็อดที่จะรู้สึกหดหู่ไม่ได้
‘เนี่ยลี่’หัวเราะและพูดออกไปว่า
“เจ้าควรที่จะอ่านหนังสือเล่มนั้นให้ถี่ถ้วนก่อนที่จะต่อสู้เพื่อมันนะ!”
“ไม่ไม่ไม่ ข้านั้นเกลียดการอ่านตำราเป็นที่สุด ที่บ้านของข้าตาแก่ก็เคี่ยวเข็ญให้ข้านั้นอ่านแต่ตำรา จนแทบไม่มีเวลาเที่ยวเล่น ข้าเหนื่อยแทบตายเลยรู้ไหม?”
‘อู๋หยาจื่อ’โบกมือปฏิเสธ จากนั้นเขาก็ครุ่นคิดและจ้องมาที่’เนี่ยลี่’แล้วพูดว่า
“ถึงอย่างไรก็ตาม แม้เจ้าของสิ่งนี้จักมิใช่สมบัติล้ำค่า แต่มันก็หาได้ยากยิ่ง ถ้าหากว่าข้านำไปขายให้แก่สหายข้า คงจักได้เงินไม่น้อย เพราะถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรเป็นแน่!”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของ’อู๋หยาจื่อ’
‘เนี่ยลี่’กับ’เซี่ยวหยู่’ถึงกับพูดไม่ออก ผู้ใดที่ได้เป็นสหายของ’อู๋หยาจื่อ’ จักต้องเป็นคำสาปไปแปดชั่วอายุคนเป็นแน่
“ข้าไม่เคยคิดเลยว่า เจ้าที่อยู่แค่เพียงระดับชะตาสวรรค์ แต่เจ้านั้นรอบรู้ยิ่งนัก”
‘อู๋หยาจื่อ’ประเมินดู’เนี่ยลี่’ใหม่อีกครั้งก่อนที่จะพูดออกไป
‘เซี่ยวหยู่’ก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชม’เนี่ยลี่’ ความรอบรู้ของ’เนี่ยลี่’นั้นเป็นสิ่งที่น่ายกย่องยิ่งนัก
‘เนี่ยลี่’จ้องไปที่’อู๋หยาจื่อ’ เขายิ้มและพูดออกไปว่า
“ถ้าหากเจ้าเข้าไปยังตำหนักซีอิงเสิ่น เจ้าก็คงไม่ได้อะไรที่ล้ำค่ากลับมาเป็นแน่”
“เจ้ารู้เกี่ยวกับตำหนักซีอิงเสิ่นด้วยเช่นนั้นเหรอ?”
‘อู๋หยาจื่อ’อดไม่ได้ที่จะมองไปที่เนี่ยลี่
“ข้าก็พอที่จะรู้อยู่บ้าง”
‘เนี่ยลี่’พูดหลังจากที่ครุ่นคิด ‘อู๋หยาจื่อ’ผู้นี้ไม่ใช่คนที่พวกเขาจักไว้ใจได้ ถ้าหากว่าเขาได้สมบัติล้ำค่าในตำหนักซีอิงเสิ่น เขาก็อาจจะแย่งชิงมันไปก็เป็นได้
‘อู๋หยาจื่อ’ถึงกับคิ้วกระตุก เขาพูดขึ้นมาว่า
“หลายพันปีที่ผ่านมา ที่ด้านนอกของตำหนักซีอิงเสิ่น ถูกป้องกันเอาไว้ด้วย ค่ายกลลวงตาหนึ่งพันรูปแบบ 千幻迷魂:เซนฮว่านหมี่หุน มียอดฝีมือระดับเทพสงครามจำนวนมากก็ไม่อาจที่จักทำลายได้ จึงไม่มีผู้ใดเข้าไปด้านในได้ แต่ก็มีบางคนที่บังเอิญเข้าไปและกลับออกมาได้ และหยิบจับสมบัติล้ำค่ามากมายกลับออกมา”
‘อู๋หยาจื่อ’จับจ้องอย่างแน่วแน่และพูดต่ออีกว่า
“พวกเจ้ากับข้า เราจักมาร่วมมือกันเพื่อเข้าไปด้านในหรือไม่”
“ค่ายกลลวงตาหนึ่งพันรูปแบบนั้น ไม่ใช่เรื่องยากที่จักทำลายค่ายกลนี้ แต่พวกเข้าสองคนยังอยู่ในระดับชะตาสวรรค์เท่านั้น ถ้าหากข้าเข้าไป ก็แค่เป็นการแสวงหาความตายเท่านั้น”
‘เนี่ยลี่’ส่ายหน้าพร้อมกับตอบกลับไป……………..
จบตอน
แปลโดย นายมะพร้าว
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: