ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปเมื่อเห็นท่าทีของ’เซี่ยวหยู่’แล้ว’เนี่ยลี่’ก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ เขาไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องราวจักกลายมาเป็นเช่นนี้ เขาคิดว่า’เซี่ยวหยู่’ก็เป็นแค่เด็กผู้ชายเจ้าสำอางค์คนหนึ่ง ใครเล่าจักรู้ว่านางนั้นจักเป็นผู้หญิง
อาจจะเป็นเพราะลวดลายจารึกลึกลับที่หน้าอกของนางก็เป็นได้
‘เนี่ยลี่’มองไปที่’เซี่ยวหยู่’และเอ่ยถามขึ้นมาว่า
“เจ้ายังบาดเจ็บอยู่หรือเปล่า?”
เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า’เซี่ยวหยู่’ก็อดไม่ได้ที่จะใบหน้าร้อนผ่าว
“ข้านั้นสบายดี”
‘เซี่ยวหยู่’ตอบด้วยเสียงอันแผ่วเบา
“ถ้าเช่นนั้นก็ดีแล้ว”
‘เนี่ยลี่’พยักหน้า
“ถ้าหากอาการบาดเจ็บของเจ้าหายดีแล้ว เราก็กลับกันเถอะ”
“อืม”
‘เซี่ยวหยู่’ตอบกลับมา
ในตอนที่’เนี่ยลี่’ลุกขึ้นยืน และเตรียมที่จะออกเดินทางนั้น ทันใดนั้นเขาก็รับรู้ได้ถึงลมปราณที่แผ่พุ่งมายังพวกเขา
“ระวัง!”
‘เนี่ยลี่’ ใช้มือซ้ายดึง’เซี่ยวอยู่’เข้ามาใกล้ และรีบเข้าไปหลบซ่อนในป่า
จากนั้นก็ใช้มือขวาจุ่มเลือดอสูรและทำการเขียนลวดลายจารึกอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็จิ้มไปที่หน้าอกของ’เซี่ยวหยู่’
“เจ้าคนบ้ากาม!”
หน้า’เซี่ยวหยู่’ถึงกับขาวซีด ก่อนหน้านี้’เนี่ยลี่’ก็ล่วงเกินนางราวกับสิ่งของราคาถูก ในตอนนี้ยังจะทำเช่นนี้อีกเหรอ?
‘เนี่ยลี่’ใช้มือซ้ายคว้าข้อมือของ’เซี่ยวหยู่’อย่างจริงจัง จากนั้นก็เอามือขวาปิดปากของ’เซี่ยวหยู่’ไว้ และกระซิบบอกที่ข้างหูว่า
“ถ้าไม่อยากตายเจ้าก็จงเงียบซะ!”
‘เนี่ยลี่’โอบกอด’เซี่ยวหยู่’จากด้านหลัง นางนั้นพยายามดิ้นรน แต่ก็ไม่หลุดในดวงตาเผยให้เห็นความรู้สึกอันน่าอัปยศ แต่เมื่อรู้สึกว่ามีอะไรยื่นออกมาจากทางด้านหลัง ก็ทำให้นางถึงกับหน้าร้อนผ่าวอีกครั้ง
‘เนี่ยลี่’และ’เซี่ยวหยู่’หลบอยู่ที่หลังต้นไม้ เขามองไปรอบ ๆ ป่าและกลั้นหายใจเอาไว้ เขารับรู้ได้เลยว่า เขายังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับพวกมันได้
สำหรับค่ายกลพรางกายที่ใช้อยู่นั้น’เนี่ยลี่’ก็ไม่รู้ว่ามันจักปกปิดร่องรอยของพวกเขาได้แค่ไหนกัน
พวกเขาพยายามอย่างยากลำบากเพื่อที่จะเอาชีวิตรอดมาได้ ถ้าหากถูกสังหารตอนนี้ เรื่องที่ทำมามันก็จักสูญเปล่าไปหมด
จากการดิ้นรนของ’เซี่ยวหยู่’ ‘เนี่ยลี่’รับรู้ได้จากการแนบชิดว่า สะโพกของนางนั้นอวบอิ่มนิ่มนวล และมันก็อยู่ชิดกับขาของเขาในตอนนี้ ทำให้เขาอดคิดไม่ได้ถึงตอนที่อยู่ในดินแดนใต้พิภพ ตอนที่ไปสำรวจหลุมศพโบราณ บทที่ 233
ในตอนนั้นเขาคิดว่า’เซี่ยวหยู่’นั้นเป็นผู้ชาย จึงไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ในตอนนี้ กลับอดที่จะคิดไม่ได้พูดด้วยความสัตย์จริงเลยว่า แม้ว่า’เซี่ยวหยู่’จักแต่งกายเป็นชาย ก็ยังคงงดงามยิ่งนัก
‘เนี่ยลี่’พยายามคิดเรื่องอื่น เขาจับจ้องออกไปไกล ๆ
ในตอนนี้ มีคนสองคนยืนอยู่บนทุ่งหญ้าตรงด้านหน้า
ยอดฝีมือทั้งสองคนนี้เป็นเผ่าพันธุ์อื่นที่มีความแข็งแกร่งยิ่งนัก หนึ่งในนั้นมีขนสีดำปกคลุมร่างกาย ส่วนอีกคนนั้นมีหูสีแดงเข้ม เห็นได้ชัดว่าพวกเขานั้นเป็นเผ่าอสูรที่แข็งแกร่งยิ่งนัก
“ก่อนหน้านี้ข้าสามารถรับรู้ได้ถึงลมปราณสองจุดอย่างชัดเจน แต่ตอนนี้มันหายไปที่ไหนกัน?”
“ลมปราณทั้งสองนั้นคงจักมิใช่เจ้าเด็กนั่นเป็นแน่ ลมปราณของเจ้าเด็กนั่นไม่อ่อนแอถึงเพียงนี้”
ยอดฝีมือจากจากเผ่าอสูรพูดคุยกัน
ดูเหมือนว่าพวกเขาจักตามหาใครบางคนอยู่
“เจ้าเด็กนั่นสังหารคนของเราไปเป็นจำนวนมาก ถ้าหากว่าข้าไม่ได้ควักหัวใจของมันออกมา ข้าคงจักไม่อาจระบายความโกรธนี้ไปได้”
หนึ่งในยอดฝีมือเผ่าอสูรพูด ขณะที่เขากัดฟันและหันไปมองโดยรอบ
ทั้งๆที่พวกเขาทั้งสองสัมผัสได้ถึงลมปราณที่อ่อนแอทั้งสองจุด หลังจากนั้นพวกเขาก็รีบไล่ตามมาที่นี่ แต่ลมปราณนั้นก็หายไปในทันที หรือว่าลมปราณที่อ่อนแอทั้งสองจุดนั้น สามารถรับรู้การมาของพวกเขาได้จึงหลบหนีไป?
ยอดฝีมือเผ่าอสูรพยายามสัมผัสถึงพลังโดยรอบ
ในตอนนี้’เซี่ยวหยู่’จึงได้ตระหนักว่า ‘เนี่ยลี่’สัมผัสได้ถึงลมปราณของยอดฝีมือเผ่าอสูรทั้งสองตนได้
ดังนั้นจึงมาหลบซ่อนอยู่ตรงนี้
แม้ว่าตอนนี้’เนี่ยลี่’กับนางนั้นจักอยู่ในสภาพที่แนบชิดชวนให้น่าสงสัย แต่’เซี่ยวหยู่’ก็ไม่กล้าที่จะขยับ หรือแม้แต่จะหายใจออกมาเลยด้วยซ้ำ
ในตอนนั้น’เนี่ยลี่’สัมผัสได้ว่ามียอดฝีมือมุ่งหน้ามายังที่พวกเขาอยู่ หัวใจของ’เนี่ยลี่’อดไม่ได้ที่จะสั่นไหว
ความแข็งแกร่งของคนทั้งสองต้องไม่ต่ำกว่าระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ ถ้าหากพวกเขาเข้ามาใกล้ในระยะสิบหมี่ เมตร ก็เป็นเรื่องง่ายที่จะมองทะลุผ่านค่ายกลพลางกายนี้ได้
ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ด้วยความแข็งแกร่งของ’เนี่ยลี่’และ’เซี่ยวหยู่’ในตอนนี้ ไม่อาจที่จะรับมือได้เป็นแน่ และทั้งสองคนก็คงจักถูกสังหารอย่างง่ายดาย
ยอดฝีมือจากเผ่าอสูรค่อย ๆ เข้ามาใกล้’เนี่ยลี่’กับ’เซี่ยวหยู่’ แต่ทันใดนั้นพวกเขาก็หยุด และจ้องมองไปยังที่ ที่ห่างออกไป
“มันอยู่ตรงนั้น!”
ดวงตาของพวกเขาเป็นประกาย
ฟุ่บ! ฟุ่บ!
ร่างทั้งสองทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อยอดฝีมือจากเผ่าอสูรทั้งสองตนจากไป ‘เนี่ยลี่’ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ปล่อยข้าได้แล้ว!”
‘เซี่ยวหยู่’ดิ้นรน และพูดบ่นออกมา เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ นางอยากที่จะขุดหลุมลงไปให้ลึกแล้วก็ไม่ต้องโผล่ขึ้นมาอีกเลย
‘เนี่ยลี่’ปล่อย’เซี่ยวหยู่’และพูดออกมาว่า
“ด้วยสถานการณ์บังคับ ข้าจึงต้องรีบทำเช่นนั้น!”
‘เซี่ยวหยู่’ชำเลืองมอง’เนี่ยลี่’อย่างเศร้าๆ แน่นอนว่านางรู้ดีว่า’เนี่ยลี่’นั้นหาได้ตั้งใจไม่ แต่ว่านางจักไม่คิดอะไรเลยได้เช่นใด
“แม้ว่ายอดฝีมือจากเผ่าอสูรจะจากไปแล้ว แต่เราก็ไม่ควรที่จะอยู่ที่นี่ พวกเราต้องรีบไปโดยเร็ว!”
‘เนี่ยลี่’หันมาบอก’เซี่ยวหยู่’ แต่เขากลับต้องตกใจที่ห่างออกไปเพียง สองหมี่ เมตร มีอีกร่างหนึ่งที่ยืนอยู่
‘เนี่ยลี่’รีบจ้องมองไปยังฝ่ายตรงข้าม มันเป็นเพียงเด็กตัวเล็ก ๆ บนหัวของมันมีหูแหลมยาวและมีขน ในส่วนอื่น ๆ นั้นก็หาได้แตกต่างจากมนุษย์เลยไม่ มองดูราวกับมนุษย์อายุประมาณสิบสามถึงสิบสี่ปี หน้าตาของเขาก็หล่อเหลามิใช่น้อย
แม้ว่าเขานั้นจะดูเหมือนมนุษย์อายุสิบสามถึงสิบสี่ปี แต่’เนี่ยลี่’ก็อดคิดไม่ได้ว่า อายุของเผ่าอสูรนั้นไม่เหมือนดั่งเช่นมนุษย์ อาจจะเป็นไปได้ว่าเขานั้นมีอายุนับพัน ๆ ปี
เจ้าเด็กคนนั้นกระพริบตา และจ้องมองมาที่’เนี่ยลี่’และ’เซี่ยวหยู่’
‘เนี่ยลี่’ไม่รู้เลยว่าเจ้านี่มีเป้าหมายอะไร
‘เนี่ยลี่’ทำได้แต่จับจ้องอย่างระแวดระวัง แม้จักไม่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามมีความแข็งแกร่งเพียงไหน
แต่ที่เขาสามารถบอกได้แน่นอนว่า ความแข็งแกร่งของเจ้าเด็กคนนี้ เหนือกว่า ยอดฝีมือเผ่าอสูรสองตนก่อนหน้าเป็นอย่างมาก
เพราะเขาสามารถที่จะเข้ามาใกล้ในระยะไม่กี่หมี่ เรียกได้ว่าอยู่ในระยะสังหารอย่างชัดเจน ถ้าหากมันคิดจะสังหารก็สามารถที่จะลงมือได้อย่างง่ายดาย
“พวกเจ้าทั้งสองมาจากสำนักไหนกัน นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์? หรือว่า สำนักอัคคี?”
เขามองมาที่’เนี่ยลี่’และ’เซี่ยวหยุ่’พร้อมกับยิ้ม
“เจ้าเป็นใครกัน?”
‘เนี่ยลี่’มองไปที่เขาแล้วถามกลับไป เขาไม่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามุ่งหวังสิ่งใดกัน
“เจ้าหนู ข้านั้นมีนามว่า อู๋หยาจื่อ ข้านั้นอายุกว่าแปดสิบปีแล้ว ถ้าคิดดูให้ดีแล้ว พวกเจ้าควรที่จะเรียกข้าว่า ท่านปู่ คำถามที่ข้าถามไปนั้น เจ้าก็ยังมิได้ตอบ นอกจากนี้ยังถามกลับอีกด้วย”
‘อู๋หยาจื่อ’พูดออกมา
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของ’อู๋หยาจื่อ’
‘เนี่ยลี่’ก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ ชายคนนี้อายุกว่าแปดสิบปี ในเผ่าอสูรนั้นนับว่ายังคงเป็นเด็กน้อย ในเผ่าอสูรนั้นอายุเพียงเท่านี้ไม่ค่อยจักไม่ค่อยมีสติปัญญาเท่าใดนัก
แต่’อู๋หยาจื่อ’ผู้นี้กลับมีสติปัญญายิ่งนัก และฟังจากน้ำเสียงของเขาแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจักไม่ได้คิดร้าย ถ้าหากว่าเขาคิดที่จักสังหาร พวกเขาก็คงจักตายไปแล้ว
“เจ้าบอกเองว่าอายุของของเผ่าอสูรนั้นแตกต่างจากมนุษย์เช่นเรา แปดสิบปีในเผ่าอสูรนั้นก็นับว่าเป็นแค่เพียงเด็กน้อย”
‘เนี่ยลี่’ยักไหล่
“แล้วพวกเจ้ามิใช่เด็กน้อยหรืออย่างไร?”
‘อู๋หยาจื่อ’ไม่ค่อยพอใจกับคำพูดของเนี่ยลี่ จากนั้นก็พูดอย่างเอาจริงว่า
“พวกเจ้าไม่กลัวว่าข้าจักสังหารพวกเจ้าหรืออย่างไร พวกเจ้านั้นอยู่แค่เพียงระดับชะตาสวรรค์เท่านั้น”
………………..จบตอน
แปลโดย นายมะพร้าว
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: