I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 379 虚影神宫 ตำหนักซีอิงเสิ่น ตำหนักเทพลวงตา

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 2537 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

‘อู๋หยาจื่อ’เอ่ยถาม’เนี่ยลี่’ว่า

“แล้วเลือดอสูรที่เหลือหล่ะ?”

“เลือดอสูรที่เหลือข้าจักเก็บเอาไว้ในแหวนห้วงมิติ”

จากนั้น’เนี่ยลี่’ก็สบัดแขนของเขาเก็บขวดเลือดเอาไว้

 “ได้!”

‘อู๋หยาจื่อ’คิดอยู่ครู่หนึ่งและตอบกลับไป

เขาไม่ต้องการที่จะโต้เถียงกับ’เนี่ยลี่’ในเรื่องนี้ เพราะถึงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่ออกจากตำหนักซีอิงเสิ่น เขาก็จักสังหาร’เนี่ยลี่’และ’เซี่ยวหยู่’ ตราบเท่าที่แหวนห้วงมิติที่เก็บเลือดอสูรของเขาเอาไว้ เขาก็สามารถที่จะเอาคืนมาได้

แม้ว่าด้วยวิธีนั้นอาจจะโหดร้ายเกิดไป แต่’อู๋หยาจื่อ’ก็ไม่ทีทางเลือก ถ้าหาก’เนี่ยลี่’และ’เซี่ยวหยู่’รู้ว่าเลือดอสูรสามารถที่จะทำอะไรได้บ้าง ในภายภาคหน้าจักต้องเกิดปัญหากับเผ่าอสูรเป็นแน่

เมื่อครั้งอดีต เคยมีเผ่าอสูรให้การช่วยเหลือมนุษย์โดยการใช้วิธีสังเวยเลือดอสูร สุดท้ายเขาก็ถูกสังหารโดยยอดฝีมือของเผ่าอสูร สำหรับผู้ที่เคยสังเวยเลือดอสูรแล้ว ไม่มีผู้ใดจักได้รับผลดีเลยแม้แต่คนเดียว

ความลับของการสังเวยเลือดอสูรนั้นมีมากมายนัก แม้แต่’อู๋หยาจื่อ’ก็ยังไม่รู้ถึงความลับนั้นทั้งหมด แต่ว่ามันเป็นความลับที่ยอดฝีมือระดับสูงของเผ่าอสูรเท่านั้นที่จักรู้ความลับทั้งหมดของการสังเวยเลือดอสูร

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง’อู๋หยาจื่อ’นั้นเป็นผู้สืบสายเลือดดั้งเดิมของอสูร เขาจักไม่ยอมให้มันตกไปอยู่ในเงื้อมมือของมนุษย์เป็นแน่

หลังจากการหาสมบัติในตำหนักซีอิงเสิ่น เขาจักต้องทำการสังหาร’เนี่ยลี่’และ’เซี่ยวหยู่’ทันที และหากมีโอกาสได้พบกันอีกหลายหลัง เขาสัญญากับตัวเองว่าจักมอบสมบัติบางอย่างเป็นการไถ่โทษในเรื่องนี้

“เอาหล่ะ! พวกเราไปกันได้แล้ว”

‘อู๋หยาจื่อ’มองไปที่’เนี่ยลี่’และ’เซี่ยวหยู่’

‘เนี่ยลี่’มองไปที่’เซี่ยวหยู่’พร้อมกับยิ้มเล็กน้อย

“ข้าได้ยินมาว่า ถ้าหากทำการกระตุ้นเลือดอสูรที่ไหลเวียนอยู่ เจ้าจักสามารถที่จะเปลี่ยนรูปลักษณ์และกลิ่นอายของพวกเราได้”

‘เนี่ยลี่’ทำการกระตุ้นเลือดอสูรเพียงเล็กน้อย รูปร่างของเขาก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว มีการเปลี่ยนแปลงรูปใบหน้า ที่หัวมีหูแหลมยาว งอกออกมาและมีขนอยู่บ้านบน มองดูคล้ายกับ’อู๋หยาจื่อ’

ทันทีที่มองดูหน้าตัวเองจากแม่น้ำที่อยู่ใกล้ ๆ เจ้าหูที่แหลมออกมาและมีขนราวกับเศษหญ้า ทำให้’เนี่ยลี่’ก็แทบที่จะกระอักเลือดออกมา

เขาชำเลืองมองไปที่’เซี่ยวหยู่’ แม้ว่ามันจะงอกยาวเช่นเดียวกับของเขา แต่ทว่ามันกลับดูแล้วช่างอ่อนนุ่ม นิ่มนวลน่ารักยิ่งนัก

หลังจากที่กระตุ้นพลังของเลือดอสูร รูปลักษณ์ภายนอกของพวกเขานั้นเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง เขาเกรงว่าแม้’ลู่เพียว’ก็คงไม่อาจที่จะจดจำได้ทั้ง’เนี่ยลี่’และ’เซี่ยวหยู่’

 “อู๋หยาจื่อ ชาติพันธ์ของเจ้านั้นคือสิ่งใด”

‘เนี่ยลี่’จับที่หูแล้วพูดต่อไปอีกว่า

“หรือว่าเจ้าจักเป็นพวกกระต่าย?”

หลังจากได้ยินคำพูดของ’เนี่ยลี่’ ‘อู๋หยาจื่อ’โกรธจนหน้าดำ เขาตอบกลับไปว่า

“เจ้าสิเป็นกระต่าย ข้าสืบสายเลือดมาจากอสูรจิ้งจอกเลือดศักดิ์สิทธิ์ ข้าสืบสายเลือดอสูรดั้งเดิมมา เจ้ารู้จักหรือไม่?”

‘เนี่ยลี่’รู้สึกตกใจไม่น้อย เดิมทีเขาคิดว่า ‘อู๋หยาจื่อ’ จักสืบสายเลือดมาจาก เผ่าจิ้งจอกเก้าหาง 九幽妖狸 ทีเป็นสายเลือดโบราณ
เขาไม่คิดเลยว่า จักเป็นอสูรจิ้งจอกเลือดศักดิ์สิทธิ์ และยังเป็นสายเลือดดั้งเดิมช่างวิเศษยิ่งนัก

นี่เขาได้การสังเวยเลือดอสูรจากอสูรจิ้งจอกเลือดศักดิ์สิทธิ์อยู่ เขาจักสามารถทำสิ่งใดได้บ้างนะ?

‘เนี่ยลี่’ทำการกระตุ้นเลือดอสูรให้เชื่อมต่อเข้ากับขอบเขตวิญญาณของเขา เส้นทางของสายเลือดอสูรราวกับแม่น้ำที่ทอดสายไปห้วงทะเล ที่เป็นขอบเขตวิญญาณของเขา

ตูมม!

ตูมม! ตูมม!

เลือดอสูรระเบิดพลังออกมาในขอบเขตวิญญาณของเขา และกระตุ้นขอบเขตวิญญาณของเขาร้อนขึ้นราวกับว่าเป็นน้ำเดือด

สายเลือดอสูรดั้งเดิม ช่างวิเศษยิ่งนัก

เถาวัลย์ลึกลับในร่างกายของเขาถูกกระตุ้นจากสายเลือดอสูรดั้งเดิม ทำให้เจริญเติบโตอย่างบ้าคลั่ง และเริ่มผลิดอกไม้สีขาวบานออกมา ดอกที่สอง ดอกที่สาม จนสุดท้ายเบ่งบานขึ้นมาถึงห้าดอก ดอกไม้ที่ขาวบริสุทธิ์ห้าดอกได้เบ่งบานอย่างเงียบ ๆ

พลังงานนี้ดูเหมือนว่าจักเชื่อมต่อเข้ากับจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำขึ้นมา และจิตอสูรทั้งสามตนของเขาก็ได้รับการกระตุ้นจากพลังเหล่านี้ด้วยเช่นกัน

พรึ่บบ!

นอกเหนือไปจากชะตาวิญญาณสีแดง ฟ้า เหลือง ดำ และม่วง ชะตาวิญญาณสีเขียวก็ก่อรูปขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

ชะตาวิญญาณดวงที่หก

“นี่! เจ้าเลื่อนระดับพลังเช่นนั้นเหรอ?”

‘อู๋หยาจื่อ’สัมผัสได้ถึงพลังที่เปลี่ยนแปลกไปของ’เนี่ยลี่’จึงเอ่ยถามขึ้นมา

‘เนี่ยลี่’เองก็ดูสับสนเช่นกัน เขาตอบไปว่า

“ข้าไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆระดับพลังของข้าก็เพิ่มขึ้น ก่อนหน้านี้ข้าอยู่ในขั้นสูงสุดของระดับห้าชะตา ข้าไม่รู้ว่าทำไม จู่ ๆ ก็เลื่อนระดับพลังได้เอง”

“อืม”

‘อู๋หยาจื่อ’พยักหน้า

ทั้งสามคนยังคงทะยานไปยังตำหนักซีอิงเสิ่น ด้วยการนำทางจาก’อู๋หยาจื่อ’ ด้วยวิธีนี้’อู๋หยาจื่อ’สามารถที่จะอยู่ใกล้กับ’เนี่ยลี่’และ’เซี่ยวหยู่’ตลอดเวลา

แม้ว่า’เนี่ยลี่’และ’เซี่ยวหยู่’นั้นจักเป็นเพียงยอดฝีมือระดับชะตาสวรรค์ ส่วน’อู๋หยาจื่อ’นั้นอยู่ในระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ก็ตาม หาก’เนี่ยลี่’และ’เซี่ยวหยู่’คิดจะหลบหลี่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ทว่า’อู๋หยาจื่อ’ก็ยังรู้สึกกังวลไม่น้อย

ตอนที่ทั้งสามกำลังทะยานผ่านไป’เนี่ยลี่’ยังคงพยายามที่จะกระตุ้นสายเลือดอสูรอย่างต่อเนื่อง

การบ่มเพาะพลังของเผ่าอสูรนั้น มันจักไปสะสมอยู่ที่เลือดอสูรด้วย ด้วยพลังที่’อู๋หยาจื่อ’ได้บ่มเพาะเอาไว้ หลังจากที่ผ่านการสังเวยเลือดอสูร ทำให้’เนี่ยลี่’นั้นได้ผสานเข้ากับสายเลือดอสูรของ’อู๋หยาจื่อ’ หากเลือดอสูรของ’อู๋หยาจื่อ’นั้นถูก’เนี่ยลี่’กระตุ้นอย่างทั่วถึง
‘เนี่ยลี่’ก็จักเพิ่มพลังในการบ่มเพาะอย่างรวดเร็ว และจักเทียบเท่ากับระดับพลังของ’อู๋หยาจื่อ’เลยทีเดียว

ในตอนนี้ เขาไม่จำเป็นที่จักต้องบ่มเพาะพลังถึงสามเดือนอย่างที่ผ่านมา

และนอกจากนี้’อู๋หยาจื่อ’นั้นยังครอบครองสายเลือดอสูรดั้งเดิม ย่อมมีเจตจำนงของเหล่าบรรษชนของเขาไหลเวียนอยู่ด้วยเป็นแน่
เมื่อ’เนี่ยลี่’กระตุ้นให้เลือดอสูรที่ถูกผนึกเอาไว้ได้ เขาก็จักได้อำนาจของสายเลือดอสูรดั้งเดิม ใช้ในการเปลี่ยนแปลงกล้ามเนื้อของร่างกายได้

ร่างกายของเผ่าอสูรนั้นแข็งแกร่งมากที่สุด แม้ว่ามนุษย์จักได้รับความแข็งแกร่งนั้นมาจากการผสานร่างเข้ากับจิตอสูร แต่ก็ไม่อาจเทียบได้กับร่างกายของเผ่าอสูรที่แท้จริง ในรูปแบบของมนุษย์ก่อนที่จะทำการผสานร่างนั้น สามารถถูกกำจัดได้โดยง่าย แต่เมื่อมนุษย์นั้นได้ครอบครองเลือดอสูร ‘เนี่ยลี่’ก็จักปรับเปลี่ยนความแข็งแกร่งของร่างกายได้ และร่างกายของเขานั้นจักแข็งแกร่งราวกับเผ่าอสูรที่แท้จริง

การที่จักรพรรดิปราชญ์นั้นแข็งแกร่ง ก็เป็นเพราะเลือดอสูรดั้งเดิมเช่นกัน แต่’เนี่ยลี่’ก็ไม่อาจที่จะรู้ได้ว่า เลือดอสูรดั้งเดิมที่จักรพรรดิปราชญ์ครอบครองอยู่นั้น เมื่อเทียบกับอสูรจิ้งจอกเลือดศักดิ์สิทธิ์ ใครจักแข็งแกร่งยิ่งกว่ากัน

นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของความสามารถที่ได้รับ

จากการสังเวยเลือดอสูร!

‘เนี่ยลี่’ทำการกระตุ้นเลือดอสูรอย่างสนุก เขารับรู้ว่าเส้นชีพจรทั่วร่างของเขา กำลังโครจรไปทั่วร่างพร้อมกับเลือดอสูร ในขณะเดียวกันก็ใช้พลังงานสวรรค์ในการชำระล้างเลือดอสูรให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น  ราวกับเป็นการขัดเช็ดเครื่องโลหะให้สะอาดใส

พรึ่บบ!

นอกเหนือไปจากชะตาวิญญาณทั้งหกดวง ชะตาวิญญาณดวงที่เจ็ดสีน้ำเงินเข้ม ก็ได้ก่อรูปขึ้นมาดูแล้วช่างงดงามยิ่งนัก มีพลังโคจรอยู่รอบ ๆ’เนี่ยลี่’

‘เนี่ยลี่’พยายามที่จะปกปิดเอาไว้แต่ก็ไม่อาจที่จะทำได้ พลังของสายเลือดอสูรรุนแรงเกินไป

‘เนี่ยลี่’อดคิดไม่ได้ว่า นี่เขาแค่เพียงกระตุ้นส่วนหนึ่งของเลือดอสูรเท่านั้นก็ยังทำได้ถึงเพียงนี้

 “นี่เจ้าเลื่อนระดับอีกแล้วเหรอ?”

ระหว่างที่ทะยานอยู่นั้น ‘อู๋หยาจื่อ’หันมาถาม’เนี่ยลี่’ด้วยความตกใจ

“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม อาจจะเป็นเพราะเทคนิคที่ข้าใช้ในการบ่มเพาะพลังก็เป็นได้”

‘เนี่ยลี่’ตอบกลับไปหลังจากที่ขบคิดชั่วครู่

‘อู๋หยาจื่อ’รู้สึกสงสัยอยู่บ้าง แต่ทว่า ขั้นแรกเขานั้นจักต้องไปให้ถึงตำหนักซีอิงเสิ่นก่อน หลังจากที่ค้นหาสมบัติในตำหนักซีอิงเสิ่นแล้ว เขาก็จะรีบกำจัด’เนี่ยลี่’และ’เซี่ยวหยู่’ ถ้าไม่เช่นนั้นการที่เลือดอสูรของเขานั้นอยู่ในตัวของมนุษย์ มันรบกวนจิตใจของเขามากเกินไป

แม้ว่า’เนี่ยลี่’นั้นจักเลื่อนระดับขึ้นไปถึงสองระดับ แต่ก็ยังคงเป็นเพียงระดับชะตาสวรรค์ขั้นที่เจ็ดเท่านั้น เขายังคงสามารถควบคุมสถานการณ์นี้เอาไว้ได้

‘อู๋หยาจื่อ’จักไม่ยอมให้เกิดสถานการณ์ที่เขาไม่อาจควบคุมได้เป็นแน่

ทั้งสามคนยังคงทะยานไปยังตำหนักซีอิงเสิ่น ซึ่งตั้งอยู่ในหุบเขาที่ห่างไกลออกไป เป็นตำหนักยิ่งใหญ่ที่ ห้อมล้อมไปด้วยแสงประกายทั้งเจ็ดสี เป็นตำหนักที่งดงามยิ่งนักราวกับว่าเป็นภาพลวงตา

ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงตำหนักซีอิงเสิ่น……………

จบตอน

แปลโดย นายมะพร้าว

คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments