ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปห่างออกไปไม่ไกลนัก มีกลุ่มคนที่คิดจะผ่านเข้าไปยังตำหนักซีอิงเสิ่น
มีหลายคนที่พยายามที่จะใช้กำลังฝ่าเข้าไป แต่ก็ไม่อ่านจะผ่านไปได้
ทั่วทั้งบริเวณนี้ถูกห้อมล้อมไปด้วยภูเขาและต้นไม้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ ค่ายกลลวงตาหนึ่งพันรูปแบบ การที่จะฝ่าเข้าไปนั้นย่อมมิใช่เรื่องง่าย
ท่ามกลางเหล่ายอดฝีมือที่มีทั้งเผ่าอสูรและมนุษย์ต่างก็จับจ้องกัน ราวกับเสือร้ายที่จ้องเหยื่อ แต่ก็ไม่มีใครที่คิดที่จะเริ่มการต่อสู้
พวกเขายังคงรักษาระยะห่างระหว่างกันเอาไว้เห็นได้ชัดว่า หากเกิดการต่อสู้ ก็ไม่มีประโยชน์ต่อฝ่ายใด พวกเขาจักสูญเสียโอกาสในการเข้าไปยังตำหนักซีอิงเสิ่นเสียอีกด้วย มีโอกาสเหลืออีกแค่เพียงสิบวันเท่านั้น ที่จะสามารถเข้าไปยังตำหนักซีอิงเสิ่นได้ ถ้าไม่อาจจะทำได้ในสิบวันนี้การที่ต้องรอคอยครั้งต่อไปก็เป็นเรื่องที่ลำบากไม่น้อย
‘เนี่ยลี่’พุ่งลงไปยังด้านล่าง เขาเห็นกำแพงสีรุ้งส่องประกาย และมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก
ทุกสายของเส้นรุ้งล้วนเป็นส่วนหนึ่งของค่ายกลลวงตาหนึ่งพันรูปแบบ
ที่ด้านนอกของค่ายกลลวงตาหนึ่งพันรูปแบบมีคนนับพันที่พยายามเข้าไปยังตำหนักซีอิงเสิ่น
“พวกเราจักเข้าไปได้อย่างไร?”
‘อู๋หยาจื่อ’มองไปที่’เนี่ยลี่’แล้วเอ่ยถาม
“ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา จักต้องรออีกหนึ่งชั่วยาม เมื่อถึงเวลาใกล้เที่ยง จักมีช่องว่างของค่ายกลลวงตาหนึ่งพันรูปแบบปรากฏขึ้นมา”
‘เนี่ยลี่’มองไปที่’อู๋หยาจื่อ’พร้อมกับตอบคำถาม
“โอ้!”
‘อู๋หยาจื่อ’พยักหน้า เขาจำต้องฟังที่’เนี่ยลี่’พูดเท่านั้น แม้ว่าไม่รู้ว่าสิ่งใดจริงสิ่งใดเท็จ แต่เขารู้สึกว่า’เนี่ยลี่’จักต้องหาทางเข้าไปในค่ายกลลวงตาหนึ่งพันรูปแบบอย่างแน่นอน
‘เนี่ยลี่’ยังคงทำการขัดเกลาเลือดอสูรในตัวของเขา
เมื่อ’เซี่ยวหยู่’เห็นว่า’เนี่ยลี่’ทำการบ่มเพาะพลังอยู่ นางจึงทำการบ่มเพาะพลังเช่นกัน
ณ ที่ที่ห่างออกไปจาก ตำหนักซีอิงเสิ่น ไม่ไกลนัก
มีกลุ่มคนมุ่งหน้ามายังตำหนักซีอิงเสิ่น เป็นยอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ราวสามสิบคน หนึ่งในนั้นก็คือ ‘หลงเทียนหมิง’
‘หลงเทียนหมิง’ยืนอยู่ที่ด้านนอก และมองไปยังตำหนักซีอิงเสิ่น
“นายน้อย การที่จะทำลายค่ายกลลวงตาหนึ่งพันรูปแบบนั้นแทบจักเป็นไปไม่ได้เลย และในบริเวณนี้ก็มียอดฝีมือเผ่าอสูรอยู่เป็นจำนวนมาก แล้วเหตุใดท่านจึงต้องมาด้วยตัวเองด้วยขอรับ”
หนึ่งในผู้ติดตามของ’หลงเทียนหมิง’ที่สวมชุดเกราะสีทองเอ่ยถาม
“เวลาและสายน้ำมิเคยรอผู้ใด ในตำหนักซีอิงเสิ่นที่ยิ่งใหญ่นี้ อาจจักซุกซ่อนมรดกที่ยิ่งใหญ่เอาไว้ ตราบเท่าที่มีนมีโอกาส ข้าเองก็อยากที่จะลองเสี่ยงดู”
‘หลงเทียนหมิง’เดินไปข้างหน้าพร้อมกับแผ่ลมปราณออกมา ในตอนนี้เขานั้นได้บรรลุระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์แล้ว
และด้วยการผสานเข้ากับจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตในระดับพระเจ้า ทำให้เขานั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่ายอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ทั่วๆไป
ยอดฝีมือที่อยู่ในระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ขั้นที่หนึ่งเมื่อผสานเข้ากับจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตในระดับพระเจ้า
สามารถที่จะรับมือกับยอดฝีมือที่อยู่ในระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ขั้นที่เก้าได้ อย่างไร้ซึ่งปัญหาใดๆ นี่คือพลังของ จิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตในระดับพระเจ้า!‘หลงเทียนหมิง’พยายามที่จะเปิดทางเข้าของค่ายกลลวงตาหนึ่งพันรูปแบบ แต่เขาก็ทำได้เพียงแค่ขมวดคิ้ว และนิ่งเงียบเท่านั้น
เมื่อเห็นว่า’หลงเทียนหมิง’นิ่งเงียบอยู่ คนอื่น ๆจึงยืนดูอยู่ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมา
ไม่ไกลออกไป มีกลุ่มยอดฝีมือเผ่าอสูรได้สังเกตุเห็นพวกของ’หลงเทียนหมิง’ แต่เขาก็มิได้คิดที่จะหาเรื่องพวก’หลงเทียนหมิง’แต่อย่างใด
เพราะพวกที่อยู่รอบ ๆ ตัว’หลงเทียนหมิง’ มียอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ราวสามสิบคนอยู่ เว้นแต่ว่า ถ้าพวกมันอยู่ในระดับวิถีแห่งมังกร ก็คงจักเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่คนส่วนใหญ่ในตอนนี้ก็ไม่กล้าที่จะมีเรื่องกับพวกของ’หลงเทียนหมิง’
รอบ ๆ ค่ายกลลวงตาหนึ่งพันรูปแบบ มีกลุ่มยอดฝีมือทั้งจากเผ่ามนุษย์และอสูรเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ความขัดแย้งกันของ เผ่ามนุษย์และอสูรก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ในบางครั้งก็มีการต่อสู้เกิดขึ้น
หลังจากที่’เนี่ยลี่’บ่มเพาะพลังได้พักหนึ่ง เขาเริ่มที่จะตรวจสอบดูค่ายกลลวงตาหนึ่งพันรูปแบบ และเดินสำรวจไปรอบ ๆ ค่ายกลลวงตา
‘อู๋หยาจื่อ’ก็รีบเดินมาประกบหลังทันที
“ทำไมเจ้าจักต้องมาตามติดข้าถึงเพียงนี้ด้วย?”
‘เนี่ยลี่’มองไปที่’อู๋หยาจื่อ’ หลังจากที่’อู๋หยาจื่อ’เกาะติดไม่ยอมห่างจากเขาเลย
“เจ้าอยู่แค่เพียงระดับชะตาสวรรค์ ที่นี่เต็มไปด้วยยอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์จำนวนมาก ข้าเกรงว่าเจ้าอาจจะพบเจอกับปัญหาได้”
‘อู๋หยาจื่อ’ตอบพร้อมกับหัวเราะ
“มั่นใจได้ว่า ข้าจะช่วยเจ้าในการหาหนทางเข้าไปยัง ตำหนักซีอิงเสิ่น แต่ว่าพวกเราจักต้องแบ่งสมบัติกันคนละห้าส่วน! และข้าจักต้องเป็นผู้ที่เลือกสมบัติก่อนด้วย”
‘เนี่ยลี่’พูดออกไป
“ไม่มีปัญหา!”
‘อู่หยาจื่อ’ตอบโดยไม่ลังเล จะตกลงเช่นใดก็ไม่ต่างกัน เพราะหลังจากที่ออกมาจากตำหนักซีอิงเสิ่น เขาก็คิดที่จะกำจัด’เนี่ยลี่’และ’เซี่ยวหยู่’ทันทีอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะโต้แย้งการที่’เนี่ยลี่’ขอเลือกสมบัติก่อน
พวกเขาทั้งสามคนยังคงเดินสำรวจไปเรื่อย ๆ
“เนี่ยลี่ เจ้ามองที่นั่นสิ!”
‘เซี่ยวหยู่’ชี้ไปยังที่ ที่ห่างออกไป
‘เนี่ยลี่’หันไปทิศทางที่’เซี่ยวหยู่’บอก และมองเห็น’หลงเทียนหมิง’และพวกของเขายืนอยู่ที่นั่น
จริงๆแล้วเขากับ’หลงเทียนหมิง’นั้น หาได้มีความขัดแย้งกันไม่ แต่’เนี่ยลี่’รับรู้ได้ว่า ‘หลงเทียนหมิง’ผู้นี้ไม่ใช่คนที่ดีนัก เพราะจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา ไม่ได้สร้างความประทับใจให้แก่เขาเลย
เขานิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง และ’เนี่ยลี่’ก็คิดสิ่งหนึ่งได้
เพราะถึงอย่างไร ในตอนนี้’เนี่ยลี่’กับ’เซี่ยวหยู่’ก็มิได้อยู่ในรูปลักษณ์ของมนุษย์ แม้แต่’หลงเทียนหมิง’ก็ไม่อาจที่จะรู้ได้ว่า พวกเขาคือใคร
‘เนี่ยลี่’จงใจที่จะเดินเข้าไปใกล้กลุ่มของ’หลงเทียนหมิง’อย่างช้า ๆ โดยแกล้งทำเป็นว่ากำลังทำการตรวจสอบค่ายกลลวงตาหนึ่งพันรูปแบบ
“ค่ายกลลวงตาหนึ่งพันรูปแบบบริเวณนี้ มีลมปราณแผ่ออกมาอย่างรุนแรง ทางเข้าอาจจะอยู่ใกล้ๆนี่ก็เป็นได้”
‘เนี่ยลี่’พูดอย่างตื่นเต้น และก้าวเดินไปยังทาง’หลงเทียนหมิง’เร็วยิ่งขึ้น
“ช้าก่อน! คนกลุ่มนั้นล้วนอยู่ในระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์!”
‘อู๋หยาจื่อ’รีบพูดขึ้นมาเพื่อหยุด’เนี่ยลี่’
‘เนี่ยลี่’ขมวดคิ้ว มองมาที่’อู๋หยาจื่อ’ พร้อมกับพูดขึ้นมาว่า
“นี่เจ้ากลัวที่จะประมือพวกเขาเช่นนั้นเหรอ?”
“น่าขัน! ทำไมข้าจักรับมือพวกมันไม่ได้ แค่ข้าคนเดียวก็สามารถที่จะจัดการพวกมันได้ทั้งหมดแล้ว!”
‘อู๋หยาจื่อ’ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับตอบกลับไป
“ก็ดี! ถ้าเช่นนั้นเราก็ไปตรวจสอบกันต่อ”
หลังจากได้ยินคำพูดของ’อู๋หยาจื่อ’ ‘เนี่ยลี่’ก็เดินไปต่อ
“แต่พวกเขาเป็นยอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์และมีจำนวนถึงสามสิบคน ถ้าหากมีการต่อสู้กัน มันก็จักเกิดปัญหาขึ้นมาได้”
‘อู๋หยาจื่อ’พูดพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ถ้าเช่นนั้นก็ลืมไปเสีย กลุ่มของพวกเขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เป็นไปได้ว่าพวกนั้นหาทางเข้าเจอแล้ว ถ้าหากว่าพวกเขาสามารถที่จะเข้าไปด้านในได้ก่อน พวกเขาจักต้องได้สมบัติล้ำค่าในตำหนักซีอิงเสิ่นไปเป็นแน่!”
‘เนี่ยลี่’ทำท่าทีไม่สนใจและหันหลังกลับ
อู๋หยาจื่อคิด ‘ถ้าที่พวกเขายืนอยู่ใกล้กับทางเข้าจริงอย่างที่เนี่ยลี่พูด การที่เขาต้องถอยหนีออกมา ก็จักไม่เป็นการขาดทุนหรือ? ’
ในความคิดของเขา แม้ว่าคนกลุ่มนี้จะอยู่ในระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ และสามารถรับมือได้ยาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขานั้นจะรับมือไม่ไหว
“เจ้าตรวจสอบต่อไป ถ้าหากว่าเจ้าสามารถที่จะหาทางเข้าได้ทางอื่นได้ ก็จักเป็นการดี แต่ถ้าจักต้องทำให้พวกนั้นออกจากตรงนั้นไป ข้าจะจัดการให้เอง เพราะถึงอย่างไร พวกนั้นก็เป็นแค่มนุษย์”
‘อู๋หยาจื่อ’คิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดออกไป
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของ’อู๋หยาจื่อ’
‘เนี่ยลี่’ก็แอบยิ้มโดยที่แทบจะมองไม่เห็น และเดินไปยังกลุ่มของ’หลงเทียนหมิง’ต่อไป
เมื่อพวกเขาทั้งสามเดินเข้าไปใกล้กลุ่มของ’หลงเทียนหมิง’ ยอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ที่สวมเกราะสีทอง ก็มาขวางทางพวกเขาเอาไว้ เขาจ้องมองมาที่พวก’เนี่ยลี่’อย่างโกรธเกรี้ยว และพูดว่า
“เจ้าพวกขยะ เผ่าอสูร! ถอยไปซะ! ถ้ายังก้าวเข้ามาอีกเพียงแค่ก้าวเดียว อย่าได้ตำหนิข้าก็แล้วกัน!”
ชายผู้นี้เป็นลูกน้องของ’หลงเทียนหมิง’และดูแข็งแกร่งยิ่งนัก เขามีหน้าที่ปกป้องบริเวณดังกล่าว เขาตะโกนไล่พวก’เนี่ยลี่’ เมื่อเข้ามาใกล้บริเวณนี้
เขาสามารถที่จะรับรู้ได้ว่า’เนี่ยลี่’และ’เซี่ยวหยู่’นั้นอยู่ในระดับชะตาสวรรค์ แม้ว่าจักไม่รู้ว่า’อู๋หยาจื่อ’นั้นอยู่ในระดับใด แต่การที่มารวมกลุ่มอยู่กับคนที่อยู่ในระดับชะตาสวรรค์ เขาจักมีฝืมืออยู่ในระดับไหนกันเชียว?
หลังจากทีได้ยินคำพูดของชายผู้นี้ ใบหน้าของ’อู๋หยาจื่อ’ก็เปลี่ยนเป็นสีดำด้วยความโกรธ
“นี่เจ้า! เรียกใครว่าขยะ!?”
‘อู่หยาจื่อ’จ้องมองไปที่ยอดฝีมือระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ผู้นั้นด้วยสายตาอันเย็นชา………………..
จบตอน
แปลโดย นายมะพร้าว
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: