ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“เหยียนซานเจ้าจงเคาะประตู และแจ้งไปว่า ไป๋ฮัวแห่งนิกายร้อยบุพผาสวรรค์ ได้มาเยือนนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้”
ชายหนุ่มในชุดสีขาวพูดขึ้นมา 白花:ไป๋ฮัว:ดอกไม้สีขาว
“ได้ขอรับ”
‘เหยียนซาน’ประสานมือทำความเคารพและหันไปเคาะที่ประตูใหญ่พร้อมกับตะโกนเข้าไป
“คุณชายไป๋ฮัวแห่งนิกายร้อยบุพผาสวรรค์ ได้มาเยือนนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ โปรดเปิดประตูด้วย”
“ขออภัยด้วย ในเวลานี้นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ได้ทำการปิดประตูนิกายเพื่อจัดการปัญหาภายใน เราไม่สะดวกที่จะรับแขกในเวลานี้”
มีเสียงชายหนุ่มผู้หนึ่งตอบกลับไป
“ไร้มารยาทยิ่งนัก หกนิกายศักดิ์สิทธิ์ต่างก็คบหากันมาเป็นเวลานาน เหตุใดจึงปฏิเสธโดยไร้เยื่อใยเช่นนี้ ข้าขอคุยกับผู้ที่มีอำนาจในการเปิดประตู”
‘เหยียนซาน’ตะโกนกลับไป
“ข้าคือเทพกระบี่ ผู้ดูแลประตูนี้ ตามคำสั่งจากผู้นำนิกายโดยตรง”
เสียงของชายหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเทพกระบี่ตอบกลับออกไป
“กล้าขนานนามตนเองว่าเทพกระบี่ หน้าไม่อายยิ่งนัก ถ้าหากเจ้าไม่ยอมเปิดประตูข้าก็ต้องเสียมารยาทแล้ว”
‘เหยียนซาน’แผ่ลมปราณระดับวิถีแห่งมังกรออกมา จนทำให้ประตูนิกายถึงกับสั่นไหวอย่างรุนแรง
“ข้าไม่คิดเลยว่านิกายร้อยบุพผาสวรรค์จะไร้มารยาทถึงเพียงนี้ ถ้าเช่นนี้ก็จงอย่าได้หาว่าข้าไร้มารยาทเช่นกัน”
ชายหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเทพกระบี่ตอบกลับไปพร้อมกับแผ่ลมปราณที่คมกริบราวกับกระบี่พุ่งผ่านประตูออกไป
“เหยียนซานหลบไป”
เพียงแค่’ไป๋ฮัว’สะบัดมือก็ถึงกับทำให้ ‘เหยียนซาน’ถูกผลักออกไปด้านข้างทันที ลมปราณที่คมกริบราวกับกระบี่นั้นยังคงพุ่งไปยัง’ไป๋ฮัว’ เขาใช้ลมปราณของตนเองพัดพาลมปราณของเทพกระบี่ออกไป แต่ก็ยังมีลมปราณที่คมราวกับกระบี่ส่วนหนึ่งเฉือนใบหน้าของเขาให้เป็นรอยเล็กน้อย
“สมแล้วที่เรียกตัวเองว่าเทพกระบี่ ลมปราณกระบี่ในระดับนี้ ถึงขั้นระดับเทพสงคราม ไม่นึกเลยว่าคนรุ่นใหม่ของนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์จะเก่งกาจถึงเพียงนี้ ข้าขอทราบนามที่แท้จริงของท่านด้วย”
‘ไป๋ฮัว’ตะโกนออกไป
“ข้าคือ ปรมาจารย์เทพกระบี่ กู้เบ่ย!”
เทพกระบี่ผู้นี้ก็คือ’กู้เบ่ย’นั่นเอง เขานั้นเข้าถึงเจตจำนงแห่งกระบี่ขั้นสูงสุด จึงสามารถทะลวงข้ามระดับพลังขั้นเทพสงครามได้อย่างรวดเร็ว
“ในคราวหน้าข้าจะมาเยี่ยมชมนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง หวังว่าประตูนิกายจะเปิดต้อนรับข้า ข้าขอตัว”
‘ไป๋ฮัว’พูดพร้อมกับหันหลังเดินกลับไป
“ขออภัยที่มิได้ส่ง”
‘กู้เบ่ย’ตะโกนออกไป
“ดูเหมือนว่าการที่เราจะปิดประตูนิกายเป็นเวลาห้าปี คงไม่อาจที่จะทำได้เป็นแน่ พวกเจ้าพอจะรู้ไหมว่า ประมุขเนี่ยอยู่ที่ใดกัน”
‘กู้เบ่ย’หันไปถามเหล่าลูกน้องที่มีหน้าที่เฝ้าประตู
“ท่านประมุขเนี่ยแจ้งว่าจะไปคารวะท่านปรมาจารย์ทั้งห้าขอรับ”
ลูกน้องผู้หนึ่งตอบกลับไป
ที่ด้านนอกประตูนิกาย’ไป๋ฮัว’กำลังเดินทางกลับไป เหยียนซานได้พูดขึ้นมาว่า
“เรียนนายน้อย คนจากตระกูลกู้ ที่ชื่อว่ากู้เบ่ย ข้าเคยได้ยินมาว่าเป็นผู้สืบทอดลำดับที่หนึ่งของตระกูลกู้ ไม่คิดเลยว่าระดับพลังของเขาจะสูงส่งถึงเพียงนี้”
“คนรุ่นใหม่ของนิกายยังมีความสามารถถึงเพียงนี้ ดูเหมือนเหมือนว่าข่าวลือที่ว่ามียอดฝีมือระดับเทพสงครามเสียชีวิต คงไม่อาจส่งผลกระทบต่อนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์เป็นแน่ แล้วเหตุใดจึงต้องปิดประตูนิกายเช่นนี้ด้วย”
‘ไป๋ฮัว’ พูดขึ้นมา ‘ไป๋ฮัว’นั้นมีความแข็งแกร่งในระดับวิถีแห่งมังกรขั้นที่เจ็ด เขาไม่เคยคิดเลยว่านิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์จะมีคนรุ่นใหม่ที่สามารถบรรลุถึงระดับเทพสงครามได้เช่นนี้
ตำหนักเทียนอู่ 天五 : ห้าสวรรค์ ที่ประชุมของปรมาจารย์ทั้งห้า
“ท่านประมุขเนี่ยเรียกให้พวกเรามารวมตัวกันด้วยเหตุใด”
ปรมาจารย์เทียนอู่เอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย หลังจากที่พวกเขาทั้งห้าปิดประตูฝึกตนเป็นเวลาครึ่งปีตอนนี้ ปรมาจารย์ทั้งห้าก็ได้บรรลุถึงระดับเทพสงครามขั้นที่เก้าแล้ว
“ข้าทราบมาว่าพวกท่านทั้งห้าบรรลุระดับเทพสงครามขั้นที่เก้ากันแล้ว ข้าต้องการที่จะพูดถึงในระดับที่สูงเกินกว่านี้”
‘เนี่ยลี่’ตอบกลับไป
“ระดับเทพสงครามขั้นที่เก้าคือระดับที่สูงที่สุดแล้ว เจ้าพูดถึงเรื่องอันใดกัน?”
ปรมาจารย์เทียนอวิ๋นอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมา
“ข้าไม่อาจที่จะพูดที่นี่ได้ ขอให้พวกท่านเข้าไปยังภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำของข้าก่อน”
‘เนี่ยลี่’สะบัดมือขวาและนำภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำออกมา และนำปรมาจารย์ทั้งห้าเข้าไปด้านใน ก่อนที่เขาจะตามเข้าไปก็มีเสียงของ’กู้เบ่ย’ดังขึ้นมาก่อน
“เนี่ยลี่ เมื่อครู่นี้มีคนจากนิกายร้อยบุพผาสวรรค์มาเยี่ยมนิกายของเรา แต่ข้าได้เชิญพวกเขากลับไปแล้ว การจะปิดประตูนิกายเป็นเวลาห้าปี ข้าว่าคงจะไม่อาจทำได้เป็นแน่”
‘เนี่ยลี่’ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าช่วยไปตามลู่เพียว หลี่ชิงอวิ๋น และหลงยู่อิน ไปยังตำหนักของข้าหลังจากที่ข้าคุยกับปรมาจารย์ทั้งห้าแล้วข้าจะรีบออกมา”
“ข้าเข้าใจแล้ว”
‘กู้เบ่ย’รีบทะยานออกไป ในเวลานี้พวก’กู้เบ่ย’ ‘หลี่ชิงอวิ๋น’ ‘ลู่เพียว’และ ‘หลงยู่อิน’นั้นได้รับตำแหน่งเป็นผู้ดูแลประตูทั้งสี่ทิศ จึงหาตัวได้ไม่ยากนัก
ภายในภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ
“ขออภัยท่านปรมาจารย์ทั้งห้าที่ข้าเข้ามาช้า”
‘เนี่ยลี่’พูดกับปรมาจารย์ทั้งห้าที่ยังคงตื่นตะลึงกับ ภาพที่พวกเขากำลังได้เห็น
“มีสถานที่เช่นนี้อยู่ในภาพจิตกรรมของเจ้าเช่นนั้นหรือ”
‘ปรมาจารย์เทียนอู่’อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้นมา
“เรื่องนั้นข้าจะอธิบายในภายหลัง ในตอนนี้ข้าต้องการที่จะมอบยาทิพย์ให้แก่พวกท่าน เพื่อที่พวกท่านจะได้บรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้า แต่พวกท่านจำเป็นที่จะต้องบ่มเพาะพลังอยู่ภายในภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำนี้เท่านั้น ไม่เช่นนั้นหากมีผู้บรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าที่ภายนอก จักรพรรดิปราชญ์จะสามารถสัมผัสได้ในทันที”
“ขอบเขตแห่งพระเจ้า มันคืออะไรกันแน่ พวกเข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน? แล้วจักรพรรดิปราชญ์ จะใช่ผู้เดียวกับที่เป็นบรรพชนแห่งนิกายเทพอสูรหรือไม่?”
‘ปรมาจารย์เทียนอวิ๋น’พูดขึ้นมาด้วยความตกใจยิ่งนัก มีระดับที่เกินกว่าเทพสงครามอยู่จริงหรือนี่
“ขอบเขตแห่งพระเจ้าเป็นระดับพลังขั้นสูงสุด การที่จะบรรลุได้ต้องใช้พื้นที่ที่มีพลังสวรรค์เข้มข้น และหากเสริมด้วยยาทิพย์ของข้าพวกท่านคงจะบรรลุได้ในเวลาครึ่งปี”
‘เนี่ยลี่’นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งจากนั้นก็พูดต่ออีกว่า
“ในอีกราวร้อยปีข้างหน้า จักรพรรดิปราชญ์จะฟื้นพลังได้สำเร็จ เมื่อเวลานั้นมาถึงทุกสรรพชีวิตบนโลกจะถูกทำลายล้างจนสิ้น”
หลังจากจากได้ยินคำพูดของ’เนี่ยลี่’ ปรมาจารย์ทั้งห้าได้แต่นิ่งเงียบ เคยมีตำนานเล่าขานมาว่าในอดีตจักรพรรดิปราชญ์เคยบุกทำลายล้างสวรรค์มาแล้ว แต่ก็ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่
“เมื่อพวกท่านบรรลุระดับขอบเขตแห่งสวรรค์แล้ว เมื่อออกไปด้านนอกข้าจะสอนวิธีปิดกั้นพลังเอาไว้ จากนั้นข้ามีเรื่องสำคัญที่จะให้พวกท่านทำ”
“จะให้พวกข้าทำสิ่งใดกัน?”
‘ปรมาจารย์หลิงหลง’เอ่ยถาม
“ข้าต้องการให้พวกท่านรับสหายข้าเป็นศิษย์ โดยให้ลู่เพียวเป็นศิษย์ของท่านปรมาจารย์เทียนอู่ และหลี่ชิงอวิ๋นเป็นศิษย์ของท่านปรมาจารย์เทียนอวิ๋น เนื่องจากเทคนิคการบ่มพาะพลังของท่านทั้งสอง เหมาะสมกับพวกเขาทั้งสองยิ่งนัก”
“ถ้าหากว่าพวกเขามีความเหมาะสม ข้าก็ไม่มีความจำเป็นที่จะปฏิเสธ”
ปรมาจารย์เทียนอู่ตอบกลับไป เดิมทีเทคนิคการบ่มเพาะพลัง เทียนอู่ จะถ่ายทอดให้ผู้นำตระกูลซื่อถูในแต่ละรุ่นเท่านั้น แต่ในตอนนี้กฏต่าง ๆ หาได้มีความสำคัญอีกต่อไป
“ส่วนนี่คือยาทิพย์ที่ข้ากลั่นมาให้เหมาะสมกับระดับพลังของพวกท่าน”
‘เนี่ยลี่’หยิบขวดยาทิพย์ออกมาราวร้อยขวดและมอบให้กับปรมาจารย์ทั้งห้า
ปรมาจารย์ทั้งห้ารับมาด้วยความตื่นเต้นยิ่งนัก ถ้าหากมีระดับที่เหนือกว่าระดับเทพสงคราม พวกเขาก็ต้องการที่จะบรรลุให้ถึงระดับนั้นดูเช่นกัน จากนั้น’เนี่ยลี่’ก็ออกจากภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำไป
ตำหนักผู้นำนิกาย
‘กู้เบ่ย’ ‘ลู่เพียว’ ‘หลี่ชิงอวิ๋น’และ’หลงยู่อิน’มานั่งรออยู่ที่ตำหนักแล้ว หลังจากนั้นไม่นานเนี่ยลี่ก็กลับออกมาจากภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ
“เนี่ยลี่ เจ้าเรียกพวกเรามาด้วยเหตุอันใดกัน?”
‘ลู่เพียว’เอ่ยถามขึ้นมาเมื่อเห็น’เนี่ยลี่’
“ดูเหมือนว่า พวกเราไม่สามารถที่จะปิดประตูเมืองเป็นเวลาห้าปีได้แล้ว ข้าจึงต้องเร่งดำเนินการในบางเรื่อง”
‘เนี่ยลี่’ตอบกลับไป
“ถ้าเป็นเรื่องที่มีคนจากนิกายอื่นพยายามเข้ามาเยี่ยมชมนิกายของเรา กู้เบ่ยได้เล่าเรื่องนี้ให้พวกเราทราบแล้ว”
‘หลี่ชิงอวิ๋น’พูดขึ้นมา
“ยิ่งพวกเราพยายามปิดประตูนิกายแล้วนิ่งเงียบอยู่นานเท่าใด ด้านนอกสำนักก็จะรู้สึกสงสัยพวกเรามากยิ่งขึ้น ถ้าหากมีระดับปรมาจารย์หรือผู้นำนิกายจากสำนักอื่นมาเยือน ทางเราคงไม่อาจที่จะปฏิเสธได้”
‘เนี่ยลี่’นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดต่ออีกว่า
“ท่านพี่ชิงอวิ๋น ข้าได้ขอให้ท่านปรมจารย์เทียนอวิ๋นรับท่านเป็นศิษย์ เทคนิคการบ่มเพาะพลังของปรมาจารย์เทียนอวิ๋นนั้นเหมาะสมกับท่านยิ่งนัก ‘ยู่อิน’เจ้านั้นมีเทคนิคการบ่มเพาะพลังจากจักรพรรดิเมฆาสวรรค์แล้วคงจะไม่มีปัญหาอันใด กู้เบ่ยเจ้าฝึกฝนด้วยเจตจำนงแห่งกระบี่ต่อไป ลู่เพียวเจ้าจะต้องไปเป็นศิษย์ของปรมาจารย์เทียนอู่ หลังจากนี้เป็นเวลาครึ่งปี พวกเจ้าจะต้องบรรลุระดับเทพสงครามให้ได้ ภายในวันนี้พวกเจ้าจงไปถ่ายทอดงานของเจ้าให้กับผู้ที่ไว้ใจได้ดูแลต่อไป”
‘เนี่ยลี่’รีบอธิบายอย่างรวดเร็ว
“เข้าใจแล้ว!”
ทั้งสามคนตอบกลับในทันที ‘หลงยู่อิน’นั้นทราบเหตุผลดี แต่อีกสามคนแม้จะยังสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามสิ่งใด พวกเขารู้ดีว่า การสั่งการของ’เนี่ยลี่’จะต้องมีเหตุผลอย่างแน่นอน
“พรุ่งนี้พวกเจ้าจะต้องเข้าไปอยู่ในภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำเป็นเวลาครึ่งปี เตรียมใจไว้ให้ดี”
‘เนี่ยลี่’พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“ตกลง!”
ทั้งสามคนตอบกลับไป
‘เนี่ยลี่’เองก็ไม่อาจที่จะควบคุมสิ่งที่เกิดภายนอกนิกายได้ ดังนั้นในตอนนี้เขาจึงต้องเตรียมการทุกอย่างเอาไว้ ถ้าเช่นนั้นจำเป็นต้องใช้งานชนเผ่าเมฆาสวรรค์อีกครั้ง……………………..
จบตอน
แต่งโดย นายมะพร้าว
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: