ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปหลังจากที่แยกย้ายกันไป’เนี่ยลี่’กลับเข้าไปข้างในภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำอีกครั้ง
ภายในกิจกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ
“เสวียนอวี่ เจ้าอยู่หรือไม่?”
‘เนี่ยลี่’มองหา ชนเผ่าเมฆาสวรรค์ผู้หนึ่ง ที่ซื้อมาในตอนแรกก็อยู่ระดับวิถีแห่งมังกรขั้นที่ห้าแล้ว
“ข้าอยู่นี่ขอรับนายท่าน!”
‘เสวียนอวี่’รีบทะยานขึ้นมาหาเนี่ยลี่ในทันที
“ข้ามีงานให้เจ้าทำ”
‘เนี่ยลี่’พูดขึ้นมา
“เชิญนายท่านบัญชามาได้ แม้ว่าจะต้องบุกน้ำลุยไฟ ข้าก็ยินดี”
‘เสวียนอวี่’ประสานมือคารวะและพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง ในเวลานี้เขานับถือ’เนี่ยลี่’จากใจ ด้วยยาทิพย์ที่’เนี่ยลี่’มอบให้และเทคนิคการบ่มเพาะพลังที่’เนี่ยลี่’ถ่ายทอดให้กับพวกเขา ทำให้ในตอนนี้เขานั้นบรรลุระดับเทพสงครามขั้นที่สามแล้ว
“ข้าต้องการให้เจ้ากลับไปยังพื้นที่รกร้างที่ไร้ที่สิ้นสุด และรวมรวมชนเผ่าเมฆาสวรรค์ทั้งหมดมาให้แก่ข้า ในครั้งนี้เจ้ามีหน้าที่แค่เพียงไปแจ้งและมอบอาหารรวมถึงศิลาจิตวิญญาณให้แก่พวกเขา ถ้าหากพวกเขายินดีข้าจะเดินทางไปทำพันธสัญญากับพวกเขาด้วยตนเอง”
“นายท่านต้องการรวบรวมคนทั้งหมดเลยเช่นนั้นหรือ นายท่านหมายถึงเด็ก สตรี และคนชราด้วยเช่นนั้นหรือขอรับ?”
‘เสวียนอวี่’ถามด้วยความตกใจ
“ถูกต้องแล้วข้าต้องการที่จะให้ชนเผ่าของเจ้าออกจากพื้นที่รกร้างที่ไร้ที่สิ้นสุด และเข้ามาอยู่ที่นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์กับพวกเจ้า”
‘เนี่ยลี่’ยิ้มและตอบกลับไป
‘เสวียนอวี่’ถึงกับน้ำตาไหล เขานั้นต้องการที่จะพบกับครอบครัวที่อยู่ที่พื้นที่รกร้างที่ไร้ที่สิ้นสุด แต่ก็ไม่อาจที่จะกลับไปได้จนกว่าพันธสัญญาจะสิ้นสุดลง เขารู้ดีว่า’เนี่ยลี่’ไม่คิดที่จะข่มเหงชนเผ่าเมฆาสวรรค์อย่างแน่นอน เพราะเขานั้นอยู่กับ’เนี่ยลี่’มาเป็นเวลาเกือบปีแล้ว ‘เนี่ยลี่’ดูแลพวกเขาราวกับเป็นสหาย และไม่เคยกดขี่พวกเขาเลยแม้แต่น้อย
“จงบอกแก่พวกเขาด้วยว่า เมื่อมาอยู่ที่นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์กับข้า ข้าจะแบ่งปันดินแดนส่วนหนึ่งที่อยู่ทางด้านหลังของนิกายให้แก่พวกเจ้า ให้พวกเจ้าสามารถที่จะปลูกสมุนไพร หรือทำการค้าได้”
‘เนี่ยลี่’พูดต่ออีกว่า
“ก่อนที่จะเดินทาง ให้เจ้าไปสอบถามกับเหล่าสหายของเจ้าว่ามีผู้ใดต้องการเขียนจดหมายไปหาครอบครัวของพวกเขาหรือไม่ คงต้องวานให้เป็นธุระของเจ้าแล้ว ข้าขอให้เจ้าช่วยพาอวิ๋นเมี่ยและพวกอีกห้าคนไปด้วยกันกับเจ้า หากทำการตกลงได้สำเร็จเจ้าก็กลับมาส่งข่าวแก่ข้า ส่วนพวกอวิ๋นเมี่ยให้อยู่กับครอบครัวไปก่อน”
‘เนี่ยลี่’ตบที่ไหล่ของ’เสวียนอวี่’ เขานั้นติดค้างชนเผ่าเฆาสวรรค์ไม่น้อย หากได้ตอบแทนพวกเขาเพียงเท่านี้ยังนับว่าน้อยไป
“ข้าจะรีบดำเนินการตามคำสั่งของนายท่านโดยทันทีขอรับ”
‘เสวียนอวี่’พูดพร้อมกับเช็ดน้ำตา
เขารีบทะยานไปหาเหล่าชนเผ่าเมฆาสวรรค์ที่อยู่ในภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ ทุกคนต่างก็รู้สึกดีใจยิ่งนักและรีบเขียนจดหมายถึงครอบครัวของพวกเขา ‘อวิ๋นเมี่ย’กับพวกที่ถูกซื้อมาพร้อมกันอีกห้าคนก็รู้สึกดีใจไม่น้อย พวกเขายังเด็กการที่จะได้พบกับครอบครัวทำให้พวกเขาถึงกับน้ำตาไหล
‘เนี่ยลี่’ยังมีงานที่ต้องทำภายในภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำอยู่อีก เขาบินไปยังตำหนักซีอิงเสิ่นและพูดขึ้นมาว่า
“เจตจำนงแห่งตำหนักซีอิงเสิ่น ข้ารู้ว่าเจ้ายังอยู่ข้างในนั้น เจ้าคงสัมผัสได้ถึงพลังของข้า หากข้าต้องการที่จะทำลายตำหนักซีอิงเสิ่นนี้ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย แต่ข้ามีข้อแลกเปลี่ยนกับเจ้า ไม่รู้ว่าเจ้านั้นจะสนใจหรือไม่?”
“หึหึหึ ข้ารู้ว่าเจ้าสามารถทำลายตำหนักซีอิงเสิ่นนี้ได้ เหตุใดจึงต้องมาต่อรองกับข้าด้วย ทุกวันนี้ข้าก็รอคอยวันที่จะถูกเจ้าจัดการอยู่แล้ว”
เจตจำนงแห่งตำหนักซีอิงเสิ่น ไม่กล้าที่จะออกมาจากตำหนักซีอิงเสิ่นอีกเลยหลังจากที่เนี่ยลี่ได้บรรลุถึงระดับวิถีแห่งมังกร มันได้แต่อยู่อย่างหวาดกลัวเท่านั้น
“ถ้าหากเจ้าต้องการร่างกาย ข้าสามารถที่จะสร้างหุ่นเชิดวิญญาณให้แก่เจ้าได้”
‘เนี่ยลี่’พูดออกไป การทำลายตำหนักซีอิงเสิ่นนี้ไม่ก่อประโยชนือันใดแก่เขาเลยแม้แต่น้อย
“หากข้าเข้าไปสิงในหุ่นเชิดวิญญาณ ข้าก็ต้องกลายเป็นลูกน้องของเจ้าใช่หรือไม่?”
เจตจำนงของตำหนักซีอิงเสิ่น นั้นไม่ต้องการที่จะเป็นลูกน้องผู้ใด มันต้องการอยู่อย่างอิสระเท่านั้น
“แน่นอน ข้าขอให้สัญญาว่าหากเจ้ากลายเป็นหุ่นเชิดวิญญาณ เจ้าก็ยังสามารถควบคุมตำหนักซีอิงเสิ่นได้เช่นเดิม รวมถึงค่ายกลศิลานี้ด้วย ถ้าไม่เช่นนั้นข้าก็คงจะต้องสังหารเจ้าไปพร้อมกับตำหนักซีอิงเสิ่นแห่งนี้ไปซะ”
‘เนี่ยลี่’พูดขู่ด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง จริง ๆ แล้วเขายังต้องการที่จะใช้ตำหนักซีอิงเสิ่นให้เป็นห้องรับรองของปรมาจารย์ทั้งห้า เพราะการสร้างที่พักขึ้นมาใหม่ภายในภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำคงจะเสียเวลาไม่น้อย
“ข้าสามารถเลือกหุ่นเชิดเองได้หรือไม่?”
เจตจำนงของตำหนักซีอิงเสิ่นเริ่มที่จะพูดด้วยเสียงที่เบาลง
“ข้าทำได้เพียงแค่หุ่นเชิดรูปแบบนกเท่านั้น”
‘เนี่ยลี่’ตอบกลับไปแบบไม่ใยดีนัก
“ข้าหวังว่าเจ้าจะรักษาสัญญา เมื่อเจ้าทำหุ่นเชิดวิญญาณเสร็จข้าจะออกจากตำหนักซีอิงเสิ่นแห่งนี้”
“ไม่จำเป็นต้องรอ ข้าทำไว้แล้ว”
‘เนี่ยลี่’หยิบนกที่ทำจากโลหะสีดำออกมา เขานั้นได้ทำเตรียมเอาไว้แล้วรูปทรงภายนอกแตกต่างจาก ท่านเอียหยานเล็กน้อยหน้าตาของมันคล้ายกับอีกา
“หน้าตาน่าเกลียดยิ่งนัก”
เจตจำนงของตำหนักซีอิงเสิ่นลอยออกมา และผสานเข้ากับหุ่นเชิดวิญญาณ จากนั้นมันก็ลองกระพือปีกบินขึ้นมา
“เจ้ามีชื่อหรือไม่?”
‘เนี่ยลี่’เอ่ยถาม
“ข้าเป็นเพียงเจตจำนงที่ไร้ชื่อ เจ้าเรียกข้าว่าเจตจำนงแห่งตำหนักซีอิงเสิ่นก็ได้”
เจตจำนงของตำหนักซีอิงเสิ่นตอบกลับไป
“ยาวเกินไป ถ้าเช่นนั้นข้าจะเรียกเจ้าว่า หลิงหยา 灵鸦:อีกาวิญญาณ”
‘เนี่ยลี่’พูดหลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่ง แม้ว่าจะไม่พอใจนักแต่’หลิงหยา’ก็ไม่อาจที่จะขัดขืนได้
“หลิงหยาข้าต้องการที่จะให้เจ้า ทำให้ตำหนักซีอิงเสิ่นใหญ่ขึ้นเพื่อทำเป็นที่รับรองของท่านปรมาจารย์ทั้งห้า เจ้าสามารถทำได้หรือไม่?”
‘เนี่ยลี่’เริ่มที่จะออกคำสั่ง เพราะหลิงหยากลายเป็นหุ่นเชิดวิญญาณแล้วจึงไม่อาจที่จะขัดคำส่งเขาได้
“แน่นอน แต่อย่าได้ทำให้ตำหนักของข้าสกปรกเชียวนะ”
‘หลิงหยา’บินขึ้นวนบนตำหนักซีอิงเสิ่นเพียงครู่เดียวก็กลายเป็นตำหนักที่ใหญ่โตงดงาม
“จากนี้ไปเจ้าสามารถอยู่ที่นี่ได้ จะไม่มีใครทำร้ายเจ้าอย่างแน่นอน”
‘เนี่ยลี่’พูดกับ’หลิงหยา’ จากนั้นก็บินไปหาปรมาจารย์ทั้งห้า
“ท่านปรมาจารย์ทั้งห้า พวกท่านสามารถใช้ตำหนักซีอิงเสิ่นในการพักผ่อนและเก็บตัวเพื่อบ่มเพาะพลังได้ตามสะดวก”
“ขอบใจประมุขเนี่ยมาก”
ปรมาจารย์ทั้งห้าพูดขึ้นมาพร้อมกัน พวกเขายินดีไม่น้อยที่จะได้มีสถานที่เงียบสงบในการบ่มเพาะพลัง
หลังจากนั้น’เนี่ยลี่’ก็ออกมาจากภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำพร้อมกับ’เสวียนอวี่’ ‘อวิ๋นเมี่ย’และพวกของเขาอีกห้าคน
“พวกเจ้าจงรีบเดินทางและกลับมาส่งข่าวให้ข้าโดยเร็ว”
‘เนี่ยลี่’หันไปกำชับกับ’เสวียนอวี่’
“ขอรับนายท่าน”
‘เสวียนอวี่’ ‘อวิ๋นเมี่ย’และพวกของเขาอีกห้าคนตอบกลับพร้อมกับประสานมือคำความเคารพและขอตัวออกเดินทางไป
ณ พื้นที่รกร้างที่ไร้ที่สิ้นสุด
‘เสวียนอวี่’ ‘อวิ๋นเมี่ย’และพวกของเขาอีกห้าคนเดินทางมาอย่างรวดเร็ว เนื่องจากพวกเขาเป็นยอดฝีมือที่ระดับความแข็งแกร่งสูงมาก
“พวกเจ้าทั้งหมดก่อนที่จะกลับไปหาครอบครัวของพวกเจ้า จงนำจดหมายจากเหล่าสหายของพวกเราไปส่งก่อน พวกเขาเองก็คิดถึงครอบครัวไม่น้อยกว่าพวกเจ้า”
‘เสวียนอวี่’ หันไปบอกแก่พวก’อวิ๋นเมี่ย’
“เข้าใจแล้วขอรับ”
‘อวิ๋นเมี่ย’กับเพื่อน ๆ ตอบกลับด้วยความยิ้มแย้ม หลังจากนั้น’เสวียนอวี่’ก็ไปแจ้งกับเหล่าหัวหน้าชนเผ่าย่อยต่างๆ ของชนเผ่าเมฆาสวรรค์ โดยขอให้มารวมตัวกัน
ลานกว้างของพื้นที่รกร้างไร้ที่สิ้นสุด
“เจ้าพูดอันใดกัน เสวียนอวี่ จะให้พวกเราไปลงนามพันธสัญญากับนายของเจ้าเช่นนั้นหรือ เจ้าเป็นบ้าไปแล้วใช่หรือไม่?”
ชายชราจากชนเผ่าเมฆาสวรรค์ผู้หนึ่งพูดขึ้นมาด้วยความไม่พอใจหลังจากที่ได้ยิน’เสวียนอวี่’พูดออกมา
“ถูกต้องแล้วท่านผู้อาวุโส นายท่านของข้าหาได้คิดร้ายกับชนเผ่าเมฆาสวรรค์ไม่ ท่านจงดูพวกอวิ๋นเมี่ย พวกเขาได้รับการดูแลเป็นอย่างดีและได้รับการถ่ายทอด เทคนิคการบ่มเพาะพลังที่หายสาปสูญไปจากชนเผ่าของเรา จนแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้”
‘เสวียนอวี่’ชี้ไปยัง พวกอวิ๋นเมี่ยที่อยู่ทางด้านหน้า
“เขาดูแลเจ้า เพราะรู้ถึงความแข็งแกร่งของพวกเราก็เพียงเท่านั้น มีหรือที่จะดูแลเด็ก สตรี รวมถึงคนชราเช่นพวกข้า และเจ้าก็รู้ว่าพวกเราจะไม่ส่งสตรีออกไป ทำพันธสัญญาโดยเด็ดขาด เจ้าลืมเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้มาแล้วเช่นนั้นหรือ?”
ผู้อาวุโสอีกท่านพูดขึ้นมา
สตรีของชนเผ่าเมฆาสวรรค์ที่ถูกบังคับด้วยพันธสัญญาต้องกลายเป็นทาสบำเรอสนองตัญหาแก่ผู้เป็นนาย จนตกนรกเสียยิ่งกว่าตายไป
“ข้าไม่เคยลืมเลือนเรื่องราวเหล่านั้น ท่านรู้หรือไม่ว่านายของข้านั้นมีชนเผ่าเมฆาสวรรค์อยู่ในมือจำนวนเท่าใด สามร้อยหกสิบคน พวกข้าทั้งสามหกสิบคนได้รับการดูแลเป็นอย่างดี และนี่นายของข้าได้นำมาให้ข้ามอบให้แก่พวกเราทุกคน ไม่ว่าพวกท่านจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม”
‘เสวียนอวี่’นำอาหารและศิลาจิตวิญญาณจำนวนมากออกมาจากแหวนห้วงมิติที่เนี่ยลี่มอบให้
“อาหารและศิลาจิตวิญญาณเหล่านี้มากพอที่จะซื้อชนเผ่าเมฆาสวรรค์ได้นับพันคน นายของข้ากลับให้ข้านำมาให้พวกท่านโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ข้าเองก็เป็นห่วงชนเผ่าเมฆาสวรรค์ไม่น้อยไปกว่าพวกท่าน ข้าก็ไม่หวังว่าพวกท่านจะตัดสินใจได้ในวันเดียว ดังนั้นวันนี้ข้าจึงเรียกทุกคนออกมาเพื่อแจกจ่ายอาหารให้ตามคำสั่งนายของข้า ชนเผ่าเมฆาสวรรค์ของเราที่เหลืออยู่มีเพียงแค่ไม่กี่พันคน อีกสามวันข้าขอให้พวกท่านมาให้คำตอบแก่ข้า ไม่ว่ามีจำนวนเท่าไหร่ ข้าก็จะกลับไปแจ้งนายของข้าจำนวนเท่านั้น สำหรับอาหารพวกนี้คือน้ำใจจากนายของข้า”
‘เสวียนอวี่’มอบอาหารให้แก่ทุกคนจากนั้นก็กลับไปหาครอบครัวของเขา
เขานั้นมีเมียที่กำลังท้องและลูกชายหญิงอีกสองคน ซึ่งทุกคนยินดีที่จะไปอยู่ด้วยกันกับ’เนี่ยลี่’เพื่อที่จะได้อยู่เป็นครอบครัวอีกครั้ง ส่วน’อวิ๋นเมี่ย’และพวกก็ได้ไปขอให้พ่อแม่ พี่น้องของพวกเขาเชื่อใจพวกเขาและไปอยู่ด้วยกัน ชายวัยกลางคนทั้งสองที่นำ
พวก’อวิ๋นเมี่ย’ไปขายให้แก่’เนี่ยลี่’พวกเขาก็ช่วยพูดให้คนในชนเผ่าถึงสิ่งที่’เนี่ยลี่’ได้รับปากไว้ตอนที่ซื้อพวก’อวิ๋นเมี่ย’ไป ทำให้ในตอนนี้มีชนเผ่าเมฆาสวรรค์ที่ยินดีที่จะไปกับพวกเขาหลายร้อยคน หากรวมถึงครอบครัวของเหล่าผู้ที่ส่งจดหมายมาด้วย รวมแล้วก็ราวพันคน
ในเวลาเดียวกัน ‘เนี่ยลี่’ได้ให้พวก ‘ลู่เพียว’ ‘กู้เบ่ย’ หลี่ชิงอวิ๋น และหลงยู่อิน เข้าไปอยู่ในภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ
จากนั้นก็พา’ลู่เพียว’และ’หลี่ชิงอวิ๋น’ไปคำนับ ปรมาจารย์เทียนอู่ และปรมาจารย์เทียนอวิ๋นเป็นอาจารย์ ซึ่งปรมาจารย์ทั้งสองเมื่อได้เห็น’ลู่เพียว’ และ’หลี่ชิงอวิ๋น’ ก็ยินดีที่จะรับเป็นศิษย์ในทันที เนื่องจากพวกเขานั้นมีพรสวรรค์ยิ่งนัก ด้วยวัยเพียงเท่านี้สามารถมีระดับพลังที่สูงถึงระดับวิถีแห่งมังกรขั้นที่หกได้
จากนั้น’เนี่ยลี่’ก็บินไปหา’เซี่ยวหยู่’ นางนั้นใกล้ที่จะบรรลุระดับเทพสงครามแล้ว เขามีเรื่องที่จำเป็นต้องบอกแก่นาง
…………….จบตอน
แต่งโดย นายมะพร้าว
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: