ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปเสียงของกระบี่พุ่งปักเข้าที่หน้าอกของ’ปรมาจารย์ต้าเหลย’แต่ก็ปักเข้าไปเพียงแค่สามถึงสี่ชุ่นเท่านั้น หนึ่งชุ่นประมาณหนึ่งนิ้ว แต่ก็เพียงพอที่จะให้’ปรมาจารย์ต้าเหลย’ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย
ส่วนกระบี่สายฟ้าของ’ปรมาจารย์ต้าเหลย’ นั้นถูกเจตจำนงแห่งกระบี่บรรพชนทะลวงผ่านจะแตกกระจาย แต่พลังจากสายฟ้านั้นก็ยังพุ่งเข้าปะทะร่างกายของ’กู้เบ่ย’ ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บไม่น้อย แต่เขาก็ฝืนแสร้งทำว่าไม่ได้รับบาดเจ็บเท่าใดนักและพูดออกไปด้วยน้ำเสียงอันเย็นชาว่า
“ดูเหมือนว่าเจตจำนงแห่งกระบี่บรรพชนของข้าจะรวดเร็วกว่ากระบี่สายฟ้าของเจ้านะ”
หลังจากได้ยินคำพูดของ’กู้เบ่ย’ ‘ปรมาจารย์ต้าเหลย’ใช้มือขวาดึงเจตจำนงแห่งกระบี่บรรพชนออกและโยนทิ้งไป จากนั้นเจตจำนงแห่งกระบี่บรรพชนก็สลายไป
“สมแล้วที่กล้าขนานนามตนเองว่าเทพกระบี่”
‘ปรมาจารย์ต้าเหลย’พูดขึ้นมา พร้อมกับเอามือปิดบาดแผลที่ถูกแทง
“นามเทพกระบี่นั้นคู่ควรกับข้าอยู่แล้ว แต่นามของเจ้าควรจะเรียกว่าหมาลอบกัด ก็คงจะเหมาะสมมิใช่น้อย”
‘กู้เบ่ย’พูดจาเหน็บแนมออกไป จริง ๆ เขารู้ดีว่า หากเขาหันหลังจะต้องถูกลอบโจมตีเป็นแน่ แต่เขาก็ไม่คิดเลยว่า กระบี่สายฟ้าที่ถูกสลายไป พลังของมันยังทำให้เขาได้รับบาดเจ็บได้ถึงเพียงนี้
“โอหังยิ่งนัก! ทำให้ข้าบาดเจ็บได้เพียงเท่านี้ อย่าคิดว่าจะจัดการข้าได้”
‘ปรมาจารย์ต้าเหลย’ตอบกลับไป
“กองกำลังมดปลวกของเจ้า จะสามารถรับมือกับกองกำลังของข้าได้หรือไม่?”
‘กู้เบ่ย’โบกมือขวาของเขา กองกำลังของชนเผ่าเมฆาสวรรค์ทั้งสองร้อยคนก็บินขึ้นมา พร้อมกับแผ่ลมปราณระดับวิถีแห่งมังกรออกมา
หลังจากที่ได้เห็นลมปราณที่แผ่ออกมาของเหล่าชนเผ่าเมฆาสวรรค์ที่ปกปิดใบหน้าอยู่ ‘ปรมาจารย์ต้าเหลย’ก็อดที่จะตกใจไม่ได้ หากยอดฝีมือระดับวิถีแห่งมังกรทั้งสองร้อยคน จู่โจมเข้ามาพร้อมกัน เขาและเหล่าศิษย์ของนิกายห้าอสูรสายฟ้า คงไม่อาจรับมือได้อย่างปลอดภัยเป็นแน่
“ข้าจะให้โอกาสเจ้าในการถอนตัว เพราะข้าเองยังไม่ต้องการที่จะก่อสงครามระหว่างมนุษย์และเผ่าอสูร”
‘กู้เบ่ย’พูดออกไป หากเกิดการต่อสู้ขึ้นในตอนนี้ เขาก็คงแสดงฝีมือได้ไม่เต็มที่เป็นแน่
“ก็ได้! หลังจากที่ข้าไปตรวจสอบเรื่องราวทั้งหมดเสร็จสิ้น ข้าจะกลับมาทวงแค้นชีวิตของศิษย์เอกทั้งห้าของข้า”
‘ปรมาจารย์ต้าเหลย’โบกมือและสั่งให้เหล่าศิษย์ของนิกายห้าอสูรสายฟ้าถอนกำลังกลับ
หลังจากที่’ปรมาจารย์ต้าเหลย’และเหล่าศิษย์ของนิกายห้าอสูรสายฟ้าถอนกำลังกลับไป ‘หลิงเหยา’ ก็บินมาหา’กู้เบ่ย’
“ข้ารับคำสั่งจากเนี่ยลี่ให้มาดูเจ้าและส่งข่าวกลับ เจ้านั้นจะให้ข้าส่งข่าวกลับไปว่าเช่นใดบ้าง”
‘หลิงเหยา’ เอ่ยปากถาม
“จงบอกกับเนี่ยลี่ว่า ข้านั้นทำภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว แต่ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับปรมาจารย์ต้าเหลย ข้าจะขอพักฟื้นอยู่ที่นิกายเร้นเมฆาราวเจ็ดวัน จากนั้นข้าจะเดินทางกลับไป”
หลังจากพูดจบ ‘กู้เบ่ย’ก็กระอักเลือดออกมา
“ตกลง! ข้าจะนำข่าวนี้กลับไปแจ้งแก่เนี่ยลี่”
จากนั้น’หลิงเหยา’ก็บินออกไป
หลังจากนั้นนิกาย’เฉียงอวิ๋น’และ’กู้เบ่ย’ก็บินลงมาหา’กู้เบ่ย’และพูดขึ้นว่า
“ต้วนเจี้ยน จงนำท่านเทพกระบี่ไปที่ห้องรับรอง”
“ผู้นำนิกายเฉียงอวิ๋น ข้าคงต้องขอรบกวนท่านแล้ว”
‘กู้เบ่ย’ประสานมือคารวะผู้นำนิกายเฉียงอวิ๋น
“ข้าควรจะเป็นฝ่ายขอบคุณท่านเสียมากกว่า”
ผู้นำนิกาย’เฉียงอวิ๋น’ประสานมือขอบคุณแก่’กู้เบ่ย’
ตำหนักผู้นำนิกาย นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์
สองวันต่อมา ‘หลิงเหยา’ก็กลับมารายงานแก่’เนี่ยลี่’ในเวลานั้น ‘หลี่ชิงอวิ๋น’ ‘ลู่เพียว’ และ’หลงยู่อิน’ ก็มารวมตัวกันที่นี่ด้วย
“ขอบใจเจ้ามาก ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะให้เจ้ากลับเข้าไปอยู่ในภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ เจ้าตกลงหรือไม่?”
‘เนี่ยลี่’มองไปที่’หลิงเหยา’และพูดขึ้นมา
“แน่นอน ข้าต้องการที่จะไปพักผ่อนแล้ว”
‘หลิงเหยา’ตอบกลับไป
จากนั้น’เนี่ยลี่’ก็สะบัดแขนขวาและนำ’หลิงเหยา’เข้าไปในภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ
“ดูเหมือนว่า กู้เบ่ยที่บรรลุระดับเทพสงครามเพียงคนเดียว จะยังคงไม่เพียงพอที่จะกำจัดนิกายห้าเทพอสูรได้ดั่งที่ข้าคิดเอาไว้”
‘เนี่ยลี่’พูดขึ้นมานี่ก็เป็นเหตุผลที่เขาต้องการที่จะปิดประตูนิกายเพื่อฝึกฝนให้พวกเขามีความแข็งแกร่งถึงระดับเทพสงครามมากกว่านี้
“แค่สามารถขับไล่ปรมาจารย์ต้าเหลยให้กลับไปได้ ก็นับว่ายอดเยี่ยมแล้ว”
‘หลี่ชิงอวิ๋น’พูดตอบกลับไป
“ถ้าหากมีศัตรูที่อยู่ในระดับเทพสงครามมากกว่าหนึ่งคน กู้เบ่ยอาจจะไม่โชคดีเช่นนี้”
‘เนี่ยลี่’พูดพร้อมกับส่ายหน้า การที่ทำต้องส่งสหายให้ออกไปบาดเจ็บ ทำให้เขารู้สึกโมโหตนเองไม่น้อย
หลังจากนั้นก็มี ศิษย์ผู้หนึ่งที่ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลตำหนักวิ่งขึ้นมา
“เรียนท่านประมุขเนี่ย มีศิษย์ที่ชื่อว่า ฮัวหลิง ขอเข้าพบขอรับ”
ผู้ดูแลตำหนักรายงาน
“ฮัวหลิง ที่มาจากห้วงสวรรค์น้อยสินะ เขาแจ้งหรือไม่ว่า มีเรื่องอันใด?”
‘เนี่ยลี่’ถามกลับไป
“เขาแจ้งว่า ขออนุญาตเดินทางกลับไปยังห้วงสวรรค์น้อย และหากเป็นไปได้ เขาต้องการให้ส่งยอดฝีมือ ตามไปช่วยเหลือด้วยขอรับ”
ผู้ดูแลตำหนักตอบกลับไป
“ให้เขาเข้ามาได้”
‘เนี่ยลี่’เองก็สนใจห้วงสวรรค์น้อยอยู่เช่นกัน ในชีวิตที่แล้วของ’เนี่ยลี่’ ไม่เคยได้ไปยังดินแดนห้วงสวรรค์น้อยมาก่อน เนื่องจากบุคคลที่จะผ่านประตูมิติข้ามไปได้นั้น จะต้องได้รับการอนุญาตจากตระกูลฮัวก่อนเท่านั้น ‘ฮัวหลิง’ ที่เป็นอริกับ’เซี่ยวหยู่’เองก็เป็นบุตรชายจากตระกูลฮัว และในชีวิตที่แล้วตระกูลฮัว ก็ได้ถูกสังหารไปจนหมด
“เรียนท่านประมุข เนื่องจากห้วงสวรรค์น้อยของข้าถูกรุกราน จึงต้องขอกลับไปเพื่อปกป้อง ขอให้ประมุขเนี่ยโปรดอนุญาตด้วย”
‘ฮัวหลิง’ประสานมือคารวะและคุกเข่าพร้อมกับพูดขอร้อง
“ฮัวหลิง เจ้าจงเล่ารายละเอียดให้ข้าฟังก่อน”
‘เนี่ยลี่’ โบกมือเพื่อให้ฮัวหลิงลุกขึ้น
“ดินแดนห้วงสวรรค์น้อยของข้า เดิมทีนั้นถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนคือ ดินแดนสวรรค์และดินแดนนรก ซึ่งจะรักษาสมดุลกัน ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาดินแดนสวรรค์ได้ร่วงหล่นสู่ดินแดนนรก จนในตอนนี้ดินแดนสวรรค์เหลือเพียง สี่ในสิบส่วนเท่านั้น หากข้าไม่รีบไปช่วยเหลือเกรงว่า พื้นที่ของดินแดนสวรรค์จะต้องร่วงลงไปจนหมดแน่!”
‘ฮัวหลิง’พูดขึ้นมาอย่างร้อนใจ
เดิมทีประตูทางเข้าไปยังห้วงสวรรค์น้อย จะอยู่ในตำหนักสวรรค์ เป็นพื้นที่พิเศษที่อยู่ภายในนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ แต่คนที่จะผ่านเข้าออกประตูได้จะต้องได้รับอนุญาตจากตระกูล ฮัว ก่อนเท่านั้น
แต่ช่วงเวลาที่’เนี่ยลี่’สั่งปิดประตูนิกาย ตำหนักสวรรค์จึงถูกปิดกั้นไปด้วย แม้ว่าจะมีคนจากห้วงสวรรค์น้อยผ่านเข้ามา ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากพื้นที่ของตำหนักสวรรค์ แม้ว่าจะอนุญาตให้พูดคุยกันได้ แต่ก็ต้องตะโกนคุยกันเท่านั้น และหากเปิดเผยความลับจากฝั่งนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ออกไป ก็จะถูกลงโทษอย่างหนักทันที
“ฮัวหลิง ข้าต้องขอเวลาในการตัดสินใจ อีกราวห้าวันกู้เบ่ยก็จะกลับมาแล้ว ในตอนนั้นข้าจะให้คำตอบแก่เจ้า”
‘เนี่ยลี่’ตอบกลับไป
“ขอรับ!”
‘ฮัวหลิง’แม้จะรู้สึกร้อนใจ แต่ก็ยังสบายใจที่ไม่ถูกปฏิเสธในทันที
สามวันต่อมา ที่นิกายเร้นเมฆา
ด้วยความช่วยเหลือจากชนเผ่าเมฆาสวรรค์ จึงสามารถฟื้นฟูนิกายเร้นเมฆาได้รวดเร็วไม่น้อย ในวันนี้ผู้นำนิกาย’เฉียงอวิ๋น’ได้เรียกให้ศิษย์ทั้งหมดมารวมตัวกัน เพื่อประกาศเรื่องสำคัญ
“เหล่าศิษย์ของนิกายเร้นเมฆา นิกายของเราได้รับความเสียหายไม่น้อยจากการรุกรานของนิกายห้าอสูรสายฟ้า และเหล่าศิษย์ที่เป็นยอดฝีมือระดับวิถีแห่งมังกรต้องสละชีพไปแทบทั้งหมด”
‘ผู้นำนิกายเฉียงอวิ๋น’พูดพร้อมกับถอนหายใจ
“ในวันนี้คนแก่ชราเช่นข้า คงไม่อาจที่จะปกปักนิกายเร้นเมฆาได้อีกต่อไป ข้าจึงขอมอบตำแหน่งให้แก่ศิษย์เอกของข้า ต้วนเจี้ยน นับจากนี้ต้วนเจี้ยน เจ้าจงนำพานิกายเร้นเมฆาให้ไปสู่ความรุ่งเรือง”
‘ผู้นำนิกายเฉียงอวิ๋น’ถอดสร้อยคอผู้นำนิกายมอบให้กับ’ต้วนเจี้ยน’
“จากนี้ไป ข้าจะคอยให้การสนับสนุนเจ้าจากเบื้องหลัง ฝากเจ้าดูแลนิกายเร้นเมฆาด้วยนะ ผู้นำนิกายต้วน”
“ข้าจะไม่ทำให้ท่านอาจารย์และเหล่าพี่น้องที่ต้องสละชีวิตไปผิดหวัง”
‘ต้วนเจี้ยน’ประสานมือคารวะผู้นำนิกาย’เฉียงอวิ๋น’ผู้เป็นอาจารย์และหันไปบอกกับเหล่าศิษย์ในนิกายว่า
“จากนี้ไปข้าจะขอปกป้องนิกายเร้นเมฆาด้วยชีวิต!”
“คารวะประมุขต้วน”
เสียงของเหล่าศิษย์นิกายเร้นเมฆา คุกเข่าและประสานมือทำความเคารพผู้นำนิกายคนใหม่
‘กู้เบ่ย’ที่นอนพักอยู่ ยืนมองจากทางหน้าต่างก็อดที่จะยินดีกับ’ต้วนเจี้ยน’ไม่ได้ จริง ๆ แล้ว เขาก็หวังที่จะให้’ต้วนเจี้ยน’ขึ้นครองตำแหน่งผู้นำนิกาย เพราะ’เนี่ยลี่’จะสามารถร้องขอแร่ลึกลับ ที่อยู่ในถ้ำเร้นเมฆาจากทาง’ต้วนเจี้ยน’ได้ง่ายกว่าผู้นำนิกาย’เฉียงอวิ๋น’
หลังจากนั้น’กู้เบ่ย’จึงออกไปพูดคุยกับ’ต้วนเจี้ยน’และ’เฉียงอวิ๋น’ เพื่อขอตัวลา และเดินทางกลับพร้อมกับชนเผ่าเมฆาสวรรค์ทันที
นิกายเทพอสูร
ปรมาจารย์เทพทั้งสี่แห่งนิกายเทพอสูรได้มารวมตัวกัน หลังจากได้ทราบข่าวที่นิกายห้าอสูรสายฟ้าได้บุกเข้าโจมตีนิกายเร้นเมฆา
“เสวียนหมิง เจ้านั้นเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่?”
ปรมาจารย์เทพจูเชวี่ย 朱雀:วิหคสีชาด ถามออกไป
“เหตุใดเจ้าจึงต้องเจาะจงถามข้าด้วย”
‘ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิง’玄冥:เต่าดำถามกลับไปด้วยความไม่พอใจ
“เป็นเพราะในกลุ่มพวกเราทั้งสี่ เจ้ามักจะทำอะไรตามใจชอบที่สุด”
ปรมาจารย์เทพชิงหลง 青龙:มังกรครามพูดขึ้นมาบ้าง
“พวกข้าทั้งสามจะทำสิ่งใดก็มาหารือกันเสมอ เรื่องในความนี้เจ้าจึงน่าสงสัยเป็นที่สุด”
ปรมาจารย์เทพไป๋หู่ 白虎:พยัคฆ์ขาว
“แม้ว่าข้าจะชิงชังมนุษย์เพียงใด แต่ข้าก็คงไม่เริ่มสงครามโง่ ๆ เช่นนี้”
‘ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิง’ พูดออกไปด้วยความไม่พอใจยิ่งนัก ในสายตาของปรมาจารย์เทพทั้งสามต่างก็เห็นเขาเป็นตัวปัญหา
“ข้าเองก็คิดเช่นนั้น การจัดการกับนิกายเล็ก ๆ เช่นนิกายเร้นเมฆา หาได้มีประโยชน์อันใดไม่ มีแต่จะสร้างความขัดแย้งให้มากขึ้นอีกไม่น้อย!”
‘ปรมาจารย์เทพจูเชวี่ย’พูดออกไป เดิมทีนั้นเขามักจะขัดแย้งกับ’ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิง’ แต่เรื่องคราวนี้ ‘เสวียนหมิง’ คงไม่ทำเรื่องโง่ ๆ เช่นนั้นเป็นแน่
“แล้วพวกเจ้าคิดว่า นิกายเทพอสูรของเรา ควรที่จะเข้าร่วมสงครามครั้งนี้หรือไม่?”
‘ปรมาจารย์เทพไป๋หู่’ พูดขึ้นมา
“นิกายเทพอสูรของเรานั้น ยิ่งใหญ่ที่สุดในสามนิกายอสูร หากพวกเราเคลื่อนไหว จะต้องเกิดเป็นสงครามระหว่างมนุษย์และอสูรครั้งใหญ่เป็นแน่”
‘ปรมาจารย์เทพชิงหลง’ พูดขึ้นมาด้วยความใจเย็น เขาเป็นผู้ที่มีความสงบนิ่งที่สุดในปรมาจารย์เทพทั้งสี่
“ถ้าหากนิกายเทพอสูรจะเคลื่อนไหว เป้าหมายของเราจะต้องเป็นพวกนิกายศักดิ์สิทธิ์ หาใช่นิกายเล็ก ๆ พวกนั้นไม่!”
‘ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิง’พูดขึ้นมา เขานั้นยังมีความแค้นกับ นิกายเทพอัคคี เมื่อครั้งที่ถูกขัดขวางขณะที่กำลังจะจัดการกับโอรสศักดิ์สิทธิ์เหยียนหยาง
“ข้าทราบข่าวมาว่า นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์นั้นปิดประตูนิกายมาร่วมครึ่งปีแล้ว ไม่รู้ว่าพวกมันวางแผนอะไรอยู่”
‘ปรมาจารย์เทพชิงหลง’พูดขึ้นมา
“ข้าสามารถหาข่าวของนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์มาได้ หากพวกเจ้าต้องการ”
‘ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิง’พูดขึ้นมาพร้อมกับดวงตาที่เป็นประกาย
………………จบตอน
*หมายเหตุ
ชื่อของ ปรมาจารย์เทพทั้งสี่แห่งนิกายเทพอสูร
มาจากชื่อของสี่สัตว์เทพในตำนานของจีน ได้แก่ วิหคสีชาด มังกรคราม พยัคฆ์ขาว และ
เต่าดำ หงส์แดง
มังกรฟ้า พยัคฆ์ขาว เต่าคะนอง ในเรื่องเบย์เบลด หากเรียกตามชื่อญี่ปุ่นจะเป็น ซูซาคุ เซริว เบียคโกะ เก็นบุแต่งโดย นายมะพร้าว
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา:
[adinserter block=”3″]