ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“อู่เหยี่ยนนี่ท่านหักหลังข้าเช่นนั้นหรือ?”
‘หลงเทียนหมิง’ตะโกนออกไป
“แม้ว่าข้ากับประมุขเนี่ยจะเคยขัดแย้งกัน แต่ข้าไม่มีทางที่จะทรยศต่อนิกายขนนกศักดิ์สิทธ์เป็นอันขาด ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะชั่วช้าถึงเพียงนี้ หลงเทียนหมิง”
‘อู่เหยี่ยน’ตอบกลับไป
“เรื่องนี้ข้าจะถือว่าเป็นเรื่องภายในของตระกูลผนึกมังกร ท่านป้าหลงซูอวิ๋น ท่านจะลงโทษหลงเทียนหมิงเช่นใดกัน?”
‘เนี่ยลี่’หันไปคุยกับ’หลงซูอวิ๋น’แม้ว่า’หลงยู่อิน’จะได้เป็นผู้นำตระกูลแล้ว แต่’หลงซูอวิ๋น’ก็เป็นมารดาของนาง
“ข้าจะฉีกหลงเทียนหมิงออกมาเป็นชิ้น ๆ เพื่อเอาเลือดของมันไปขอโทษต่อบรรพชน”
‘หลงซูอวิ๋น’พูดขึ้นมาด้วยความโกรธเกรี้ยว ‘เนี่ยลี่’เองก็รู้ว่านางนั้นเป็นคนเช่นใด
“ท่านแม่ ตระกูลผนึกมังห้ามมิให้สังหารคนในครอบครัว แม้ว่าข้าจะโกรธแค้นหลงเทียนหมิงเพียงใด แต่ด้วยฐานะผู้นำตระกูล ท่านแม่โปรดเข้าใจด้วย”
‘หลงยู่อิน’พูดขึ้นมา หากนางไม่พูดเช่นนี้ แม่ของนางจะต้องเข้าไปสังหาร’หลงเทียนหมิง’ทันทีเป็นแน่
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าจะลงโทษเจ้าคนเนรคุณนี้เช่นใด?”
‘หลงซูอวิ๋น’พูดขึ้นมา นางยังรู้สึกโมโหอยู่เต็มหัวใจ
“ในนามผู้นำตระกูล ข้าขอลงโทษโดยการทำลายวรยุทธของเจ้า และคุมขังเขาเอาไว้จนกว่าจะสำนึกผิด”
ภายในห้องขังของตระกูลผนึกมังกร ‘หลงเทียนหมิง’ไม่อาจที่จะใช้พลังอันใด เนื่องจากห้องคุมขังถูกผนึกด้วยผนึกค่ายกลลับของตระกูลผนึกมังกร
“พวกเจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะลงโทษข้า”
‘หลงเทียนหมิง’ตะโกนออกมาราวกับคลุ้มคลั่ง ‘หลงยู่อิน’ยื่นมือไปที่หน้าประตูห้องคุมขังและปลดปล่อยลมปราณเข้าไป กลไกลของห้องขังจึงทำงานทันที โซ่ตรวนที่ถูกมัดไว้ที่แขนและขา ดึง’หลงเทียนหมิง’ให้ลอยค้างอยู่กลางอากาศ
จากนั้นลมปราณก็แผ่เข้าไปตรงข้อมือและข้อเท้าของ’หลงเทียนหมิง’ ตัดเส้นชีพจร ทำให้เขาไม่อาจที่จะขับเคลื่อนลมปราณได้อีก
“ศิษย์พี่อู๋เหยี่ยน ขอบคุณท่านมากที่ให้ความร่วมมือ”
‘เนี่ยลี่’หันไปคุยกับ’อู่เหยี่ยน’
“ประมุขเนี่ยอย่าได้พูดเช่นนี้ ในครั้งนี้ขอให้ถือว่าข้าได้ทำคุณไถ่โทษที่เคยเสียมารยาทต่อประมุขเนี่ย”
‘อู่เหยี่ยน’ประสานมือคารวะ แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะมีเรื่องขัดแย้งกับ’เนี่ยลี่’ แต่’เนี่ยลี่’ก็ยังมอบยาทิพย์ให้แก่เขา เขาจึงรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของ’เนี่ยลี่’ยิ่งนัก
ในตอนนี้สายที่นิกายอสูรส่งมาถูกกำจัดไปจนหมดสิ้น ‘เนี่ยลี่’จงใจที่จะปล่อย’หลงเทียนหมิง’เอาไว้ เพราะต้องการทราบว่า’หลงเทียนหมิง’นั้นทำงานให้กับผู้ใด เขาไม่นึกเลยว่า ‘หลงเทียนหมิง’จะเป็นถึงศิษย์ของปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงแห่งนิกายเทพอสูร
โชคดีที่สามารถรู้ความจริงได้ก่อนที่จะครบกำหนดการปล่อยตัวของ’หลงเทียนหมิง’หลังจากนั้น’หลงยู่อิน’ก็ปล่อย’หลงเทียนหมิง’ลงไปอยู่กับพื้นเช่นเดิม หลังจากนั้นทั้งสี่คนก็เดินออกไปจากห้องคุมคังของตระกูลผนึกมังกร
สามวันต่อมา ในภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ
ร่างของ’เอียเซิ่ง’ถูกสร้างขึ้นมาจนสมบูรณ์แล้ว ในตอนนี้กำลังผสานเข้ากับดวงวิญญาณ ร่างกายของ’เอียเซิ่ง’เปร่งแสงขึ้นมาและแสงนั้นค่อย ๆ หายไป เมื่อผสานจนเสร็จสมบูรณ์ร่างของ’เอียเซิ่ง’ก็ลอยออกมาจากกระจกวิญญาณ
หลังจากนั้นไม่นานดวงตาของ’เอียเซิ่ง’ก็เปิดขึ้น
‘เอียเซิ่ง’ลืมตาและลุกขึ้นมาและจับดูแขนของตนเอง ดูเหมือนว่าเขาจะยังรู้สึกสับสน ความทรงจำสุดท้ายของเขาคือกำลังต่อสู้อยู่กับจอมมารและถูกดึงแขนทั้งสองข้างออกไปหลังจากนั้นก็ถูกสังหาร
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น และที่นี่คือที่ใดกัน?”
‘เอียเซิ่ง’เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่า’เนี่ยลี่’ยืนอยู่ตรงหน้า
“ที่นี่คือนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ อาณาจักรซากมังกร สหายข้าได้คืนชีวิตให้แก่ท่าน”
‘เนี่ยลี่’พูดพร้อมกับมีน้ำตาไหลออกมา
“ข้าจะพาท่านออกไปด้านนอก”
‘เนี่ยลี่’พา’เอียเซิ่ง’ออกไปจากภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำไปยังตำหนักของผู้นำนิกาย
“ในตอนนี้ข้ายังไม่เข้าใจแต่ในยามนี้ข้าก็นับว่าเป็นแขกของนิกายเนี่ยลี่เจ้าพาข้าไปคารวะท่านผู้นำนิกายได้หรือไม่ ถ้าไม่เช่นนั้นข้าคงจะเสียมารยาทยิ่งนัก”
‘เอียเซิ่ง’ยังคงเป็นคนมีมารยาทและจริงจังเช่นเดิม ทำให้’เนี่ยลี่’ที่จะหัวเราะไม่ได้
“ผู้นำนิกายแห่งนี้ก็คือข้าเอง หากท่านไม่รังเกียจก็คารวะข้าได้”
‘เนี่ยลี่’พูดออกไปพร้อมกับยิ้ม
“เจ้าเด็กบ้า ยังพูดจาอวดดีไม่ต่างตอนที่อยู่ที่ตำหนักของข้า เด็กเช่นเจ้าจะเป็นผู้นำนิกายใหญ่โตเช่นนี้ได้อย่างไร นี่เวลาผ่านไปนานเท่าใดแล้วนับจากที่ข้าตายไป แล้วจื้ออวิ๋น ลูกข้าอยู่ที่ใดกัน”
‘เอียเซิ่ง’ดุ’เนี่ยลี่’เสียงดัง พร้อมกับถามออกไป
“เชิญท่านพ่อตานั่ง ข้าจะค่อย ๆ เล่าให้ท่านฟัง เรื่องแรกนับจากที่ท่านถูกจอมมารสังหาร ตอนนี้ก็ผ่านไปเกือบสองปีแล้ว ส่วนจื่ออวิ๋นนั้น นางฝึกฝนอยู่ที่นิกายเสียงสวรรค์ เรื่องสุดท้าย ข้าคือผู้นำนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์นี้อย่างแท้จริง”
‘เนี่ยลี่’ค่อย ๆพูด เพราะดูเหมือนว่า ‘เอียเซิ่ง’คงต้องปรับตัวไม่น้อย
“ข้าสามารถไปพบกับลูกของข้าได้หรือไม่?”
‘เอียเซิ่ง’รู้สึกร้อนใจต้องการที่จะเจอหน้าลูกสาว
“นิกายเสียงสวรรค์ห้ามมิให้ผู้ชายเข้าไปโดยเด็ดขาด และต้องใช้เวลาในการเดินทางไม่น้อย ตลอดเส้นทางเต้มไปด้วยอสูรมากมาย”
‘เนี่ยลี่’พูดพร้อมกับส่ายหน้า
“เจ้าลืมไปแล้วเช่นนั้นหรือ ข้านั้นก็บรรลุระดับตำนานแล้ว มีอสูรตนใดที่ข้าต้องกลัวอีก?”
‘เอียเซิ่ง’ถามด้วยความสงสัย
“ท่านพ่อตาคงไม่ทราบ ระดับพลังของท่านเมื่อในอาณาจักรแห่งนี้ มิได้ต่างไปจากผู้ไร้วรยุทธ”
‘เนี่ยลี่’พูดพร้อมกับแผ่ลมปราณของตนออกมาให้’เอียเซิ่ง’ได้เห็น
“นี่มันพลังระดับอะไรกัน?”
‘เอียเซิ่ง’อดที่จะแปลกใจไม่ได้ พลังในระดับนี้เหนือยิ่งกว่า’เอียมัว’บิดาของเขาเสียอีก
“ระดับพลังของข้าเรียกว่า ระดับวิถีแห่งมังกร เป็นระดับที่สี่ของอาณาจักรแห่งนี้ ระดับพลังของอาณาจักรแห่งนี้เริ่มจาก ระดับชะตาสวรรค์ ดาราสวรรค์ แก่นแท้แห่งสวรรค์ วิถีแห่งมังกร และเทพสงคราม และผู้ที่คืนชีวิตให้แก่ท่านนั้นอยู่ในระดับขอบเขตแห่งพระเจ้า”
‘เนี่ยลี่’อธิบายอย่างช้า ๆ
“ข้าคงจะเป็นดั่งเด็กทารกในอาณาจักรแห่งนี้”
‘เอียเซิ่ง’พูดพร้อมกับถอนหายใจกว่าที่เขาจะบรรลุระดับตำนานต้องใช้เวลาเกือบทั้งชีวิต แต่ในอาณาจักรแห่งนี้กลับไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง
“อีกไม่นานข้าจะเชิญนิกายศักดิ์สิทธ์ทั้งหกมาชุมนุมกัน ข้าเชื่อว่าเอียจื่ออวิ๋นคงจะเดินทางมาด้วย กว่าจะถึงวันนั้นหากท่านพ่อตาต้องการ ข้าจะหาอาจารย์สอนให้ท่านดูดซับพลังสวรรค์”
‘อาจารย์ชิหลิง’เองก็ว่างอยู่เนื่องจากสองปีมานี้ไม่มีการรับศิษย์ใหม่เข้านิกาย เขาคิดจะให้อาจารย์ชิหลิงฝึกฝนให้’เอียเซิ่ง’
“ถ้าหากได้เช่นนั้นข้าก็ยินดีดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ได้โกหกที่บอกว่าเป็นผู้นำนิกายสินะ”
‘เอียเซิ่ง’พูดพร้อมกับพยักหน้า
“ข้าจะโกหกท่านไปด้วยเหตุใดกันตำหนักที่ท่านกับข้าอยู่นี่ก็เป็นตำหนักของผู้นำนิกาย ข้าสามารถเรียกผู้ใดมาพบก็ได้หากท่านต้องการ”
‘เนี่ยลี่’ยืดอกเขารู้สึกดีใจยิ่งนักที่ได้พูดล้อเล่นกับ’เอียเซิ่ง’เช่นนี้
“เจ้าเด็กอวดดี ไม่ว่าเจ้าจะตำแหน่งใหญ่โตแค่ไหน แต่จงจำไว้เจ้าต้องให้ความเคารพข้าในฐานะพ่อตา”
‘เอียเซิ่ง’ตอบกลับไป เขาเองก็มีความสุขไม่น้อยกว่า’เนี่ยลี่’
หลังจากนั้นทั้งสองก็พูดคุยกัน ‘เนี่ยลี่’ก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาราวสองปีที่ผ่านมา ในคืนนั้นเป็นคืนแรกที่’เนี่ยลี่’นอนหลับไปอย่างมีความสุข
เช้าวันต่อมา
“ท่านพ่อตา นี่คืออาจารย์ชิหลิง เขาจะสอนท่านเกี่ยวกับการดูดซับพลังสวรรค์และสร้างชะตาวิญญาณ”
‘เนี่ยลี่’เรียกอาจารย์ชิหลิงมา และมอบหมายให้เป็นอาจารย์สอน’เอียเซิ่ง’
“ประมุขเนี่ยไม่ต้องกังวล ข้าจะฝึกฝนให้พ่อตาของท่านเป็นอย่างดี”
อาจารย์ชิหลิงประสานมือคารวะ’เนี่ยลี่’และพา’เอียเซิ่ง’ไปฝึกฝนเป็นการส่วนตัว ด้วยยาทิพย์ของ’เนี่ยลี่’แม้จะเป็นคนธรรมดาหากได้รับการฝึกฝนพร้อมกับดื่มยาทิพย์ ก็สามารถบรรลุระดับชะตาสวรรค์ได้ในเวลาไม่กี่วัน
หนึ่งเดือนต่อมา
‘เอียเซิ่ง’นั้นสามารถบรรลุระดับดาราสวรรค์ได้ และดูเหมือนเขาจะยินดีไม่น้อยที่ได้รู้ว่า หากนำชะตาวิญญาณฝากไว้ในห้องโถงวิญญาณเขาจะสามารถคืนชีพได้
‘หลี่ชิงอวิ๋น’เองก็นำศิลาเร้นเมฆาแจกจ่ายให้แก่ศิษย์ทั่วทั้งนิกาย รวมไปถึงชนเผ่าเมฆาสวรรค์ด้วย ดูเหมือนว่าศิลาเร้นเมฆาก้อนแรกที่’กู้เบ่ย’ไปขอมานั้นจะไม่เพียงพอ ‘กู้เบ่ย’จึงเดินทางไปขอจากต้วนเจี้ยนที่นิกายเร้นเมฆามาอีกครั้ง
‘เนี่ยลี่’เตรียมที่จะดำเนินแผนการขั้นต่อไป จึงเข้าไปข้างในภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำอีกครั้ง
ดูเหมือนว่า ‘เซี่ยวหยู่’จะทำการคืนชีพให้กับป้าเซี่ยแล้ว ‘เนี่ยลี่’จึงบินไปหาป้าเซี่ยและส่งป้าเซี่ยออกไปจากภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ ส่วนเขานั้นบินไปยังตำหนักซีอิงเสิ่นเพื่อไปพบกันปรมาจารย์ทั้งห้า
“ไม่ทราบว่าท่านปรมาจารย์ทั้งห้ามีความก้าวหน้าในการบ่มเพาะพลังเป็นเช่นใดบ้าง”
‘เนี่ยลี่’ถามออกไป
“ประมุขเนี่ย มีเพียงข้าที่บรรลุถึงระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าแล้ว”
ปรมาจารย์เทียนอู่ตอบกลับไป เดิมทีนั้นระดับพลังของปรมาจารย์เทียนอู่ก็สูงกว่าปรมาจารย์ทั้งสี่อยู่แล้ว จึงไม่แปลกนักที่เขาจะบรรลุถึงระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าได้ก่อน
“ถ้าเช่นนั้นข้ามีเรื่องที่ต้องรบกวนท่านปรมาจารย์เทียนอู่แล้ว”
‘เนี่ยลี่’ยิ้มและพูดออกไป
“ประมุขเนี่ยต้องการให้ข้าทำสิ่งใดกัน?”
ปรมาจารย์เทียนอู่ถามด้วยความสงสัย
“ข้าต้องการให้ท่านส่งจดหมายเชิญไปยังหกนิกายศักดิ์สิทธิ์ และเชิญให้เหล่าผู้นำและศิษย์เอกของพวกเขามายังนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ โดยให้แจ้งไปว่าเชิญมาจิบน้ำชาและสนทนากันเท่านั้น”
‘เนี่ยลี่’ยิ้มและพูดออกไป เขาเชื่อว่าเหล่าสหายของเขาจะต้องได้ติดตามมาด้วยเป็นแน่
“ท่านจะให้ข้าเชิญพวกเขามาเมื่อใดกัน?”
ปรมาจารย์เทียนอู่หยิบพู่กันและมานั่งเขียนจดหมายตามคำสั่งของ’เนี่ยลี่’
“ในอีกสามเดือนข้างหน้า!”
‘เนี่ยลี่’คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบออกไป
“ถ้าเช่นนั้นประมุขเนี่ยโปรดรอข้าสักครู่”
ปรมาจารย์เทียนอู่เริ่มจรดพู่กันเขียนจดหมายห้าฉบับและส่งมันให้กับ’เนี่ยลี่’
“ขอบคุณท่านปรมาจารย์เทียนอู่ ถ้าเช่นนั้นข้าก็ไม่ขอรบกวนแล้ว”
จากนั้น’เนี่ยลี่’ก็ออกไปจากภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ และได้ส่งให้คนนำจดหมายไปส่งให้กับนิกายทั้งห้า และ’เนี่ยลี่’ก็ได้เขียนจดหมายถึงคนอื่น ๆ เป็นการส่วนตัวฝากไปด้วย โดยให้พวกเขาพยายามขอติดตามผู้นำนิกายทั้งห้าเดินทางมาด้วยในวันที่ระบุไว้
“สำหรับนิกายเร้นเมฆาของต้วนเจี้ยนนั้น คงต้องวานเจ้าแล้วนะกู้เบ่ย”
‘เนี่ยลี่’หันไปบอกกับ’กู้เบ่ย’
“เรื่องนั้นให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง”
‘กู้เบ่ย’พูด
ในอีกสามเดือนข้างหน้า การชุมนุมของหกสำนักใหญ่จะมาถึง ไม่รู้ว่าเขาจะทำในสิ่งที่คาดหวังเอาไว้ได้หรือไม่ เขาได้แต่หวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นในระหว่างนี้
ณ นิกายจันทราโลหิต
“เซวี่ยซินเยวี่ย เจ้าพูดเช่นนี้หมายความเช่นใดกัน คิดจะปฏิเสธความรับผิดชอบ ชีวิตของศิษย์เอกทั้งห้าของข้าเช่นนั้นหรือ?”
ปรมาจารย์ต้าเหลย ทุบโต๊ะอย่างรุนแรง และพูดออกไป
……………..จบตอน
แต่งโดย นายมะพร้าว
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
<< >>ที่มา: