I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 444.12 จันทราโลหิต

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 22352 | 2367 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

“อู่เหยี่ยนนี่ท่านหักหลังข้าเช่นนั้นหรือ?”

‘หลงเทียนหมิง’ตะโกนออกไป

“แม้ว่าข้ากับประมุขเนี่ยจะเคยขัดแย้งกัน แต่ข้าไม่มีทางที่จะทรยศต่อนิกายขนนกศักดิ์สิทธ์เป็นอันขาด ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะชั่วช้าถึงเพียงนี้ หลงเทียนหมิง”

‘อู่เหยี่ยน’ตอบกลับไป

“เรื่องนี้ข้าจะถือว่าเป็นเรื่องภายในของตระกูลผนึกมังกร ท่านป้าหลงซูอวิ๋น ท่านจะลงโทษหลงเทียนหมิงเช่นใดกัน?”

‘เนี่ยลี่’หันไปคุยกับ’หลงซูอวิ๋น’แม้ว่า’หลงยู่อิน’จะได้เป็นผู้นำตระกูลแล้ว แต่’หลงซูอวิ๋น’ก็เป็นมารดาของนาง

“ข้าจะฉีกหลงเทียนหมิงออกมาเป็นชิ้น ๆ เพื่อเอาเลือดของมันไปขอโทษต่อบรรพชน”

‘หลงซูอวิ๋น’พูดขึ้นมาด้วยความโกรธเกรี้ยว ‘เนี่ยลี่’เองก็รู้ว่านางนั้นเป็นคนเช่นใด

“ท่านแม่ ตระกูลผนึกมังห้ามมิให้สังหารคนในครอบครัว แม้ว่าข้าจะโกรธแค้นหลงเทียนหมิงเพียงใด แต่ด้วยฐานะผู้นำตระกูล ท่านแม่โปรดเข้าใจด้วย”

‘หลงยู่อิน’พูดขึ้นมา หากนางไม่พูดเช่นนี้ แม่ของนางจะต้องเข้าไปสังหาร’หลงเทียนหมิง’ทันทีเป็นแน่

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าจะลงโทษเจ้าคนเนรคุณนี้เช่นใด?”

‘หลงซูอวิ๋น’พูดขึ้นมา นางยังรู้สึกโมโหอยู่เต็มหัวใจ

“ในนามผู้นำตระกูล ข้าขอลงโทษโดยการทำลายวรยุทธของเจ้า และคุมขังเขาเอาไว้จนกว่าจะสำนึกผิด”

ภายในห้องขังของตระกูลผนึกมังกร ‘หลงเทียนหมิง’ไม่อาจที่จะใช้พลังอันใด เนื่องจากห้องคุมขังถูกผนึกด้วยผนึกค่ายกลลับของตระกูลผนึกมังกร

“พวกเจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะลงโทษข้า”

‘หลงเทียนหมิง’ตะโกนออกมาราวกับคลุ้มคลั่ง ‘หลงยู่อิน’ยื่นมือไปที่หน้าประตูห้องคุมขังและปลดปล่อยลมปราณเข้าไป กลไกลของห้องขังจึงทำงานทันที โซ่ตรวนที่ถูกมัดไว้ที่แขนและขา ดึง’หลงเทียนหมิง’ให้ลอยค้างอยู่กลางอากาศ

จากนั้นลมปราณก็แผ่เข้าไปตรงข้อมือและข้อเท้าของ’หลงเทียนหมิง’ ตัดเส้นชีพจร ทำให้เขาไม่อาจที่จะขับเคลื่อนลมปราณได้อีก

“ศิษย์พี่อู๋เหยี่ยน ขอบคุณท่านมากที่ให้ความร่วมมือ”

‘เนี่ยลี่’หันไปคุยกับ’อู่เหยี่ยน’

“ประมุขเนี่ยอย่าได้พูดเช่นนี้ ในครั้งนี้ขอให้ถือว่าข้าได้ทำคุณไถ่โทษที่เคยเสียมารยาทต่อประมุขเนี่ย”

‘อู่เหยี่ยน’ประสานมือคารวะ แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะมีเรื่องขัดแย้งกับ’เนี่ยลี่’ แต่’เนี่ยลี่’ก็ยังมอบยาทิพย์ให้แก่เขา เขาจึงรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของ’เนี่ยลี่’ยิ่งนัก

ในตอนนี้สายที่นิกายอสูรส่งมาถูกกำจัดไปจนหมดสิ้น ‘เนี่ยลี่’จงใจที่จะปล่อย’หลงเทียนหมิง’เอาไว้ เพราะต้องการทราบว่า’หลงเทียนหมิง’นั้นทำงานให้กับผู้ใด เขาไม่นึกเลยว่า ‘หลงเทียนหมิง’จะเป็นถึงศิษย์ของปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงแห่งนิกายเทพอสูร
โชคดีที่สามารถรู้ความจริงได้ก่อนที่จะครบกำหนดการปล่อยตัวของ’หลงเทียนหมิง’

หลังจากนั้น’หลงยู่อิน’ก็ปล่อย’หลงเทียนหมิง’ลงไปอยู่กับพื้นเช่นเดิม หลังจากนั้นทั้งสี่คนก็เดินออกไปจากห้องคุมคังของตระกูลผนึกมังกร

สามวันต่อมา ในภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ

ร่างของ’เอียเซิ่ง’ถูกสร้างขึ้นมาจนสมบูรณ์แล้ว ในตอนนี้กำลังผสานเข้ากับดวงวิญญาณ ร่างกายของ’เอียเซิ่ง’เปร่งแสงขึ้นมาและแสงนั้นค่อย ๆ หายไป เมื่อผสานจนเสร็จสมบูรณ์ร่างของ’เอียเซิ่ง’ก็ลอยออกมาจากกระจกวิญญาณ

หลังจากนั้นไม่นานดวงตาของ’เอียเซิ่ง’ก็เปิดขึ้น

‘เอียเซิ่ง’ลืมตาและลุกขึ้นมาและจับดูแขนของตนเอง ดูเหมือนว่าเขาจะยังรู้สึกสับสน ความทรงจำสุดท้ายของเขาคือกำลังต่อสู้อยู่กับจอมมารและถูกดึงแขนทั้งสองข้างออกไปหลังจากนั้นก็ถูกสังหาร

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น และที่นี่คือที่ใดกัน?”

‘เอียเซิ่ง’เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่า’เนี่ยลี่’ยืนอยู่ตรงหน้า

“ที่นี่คือนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ อาณาจักรซากมังกร สหายข้าได้คืนชีวิตให้แก่ท่าน”

‘เนี่ยลี่’พูดพร้อมกับมีน้ำตาไหลออกมา

“ข้าจะพาท่านออกไปด้านนอก”

‘เนี่ยลี่’พา’เอียเซิ่ง’ออกไปจากภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำไปยังตำหนักของผู้นำนิกาย

“ในตอนนี้ข้ายังไม่เข้าใจแต่ในยามนี้ข้าก็นับว่าเป็นแขกของนิกายเนี่ยลี่เจ้าพาข้าไปคารวะท่านผู้นำนิกายได้หรือไม่ ถ้าไม่เช่นนั้นข้าคงจะเสียมารยาทยิ่งนัก”

‘เอียเซิ่ง’ยังคงเป็นคนมีมารยาทและจริงจังเช่นเดิม ทำให้’เนี่ยลี่’ที่จะหัวเราะไม่ได้

“ผู้นำนิกายแห่งนี้ก็คือข้าเอง หากท่านไม่รังเกียจก็คารวะข้าได้”

‘เนี่ยลี่’พูดออกไปพร้อมกับยิ้ม

“เจ้าเด็กบ้า ยังพูดจาอวดดีไม่ต่างตอนที่อยู่ที่ตำหนักของข้า เด็กเช่นเจ้าจะเป็นผู้นำนิกายใหญ่โตเช่นนี้ได้อย่างไร นี่เวลาผ่านไปนานเท่าใดแล้วนับจากที่ข้าตายไป แล้วจื้ออวิ๋น ลูกข้าอยู่ที่ใดกัน”

‘เอียเซิ่ง’ดุ’เนี่ยลี่’เสียงดัง พร้อมกับถามออกไป

“เชิญท่านพ่อตานั่ง ข้าจะค่อย ๆ เล่าให้ท่านฟัง เรื่องแรกนับจากที่ท่านถูกจอมมารสังหาร ตอนนี้ก็ผ่านไปเกือบสองปีแล้ว ส่วนจื่ออวิ๋นนั้น นางฝึกฝนอยู่ที่นิกายเสียงสวรรค์ เรื่องสุดท้าย ข้าคือผู้นำนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์นี้อย่างแท้จริง”

‘เนี่ยลี่’ค่อย ๆพูด เพราะดูเหมือนว่า ‘เอียเซิ่ง’คงต้องปรับตัวไม่น้อย

“ข้าสามารถไปพบกับลูกของข้าได้หรือไม่?”

‘เอียเซิ่ง’รู้สึกร้อนใจต้องการที่จะเจอหน้าลูกสาว

“นิกายเสียงสวรรค์ห้ามมิให้ผู้ชายเข้าไปโดยเด็ดขาด และต้องใช้เวลาในการเดินทางไม่น้อย ตลอดเส้นทางเต้มไปด้วยอสูรมากมาย”

‘เนี่ยลี่’พูดพร้อมกับส่ายหน้า

“เจ้าลืมไปแล้วเช่นนั้นหรือ ข้านั้นก็บรรลุระดับตำนานแล้ว มีอสูรตนใดที่ข้าต้องกลัวอีก?”

‘เอียเซิ่ง’ถามด้วยความสงสัย

“ท่านพ่อตาคงไม่ทราบ ระดับพลังของท่านเมื่อในอาณาจักรแห่งนี้ มิได้ต่างไปจากผู้ไร้วรยุทธ”

‘เนี่ยลี่’พูดพร้อมกับแผ่ลมปราณของตนออกมาให้’เอียเซิ่ง’ได้เห็น

“นี่มันพลังระดับอะไรกัน?”

‘เอียเซิ่ง’อดที่จะแปลกใจไม่ได้ พลังในระดับนี้เหนือยิ่งกว่า’เอียมัว’บิดาของเขาเสียอีก

“ระดับพลังของข้าเรียกว่า ระดับวิถีแห่งมังกร เป็นระดับที่สี่ของอาณาจักรแห่งนี้ ระดับพลังของอาณาจักรแห่งนี้เริ่มจาก ระดับชะตาสวรรค์ ดาราสวรรค์ แก่นแท้แห่งสวรรค์ วิถีแห่งมังกร และเทพสงคราม และผู้ที่คืนชีวิตให้แก่ท่านนั้นอยู่ในระดับขอบเขตแห่งพระเจ้า”

‘เนี่ยลี่’อธิบายอย่างช้า ๆ

“ข้าคงจะเป็นดั่งเด็กทารกในอาณาจักรแห่งนี้”

‘เอียเซิ่ง’พูดพร้อมกับถอนหายใจกว่าที่เขาจะบรรลุระดับตำนานต้องใช้เวลาเกือบทั้งชีวิต แต่ในอาณาจักรแห่งนี้กลับไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง

“อีกไม่นานข้าจะเชิญนิกายศักดิ์สิทธ์ทั้งหกมาชุมนุมกัน ข้าเชื่อว่าเอียจื่ออวิ๋นคงจะเดินทางมาด้วย กว่าจะถึงวันนั้นหากท่านพ่อตาต้องการ ข้าจะหาอาจารย์สอนให้ท่านดูดซับพลังสวรรค์”

‘อาจารย์ชิหลิง’เองก็ว่างอยู่เนื่องจากสองปีมานี้ไม่มีการรับศิษย์ใหม่เข้านิกาย เขาคิดจะให้อาจารย์ชิหลิงฝึกฝนให้’เอียเซิ่ง’

“ถ้าหากได้เช่นนั้นข้าก็ยินดีดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ได้โกหกที่บอกว่าเป็นผู้นำนิกายสินะ”

‘เอียเซิ่ง’พูดพร้อมกับพยักหน้า

“ข้าจะโกหกท่านไปด้วยเหตุใดกันตำหนักที่ท่านกับข้าอยู่นี่ก็เป็นตำหนักของผู้นำนิกาย ข้าสามารถเรียกผู้ใดมาพบก็ได้หากท่านต้องการ”

‘เนี่ยลี่’ยืดอกเขารู้สึกดีใจยิ่งนักที่ได้พูดล้อเล่นกับ’เอียเซิ่ง’เช่นนี้

“เจ้าเด็กอวดดี ไม่ว่าเจ้าจะตำแหน่งใหญ่โตแค่ไหน แต่จงจำไว้เจ้าต้องให้ความเคารพข้าในฐานะพ่อตา”

‘เอียเซิ่ง’ตอบกลับไป เขาเองก็มีความสุขไม่น้อยกว่า’เนี่ยลี่’

หลังจากนั้นทั้งสองก็พูดคุยกัน ‘เนี่ยลี่’ก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาราวสองปีที่ผ่านมา ในคืนนั้นเป็นคืนแรกที่’เนี่ยลี่’นอนหลับไปอย่างมีความสุข

เช้าวันต่อมา

“ท่านพ่อตา นี่คืออาจารย์ชิหลิง เขาจะสอนท่านเกี่ยวกับการดูดซับพลังสวรรค์และสร้างชะตาวิญญาณ”

‘เนี่ยลี่’เรียกอาจารย์ชิหลิงมา และมอบหมายให้เป็นอาจารย์สอน’เอียเซิ่ง’

“ประมุขเนี่ยไม่ต้องกังวล ข้าจะฝึกฝนให้พ่อตาของท่านเป็นอย่างดี”

อาจารย์ชิหลิงประสานมือคารวะ’เนี่ยลี่’และพา’เอียเซิ่ง’ไปฝึกฝนเป็นการส่วนตัว ด้วยยาทิพย์ของ’เนี่ยลี่’แม้จะเป็นคนธรรมดาหากได้รับการฝึกฝนพร้อมกับดื่มยาทิพย์ ก็สามารถบรรลุระดับชะตาสวรรค์ได้ในเวลาไม่กี่วัน

หนึ่งเดือนต่อมา

‘เอียเซิ่ง’นั้นสามารถบรรลุระดับดาราสวรรค์ได้ และดูเหมือนเขาจะยินดีไม่น้อยที่ได้รู้ว่า หากนำชะตาวิญญาณฝากไว้ในห้องโถงวิญญาณเขาจะสามารถคืนชีพได้

‘หลี่ชิงอวิ๋น’เองก็นำศิลาเร้นเมฆาแจกจ่ายให้แก่ศิษย์ทั่วทั้งนิกาย รวมไปถึงชนเผ่าเมฆาสวรรค์ด้วย ดูเหมือนว่าศิลาเร้นเมฆาก้อนแรกที่’กู้เบ่ย’ไปขอมานั้นจะไม่เพียงพอ ‘กู้เบ่ย’จึงเดินทางไปขอจากต้วนเจี้ยนที่นิกายเร้นเมฆามาอีกครั้ง

‘เนี่ยลี่’เตรียมที่จะดำเนินแผนการขั้นต่อไป จึงเข้าไปข้างในภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำอีกครั้ง

ดูเหมือนว่า ‘เซี่ยวหยู่’จะทำการคืนชีพให้กับป้าเซี่ยแล้ว ‘เนี่ยลี่’จึงบินไปหาป้าเซี่ยและส่งป้าเซี่ยออกไปจากภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ ส่วนเขานั้นบินไปยังตำหนักซีอิงเสิ่นเพื่อไปพบกันปรมาจารย์ทั้งห้า

“ไม่ทราบว่าท่านปรมาจารย์ทั้งห้ามีความก้าวหน้าในการบ่มเพาะพลังเป็นเช่นใดบ้าง”

‘เนี่ยลี่’ถามออกไป

“ประมุขเนี่ย มีเพียงข้าที่บรรลุถึงระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าแล้ว”

ปรมาจารย์เทียนอู่ตอบกลับไป เดิมทีนั้นระดับพลังของปรมาจารย์เทียนอู่ก็สูงกว่าปรมาจารย์ทั้งสี่อยู่แล้ว จึงไม่แปลกนักที่เขาจะบรรลุถึงระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าได้ก่อน

“ถ้าเช่นนั้นข้ามีเรื่องที่ต้องรบกวนท่านปรมาจารย์เทียนอู่แล้ว”

‘เนี่ยลี่’ยิ้มและพูดออกไป

“ประมุขเนี่ยต้องการให้ข้าทำสิ่งใดกัน?”

ปรมาจารย์เทียนอู่ถามด้วยความสงสัย

“ข้าต้องการให้ท่านส่งจดหมายเชิญไปยังหกนิกายศักดิ์สิทธิ์ และเชิญให้เหล่าผู้นำและศิษย์เอกของพวกเขามายังนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ โดยให้แจ้งไปว่าเชิญมาจิบน้ำชาและสนทนากันเท่านั้น”

‘เนี่ยลี่’ยิ้มและพูดออกไป เขาเชื่อว่าเหล่าสหายของเขาจะต้องได้ติดตามมาด้วยเป็นแน่

“ท่านจะให้ข้าเชิญพวกเขามาเมื่อใดกัน?”

ปรมาจารย์เทียนอู่หยิบพู่กันและมานั่งเขียนจดหมายตามคำสั่งของ’เนี่ยลี่’

“ในอีกสามเดือนข้างหน้า!”

‘เนี่ยลี่’คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบออกไป

“ถ้าเช่นนั้นประมุขเนี่ยโปรดรอข้าสักครู่”

ปรมาจารย์เทียนอู่เริ่มจรดพู่กันเขียนจดหมายห้าฉบับและส่งมันให้กับ’เนี่ยลี่’

“ขอบคุณท่านปรมาจารย์เทียนอู่ ถ้าเช่นนั้นข้าก็ไม่ขอรบกวนแล้ว”

จากนั้น’เนี่ยลี่’ก็ออกไปจากภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ และได้ส่งให้คนนำจดหมายไปส่งให้กับนิกายทั้งห้า และ’เนี่ยลี่’ก็ได้เขียนจดหมายถึงคนอื่น ๆ เป็นการส่วนตัวฝากไปด้วย โดยให้พวกเขาพยายามขอติดตามผู้นำนิกายทั้งห้าเดินทางมาด้วยในวันที่ระบุไว้

“สำหรับนิกายเร้นเมฆาของต้วนเจี้ยนนั้น คงต้องวานเจ้าแล้วนะกู้เบ่ย”

‘เนี่ยลี่’หันไปบอกกับ’กู้เบ่ย’

“เรื่องนั้นให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง”

‘กู้เบ่ย’พูด

ในอีกสามเดือนข้างหน้า การชุมนุมของหกสำนักใหญ่จะมาถึง ไม่รู้ว่าเขาจะทำในสิ่งที่คาดหวังเอาไว้ได้หรือไม่ เขาได้แต่หวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นในระหว่างนี้

ณ นิกายจันทราโลหิต

“เซวี่ยซินเยวี่ย เจ้าพูดเช่นนี้หมายความเช่นใดกัน คิดจะปฏิเสธความรับผิดชอบ ชีวิตของศิษย์เอกทั้งห้าของข้าเช่นนั้นหรือ?”

ปรมาจารย์ต้าเหลย ทุบโต๊ะอย่างรุนแรง และพูดออกไป

……………..จบตอน

แต่งโดย นายมะพร้าว

คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
<<                  >>

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments