I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 444.14 ตำหนักชมจันทร์

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 22225 | 2358 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

วันต่อมา เนี่ยลี่ทำการผสานเข้ากับดวงจิตแห่งเทพของเทพธิดาเสิ่นช่วง เพื่อฝึกฝนในการใช้พลังในการใช้สร้างโลกที่ตัดขาดจากโลกใบอื่น

“ข้าต้องทำเช่นใดจึงจะสร้างโลกดั่งโลกใบเล็กหรือห้วงสรรค์น้อยได้?”

‘เนี่ยลี่’ถามออกไป

“ด้วยพลังวิญญาณของเจ้าในตอนนี้ ไม่อาจที่จะทำได้ การสร้างโลกขึ้นมาทั้งใบ ต้องใช้พลังสวรรค์จำนวนมากเกินกว่าที่เจ้ามี และจำเป็นต้องมีสิ่งที่ใช้ในการค้ำจุดโลกที่สร้างขึ้นมาอีกด้วย แม้แต่ข้าในอดีตที่บรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้า ยังต้องสละกายาเทพเพื่อเป็นสิ่งค้ำจุนให้กับโลกใบเล็กของเจ้าและใช้ดวงจิตของข้าในการค้ำจุนห้วงสวรรค์น้อย”

‘เทพธิดาเสิ่นช่วง’ตอบกลับไป

‘เนี่ยลี่’ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินคำตอบ หากเป็นเช่นนั้น เขาจะมีพลังนี้เอาไว้ด้วยเหตุใด หากมันไม่สามารถใช้ประโยชน์อันใดได้

“ด้วยพลังของข้าในตอนนี้ สามารถสร้างห้วงมิติเช่นใดได้บ้าง?”

‘เนี่ยลี่’เอ่ยถามขึ้นหลังจากที่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง

 “แม้ว่า ไม่อาจจะสร้างพื้นที่ใหญ่โตดั่งโลกใบเล็กหรือห้วงสวรรค์น้อยได้ แต่ข้าคิดว่าเจ้าอาจจะสร้างพื้นที่เล็ก ๆ ที่มีขนาดใหญ่ราวห้องสักห้อง หรือตำหนักสักหลังได้โดยที่ไม่ต้องใช้สิ่งค้ำจุน แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้านั้นมีพลังมากเพียงไหน”

‘เทพธิดาเสิ่นช่วง’ตอบกลับไป

“นอกเหนือไปจากโลกใบเล็กและห้วงสวรรคน้อย ยังมีโลกใบอื่นอยู่อีกหรือไม่?”

‘เนี่ยลี่’อดไม่ได้ที่จะถามออกไป

“ข้ารู้เพียงว่ามี แต่ข้าไม่อาจที่จะบอกได้ว่ามีกี่แห่งและอยู่ที่ใด เนื่องจากมิได้เป็นโลกที่ข้าสร้าง ที่ข้ารู้ ผู้เป็นอาจารย์ของข้าได้สร้างโลกแห่งหนึ่งไว้ท่านได้เรียกโลกแห่งนั้นว่า ดินแดนแห่งสวรรค์ แต่น่าเสียดายที่ข้าเองก็หาได้รู้วิธีเดินทางไปยังโลกแห่งนั้น”

เทพธิดาเสิ่นช่วงตอบพร้อมกัวถอนหายใจ

“ดินแดนแห่งสวรรค์ นี่ท่านจะบอกข้าว่า สวรรค์ที่เหล่าทวยเทพอาศัยอยู่ อาจารย์ท่านเป็นผู้สร้างขึ้นมาเช่นนั้นหรือ?”

‘เนี่ยลี่’ถามออกไปด้วยความตกใจ

“เป็นเรื่องที่อาจารย์ข้าเคยบอกกล่าวมาเท่านั้น ข้าเองก็ไม่เคยเห็นด้วยตาเช่นกัน”

‘เทพธิดาเสิ่นช่วง’ตอบกลับไป

ดูเหมือนว่า เขาจะต้องหาหนทางไปยัง ดินแดนแห่งสวรรค์ด้วยตนเอง แต่ในตอนนี้เขาลองสร้างพื้นที่เล็ก ๆ มีขนาดราวห้องพักของเขา จากนั้นก็กำหนดทางเข้าออกขึ้นมาจากนั้นเขาก็ลองก้าวเข้าไปยังห้องนั้น

เมื่อก้าวเข้ามาในห้องที่เขาสร้างขึ้น เป็นเพียงพื้นที่ว่างเปล่าและไม่มีสิ่งใดอยู่เลย ‘เนี่ยลี่’ตรวจสอบดูพื้นที่โดยรอบดูเหมือนว่า เมื่อพยายามเดินออกไปไกลเกินกว่าพื้นที่ของห้องปรากฏว่าเขานั้นราวกับถูกกั้นขวางเอาไว้ด้วยกำแพงที่มองไม่เห็น

“ข้าจะสร้างภูเขาและแม่น้ำ หรือพืชพรรณต้นไม้ ได้หรือไม่?”

‘เนี่ยลี่’เอ่ยถามเทพธิดาเสิ่นช่วง

“นี่คือโลกที่เจ้าสร้าง ทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามความปราถนาของเจ้า แต่เจ้าจะสูญเสียพลังไปมากน้อย ตามแต่สิ่งที่เจ้าต้องการสร้าง หากเจ้าไม่ต้องการสูญเสียพลังในการสร้างสิ่งเหล่านั้นมากเกินไป เจ้าก็สามารถที่จะทำให้ภาพสิ่งที่ต้องการปรากฏขึ้นที่พื้นที่โดยรอบได้”

เทพธิดาเสิ่นช่วงตอบ

‘เนี่ยลี่’ลองหลับตาและสร้างภาพสะท้อนโดยรอบ ให้ปรากฏเป็นท้องฟ้า แม่น้ำ และภูเขา แม้ว่าจะเป็นเพียงภาพสะท้อน แต่ก็งดงามสมจริงยิ่งนัก และเนี่ยลี่สามารถปรับเปลี่ยนภาพสะท้อนเป็นเวลาใดก็ได้ เขาลองปรับเปลี่ยนให้เป็นยามค่ำคืนและเห็นดวงจันทร์ในคืนเต็มดวง ก็ดูงดงามไม่ต่างไปจากของจริงแม้แต่น้อย

“ข้าขอตั้งชื่อพื้นที่แห่งนี้ว่าตำหนักชมจันทร์  หากข้าต้องการสร้างโลกที่กว้างใหญ่กว่านี้ ข้าก็ต้องฝึกฝนให้แข็งแกร่งขึ้นสินะ”

‘เนี่ยลี่’พูดออกไป เขามีความคิดบางอย่างขึ้นมา

หลังจากนั้นเขาก็คลายการผสานร่างและกลับไปบ่มเพาะพลัง ก่อนที่จะถึงหนึ่งเดือนข้างหน้า เขาจะต้องสร้างโลกที่มีขนาดเท่ากับตำหนักของเขา เพื่อทำบางสิ่ง

เหตุการณ์ภายในนิกายยังคงเงียบสงบ เหล่านิกายอสูรเองก็ยังไร้การเคลื่อนไหว และดูเหมือนว่าผลไม้แห่งพระเจ้าที่เขาได้รับมาจากจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ก็ถูกใช้กลั่นทำยาทิพย์จนหมดแล้ว

เนื่องจาก’เนี่ยลี่’แจกจ่ายให้แก่ศิษย์ในนิกายจำนวนมาก โชคดีที่ต้นไม้แห่งพระเจ้าในภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำเริ่มที่จะมีดอกผล ทำให้’เนี่ยลี่’ยังสามารถผลิตยาทิพย์ออกมาได้อย่างต่อเนื่อง

สำหรับการทำยาทิพย์นี้’เนี่ยลี่’ได้มอบหมายให้’เซี่ยวหยู่’และเทพธิดายู่หยานที่อยู่ในภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำเป็นผู้กลั่นยาให้

ในยามนี้ดูเหมือนว่าเทพธิดา’ยู่หยาน’จะตัวใหญ่ขึ้นกว่าเดิมหลังจากที่บรรลุระดับเทพสงคราม กายาเทพของเทพธิดายู่หยานนั้นมีความมั่นคงขึ้น

ในยามนี้แม้ว่ารูปร่างของนางจะเป็นผู้ใหญ่ แต่ความสูงของนางนั้นราวกับเด็กอายุสิบขวบ ส่วนจินตานนั้นในตอนนี้ยังคงตัวใหญ่ขึ้นไปเรื่อย ๆ เนื่องจากมีศิลาจิตวิญญาณให้กินอย่างไม่มีวันหมด

หลายวันต่อมา’เนี่ยลี่’ได้สั่งการให้เหล่าศิษย์และชนเผ่าเมฆาสวรรค์ ช่วยกันสร้างตำหนักใหม่ขึ้นมา เพื่อที่จะเตรียมไว้รับรองผู้ที่จะเดินทางมาชุมนุมกันในอีกราวหนึ่งเดือนข้างหน้า โดยที่’เนี่ยลี่’ได้สร้างประตูทางเข้าไปยังตำหนักชมจันทร์

โดยมีเพียงผู้ที่เขาอนุญาตเท่านั้นจึงจะเข้าไปยังตำหนักชมจันทร์ที่แท้จริงได้ โดยที่คนอื่น ๆ จะเดินเข้าไปยังตำหนักธรรมดาที่สร้างขึ้นมาใหม่

ก่อนที่จะถึงวันชุมนุม ‘เนี่ยลี่’สามารถขยายพื้นที่ของตำหนักชมจันทร์ ให้กว้างใหญ่ขึ้นได้หลายเท่า จากนั้น’เนี่ยลี่’ก็ปรับเปลี่ยนพื้นที่ให้เป็นดั่งตำหนักริมน้ำและด้านบนมีดวงดาวและดวงจันทร์ส่องสว่างอยู่

เมื่อถึงวันชุมนุมหกนิกายศักดิ์สิทธิ์

‘เนี่ยลี่’ได้ขอให้ปรมาจารย์ทั้งห้าออกไปเป็นผู้ต้อนรับ ผู้นำนิกายทั้งห้าและได้ขอให้ปรมาจารย์ทั้งห้าพกป้ายศิลาเร้นเมฆาเอาไว้
เพื่อปิดกั้นพลังวิญญาณให้อยู่ในระดับเทพสงครามเท่านั้น

นิกายเทพอัคคีที่เป็นนิกายที่แข็งแกร่งที่สุดในหกนิกายศักดิ์สิทธิ์ มีเพียงปรมาจารย์เทียนหั่ว 天火:เพลิงสวรรค์ และ
โอรสศักดิ์สิทธิ์เหยียนหยาง และผู้ติดตามไม่กี่คนที่เดินทางมา

นิกายเสียงสวรรค์ ปรมาจารย์อินเยวี่ย 天音乐:เพลงสวรรค์ ได้เดินทางมาพร้อมกับธิดาศักดิ์สิทธิ์’เอียจื่ออวิ๋น’ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ ‘เซี่ยวซุ่ย’ และศิษย์ผู้ติดตามคนอื่น ๆ

นิกายกำเนิดสวรรค์ปรมาจารย์ฟู่ชิน 父亲:บิดาและ ปรมาจารย์หมู่ชิน母亲:มารดา ได้พา โอรสศักดิ์สิทธิ์ตู่ซื่อ และธิดาศักดิ์สิทธิ์ ฮวาหั่วและเหล่าผู้ติดตาม

นิกายเทพไร้ลักษณ์ปรมาจารย์อู๋เม่า 无貌:ไร้ตัวตน ได้นำโอรสศักดิ์สิทธิ์ซูเซียงจิ้งและ เว่ยหนาน รวมถึงผู้ติดตามอีกหลายคน

นิกายร้อยบุพผาสวรรค์ ปรมาจารย์ฮัวฮวาลี่ 花华丽:ดอกไม้ที่งดงาม ได้พาโอรสศักดิ์สิทธิ์ไป๋ฮัว และ ‘จางหมิง’ พร้อมกับผู้ติดตามมา ‘จางหมิง’นั้นระดับพลังสูงกว่าแต่’ไป๋ฮัว’เป็นบุตรของ’ฮัวฮวาลี่’

ชื่อของปรมาจารย์ทั้งห้าเป็นดั่งฉายา บางคนก็ได้รับสืบทอดชื่อมาจากประมุขคนเก่า

‘เนี่ยลี่’และ’ลู่เพียว’มองดูเหล่าสหายของเขาที่เดินทางมาด้วยความยินดี เขาส่งเสียงผ่านห้วงวิญญาณไปบอกกับทุกคนว่า

“ข้าดีใจเหลือเกินทีได้พบเห็นทุกคนอีกครั้ง เมื่อเข้ามายังตำหนักชมจันทร์จะมีเพียงพวกเจ้าและผู้นำนิกายของพวกเจ้าเท่านั้นที่จะสามารถเข้ามายังตำหนักลับที่ข้าสร้างขึ้นมาได้”

‘ตู่ซื่อ’ได้ยินเช่นนั้นจึงส่งเสียงตอบกลับไปว่า

“ที่อยู่ข้างกายของข้าคือฮวาหั่ว นางคือคู่หมั้นของข้า นางจะสามารถเข้าไปยังตำหนักชมจันทร์ได้หรือไม่”

‘เนี่ยลี่’แอบยิ้มและตอบกลับไปว่า

“ไม่คิดเลยว่าพี่ชายของข้าจะมีคู่หมั้นแล้วเหตุใดข้าจะต้องกีดกันมิให้พี่สะใภ้ของข้าเข้ามายังตำหนักชมจันทร์กันเล่า”

ทุกคนที่ได้ยินเสียงในห้วงขอบเขตวิญญาณต่างอดไม่ได้ที่จะยิ้ม

“แล้วคู่หมั้นของข้า ไม่คิดที่จะทักทายข้าบ้างหรืออย่างไรกัน ข้าเศร้าใจยิ่งนัก”

‘ลู่เพียว’ส่งเสียงออกไปเพื่อหยอกเย้า’เซี่ยวซุ่ย’

“เจ้าพูดบ้าอะไร หลังจากที่จบการพูดคุยข้าจะทักทายเจ้าเป็นการส่วนตัว”

‘เซี่ยวซุ่ย’ตอบกลับไป ‘ลู่เพียว’รู้สึกกลัวจนขนลุกจนไม่กล้าตอบกลับไป

เมื่อเดินทางมาถึงทางเข้าตำหนักชมจันทร์ปลอม ทางเข้าเป็นทางเดินทางเดียว เหล่าผู้นำตระกูลและผู้ติดตามของแต่ละสำนักก็ค่อย ๆ เดินเข้าไป มีเพียงผู้ที่ได้รับอนุญาติเท่านั้นที่เดินเข้าไปยังตำหนักชมจันทร์ที่แท้จริงได้

ผู้ติดตามคนอื่น ๆ เมื่อเดินเข้าไปยังตำหนักชมจันทร์ปลอม ก็ไปถึงห้องโถงใหญ่ มีที่ให้นั่งพัก พร้อมกับน้ำชา และอาหารมากมาย
แน่นอนว่าโอรสศักดิ์สิทธิ์ไป๋ฮัว ก็เข้ามาในห้องโถงนี้

“ประมุขนิกายของข้าหายไปที่ใดกัน?”

โอรสศักดิ์สิทธิ์’ไป๋ฮัว’เอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย

“โอรสศักดิ์สิทธิ์ไป๋ฮัว ท่านอย่าได้เป็นกังวล ประมุขนิกายของท่านได้ไปยังห้องดื่มชากับเหล่าประมุขนิกายท่านอื่นแล้ว เชิญท่านพักผ่อนให้สบายใจ”

‘กู้เบ่ย’ทำหน้าที่เป็นผู้รับรองผู้ติดตามของนิกายนิกายร้อยบุพผาสวรรค์

“ไม่ทราบว่าเจ้าคือ?”

‘โอรสศักดิ์สิทธิ์ไป๋ฮัว’ถามออกไป เขารู้สึกคุ้นเคยกับเสียงของบุคคลผู้นี้

“แม้ว่าเราจะไม่เคยพบกันมาก่อน แต่เราเคยเผชิญหน้ากันผ่านประตูนิกายมาแล้ว ข้าคือเทพกระบี่กู้เบ่ย!”

‘กู้เบ่ย’ประสานมือคารวะและพูดออกไป

เมื่อได้ยินเช่นนั้นโอรสศักดิ์สิทธิ์ไป๋ฮัวก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้ พลังลมปราณที่เขาสัมผัสได้จากกู้เบ่ยเป็นเพียง ระดับวิถีแห่งมังกรชั้นที่สองเท่านั้น ต่างจากที่เคยเผชิญหน้ากันก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก

“เหตุใดข้าไม่เห็น เหล่าโอรสศักดิ์สิทธิ์และธิดาศักดิ์สิทธิ์ของนิกายอื่น ๆ ในห้องโถงนี้เลย?”

โอรสศักดิ์สิทธิ์ไป๋ฮัวถามออกไป เมื่อ’กู้เบ่ย’มีระดับพลังเพียงเท่านี้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจมากนัก

“ท่านประมุขของเราเห็นว่าพวกท่านเดินทางมาไกลคงเหน็ดเหนื่อย จึงได้จัดแยกห้องโถงให้แต่ละนิกายได้พักผ่อนเป็นการส่วนตัวไปก่อน เมื่อถึงเวลาชมจันทร์จึงจะพาไปยังห้องโถงใหญ่เพื่อพบปะกัน”

‘กู้เบ่ย’ตอบกลับไป

หากโอรสศักดิ์สิทธิ์ไป๋ฮัวรู้ว่าเขาถูกกีดกันออกมาจาก ผู้นำนิกาย รวมถึงโอรสและธิดาศักดิ์สิทธิ์คนอื่น ๆ คงจะเจ็บใจไม่น้อย เรื่องนี้ทำให้’กู้เบ่ย’ต้องแอบหัวเราะอยู่ในใจ

ณ ตำหนักชมจันทร์

ผู้นำนิกายคนอื่น ๆ เมื่อได้เห็นตำหนักชมจันทร์ ที่สามารถชมจันทร์และดาราได้ในยามกลางวันเช่นนี้ ก็รู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก

‘เนี่ยลี่’ได้จัดเตรียมโต๊ะสำหรับนั่งจิบน้ำชาและชมดวงจันทร์ ได้อย่างสมเกียรติประมุขทุกท่าน ปรมาจารย์เทียนอู่ได้เชิญประมุขของแต่ละนิกายนั่ง แต่ตัวเขากลับยืนอยู่หลังเก้าอี้

“ท่านปรมาจารย์เทียนอู่ ข้าไม่คิดเลยว่านิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์จะมีตำหนักชมจันทร์ที่งดงามถึงเพียงนี้ แต่ข้าสงสัยว่าไป๋ฮัวของข้านั้นอยู่ที่ใด เหตุใดเขาจึงมิได้อยู่ในที่แห่งนี้”

‘ปรมาจารย์ฮัวฮวาลี่’ถามด้วยความสงสัย เนื่องจากโอรสศักดิ์และธิดาศักดิ์สิทธิ์ของนิกายอื่น ๆ ต่างอยู่กันพร้อมหน้า แต่ศิษย์ของนิกายร้อยบุพผาสวรรค์กลับมีเพียง’จางหมิง’เท่านั้นที่อยู่ที่นี่

“โอรสศักดิ์สิทธิ์ไป๋ฮัวอาจจะเดินหลงทางไปยังห้องอื่น ๆ ข้าจะให้คนไปตามมาในภายหลัง ที่ข้าเชิญพวกท่านมาในวันนี้เพราะมีเรื่องสำคัญ”

‘ปรมาจารย์เทียนอู่’ตอบกลับไป………

จบตอน

แต่งโดย นายมะพร้าว

คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
<<                  >>

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments