I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 444.16 รวมเป็นหนึ่ง

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 22995 | 2364 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

‘กู้เบ่ย’ระเบิดลมปราณระดับเทพสงครามขั้นที่สองออกมา ปรมาจารย์ต้าเหลยรู้สึกตกใจเล็กน้อย เหตุใดคนผู้นี้จึงเลื่อนระดับพลังได้รวดเร็วยิ่งนัก!

ปรมาจารย์ต้าเหลยใช้ลมปราณสร้างกระบี่สายฟ้าขึ้นมา และเตรียมที่จะต่อสู้

หลังจากที่การต่อสู้เริ่มต้นขึ้น เหล่าศิษย์ของนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ที่มีระดับพลังตั้งแต่วิถีแห่งมังกรขึ้นไป รวมถึงชนเผ่าเมฆาสวรรค์ ต่างก็พุ่งเข้าไปจู่โจมกองกำลังของนิกายอสูรทั้งสอง

แม้ว่าปรมาจารย์ต้าเหลย ปรมาจารย์เซวี่ยซินเยวี่ย คิดที่จะเข้าไปช่วยแต่ก็ไม่อาจที่จะเคลื่อนไหวได้ดั่งใจ เนื่องจาก’หลี่ชิงอวิ๋น’และ ‘กู้เบ่ย’คุมเชิงเอาไว้

เมื่อเห็นว่ากองกำลังของนิกายอสูรทั้งสองเริ่มถูกสังหาร ปรมาจารย์เซวี่ยซินเยวี่ยเรียกอาวุธออกมา คือดาบผ่าจันทรา เป็นดาบขนาดใหญ่เป็นรูปร่างราวกับจันทร์เสี้ยว เขาฟันใส่หลี่ชิงอวิ๋นอย่างรุนแรง ‘หลี่ชิงอวิ๋น’ใช้ดาบเมฆาสวรรค์ในการตั้งรับ แต่ด้วยความรุนแรงของมันแทบจะทำให้’หลี่ชิงอวิ๋น’ทรุดลงไป

“กำลังกายของมนุษย์ไม่มีทางที่จะรับการโจมตีจากข้าได้หรอกนะ!”

ปรมาจารย์เซวี่ยซินเยวี่ยพูดด้วยความดูถูก

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็จงดูให้ดี หมอกม่านเมฆา!”

‘หลี่ชิงอวิ๋น’ใช้ลมปราณสร้างเมฆหมอกขึ้นมากำบังกาย

“คิดจะเล่นซ่อนแอบเช่นนั้นหรือเจ้ามนุษย์!”

ปรมาจารย์เซวี่ยซินเยวี่ยใช้ดาบผ่าจันทราฟันลงไปเพียงทีเดียว เมฆหมอกที่ปกคลุมอยู่ก็หายไปโดยสิ้นเชิง รวมทั้ง’หลี่ชิงอวิ๋น’ด้วยเช่นกัน

“เพลงดาบคลื่นเมฆา”

‘หลี่ชิงอวิ๋น’ปรากฏกายอยู่ทางด้านหลังของปรมาจารย์เซวี่ยซินเยวี่ยใช้เพลงดาบสร้างคลื่นขนาดใหญ่ที่ทำจากเมฆ
แต่ด้านบนคลื่นนั้นเป็นคมมีดจำนวนนับไม่ถ้วน

“อ๊ากกกก”

ปรมาจารย์เซวี่ยซินเยวี่ยกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ดูเหมือนว่าเขาจะประเมินมนุษย์ผู้นี้ต่ำเกินไป

“เจ้าแมลงโสโครก จงรับเพลงดาบของข้าไป เพลงดาบจันทร์เสี้ยว!”

ปรมาจารย์เซวี่ยซินเยวี่ยฟันดาบผ่าจันทร์ออกไป คลื่นลมปราณจากดาบพุ่งออกไปหาหลี่ชิงอวิ๋นอว่างรวดเร็ว เขารีบใช้ดาบในการต้านรับ แม้ว่าจะต้านเอาไว้ได้ แต่เขาก็ได้รับบาดเจ็บจนกระอักเลือดออกมา

“พลังของมันรุนแรงยิ่งนัก!”

‘หลี่ชิงอวิ๋น’พูดพร้อมกับเหนื่อยหอบ

“เจ้าศิษย์โง่ เมฆาที่ล่องลอย คือการเคลื่อนไหว หาใช่ในการตั้งรับประดุจไม้ใหญ่ดั่งที่เจ้าทำ”

เสียงของปรมาจารย์เทียนอวิ๋นดังเข้ามาในหัวของหลี่ชิงอวิ๋น

ก่อนหน้านั้นเขาไม่เข้าใจคำพูดนี้เลยแม้แต่น้อย แต่บัดนี้เขานั้นได้รับรู้แล้ว เขาจับดาบอย่างมั่นคงอีกครั้ง

“ยังลุกขึ้นได้อีกเช่นนั้นหรือ ถ้าเช่นนั้นจงรับไปอีกครั้ง เพลงดาบจันทร์เสี้ยว!”

ปรมาจารย์เซวี่ยซินเยวี่ยฟันดาบลงมาอีกครั้ง คลื่นพลังลมปราณจากดาบในคราวนี้ใหญ่เสียยิ่งกว่าก่อนหน้านี้แต่หลี่ชิงอวิ๋นก็มิได้ขยับหลบเลยแม้แต่น้อย

ฟุ่บบ!

เสียงคลื่นลมปราณจากดาบของปรมาจารย์เซวี่ยซินเยวี่ยทะลุผ่านร่างกายของหลี่ชิงอวิ๋นไป ในตอนนี้เขานั้นหาได้ยืนอยู่ตรงที่เดิมไม่ หลี่ชิงอวิ๋นได้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนเกิดภาพติดตาอยู่ตรงนั้น ส่วนตัวจริงของเขาอยู่ที่ ด้านหลังของปรมาจารย์เซวี่ยซินเยวี่ย

ฉับบ!

หลี่ชิงอวิ๋นฟันดาบเข้าที่หลังของปรมาจารย์เซวี่ยซินเยวี่ย บาดแผลลึกจนเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก การเคลื่อนไหวของหลี่ชิงอวิ๋นเรียกว่ากระบวนท่า เมฆาล่องลอย

“เจ้ามนุษย์บ้า!”

ปรมาจารย์เซวี่ยซินเยวี่ยหันหลังกลับมาฟันหลี่ชิงอวิ๋นอีกครั้งด้วยความเกรี้ยวกราด

ฟุ่บบ!

ร่างของหลี่ชิงอวิ๋นถูกฟันและหายไปอีกครั้ง หลี่ชิงอวิ๋นปรากฏกายอยู่ด้านหลังของปรมาจารย์เซวี่ยซินเยวี่ยอีกครั้ง และใช้ดาบฟันจนเกิดแผลที่สองที่ด้านหลังของปรมาจารย์เซวี่ยซินเยวี่ย

“เจ้ามดปลวกกล้าใช้วิธีเดิม ๆ เล่นงานข้าถึงสองครั้ง ถ้าเช่นนั้นจงรับกระบวนท่านี้ไป เพลงดาบจันทรา”

ปรมาจารย์เซวี่ยซินเยวี่ย ดูราวกับเป็นเป็นกระบวนท่าฟันดาบทั่ว ๆ ไป แต่เมื่อดาบฟันถูกร่างของ หลี่ชิงอวิ๋นและหายไป แต่กระบวนท่าเพลงดาบจันทราหาได้หยุดเพียงเท่านั้น ปรมาจารย์เซวี่ยซินเยวี่ยตวัดดาบต่อเนื่องหมุนวนมาทางด้านหลังได้ คลื่นลมปราณที่แผ่ออกมาตามการฟาดฟันจันทร์ มีลักษณะเป็นวงกลมราวกับดวงจันทร์เต็มดวง

แต่ในคราวนี้หลี่ชิงอวิ๋นหาได้ปรากฏกายที่ด้านหลังไม่ เขากลับปรากฏตัวอยู่ที่ด้านล่างของปรมาจารย์เซวี่ยซินเยวี่ย

“เพลงดาบผ่าเมฆาแหวกสวรรค์!”

หลี่ชิงอวิ๋นฟันดาบอย่างรุนแรงที่เบื้องล่างของปรมาจารย์เซวี่ยซินเยวี่ย คลื่นลมปราณจากดาบของหลี่ชิงหวิ่นผ่าร่างของปรมาจารย์เซวี่ยซินเยวี่ยเป็นสองซีก คลื่นลมปราณนั้นยังพุ่งขึ้นไปบนฟ้า ราวกับผ่าสวรรค์ออกเป็นสองส่วน ความแตกต่างของระดับพลังหนึ่งถึงสองขั้นนั้น ถูกหักล้างไปด้วยเพลงดาบที่แข็งแกร่งกว่า วรยุทธของมนุษย์จะเหนือชั้นกว่าเนื่องจากอ่อนแอกว่า จึงมีการคิดค้นและหาจุดเด่นจุดด้อยเพื่อต่อสู้กับอสูรที่เก่งกว่าได้

หลี่ชิงอวิ๋นสามารถสังหารปรมาจารย์เซวี่ยซินเยวี่ยได้สำเร็จ ส่วนกองกำลังของนิกายอสูรทั้งสองก็ถูกหลงยู่อินและเหล่าศิษย์ของนิกายขนนกศักดสิทธิ์ รวมไปถึงชนเผ่าเมฆาสวรรค์สังหารไปจนหมดสิ้น

ในเวลานี้เหลือเพียงการต่อสู้ของกู้เบ่ยและปรมาจารย์ต้าเหลยต้าเหลยเท่านั้น

ทางด้าน’กู้เบ่ย’และปรมาจารย์ต้าเหลย ทั้งสองต่อสู้กันด้วยกระบี่ แม้ว่าระดับพลังของปรมาจารย์ต้าเหลยต้าเหลยจะเหนือกว่าแต่’กู้เบ่ย’ก็มิได้เพลี่ยงพล้ำเลยแม้แต่น้อย

แต่’กู้เบ่ย’ก็ไม่อาจที่จะต้านรับกระบี่สายฟ้าได้โดยตรง เนื่องจากสายฟ้าจากกระบี่สามารถทำให้เขาบาดเจ็บได้ เขาจึงใช้ลมปราณควบคุม เจตจำนงแห่งกระบี่บรรพชน เข้าต่อสู้เท่านั้น โดยการวาดนิ้วไปมาเพื่อบังคับกระบี่

เมื่อปรมาจารย์ต้าเหลยเห็นว่า กองกำลังจากนิกายอสูรทั้งสองถูกสังหารจนหมด แม้แต่ปรมาจารย์เซวี่ยซินเยวี่ยเองก็ถูกสังหาร เขาจึงรู้สึกโกรธแค้นยิ่งนัก

เขาถือกระบี่เอาไว้ในมือขวาและรวมรวมสายฟ้าเอาไว้ที่มือซ้าย จากนั้นก็ปล่อยสายฟ้าในมือซ้ายโจมตีไปที่’กู้เบ่ย’

“ระเบิดอสนีบาต!”

กลุ่มก้อนสายฟ้าพุ่งเข้าหา’กู้เบ่ย’อย่างรวดเร็ว ‘กู้เบ่ย’จึงรีบบังคับให้เจตจำนงแห่งกระบี่บรรพชนหมุนควงเป็นวงกลมเป็นดั่งกำแพงป้องกันที่ด้านหน้าของเขา

“เจตจำนงแห่งกระบี่บรรพชนกำแพงสวรรค์!”

พลังจากระเบิดอสนีบาตเข้าปะทะกับ กำแพงสวรรค์ของกู้เบ่ยอย่างรุนแรง แม้จะต้านเอาไว้ได้ แต่ก็ทำให้กู้เบ่ยคลาดสายตาไปจากปรมาจารย์ต้าเหลย

ปรมาจารย์ต้าเหลยบินขึ้นไปจนสูงเสียดฟ้า เขารวบรวมลมปราณทั้งหมดของเขา สร้างกระบี่สายฟ้าขนาดใหญ่ขึ้นมา

“พวกเจ้าทั้งหมดจะต้องตายด้วยกระบี่สายฟ้าเล่มนี้ของข้า!”

ปรมาจารย์ต้าเหลยใช้ลมปราณขับเคลื่อนกระบี่สายฟ้าพุ่งลงยังเบื้องล่าง

“หากกระบี่นั้นพุ่งลงบนพื้น นิกายขนนกศักดิ์สิทธ์จะต้องถูกทำลายเป็นแน่!”

‘หลี่ชิงอวิ๋น’พูดขึ้นมาอย่างร้อนใจ

“ข้าไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้นแน่ เจตจำนงแห่งกระบี่บรรพชน!”

‘กู้เบ่ย’พูดออกไป เขารวบรวมลมปราณเพื่อ ห่อหุ้มเจตจำนงแห่งกระบี่บรรพชน แม้กระบี่จะมีขนาดเท่าเดิมแต่ลมปราณที่ห่อหุ้มทำให้ปรากฏรูปเงาของกระบี่ขนาดใหญ่ที่ทับซ้อนกันอีกชั้น

“เจตจำนงแห่งกระบี่บรรพชนทะลวงสวรรค์!”

‘กู้เบ่ย’พุ่งเจตจำนงแห่งกระบี่บรรพชนออกไปปะทะกับกระบี่สายฟ้าของปรมาจารย์ต้าเหลย

แต่มิได้พุ่งออกไปตรง ๆ ดั่งที่เขาเคยทำในการต่อสู้ครั้งก่อน  เจตจำนงแห่งกระบี่บรรพชนที่พุ่งออกไปคราวนี้มีการหมุนวนและพัดเอาเศษสายฟ้ากระจายออกไปทางด้านข้าง ทำให้ประกายสายฟ้ามิได้พุ่งเข้าหาตัวกู้เบ่ยเลยแม้แต่น้อย

หลังจากที่เจตจำนงแห่งกระบี่บรรพชนทะลวงกระบี่สายฟ้าของปรมาจารย์ต้าเหลยจนกระจายออกไป สุดท้ายเจตจำนงแห่งกระบี่บรรพชนก็ปักเข้าที่หน้าอกของปรมาจารย์ต้าเหลย

“ถึงเจ้าจะเอาชนะข้าได้ แต่บัดนี้เจ้านั้นได้ก่อสงครามระหว่างมนุษย์และอสูรขึ้นแล้ว จากนี้ไปพวกนิกายเทพอสูรจะต้องมากวาดล้างพวกเจ้าจนหมดสิ้น!”

ปรมาจารย์ต้าเหลยพูดออกมาพร้อมกับกระอักเลือดและตายไป

แม้ว่าจะได้รับชัยชนะ แต่สงครามครั้งใหญ่ระหว่างมนุษย์และเผ่าอสูร ไม่อาจที่จะหลีกเลี่ยงได้อีกต่อไป

ภายในตำหนักชมจันทร์

“พวกท่านคงได้เห็นแล้วว่า นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์นั้นแข็งแกร่งเพียงไหน”

‘เนี่ยลี่’พูดออกไปเหล่าผู้นำนิกายคนอื่น ๆ ต่างก็ยังคงตกตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็น

แม้ว่าจะเป็นเพียงนิกายห้าอสูรสายฟ้า และนิกายจันทราโลหิต ความสามาถของนิกายอสูรทั้งสองมิได้ด้อยกว่านิกายศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ เลยแม้แต่น้อย แต่นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์สามารถที่จะเอาชนะได้โดยที่ไร้การสูญเสีย นี่คือนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ที่เคยอ่อนด้อยที่สุดในนิกายศักดิ์สิทธิ์ทั้งหกจริงหรือ?

“จงบอกสิ่งที่นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ต้องการมา”

ปรมาจารย์เทียนหั่ว แห่งนิกายเทพอัคคี พูดออกไปคำพูดของเนี่ยลี่มิได้เป็นการอวดอ้างตน ดูเหมือนว่าที่เข้าต่อสู้กับนิกายอสูรทั้งสองมิใช่ขุมกำลังทั้งหมดของนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์

“ท่านคงเห็นแล้วว่า อีกไม่นานคงต้องเกิดสงครามครั้งใหญ่ระหว่างมนุษย์และเผ่าอสูรเป็นแน่ ข้าไม่ต้องการให้มีการสูญเสียมากเกินไป ดังนั้นข้าจึงต้องการรวมหกนิกายศักดิ์สิทธิ์ให้เป็นหนึ่ง!”

‘เนี่ยลี่’พูดอย่างจริงจัง

“นี่เจ้าคิดจะให้พวกเรา ยุบนิกายและเป็นส่วนหนึ่งของนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์เช่นนั้นหรือ? ฝันไปเสียเถอะ!”

ปรมาจารย์อู๋เม่า แห่งนิกายเทพไร้ลักษณ์ทุบโต๊ะด้วยความไม่พอใจ นิกายของพวกเขานั้นสืบทอดมานับพันปี แม้จะต้องตายเขาไม่มีทางยอมรับเป็นแน่

“ข้ารู้ดีว่าพวกท่านจะต้องขุ่นเคืองใจ ข้าจะให้ท่านปรมาจารย์เทียนอู่แสดงพลังของเขาให้พวกท่านดู”

‘เนี่ยลี่’หันไปมองปรมาจารย์เทียนอู่พร้อมกับพยักหน้า

ปรมาจารย์เทียนอู่นำศิลาเร้นเมฆาฝากไว้กับ’เนี่ยลี่’จากนั้นก็ปลดปล่อยลมปราณระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าออกมา

ผู้นำนิกายคนอื่น ๆ เมื่อสัมผัสถึงพลังของ ปรมาจารย์เทียนอู่ ต่างก็นิ่งเงียบ พลังลมปราณที่สัมผัสได้นั้นเหนือกว่าพลังระดับเทพสงครามนับสิบเท่า

“หากพวกท่านตอบรับในข้อเสนอของข้า ข้าจะถ่ายทอดวิธีการบรรลุถึงระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าให้ แน่นอนว่า นิกายของพวกท่านจะยังคงอยู่เช่นเดิม รวมนิกายศักดิ์สิทธิ์ให้เป็นหนึ่ง เป็นเพียงแค่ในนามเท่านั้น เพื่อที่ทางนิกายศักดิ์สิทธิ์ทั้งหกจะได้ให้ความร่วมมือกัน ในการต่อสู้กับนิกายเทพอสูร แน่นอนว่า หลังจากที่รวมตัวกันจะมีนิกายเร้นเมฆาเข้าร่วมด้วย”

‘เนี่ยลี่’พูดพร้อมกับหันไปมองที่ต้วนเจี้ยน

“ขอบคุณประมุขเนี่ยยิ่งนัก!”

‘ต้วนเจี้ยน’ตอบกลับตามที่เนี่ยลี่ได้แจ้งเอาไว้ล่วงหน้า

“พวกเราเองก็อายุมากกันแล้ว ควรที่จะให้คนรุ่นใหม่เป็นผู้ตัดสินใจ ส่วนพวกเราก็เป็นที่ปรึกษาให้แก่พวกเขา ข้าเสนอเช่นนี้หวังว่าพวกท่านคงจะเข้าใจ”

ปรมาจารย์เทียนอู่เสนอขึ้นมา

ด้วยความที่เป็นชาวยุทธ การที่ได้เห็นพลังของปรมาจารย์เทียนอู่ย่อมทำให้พวกเขารู้สึกอิจฉา แต่การที่จะฝึกฝนถึงขึ้นนั้นได้ต้องไม่ใช่เรื่องง่ายเป็นแน่

“ก่อนที่พวกท่านจะตัดสินใจ ข้าขอบมอบยาทิพย์เหล่านี้แก่ผู้นำนิกายทุกท่าน ข้าต้องการให้พวกท่านลองดื่มดู”

‘เนี่ยลี่’นำยาทิพย์ที่กลั่นจากผลไม้แห่งพระเจ้าออกมาและส่งมอบให้กับผู้นำนิกายทั้งหกคน นิกายกำเนิดสวรรค์มีผู้นำสองคน ยังไม่ลืมใช่ไหม

“หวังว่าคงจะมิใช่ยาพิษหรอกนะ!”

เหล่าผู้นำนิกายหยิบยาทิพย์มาดื่ม ร่างกายของพวกเขานั้นร้อนรุ่มดั่งไฟ พวกเขารีบทำการดูดซับพลังจากยาทิพย์ทันที แค่เพียงไม่นาน ระดับพลังของพวกเขาก็เพิ่มสูงขึ้น จนเกินกว่าระดับเดิม มีเพียงปรมาจารย์เทียนหั่วที่อยู่ในระดับเทพสงครามขั้นที่เก้าเท่าเดิม
แต่เขาก็รับรู้ได้ว่าพลังของเขานั้นเพิ่มสูงขึ้น

“หากพวกท่านฝึกฝนตามคำแนะนำของข้า และดื่มยาทิพย์เหล่านี้ พวกท่านก็สามารถบรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าได้”

‘เนี่ยลี่’พูดพร้อมกับยิ้ม

ผู้นำนิกายทั้งหกคนต่างก็อดที่จะรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ เดิมทีระดับพลังของพวกเขาแทบจะไม่เพิ่มสูงขึ้นจากการบ่มเพาะพลัง หลังจากที่ดื่มยาทิพย์นี้เพียงขวดเดียวก็สามารถเพิ่มระดับพลังได้

แม้ว่านิกายจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่สำหรับชาวยุทธการที่แข็งแกร่งขึ้นได้ คือสิ่งที่ล้ำค่าเสียยิ่งกว่า

ปรมาจารย์ฟู่ชินและ ปรมาจารย์หมู่ชิน แห่งนิกายกำเนิดสวรรค์ พูดขึ้นมาพร้อมกันว่า

“สำหรับนิกายกำเนิดสวรรค์ ข้าให้โอรสและธิดาศักดิ์สิทธิ์ของพวกข้าเป็นผู้ตัดสินใจถึงอย่างไรในภายภาคหน้า นิกายกำเนิดสวรรค์พวกเขาก็ต้องเป็นผู้ดูแล”

“พวกข้ายินดียอมรับข้อเสนอของประมุขเนี่ย!”

‘ตู่ซื่อ’และ’ฮวาหั่ว’พูดออกไปพร้อมกัน ‘ฮว่าหั่ว’รู้ดีว่าตู่ซื่อเชื่อมันในสหายผู้นี้ยิ่งนัก ในฐานะที่เป็นคู่หมั้นนางก็ไม่คิดที่จะขัดใจว่าที่สามี

“เอียจื่ออวิ๋น เซี่ยวหนิงเอ๋อ เซี่ยวซุ่ยพวกเจ้าทั้งสามจงตัดสินใจ”

แม้ว่าตำแหน่งธิดาศักดิ์สิทธิ์จะเป็นของ’เอียจื่ออวิ๋น’ แต่’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ และ’เซี่ยวซุ่ย’ก็เป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ไม่น้อย ดังนั้นจะต้องให้พวกนางยอมรับในเรื่องนี้ด้วย ปรมาจารย์อินเยวี่ยแห่งนิกายเสียงสวรรค์พูดขึ้นมาบ้าง

“พวกข้าก็ยินดีที่จะรับข้อเสนอของประมุขเนี่ยเช่นกัน”

‘เอียจื่ออวิ๋น’ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ และ’เซี่ยวซุ่ย’ตอบพร้อมกัน

“ซูเซียงจิ้ง เว่ยหนาน ข้าให้พวกเจ้าตัดสินใจ”

ปรมาจารย์อู๋เม่าแห่งนิกายเทพไร้ลักษณ์ถอนหายใจพร้อมกับพูดขึ้นมา

“พวกข้าเห็นด้วยกับข้อเสนอของประมุขเนี่ย!”

‘ซูเซียงจิ้ง’และ’เว่ยหนาน’พูดขึ้นด้วยความยินดี

“แม้ว่าข้าจะมิได้เป็นโอรสศักดิ์สิทธิ์แต่ข้าก็เห็นด้วยกับประมุขเนี่ย”

‘จางหมิง’พูดขึ้นมาเพื่อให้ ปรมาจารย์ฮัวฮวาลี่แห่งนิกายร้อยบุพผาสวรรค์ได้ยิน

“ตามใจเจ้าจากนี้ไปเจ้าคือโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งนิกายร้อยบุพผาสวรรค์”

‘ปรมาจารย์ฮัวฮวาลี่’ก็ต้องยอมให้เป็นเช่นนี้ เนื่องจากสามนิกายต่างก็เห็นด้วยไปแล้ว

“เหยียนหยางเจ้าคิดเห็นว่าเช่นใด?”

‘ปรมาจารย์เทียนหั่ว’แห่งนิกายเทพอัคคีหันไปถาม’เหยียนหยาง’

“หากนิกายอื่น ๆ เห็นชอบข้าเองก็ไม่ขัดข้อง ข้าเชื่อว่าเนี่ยลี่จะต้องเป็นประมุขที่ยิ่งใหญ่ได้เป็นแน่!”

‘เหยียนหยาง’พูดด้วยความมั่นใจเขาไม่คิดเลยว่าเนี่ยลี่จะเติบใหญ่ได้ถึงเพียงนี้

“ถ้าเช่นนั้น นับจากนี้ไป นิกายศักดิ์สิทธิ์ทั้งหกและนิกายเร้นเมฆา จะกลายเป็นนิกายศักดิ์สิทธิ์ เพียงแต่ว่าเรื่องนี้จะรู้กันเพียงผู้ที่อยู่ในตำหนักนี้เท่านั้น นิกายของพวกท่านยังคงเป็นเช่นเดิม ข้าจะไม่เข้าไปก้าวก่ายการปกครองศิษย์ของแต่ละนิกาย และผู้นำนิกายแต่ละท่านจะได้รับตำแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายศักดิ์สิทธิ์ ความเห็นของพวกท่านจะต้องเป็นประโยชน์ต่อคนรุ่นใหม่เช่นข้าเป็นแน่!”

‘เนี่ยลี่’ลุกขึ้นยืนและประสานมือทำความเคารพเหล่าผู้นำนิกาย

นิกายเทพอสูร

“เจ้าพูดอันใดกัน! นิกายห้าอสูรสายฟ้า และ นิกายจันทราโลหิต ถูกนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์สังหารจนหมดสิ้นเช่นนั้นหรือ?”

ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงพูดขึ้นด้วยความตกใจหลังจากที่มีศิษย์มารายงาน………………

จบตอน

แต่งโดย นายมะพร้าว

คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments