I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 444.18 สิ่งที่ติดค้าง

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 21880 | 2365 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

วันต่อมาหลังจากที่ทุกคนได้พักผ่อนกันแล้ว ทุกคนได้มาพร้อมหน้ากันอีกครั้งที่ในตำหนักชมจันทร์ ซึ่งเนี่ยลี่ปิดกั้นเอาไว้ไม่ให้ผู้ใดสามารถเข้ามาได้

“วันนี้ข้ามีเรื่องที่ต้องบอกกับทุกคน อีกไม่นานพวกเราจะเดินทางกลับไปยังโลกใบเล็ก”

‘เนี่ยลี่’พูดขึ้นมา

“ได้เช่นนั้นก็นับว่าดีนัก ข้าเองก็เป็นห่วงว่าเมืองกลอรี่เป็นเช่นใด หลังจากที่ข้าจากมาเป็นเวลาสองปี”

‘เอียเซิ่ง’ตอบกลับไป ในตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขานั้นใกล้ที่จะบรรลุระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์แล้ว

“การเดินทางกลับไปในคราวนี้อาจจะต้องเวลาเวลาหลายเดือน ข้าต้องการให้ทุกคนสะสางปัญหาที่นิกายของตนให้หมด โดยเฉพาะต้วนเจี้ยน เจ้าจะต้องฝากให้ท่านอดีตประมุขเฉียงอวิ๋นเป็นผู้ดูแลนิกายของเจ้า”

‘เนี่ยลี่’หันไปพูดกับ’ต้วนเจี้ยน’

“ข้าทราบแล้ว”

‘ต้วนเจี้ยน’ตอบกลับไป

“แล้วนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์นี้เล่า เจ้าจะให้ผู้ใดดูแล หลี่ชิงอวิ๋น กู้เบ่ย หรือว่าหลงยู่อิน?”

‘ลู่เพียว’ถามขึ้นมา

“ทั้งสามคนต้องดูแลตระกูลของตน คงไม่อาจแบกรับหน้าที่นี้ได้ ข้าตั้งใจที่จะให้กู้หลานเป็นผู้ดูแลนิกายแห่งนี้ ในยามที่พวกเราไม่อยู่”

‘เนี่ยลี่’ตอบกลับไป ‘กู้หลาน’ในเวลานี้ก็ใกล้ที่จะบรรลุระดับเทพสงครามแล้ว หากขอให้เหล่าปรมาจารย์ทั้งห้าช่วยให้คำปรึกษา นางต้องสามารถดูแลนิได้เป็นแน่

“เราจะเดินทางกลับในอีกราวหนึ่งเดือนข้างหน้า เพื่อรอให้เหล่าผู้นำนิกายของพวกเจ้า ได้บ่มเพาะพลังในภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำไปก่อน เพราะบุคคลที่มิได้กำเนิดในโลกใบเล็ก จะไม่สามารถผ่านข้ามประตูกลับไปได้”

“มิน่าเล่า โลกใบเล็กของพวกเราจึงไม่เคยพบเจอกับคนหรืออสูรจากฟากนี้มาก่อน”

‘เอียเซิ่ง’พูดพร้อมกับพยักหน้า

“ท่านพ่อตา เมื่อท่านกลับไปด้วยความแข็งแกร่งของท่านในตอนนี้ ข้าคิดว่าคงไม่มีอสูรตนใดบนโลกใบเล็กที่ท่านไม่อาจจะกำจัดได้ ข้าคิดว่าจากนี้ไปเมืองกลอรี่คงจะสงบสุขเสียที”

‘เนี่ยลี่’พูดพร้อมกับยิ้ม

“แล้วเหตุใดพวกเจ้าจึงไม่กลับไปอยู่ยังโลกใบเล็ก หรือว่ายังมีสิ่งอื่นที่ติดค้างอยู่ที่อาณาจักรซากมังกรแห่งนี้”

‘เอียเซิ่ง’อดที่จะสงสัยไม่ได้

เมื่อได้ยินคำพูดของเอียเซิ่งเนี่ยลี่ก็อดที่จะถอนหายใจไม่ได้ ก่อนที่จะตอบกลับไปว่า

“ในตอนนี้มีเรื่องติดข้างอยู่อยู่สองเรื่อง เรื่องที่หนึ่ง บัดนี้นิกายอสูรเหลือเพียงนิกายเทพอสูร และสงครามครั้งใหญ่ระหว่างมนุษย์และเผ่าอสูรใกล้ที่จะอุบัติขึ้น แต่หากผู้นำนิกายคนอื่น ๆ สามารถบรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าได้ ปัญหานี้ก็หาใช่เรื่องใหญ่ไม่”

“แล้วปํญหาอีกเรื่องคือ?”

‘ตู่ซื่อ’ที่นั่งเงียบอยู่ถามออกไป

“ที่โลกแห่งนี้ มีจักรพรรดิที่ชั่วร้าย ชื่อว่าจักรพรรดิปราชญ์ มันผู้นั้นมีความสามารถในการควบคุมห้วงเวลาได้ ในตอนนี้มันกำลังฟื้นฟูความแข็งแกร่ง ในอีกราวสองร้อยปีข้างหน้าเมื่อมันรักษาตัวเองเสร็จ ข้าเชื่อว่ามันจะทำการย้อนเวลาเพื่อทำลายล้างโลกใบนี้ให้สูญสิ้น”

“นี่มันเรื่องบ้าอันใดกัน ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน?”

‘ซูเซียงจิ้ง’ ‘เว่ยหนาน’ ‘จางหมิง’พูดขึ้นมาพร้อมกัน

“ข้านั้นมีเรื่องที่ติดค้างผู้คนในอาณาจักรนี้มากมาย ข้าต้องสังหารจักรพรรดิปราชญ์ ให้ได้ก่อนที่จะกลับไปใช้ชีวิตอย่างสงบที่โลกใบเล็กได้ นั่นคือเหตุผลที่ข้าต้องให้ทุกคน มาฝึกฝนยังอาณาจักรซากมังกรแห่งนี้”

‘เนี่ยลี่’อธิบายอย่างช้า ๆ เมื่อคิดถึงตอนที่’อิงเยว่ลู่’ต้องสละชีวิตแทนเขา ‘เนี่ยลี่’ก็กำหมัดแน่น

หลังจากที่ได้ยินเรื่องที่’เนี่ยลี่’พูด ทุกคนต่างตกอยู่ในความเงียบ

“ความแข็งแกร่งของจักรพรรดิปราชญ์นั้นอยู่ในระดับใดกัน?”

‘ฮวาหั่ว’อดไม่ได้ที่จะถามออกไป

“ขอบเขตแห่งพระเข้าขั้นสูงสุด แต่สิ่งที่รับมือได้ลำบากที่สุดคือความสามารถในการควบคุมห้วงเวลาของมัน”

‘เนี่ยลี่’ตอบกลับไป พร้อมกับถอนหายใจออกมา

“ไม่มีวิธีที่จะเอาชนะได้เลยเช่นนั้นหรือ?”

‘เอียจื่ออวิ๋น’ที่นั่งฟังเงียบ ๆ อยู่นานแล้วถามออกไป

“สองปีที่ผ่านมาข้าก็ได้พบอยู่หลายหนทาง แต่ก็ยังไม่อาจที่จะทำวิธีเหล่านั้นได้”

‘เนี่ยลี่’ยิ้มและตอบกลับไป หนทางแรกคือการใช้ตำราจิตอสูรท่องเวลา ที่มีความสามารถในการควบคุมเวลาเช่นเดียวกันเข้าต่อสู้
แต่เขาก็หายังไม่พบ อีกวิธีคือการรวบรวมผู้ที่กลับชาติมาเกิดใหม่ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือจอมมาร คนที่เขาไม่อาจที่จะอภัยได้

หลังจากที่มองหน้า’เอียเซิ่ง’

‘เนี่ยลี่’ก็นึกขึ้นมาได้ ความแค้นของเขากับจอมมารคือการที่เขาสังหารเอียเซิ่ง บัดนี้’เอียเซิ่ง’ก็ได้ฟื้นคืนกลับมาแล้ว แม้จะยังโกรธแค้นอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้มากมายดั่งเช่นในตอนแรกแล้ว ‘เนี่ยลี่’จึงพูดออกไปว่า

“แต่ข้าก็พอจะมีหนทางหนึ่ง ปรมาจารย์เต๋าฉางเคยบอกเอาไว้ว่า หากสามารถค้นหาผู้ที่เคยต่อสู้กับจักรพรรดิปราชญ์และกลับชาติมาเกิดทั้งหกได้ ก็จะมีโอกาสที่จะเอาชนะจักรพรรดิปราชญ์ได้”

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าทั้งหกคนเป็นใครกัน?”

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ถามออกไป

“ข้ารู้เพียงแค่หนึ่งในหกคนนั้นคือจอมมาร”

‘เนี่ยลี่’พูดออกไป

“ข้าไม่มีวันที่จะร่วมมือกับคนเช่นนั้น”

‘เอียจื่ออวิ๋น’ที่ปกติจะนิ่งเงียบ เมื่อได้ยินชื่อของจอมมารนางก็ ไม่อาจที่จะทนรับฟังได้ นางต้องสูญเสียบิดาไปนานถึงสองปี นางจะไม่มีทางอภัยให้จอมมารเป็นแน่

“เรื่องนั้นข้าก็ไม่ต่างจากเจ้า แต่บัดนี้ท่านพ่อตาก็ได้คืนชีวิตกลับมาแล้ว ความแค้นในใจข้าเองก็มิได้สลายไปจนหมด เมื่อใดที่เอาชนะจักรพรรดิปราชญ์ได้ หลังจากนั้นเราค่อยมาชำระความแค้นกันในภายหลัง”

‘เนี่ยลี่’พูดออกไป ก่อนหน้านี้ความรู้สึกของเขาก็มิได้ต่างไปจาก’เอียจื่ออวิ๋น’ ตอนที่ได้ฟังเรื่องนี้จากปรมาจารย์เต๋าฉาง

เมื่อได้ยินคำพูดของ’เนี่ยลี่’

‘เอียจื่ออวิ๋น’ก็หันไปมองบิดาของนาง ‘เอียเซิ่ง’พยักหน้าโดยที่ไม่เอื้อนเอ่ยคำพูดใดออกมา

“แต่การที่จะค้นหาอีกห้าคนก็มิใช่เรื่องง่าย เพราะไม่มีข้อมูลอื่นใดเลย นอกจากว่าพวกเขาเหล่านั้นจะสืบสายเลือดอันแข็งแกร่งมาเท่านั้น ดังนั้นหนทางนี้อาจจะเป็นเพียงแค่หนึ่งในทางเลือกเท่านั้น เจ้าอย่าได้กังวลไป”

‘เนี่ยลี่’หันไปบอกกับเอียจื่ออวิ๋น

“ข้ารู้ว่าเรื่องที่พูดในวันนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก หากพวกเจ้าจะถอนตัวข้าก็ไม่ว่าอันใด”

‘เนี่ยลี่’พูดออกไป

“เจ้าพูดเรื่องบ้าอันใดกัน ข้าไม่มีวันปล่อยให้พี่น้องไปต่อสู้เพียงลำพังแน่”

‘ตู่ซื่อ’พูดออกไปอย่างจริงจัง และ’ฮวาหั่ว’ก็พยักหน้าอยู่ข้างๆ

“เจ้าพูดราวกับมิใช่พี่น้องกัน มีเวลาอีกสองร้อยปีข้ากับเซี่ยวซุ่ยคงมีลูกนับสิบคน มันยาวนานเพียงพอแล้ว”

‘ลู่เพียว’ลุกขึ้นยืนพูดออกไป แต่ก็ถูก’เซี่ยวซุ่ย’บิดหูให้มานั่งตามเดิมและนางก็ยกมือเห็นด้วย

“ก็ดั่งที่ลู่เพียวพูด ใช้ชีวิตสองร้อยปีก็มากเกินพอแล้ว”

‘ซูเซียงจิ้ง’ ‘เว่ยหนาน’ ‘จางหมิง’พูดขึ้นมาพร้อมกับหัวเราะ

“ข้าจะต่อสู้ร่วมกับเจ้า”

‘เอียจื่ออวิ๋น’และ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’พูดขึ้นมาพร้อมกัน

“ชีวิตของข้าเป็นของนายท่าน”

‘ต้วนเจี้ยน’พูดขึ้นมาเป็นคนสุดท้าย

“ข้าสามารถต่อสู้ร่วมกับพวกเจ้าได้หรือไม่”

‘เอียเซิ่ง’พูดขึ้นมา

“ท่านพ่อตาแก่แล้ว ไปพักผ่อนที่โลกใบเล็กเถิด”

‘เนี่ยลี่’พูดพร้อมกับหัวเราะทำให้เอียเซิ่งไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก่อนที่จะได้พูดออกไป ‘เนี่ยลี่’ก็พูดขึ้นอีกว่า

“หากต้องสูญเสียท่านไปอีกครั้งข้าคงจะไม่ยอมให้อภัยตนเองเป็นแน่ และจื่ออวิ๋นก็คงจะไม่ให้อภัยข้าเช่นกัน”

“พูดได้ดีเจ้าลูกเขยถ้าเช่นนั้นข้าก็จะรอตามประสาคนแก่ที่โลกใบเล็ก แต่จงรับปากข้าว่าพวกเจ้าทุกคนจะต้องกลับมาพร้อมหน้ากันและกลับไปหาข้าที่เมืองกลอรี่”

‘เอียเซิ่ง’พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

“ข้าสัญญา”

ทุกคนพูดขึ้นมาพร้อมกัน

หลังจากนั้น ทุกคนก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน ดูเหมือนว่า’เอียจื่ออวิ๋น’ จะเรียก’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ไปพูดคุยเป็นการส่วนตัว หลังจากคุยกันเสร็จ’หนิงเอ๋อ’ก็กอด’จื่ออวิ๋น’ทั้งน้ำตา แต่’เนี่ยลี่’ก็ไม่รู้ว่าพวกนางพูดคุยอะไรกัน

วันต่อมา ผู้นำนิกายทั้งหกคนก็ได้มาพบกับ’เนี่ยลี่’ที่ตำหนักผู้นำนิกาย

หลังจากที่พวกเขาแจ้งแก่เหล่าศิษย์และให้พวกเขาเดินทางกลับไปก่อน มีเพียง’ไป๋ฮัว’ที่ต้องกลับไปด้วยความเศร้าใจเนื่องจาก
‘ปรมาจารย์ฮัวฮวาลี่’ได้ปลดเขาออกจากการเป็นโอรสศักดิ์สิทธิ์

“ขอให้พวกท่านจงหลับตาข้าจะพาพวกท่านไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง”

‘เนี่ยลี่’พูดออกไปผู้นำนิกายทั้งหกก็หลับตาลงพร้อมกัน

เมื่อลืมตาขึ้นมา พวกเขาก็มาอยู่ในภาพจิตรกรรมหมื่ขุนเขาและสายน้ำ มีปรมาจารย์ทั้งห้าของนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์รอให้การต้อนรับ
และพาพวกเขาทั้งหมดไปยังตำหนักซีอิงเสิ่น

“หนึ่งเดือนนี้ขอให้พวกท่านฝึกฝนอยู่ข้างในนี้ ข้าได้เตรียมยาทิพย์เอาไว้ให้พวกท่านอย่างเพียงพอ ที่เหลือท่านปรมาจารย์เทียนอู่จะเป็นผู้บอกแก่พวกท่านเอง”

‘เนี่ยลี่’พูดขึ้นมา

ผู้นำนิกายทั้งหกคนรู้จึงตื่นเต้นกับ ที่แห่งนี้ยิ่งนัก เนื่องจากสัมผัสได้ถึงพลังสวรรค์ที่หนาแน่น หากบ่มเพาะพลังอยู่ที่มีเป็นเวลาหนึ่งเดือนแม้จะไม่ได้ทานยาทิพย์ พวกเขาก็เชื่อว่าจะต้องสามารถเลื่อนระดับพลังได้เป็นแน่

หลังจากนั้น’เนี่ยลี่’ก็ฝากให้ปรมาจารยืเทียนอู่ดูแลผู้นำนิกายทั้งหกคน และเขาก็บินไปหา’เซี่ยวหยู่’และเทพธิดายู่หยาน

“พี่สาวยู่หยาน เซี่ยวหยู่อีกหนึ่งเดือนข้างหน้า พวกเราจะเดินทางกลับไปยังโลกใบเล็ก”

‘เนี่ยลี่’พูดออกไปด้วยรอยยิ้ม

“เจ้าจะกลับไปด้วยวิธีใดกัน กว่าที่ท่านพ่อของข้าจะเปิดประตูกลับสู่โลกใบเล็กต้องรออีกสามปี”

‘เซี่ยวหยู่’ถามด้วยความสงสัย แม้ว่านางจะมีกุญแจไปสู่โลกใบเล็ก แต่จ้าวนครใต้พิภพได้สั่งห้ามมิให้นางใช้กุญแจเปิดกลับไป

“บัดนี้ข้าได้ผสานเข้ากับดวงจิตแห่งเทพของเทพธิดาเสิ่นช่วง นางเป็นผู้ที่สร้างโลกใบเล็กขึ้นมา ดังนั้นตัวข้าเมื่อผสานเข้ากับดวงจิตของนางจึงเป็นดั่งกุญแจที่จะเดินผ่านประตูระหว่างโลกทั้งสองได้”

‘เนี่ยลี่’ตอบกลับไป

“ท่านพี่ยู่หยานเองก้โตขึ้นไม่น้อยเลย บัดนี้คงไม่อาจอยู่ในแขนเสื้อข้าได้อีก”

‘เนี่ยลี่’พูดจาหยอกเย้ากับเทพธิดายู่หยาน

“เมื่อใดที่กายาเทพของข้าเติบใหญ่เท่าคนปกติ ข้าจะลงโทษเจ้าที่กล้ามาล้อข้าเล่น”

เทพธิดายู่หยานตอบกลับไป ในตอนนี้ความสูงของนางอยู่ราว ๆ หน้าอกของเนี่ยลี่ ระดับพลังของนางบัดนี้อยู่ในระดับเทพสงครามขั้นที่แปดแล้ว

“เหตุใดข้าจึงไม่เห็นจินตานเลย?”

‘เนี่ยลี่’พูดด้วยความสงสัยปกติแล้วจินจานจะนอนเกลือกกลิ้งหลังจากที่ได้ทานจนเต็มอิ่ม

“เจ้าคงไม่รู้ ดูเหมือนว่าจินตานจะเบื่อศิลาจิตวิญญาณแล้ว วันก่อนจินตานแอบไปทานผลไม้แห่งพระเจ้าลงไป ตอนนี้คงนอนหลับอยู่บนกิ่งของต้นไม้แห่งพระเจ้า”

เทพธิดายู่หยานตอบกลับไป

เมื่อได้ยินเช่นนั้น’เนี่ยลี่’ก็อดแปลกใจไม่ได้ ขนาดตัวของจินตานนั้นใหญ่กว่าต้นไม้แห่งพระเจ้าเสียอีก

“คูลล คูลล”

มีเสียงดังมาจากต้นไม้แห่งพระเจ้า แม้จะมองไม่เห็นตัว แต่พลังที่แผ่ออกมานั้นมากมายยิ่งนัก

“นี่มันพลังในระดับขอบเขตแห่งพระเจ้า”

‘เนี่ยลี่’พูดด้วยความตกใจ…….จบตอน

แต่งโดย นายมะพร้าว

คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
<<                  >>

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments