I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 444.23 งานมงคล

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 20937 | 2362 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

เมื่อได้ยินคำพูดของบิดา เนี่ยลี่ก็ได้แต่เพียงหัวเราะเท่านั้น

“นี่มิใช่เรื่องน่าขัน เจ้ากับธิดาของท่านเจ้าเมืองก็หมั้นหมายกันมาเกือบสองปีแล้ว เมื่อมีโอกาสได้กลับมา ก็ควรจะเข้าพิธีแต่งงานตามประเพณี ไม่เช่นนั้นจะเป็นการเสียมารยาทต่อท่านเจ้าเมืองได้”

เนี่ยหมิงพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง พร้อมกับยกชาขึ้นมาดื่ม

“ท่านพ่อ ข้านั้นเข้าใจดี ข้าจะนำเรื่องนี้ไปปรึกษาท่านเจ้าเมืองดู”

เนี่ยลี่รีบพูดตัดบท พร้อมกับเกาหัว ดูเหมือนว่าบิดาเขาจะไม่ยอมจบเรื่องนี้ง่าย ๆ เป็นแน่

“นีก็ดึกมากแล้ว เสี่ยวลี่ เจ้าไปพักผ่อนได้แล้ว แม่ได้เก็บกวาดห้องของเจ้าไว้เป็นอย่างดี”

เนี่ยเสี่ยวหยุน ที่กำลังจัดข้าวของอยู่ พูดขึ้นมา

“ขอรับท่านแม่ พรุ่งนี้ข้าจะรอทานอาหารฝีมือท่าน”

เนี่ยลี่ยิ้มและตอบกลับไป และเดินไปที่ห้องของเขา

ที่ห้องของเขาได้รับการดูไม่ต่างจากก่อนที่เขาออกเดินทางไป เนี่ยลี่จับดูสิ่งของต่าง ๆที่เขาได้เหลือทิ้งเอาไว้ ยังคงวางอยู่ที่เดิม
แต่ไม่มีฝุ่นจับเลยแม้แต่น้อย หมายความว่ามารดาของเขาได้เข้ามาทำความสะอาดอยู่เสมอ

เนี่ยลี่ได้แต่ยิ้มและคิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น

“การที่ได้พักผ่อนที่บ้านหลังนี้ ทำให้ข้าสบายใจยิ่งนัก”

เนี่ยลี่พูดกับตัวเองก่อนที่จะนอนหลับไป

เช้าวันต่อมา

เนี่ยลี่ตื่นมาสูดอากาศอันสดชื่น นี่เป็นเช้าวันแรกหลังที่ได้กลับมานอนพักอย่างเต็มอิ่มที่บ้านของเขา ตอนนี้ บิดาและลุงของเขาไม่ต้องลงมือ ปลูกสมุนไพรด้วยตัวเองแล้ว

ด้วยตำแหน่งผู้ดูแลคลัง และผู้ดูแลคลังสมุนไพร ทำให้พวกเขาไม่ต้องลำบากอย่างในอดีต ไม่รวมถึงเงินที่เนี่ยลี่ทิ้งไว้ให้ และสมาคมปรุงยาก็ได้นำเงินมามอบให้ทุกเดือน

เนี่ยลี่ได้กำชับเอาไว้ว่าให้นำเงินครึ่งหนึ่งที่ได้รับมา ส่งมอบให้ตระกูล ซึ่งก็เป็นจำนวนนับร้อยล้านเหรียญจิตมาร และอีกครึ่งหนึ่งให้ใช้จ่ายในครอบครัวของเขา ทำให้ครอบครัวของเขาไม่มีความขัดสนแม้แต่น้อย

หลังจากที่ทานอาหารแล้ว เนี่ยลี่กับเนี่ยหยู่ก็พากันออกไปเดินเล่น ที่ลานฝึกของตระกูลบันทึกสวรรค์ มีเด็กรุ่นใหม่ของตระกูลบันทึกสวรรค์ฝึกซ้อมอยู่ราวร้อยคน เนี่ยไห่ และ เนี่ยเอิน ลงมาควบคุมการฝึกด้วยตนเอง เมื่อเห็นเนี่ยลี่และเนี่ยหยู่เดินมา เนี่ยไห่ก็พูดขึ้นมาด้วยความตกใจว่าว่า

“เสี่ยวลี่ เจ้ากลับมาแล้วหรือ?”

“ข้ากลับมาเมื่อวานนี้ ขออภัยที่ไม่ได้ไปทักทายท่านผู้นำตระกูล”

เนี่ยลี่ยิ้มและตอบกลับไป ในเวลาเขาคงจะต้องไว้หน้าเนี่ยไห่ ต่อหน้าเด็กรุ่นใหม่

“เจ้าไม่จำเป็นที่จะต้องมาทักทายข้า เพียงเจ้าให้คนมาแจ้งว่าเจ้ากลับมาแล้ว ข้าก็จะเดินทางไปหาเจ้าด้วยตนเอง”

เนี่ยไห่พูดพร้อมกับหัวเราะ สำหรับเขาแล้ว เมื่ออยู่ต่อหน้าเนี่ยลี่ตำแหน่งผู้นำตระกูลมิได้มีความหมายอันใด

“ท่านเนี่ยเอิน เด็กรุ่นใหม่ของตระกูลเราเป็นเช่นใดบ้าง?”

เนี่ยลี่มองไปที่เนี่ยเอินแล้วถามขึ้นมา

“ด้วยยาทิพย์และเทคนิคการบ่มเพาะพลังที่เจ้าได้มอบไว้ เด็กรุ่นใหม่ของตระกูลเราล้วนได้รับการฝึกฝนให้เป็นร่างทรงอสูร”

เนี่ยเอินพูดด้วยความภูมิใจ ตระกูลบันทึกสวรรค์กลายเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ ต่างจากในอดีตอย่างเห็นได้ชัด

เดิมทีเนี่ยเอินเป็นเพียงนักสู้ แต่หลังจากที่ฝึกฝนตามคำแนะนำของเนี่ยลี่

บัดนี้เขาก็กลายเป็นร่างทรงอสูรระดับโกลด์แล้ว ส่วนเนี่ยไห่ในตอนนี้ก็เป็นร่างทรงอสูรระดับแบล็คโกลด์

“ข้าเพียงแค่มาเดินเล่นเท่านั้น ตอนนี้ข้าคงต้องขอตัวก่อน”

เนี่ยลี่พูดขึ้นมา หลังจากที่ยืนคุยกับเนี่ยไห่และเนี่ยเอินมาระยะเวลาหนึ่ง

“ตระกูลบันทึกสวรรค์คือบ้านของเจ้า หากมีเวลาเจ้าสามารถมาเยี่ยมได้เสมอ”

เนี่ยไห่ตอบกลับไป พร้อมกับหัวเราะขึ้นมา

หลังจากนั้นเนี่ยลี่และเนี่ยหยู่ก็พากันเดินกลับไปบ้าน

“เสี่ยวหยู่ คืนที่ผ่านมาเจ้าได้ดูดซับพลังสวรรค์แล้วใช่หรือไม่?”

เนี่ยลี่ถามออกไปพร้อมกับลูบหัวเนี่ยหยู่

“ข้าได้ดูดซับมันเข้าไปแล้ว ดูเหมือนว่าในห้วงขอบเขตวิญญาณของข้าจะมีลูกไฟบางอย่างปรากฏอยู่ด้วย หลังจากนั้นดูเหมือนว่าลมปราณของข้าจะแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่า”

เนี่ยหยู่ตอบกลับไป แม้จะยังสงสัยอยู่บ้าง แต่นางก็พยายามที่จะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น

เมื่อได้ยินคำตอบจากเนี่ยหยู่ เนี่ยลี่ก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ เนี่ยหยู่เป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง แม้ว่าจะยังไม่มีผู้ใดสอนก็สามารถก่อรูปชะตาวิญญาณขึ้นมาได้เอง

“สิ่งนั้นเรียกว่าชะตาวิญญาณ ตอนนี้เจ้านั้นได้บรรลุระดับที่เหนือกว่าระดับตำนานแล้ว นั่นคือระดับชะตาสวรรค์ขั้นที่หนึ่ง เมื่อเจ้าบรรลุถึงขั้นที่สองได้ หากนำชะตาวิญญาณไปเก็บรักษาไว้ยังที่ ที่ปลอดภัย เสี่ยวหยู่ก็จะสามารถคืนชีพได้”

เนี่ยลี่ค่อย ๆ อธิบาย เนื่องจากเนี่ยหยู่ยังเด็กนัก

“มหัศจรรย์ยิ่งนัก”

เนี่ยหยู่อ้าปากค้างด้วยความตกใจ

“จากนี้ไปเจ้าต้องทำการดื่มยาทิพย์นี้ และดูดซับพลังจากศิลาจิตวิญญาณ จะทำให้เจ้าก้าวหน้ารวดเร็วยิ่งขึ้น”

เนี่ยลี่พูดพร้อมกับนำยาทิพย์ขวดหนึ่งและศิลาจิตวิญญาณออกมาอีกจำนวนหนึ่งมอบให้กับเนี่ยหยู่

“เสี่ยวหยู่จะรีบดื่มและไปบ่มเพาะพลัง แต่ท่านพี่เนี่ยลี่จะต้องมาสอนข้าอีกนะ”

เนี่ยหยู่เก็บยาทิพย์และศิลาจิตวิญญาณเอาไว้ในแหวนห้วงมิติของนางและวิ่งเข้ามากอดเนี่ยลี่พร้อมกับออดอ้อน

“พี่ชายเนี่ยลี่จะฝึกฝนให้เจ้าเมื่อสามารถบรรลุขั้นต่อไป จากนี้ข้าต้องไปที่ตำหนักเจ้าเมือง เพื่อทำธุระ แล้วข้าจะรีบกลับมา”

เนี่ยลี่ลูบหัวเนี่ยหยู่ด้วยความเอ็นดูและตอบกลับไป

หลังจากที่เนี่ยหยู่กลับไปดื่มยาทิพย์ที่ห้องของนางแล้ว เนี่ยลี่จึกชักชวนต้วนเจี้ยนให้เดินทางไปยังตำหนักเจ้าเมืองเพื่อพูดคุยกับ
ท่านเอียมัว และเอียเซิ่ง

ตำหนักเจ้าเมือง

ดูเหมือนว่าเหล่าสหายของเขาก็เดินทางมายังตำหนักเจ้าเมืองด้วยเช่นกัน

เมื่อมานั่งพร้อมหน้ากันลู่เพียวยกมือขึ้น และพูดขึ้นมาว่า

“เนี่ยลี่เจ้าบอกว่า เราจะอยู่กันที่โลกใบเล็กราวหนึ่งปี บิดาข้าและบิดาของเซี่ยวซุ่ยได้ปรึกษากันเรื่องการแต่งงานของข้ากับเซี่ยวซุ่ย เจ้าคิดว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมหรือไม่”

“งานมงคลเหตุใดจึงจะไม่เหมาะสมกันเล่า”

เนี่ยลี่ตบไปที่ไหล่ของลู่เพียวและพูดขึ้นมาด้วยความยินดี

“ฤกษ์ยามงานมงคลของข้าคือในอีกสามวันข้างหน้า หวังว่าพี่น้องของข้าทุกคนจะอยู่พร้อมหน้ากันใช่หรือไม่?”

ลู่เพียวพูดพร้อมกับเอามือลูบที่ไหล่ เนื่องจากเนี่ยลี่แกล้งตบลงมาแรงไม่น้อย

“แน่นอน! งานมงคลของเจ้า พวกข้าจะต้องอยู่ฉลองอย่างแน่นอน”

เนี่ยลี่และคนอื่น ๆตอบกลับไปพร้อมกับหัวเราะและเอามือขยี้ไปที่หัวลู่เพียว

ในที่สุดลู่เพียวก็จะได้มีความสุขเสียที

“ฮวาหั่ว การเดินทางไปยังบ้านของเจ้า ขอให้หลังจากงานมงคลของลู่เพียวได้หรือไม่?”

ตู่ซื่อหันไปถามฮวาหั่ว

“ข้าจะปฏิเสธไปด้วยเหตุใดกัน แต่เจ้ารับปากข้าแล้วนะว่า เมื่อกลับไปยังครอบครัวของข้า เจ้าจะไปพูดเรื่องงานหมั้นหมายของเรา”

ฮวาหั่วจับแขนตู่ซื่อ และก้มหน้าด้วยความเขินอาย

“แน่นอน แต่น่าเสียดายที่บิดาข้าหาใช่ผู้ฝึกวรยุทธ การที่ต้องเดินทางไปยังนครใต้พิภพคงเป็นเรื่องที่ลำบาก ข้าเกรงว่าครอบครัวของเจ้าไม่เห็นว่ามีผู้ใหญ่ไปสู่ขอ จะกล่าวว่าข้านั้นเสียมารยาท”

ตู่ซื่อพูดด้วยความกังวล เขานั้นก็ต้องการที่จะทำให้ถูกต้องตามธรรมเนียม แต่การที่จะพาบิดาของเขาเดินทางไปนั้นเป็นเรื่องที่ลำบากไม่น้อย

“แน่นอนว่าเสียมารยาทยิ่งนัก!”

เอียเซิ่งตบมือลงบนโต๊ะและพูดแทรกขึ้นมา

“ท่านเจ้าเมือง”

ตู่ซื่อรู้สึกตกใจกับคำพูดของเอียเซิ่ง ทำให้เขาหน้าเสียไม่น้อย

“การสู่ขอบุตรสาว จำต้องมีผู้ใหญ่เดินทางไปด้วย หาไม่แล้วจะเป็นการเสียมารยาทเป็นอย่างยิ่ง เจ้าเองก็เป็นสหายของหลานเขยของข้า ก็นับว่าเป็นหลายชายคนหนึ่งของข้า ข้าจะเดินทางไปเป็นเถ้าแก่ให้เจ้าเอง ฮ่าฮ่าฮ่า ”

เอียเซิ่งพูดพร้อมกับหัวเราะด้วยความยินดี การที่มีงานมงคลต่อเนื่อง ยิ่งทำให้เห็นว่าเมืองกลอรี่นี้มีความสงบสุขยิ้งนัก

“ขอบคุณท่านเจ้าเมือง!”

ตู่ซื่อรีบประสานมือขอบคุณเอียเซิ่งในทันที

“เจ้าชื่อว่าฮวาหั่วสินะ ข้าขอเสียมารยาทเล็กน้อย ดินแดนที่ครอบครัวเจ้าอาศัยอยู่เป็นเช่นใดบ้าง?”

เอียเซิ่งถามออกไปด้วยความสงสัย

“เป็นดินแดนเล็ก ๆ ใกล้กับนครใต้พิภพ อากาศเต็มไปด้วยเถ้าถ่านและฝุ่นละออง และหาได้สงบสุขเช่นเมืองกลอรี่”

ฮวาหั่วตอบไปตามความเป็นจริง เมื่อเทียบกับที่ที่นางอาศัยอยู่ เมืองกลอรี่เป็นดั่งสวรรค์เลยทีเดียว

“ถ้าเช่นนั้น เหตุใดเจ้าจึงไม่ให้ครอบครัวของเจ้ามาอยู่ยังเมืองกลอรี่แห่งนี้ บัดนี้เมืองกลอรี่นั้นแข็งแกร่งยิ่งนัก ตระกูลตู่เองก็เป็นตระกูลหลักของเมือง มีพื้นที่ทำกินหลายร้อยไร่ ถ้าหากเจ้าไม่รังเกียจ ตอนที่เดินทางไปสู่ขอเจ้า ข้าจะเชิญให้ครอบครัวของเจ้าให้โยกย้ายมาอาศัยอยู่ที่เมืองกลอรี่แห่งนี้”

เอียเซิ่งเสนอออกไป

“หากเป็นเช่นนั้นฮวาหั่ว ต้องขอขอบคุณท่านเจ้าเมืองยิ่งนัก”

ฮวาหั่วรีบคุกเข่าขอบคุณเอียเซิ่ง หากครอบครัวของนางมาอาศัยอยู่ที่นี่ นางคงจะสบายใจ ในยามที่ต้องกลับไปยังอาณาจักรซากมังกร

“อย่าได้มากพิธี อีกไม่นานข้าจะสั่งการให้มีการย้ายประตูเมืองด้านหน้าออกไปราวสองลี้  เมืองกลอรี่ก็จะมีพื้นที่เพิ่มขึ้นอีกไม่น้อย และเมื่อสร้างกำแพงเมืองใหม่เสร็จ เราก็จะค่อย ๆ ขยายเมืองออกไปอีก”

เอียเซิ่งพูดถึงความตั้งใจของเขาออกไป ในเวลานี้สัตว์อสูรไม่อาจที่จะนับได้ว่าเป็นภัยสำหรับเมืองกลอรี่ได้อีกต่อไปแล้ว

“ถ้าเช่นนั้น ลู่เพียวเจ้าจงใช้เวลาในช่วงนี้จัดเตรียมงานมงคล ตู่ซื่อเจ้าก็คงจะต้องวุ่นวายกับการเตรียมสินสอดทองหมั้น คนอื่นๆก็ขอให้พักผ่อนอยู่กับครอบครัวไปก่อน ข้าจะขอไปตรวจสอบนครใต้พิภพ เพื่อหาข้อมูลของคนร้ายสักเล็กน้อย”

เนี่ยลี่ยืนคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพูดออกไป

“นายท่าน ให้ข้าเดินทางไปด้วยได้หรือไม่?”

ต้วนเจี้ยนลุกยืนขึ้นพร้อมกับพูดออกมา

“ข้าจะเดินทางไปกับ พี่ยู่หยานและจินตาน เจ้านั้นจงคอยปกป้องที่นี่เอาไว้ยามที่ข้าไม่อยู่”

เนี่ยลี่ส่ายหน้า และตอบกลับไป

“ที่นั่นคือนครของข้า ข้าจะเดินทางไปด้วย”

จ้าวนครใต้พิภพพูดขึ้นมา พร้อมกับกำหมัดแน่น เขาจะต้องแก้แค้นในเรื่องทีเกิดขึ้น เซี่ยวหยู่ที่ยืนอยู่ข้างหลังเองก็รู้สึกไม่ต่างจากบิดาบุญธรรมของนาง

“ท่านอาจารย์ ท่านพักผ่อนอยู่กับเซี่ยวหยู่ที่นี่ไปก่อน แม้ว่าท่านจะมีฐานะเป็นอาจารย์ของข้า แต่ข้าขอสั่งท่านในฐานะผู้นำนิกาย หวังว่าท่านคงจะเข้าใจข้า เนื่องจากข้าเดินทางเองจะสะดวกกว่า”

เนี่ยลี่โบกมือปฏิเสธ

“ข้าเข้าใจแล้ว”

จ้าวนครใต้พิภพพูดพร้อมกับถอนหายใจ

หลังจากนั้นเนี่ยลี่และเทพธิดายู่หยานจึงรีบออกเดินทางไป พร้อมกับจินตาน

ณ นครใต้พิภพ

เนี่ยลี่ให้จินตาน บินสำรวจอยู่ด้านนอก หากมีใครปรากฏตัวให้จินตานส่งเสียงร้องเรียก จากนั้นเนี่ยลี่และเทพธิดายู่หยานเดินทางเข้าไปจนถึงเหวลึกที่อยู่ในถ้ำ

“ตรงจุดนี้ ที่ข้าได้ใช้ระเบิดหยินหยางสิบเท่า ทำให้เอียฮั่นตกลงไป”

เนี่ยลี่ชี้ไปยังตำแหน่งที่เขาจดจำได้และพูดขึ้นมา

“ถ้าเช่นนั้น พวกเราก็ลงไปสำรวจกันเถิด”

เทพธิดายู่หยานพูดพร้อมกับบินลงไป

เหวนี้มีความลึกมาก หากมิใช่ยอดฝีมือที่เหนือกว่าระดับตำนานคงไม่อาจที่จะปีนขึ้นมาได้ เนี่ยลี่และเทพธิดายู่หยานลงไปจนถึงด้านล่างสุดของเหวลึกนี้

“นี่มันอะไรกัน?”

เทพธิดายู่หยานพูดขึ้นด้วยความสงสัย ที่ใต้เหวลึกนี้มีอักษรจารึกอยู่เต็มไปหมด และมีโครงกระดูกของคนผู้หนึ่งอยู่ ดูเหมือนว่าเขานั้นจะถูกสังหารนานมาแล้ว ลักษณะของกระดูกพิงอยู่ตรงมุมหนึ่ง ราวกับว่าเขาเคยนั่งอยู่ตรงนั้น

“นี่มันอักษรของนครกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์”

เนี่ยลี่พูดขึ้นมา หลังจากมองดูโดยรอบ ทันใดนั้นสายตาของเขาได้ไปเห็นตัวอักษรสิบตัวที่อยู่ตรงมุมด้านหนึ่ง

“หวู จี เติ่ง หวู ฉี่ หวู ฉี่ ฟาง หวู จิน” 无极本无始 无始方无尽 :ไม่มี, ปลายทาง, เมื่อ, ไม่มี, จุดเริ่มต้น , ไม่มี, จุดเริ่มต้น, ก็, ไม่มี, จุดสิ้นสุด “

เนี่ยลี่พูดขึ้นมาด้วยความตกใจ

“มันคือถ้อยคำอันใดกัน”

เทพธิดายู่หยานถามด้วยความสงสัย นางนั้นไม่เข้าใจถ้อยคำพวกนี้เลยแม้แต่น้อย

“อักษรเหล่านี้คือมรดกที่จักรพรรดิคงหมิงได้เหลือทิ้งไว้ มีเพียงผู้ที่มีชะตาต้องกับมันเท่านั้นจึงจะเข้าใจได้”

เนี่ยลี่พยายามอธิบายให้เทพธิดายู่หยานฟัง

“ดูเหมือนว่าคนผู้นี้จะเป็นหนึ่งในผู้ที่มีชะตาต้องกันกับมัน  จากที่ข้าตรวจสอบ เขานั้นอยู่ในระดับชะตาสวรรค์ขั้นที่หนึ่งและขาของเขาได้รับบาดเจ็บจนไม่อาจที่จะรักษาได้”

เนี่ยลี่พูดขณะที่ตรวจสอบกระดูกของคนผู้นั้น

“ตรงด้านนี้มีซากของศิลาจิตวิญญาณอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย”

เทพธิดายู่หยานพูดขึ้นมาหลังจากที่บินไปสำรวจพื้นที่โดยรอบ

“แม้ว่าข้าจะไม่อาจเข้าใจเรื่องทั้งหมด แต่ก็พอที่จะคาดเดาได้ว่า ชายผู้นี้คงเป็นหนึ่งในผู้สืบทอดของจักรพรรดิคงหมิง และเขาได้ถูกคนผู้หนึ่งสังหารและได้กลายเป็นผู้สืบทอดแทน คนผู้นั้นได้ศึกษาตัวอักษรจนรู้ซึ้งและได้ดูดซับพลังสวรรค์จากศิลาจิตวิญญาณเหล่านี้ จนบรรลุระดับชะตาสวรรค์ได้ แต่ข้าก็ยังไม่มีหลักฐานว่าเขาเป็นผู้ใด”

เนี่ยลี่พูดขึ้นมา แม้ว่าเขาจะคิดว่ามีโอกาสไปได้ที่จะเป็นเอียฮั่น แต่เขาก็ต้องการหลักฐานที่มากกว่านี้

 “พวกเรากลับกันเถิด พี่ยู่หยาน”

เนี่ยลี่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดขึ้นมาและบินออกไป หาจินตาน จากนั้นพวกเขาก็เดินทางกลับไปที่เมืองกลอรี่

เมืองกลอรี่

สามวันต่อมา มีงานมงคลใหญ่ของเมือง เนื่องจากทายาทของตระกูลลู่ และตระกูลเซี่ยวที่เป็นสองในเก้าตระกูลหลัก
ได้มีงานมงคลสมรส

ลู่เพียวและเซี่ยวซุ่ยอยู่ในชุดแต่งงานสีแดงที่ทำจากผ้าไหม ที่ดูงดงามยิ่งนัก ที่มีผ้าคลุมสีแดงคลุมหัวของเซี่ยวซุ่ย ส่วนลู่เพียวสวมหมวกที่มีปีกเช่นเดียวกับหมวกของขุนนาง

ในวันนี้ลู่เพียวมีท่าทีที่จริงจัง ต่างจากปกติ แม้ว่ามองภายนอกจะดูสงบนิ่ง แต่ในใจของลู่เพียวเต้นโครมครามจนหัวใจแทบจะหลุดออกมาจากหน้าอก

หลังจากที่เข้าพิธีไหว้ฟ้าดินแล้ว เซี่ยวซุ่ยก็จัดเตรียมน้ำชาเพื่อยกไปให้แก่บิดามารดาของลู่เพียว

เนี่ยลี่และคนอื่น ๆ ต่างก็เข้าร่วมฉลองกับงานมงคลของลู่เพียวอย่างพร้อมหน้า ทำให้ลู่เพียวรู้สึกดีเป็นอย่างมาก

“การที่ได้เห็นพี่น้องของข้ามีความสุขเช่นนี้ ข้ามีความสุขยิ่งนัก ข้ารองานของเจ้าอยู่นะตู่ซื่อ”

เนี่ยลี่ตบไปที่ไหล่ของตู่ซื่อ พร้อมกับยิ้มและพูดขึ้นมา

“หลังจากที่เดินทางกลับมา ข้าจะหารือเรื่องนี้กับฮวาหั่ว”

ตู่ซื่อพูดขึ้นมาพร้อมกับจับมือของฮวาหั่วที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นางก้มหน้าด้วยความเขินอาย

“ข้าต้องการที่จะได้เห็น งานแต่งของเจ้าเสียยิ่งกว่าของลู่เพียวเสียอีก เนื่องจากข้านั้นไม่เคยเห็นมาก่อน”

เนี่ยลี่พูดพร้อมกับหัวเราะ ในชีวิตที่แล้วตู่ซื่อมิได้แต่งงานและเสียชีวิตก่อนที่จะได้คบหากับหญิงสาวผู้ใด

เมื่อถึงเวลาเข้าห้องหอลู่เพียวก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ ทั่วทั้งห้องประดับไปด้วยสีแดง มีตะเกียงตั้งอยู่บนโต๊ะ พร้อมกับถ้วยน้ำชา
แต่ในเวลานี้ลู่เพียวหาได้สนใจที่จะดื่มชาไม่

เขาค่อย ๆ เปิดผ้าคลุมหน้าของเซี่ยวซุ่ยที่นั่งอยู่บนที่นอนออก ในตอนนี้เซี่ยวซุ่ยดูงดงามยิ่งนัก ทำให้ลู่เพียวถึงกับตกตะลึง

“จากวันนี้ไป ข้าจะเป็นผู้ชายที่เจ้าสามารถพึ่งพิงได้ไปตลอดชีวิต”

ลู่เพียวพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง ขณะที่ถอดผ้าคลุมหน้าของเซี่ยวซุ่ยออกจนหมด

“ถ้าเช่นนั้นข้าคงจะเป็นหญิงสาวที่มีความสุขที่สุดในโลกนี้”

เซี่ยวซุ่ยตอบกลับไปพร้อมกับก้มหน้า ด้วยความเอียงอาย

ลู่เพียวเข้าไปโอบกอดเซี่ยวซุ่ยเอาไว้ด้วยมือขวา หลังจากนั้นลู่เพียวก็สบัดมือซ้ายของเขา ใช้ลมปราณพัดให้ตะเกียงในห้องดับมืดลงไป…………………

จบตอน

แต่งโดย นายมะพร้าว

คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments