I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 444.24 พ่อ ลูก

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 20400 | 2365 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

หลังจากผ่านพ้นงานแต่งงานของลู่เพียว เนี่ยลี่ได้ไปพูดคุยกับท่านเอียมัว และ เอียเซิ่ง เรื่องการหาสถานที่เก็บชะตาวิญญาณ

“ในนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์มีการเก็บไว้ที่ห้องโถงวิญญาณ เจ้าจะให้ข้าทำเช่นนั้นหรือไม่?”

เอียเซิ่งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกไป

“เมืองกลอรี่ ผู้ที่บรรลุถึงระดับชะตาสวรรค์ คงจะมีเพียงท่านเอียมัว ท่านพ่อตา และ เสี่ยวหยู่ น้องสาวข้าเท่านั้น การสร้างห้องโถงวิญญาณขึ้นมา คงจะใหญ่โตเกินไป การปกป้องก็จะยากลำบากขึ้นไปอีกด้วย”

เนี่ยลี่ส่ายหน้าและตอบกลับไป

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าคิดว่าควรจะทำเช่นใด?”

เอียมัวจับเคราของเขาและถามขึ้นมา

“ข้าต้องการให้ท่านพ่อตาสร้างห้องลับขึ้นมา เพื่อเก็บชะตาวิญญาณเอาไว้ และผู้ที่สามารถบรรลุระดับชะตาสวรรค์ ข้าต้องการให้มีเพียง ท่านเอียมัว ท่านพ่อตา และเสี่ยวหยู่ น้องข้าเท่านั้น”

เนี่ยลี่ตอบกลับไป เพียงแค่สามคนที่เขาไว้ใจ ก็เพียงพอที่จะปกป้องเมืองกลอรี่จากภัยคุกคามต่าง ๆ ได้แล้ว

“ที่ห้องพักของข้าก็มีห้องลับที่ไม่ผู้ใดล่วงรู้จะใช้ที่นั่นก็ได้”

ท่านเอียมัวพูดขึ้นมาหลังจากที่คิดขึ้นมาได้

“เช่นนั้นก็วิเศษนัก รบกวนท่านเอียมัวพาข้าไปยังห้องลับจะได้หรือไม่?”

เนี่ยลี่พูดขึ้นด้วยความยินดี หากต้องสร้างห้องลับขึ้นมาใหม่คงต้องใช้เวลาไม่น้อยและความลับอาจจะรั่วไหลได้

หลังจากนั้นเอียมัวก็พาเนี่ยลี่และเอียเซิ่งไปยังห้องลับ ที่อยู่ในห้องพักของเขา เมื่อเข้าไปแล้วเป็นห้องที่กว้างพอ ๆ กับห้องพักใหญ่ ๆสักห้อง

“ข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่าที่ห้องของท่าน มีที่เช่นนี้อยู่ด้วย ถ้าเช่นนั้นข้าคงต้องขอเอาชะตาวิญญาณมาฝากไว้ที่ห้องนี้แล้ว”

เอียเซิ่งพูดขึ้นมา พร้อมกับเคลื่อนชะตาวิญญาณจากห้วงขอบเขตวิญญาณมาไว้ในมือ ก่อนที่จะนำไปวางไว้บนโต๊ะที่อยู่ในห้องลับ

“ท่านเอียมัวเองก็สามารถสร้างชะตาวิญญาณดวงที่สองได้แล้ว ลองนำออกมาและเก็บในไว้ที่แห่งนี้ หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดกับท่าน ท่านก็สามารถกลับคืนชีพ ที่ห้องแห่งนี้ได้”

เนี่ยลี่หันไปพูดกับเอียมัว

“ข้าเข้าใจแล้ว”

เอียมัวพยักหน้าตอบกลับไป ในตอนนี้เขานั้นบรรลุระดับชะตาสวรรค์ขั้นที่สองแล้ว เขาจึงนำชะตาวิญญาณออกมาไว้บนฝ่ามือดั่งที่เอียเซิ่งทำ และนำไปวางไว้คู่กัน

ชะตาวิญญาณทั้งสองมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ของเอียมัวนั้นเป็นเพียงดวงไฟที่ไร้สีธรรมดาเท่านั้น แต่ของเอียเซิ่งตรงใจกลางของดวงไฟมีผลึกแก้วอยู่ตรงใจกลาง และมีดวงดาราเป้นประกายอยู่โดยรอบ ซึ่งสิ่งนี้คือสิ่งที่เรียกว่าแก่นแท้แห่งชะตาวิญญาณ เทียบได้กับจันทราที่มีดวงดาราทั้งเก้าส่องแสงอยู่โดยรอบ ผู้ที่บรรลุถึงขั้นแก่นแท้แห่งสวรรค์เท่านั้นจึงจะมีได้

หลังจากนั้น ทั้งสามคนก็กลับออกมาจากห้องลับ และแยกย้ายกันไป

วันต่อมา เอียเซิ่ง ตู่ซื่อ และฮวาหั่วก็ได้ออกเดินทางไปยังนครใต้พิภพ เนื่องจากครอบครัวของฮวาหั่วอาศัยอยู่ไม่ไกลจากนครใต้พิภพมากนัก

เนี่ยลี่นั้นขอให้เอียเซิ่งหยุดการบ่มเพาะพลัง หลังจากที่บรรลุระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ขั้นที่เก้า เพื่อที่จะสามารถคืนชีพได้ ความแข็งแกร่งเพียงเท่านี้ ก็ไม่มีผู้ใดที่เป็นภัยต่อเอียเซิ่งแล้ว เนี่ยลี่ได้ให้ทั้งสามคนพกศิลาเร้นเมฆาหลายชิ้น เพื่อปิดกั้นพลังให้อยู่ในระดับตำนานเท่านั้น หากพบเจอกับศัตรู จะทำให้ศัตรูนั้นเกิดความประมาทและเผยตัวออกมา

หลังจากใช้เวลาเดินทางเกือบหนึ่งวัน ก็เดินทางมาถึง หมู่บ้านของตระกูลวิหคเพลิงของฮวาหั่ว เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่มีราวร้อยหลังคาเรือน ถูกปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกและฝุ่นละออง เพื่อปิดบังไม่ให้สัตว์อสูรพบเจอได้ง่ายนักก

ฮวาหั่วได้เชิญเอียเซิ่งและตู่ซื่อไปพบกับผู้นำตระกูลวิหคเพลิง ฮวาเหยียนหั่ว พลุดอกไม้

ภายในห้องโถงที่กว้างใกญ่ของตระกูลวิหคสวรรค์ แม้ว่าไม่อาจที่จะเทียบได้กับถ้องโถงใหญ่ของตำหนักเจ้าเมือง แต่ก็นับว่าโอ่โถงไม่น้อย

“คารวะท่านผู้นำตระกูลฮวาเหยียนหั่ว ข้าคือเอียเซิ่ง เจ้าเมืองกลอรี่ที่อยู่ห่างออกไปจากที่นี่ราวร้อยลี้  วันนี้ข้ามาเป็นเถ้าแก่เพื่อขอหมั้นหมายฮวาหั่วบุตรสาวของท่านให้แก่ ตู่ซื่อหลานชายข้า เขาคือทายาทของหนึ่งในเก้าตระกูลหลักของเมืองกลอรี่”

เอียเซิ่งประสานมือ และโน้มตัวพูดออกไป เขานั้นมาในฐานะเถ้าแก่สู่ขอหญิงสาวให้แก่ตู่ซื่อ หาได้มาในฐานะท่านเจ้าเมืองไม่ ด้วยท่าทีที่มีมารยาท ทำให้ฮวาเหยียนหั่วรู้สึกยินดียิ่งนัก

“เชิญท่านเจ้าเมืองทำตัวตามสบาย ข้าเคยได้ยินว่ามีเมืองใหญ่ที่อยู่ห่างออกไป ไม่คิดว่าผู้เป็นเจ้าเมืองเช่นท่าน จะลดตัวเดินทางมาถึงดินแดนที่ห่างไกลเช่นนี้”

ฮวาเหยียนหั่วยื่นมือออกไป และพูดให้การต้อนรับเป็นอย่างดีเช่นกัน

“ขออภัยที่บิดาและมารดาข้าหาใช่ชาวยุทธ จึงไม่อาจเดินทางมาด้วยตัวเอง ข้าจึงต้องรบกวนให้ท่านเจ้าเมืองมาเป็นเถ้าแก่ในการสู่ขอ และนี่ของหมั้นที่ข้าได้เตรียมมาขอรับ”

ตู่ซื่อประสานมือพูดด้วยความนอบน้อมพร้อมกับนำสินสอดทองหมั้นมาจากแหวนห้วงมิติของเขา ซึ่งประกอบไปด้วยผ้าไหมหลายร้อยพับและสุรามงคลอีกหลายร้อยไห ซึ่งของเหล่านี้เป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับตระกูลวิหคเพลิงยิ่งนัก

“สำหรับข้าแล้ว ความพึงพอใจของบุตรสาวข้าคือเรื่องที่สำคัญที่สุด หากนางไม่ปฏิเสธข้าเองก็สามารถยอมรับได้”

ฮวาเหยียนหั่วพูดพร้อมกับหันไปมองที่ฮวาหั่ว

“ข้านั้นยินดีค่ะท่านพ่อ”

ฮวาหั่วก้มหน้าพูดด้วยความเขินอาย

“ถ้าเช่นนั้น ข้าก็มีเรื่องที่ต้องการพูดคุยกับท่านฮวาเหยียนหั่ว เล็กน้อย”

เอียเซิ่งพูดขึ้นมาด้วยท่าทีที่จริงจังเล็กน้อย

“ท่านมีเรื่องอันใดอีก เชิญพูดมาได้”

ฮวาเหยียนหั่วผายมือตอบกลับไป

“หากท่านฮวาเหยียนหั่วไม่รังเกียจ ข้าต้องการที่จะเชิญให้พวกท่าน ไปอยู่ที่เมืองกลอรี่ ยามที่บุตรสาวท่านแต่งงาน จะได้ไปมาหาสู่กันได้สะดวก เมืองกลอรี่ยังมีพื้นที่ว่างอยู่อีกมาก เพียงพอที่จะให้ทุกคนในหมู่บ้านนี้ไปอยู่ได้อย่างไม่ลำบาก”

“ท่านพูดจริงใช่หรือไม่?”

ฮวาเหยียนหั่วถามออกไปด้วยความตกใจ การที่พวกเขาต้องอยู่ในดินแดนแห่งนี้เนื่องจาก การหาที่ที่ปลอดภัยจากสัตว์อสูรนั้นหาได้ยากยิ่งนัก

“ข้าเป็นถึงเจ้าเมืองจะพูดจาล้อเล่นในเรื่องพวกนี้ได้อย่างไรกัน หากพวกท่านยินดีที่จะไปอาศัยอยู่ที่เมืองกลอรี่ ในอีกสองวันก็สามารถออกเดินทางไปกลับไปพร้อมกับพวกข้าได้”

เอียเซิ่งยืดอกพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

“น้ำใจของท่านเจ้าเมืองข้าคงต้องขอรับไว้ด้วยความยินดี”

ฮวาเหยียนหั่วลุกยืนขึ้นและประสานมือ ก้มหัวพร้อมกับตอบกลับไป

บุตรสาวได้คู่ครองที่เหมาะสม ตระกูลมีที่พักพิง เพียงเท่านี้ยามที่เขาสิ้นลม ก็สามารถเผชิญหน้ากับเหล่าบรรพชนได้อย่างภาคภูมิ

“ถ้าเช่นนั้น ข้าขอฝากหลานชายข้าให้พักอยู่กับท่านไปก่อน ส่วนข้าต้องการที่จะออกไปสำรวจนครใต้พิภพสักเล็กน้อย”

เอียเซิ่งพูดขึ้นมา หลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่ง จริง ๆ แล้วเขาตั้งใจที่จะมาสำรวจนครใต้พิภพแต่แรกอยู่แล้ว

“ท่านต้องการให้ข้าเดินทางไปด้วยหรือไม่?”

ตู่ซื่อหันมาพูดกับเอียเซิ่งด้วยความกังวล

“เจ้ากับฮวาหั่วจะต้องคอยดูแลผู้คนจำนวนมาก และเตรียมการเคลื่อนย้ายคนทั้งหมู่บ้าน ข้าต้องการแค่ไปสำรวจเล็กน้อยเท่านั้น ด้วยระดับพลังของข้า เจ้าไม่จำเป็นที่จะต้องกังวล”

เอียเซิ่งโบกมือปฏิเสธ

“ถ้าเช่นนั้นโปรดระวังตัวด้วย”

ตู่ซื่อพูดพร้อมกับถอนหายใจ

หลังจากนั้นเอียเซิ่งก็เดินทางไปยังนครใต้พิภพ และไปที่หุบเหวตามคำบอกกล่าวของเนี่ยลี่

“ข้าไม่คิดเลยว่าจะได้เจอท่านพ่อบุญธรรมที่นี่”

มีเสียงดังขึ้นมาจากใต้หุบเหว และมีคนผู้หนึ่งทะยานขึ้นมา

“เอียฮั่น! เป็นเจ้าจริง ๆ สินะที่สังหารเจ้านครใต้พิภพ?”

เอียเซิ่งพูดออกไปด้วยความตกใจ เมื่อได้เจอกับเอียฮั่น ณ ที่แห่งนี้

“ถ้าหากเป็นข้าแล้วจะเป็นเช่นใด บัดนี้ข้าคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลกใบนี้ ข้าสามารถทำทุกอย่างได้อย่างที่ใจข้าคิด เดิมทีข้าเองก็คิดที่จะไปสังหารท่าน เพื่อยึดครองเมืองกลอรี่ เมื่อท่านมารนหาที่ตายถึงนี่ ก็นับว่าสะดวกยิ่งขึ้น”

เอียฮั่นยืนกอดอกพูดขึ้นมาพร้อมกับหัวเราะ

“เหตุใดเจ้าจึงยังหลงผิด และยึดติดกับเรื่องนี้นัก”

เอียเซิ่งพูดพร้อมกับถอนหายใจ

“เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะมาพูดเช่นนี้กับข้า เจ้าลืมไปแล้วเช่นนั้นหรือ เจ้านั้นเลี้ยงดูข้าเพื่อให้สืบทอดตำแหน่งเจ้าเมือง แต่หลังจากที่เจ้าเนี่ยลี่ปรากฏตัวขึ้นมา ท่านก็ไม่เคยสนใจข้าอีกเลย”

เอียฮั่นชี้ที่หน้าเอียเซิ่งและพูดขึ้นมาด้วยความเจ็บแค้น

“เรื่องนี้ข้ายอมรับผิด แต่ตำแหน่งเจ้าเมืองนั้น สมควรที่จะมอบให้ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด และคนผู้นั้นก็ไม่ใช่เจ้า”

เอียเซิ่งตอบกลับไป หลังจากที่ยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งด้วยคำพูดของเอียฮั่น

“ถ้าเมื่อสองปีก่อนก็คงเป็นเช่นนั้น เจ้าสัมผัสถึงกลิ่นอายลมปราณจากตัวข้าได้หรือไม่ มันก้าวล้ำเกินกว่าระดับตำนานยิ่งนัก นี่คือระดับที่เรียกว่าชะตาสวรรค์ขั้นสูงสุด อีกแค่ก้าวเดียวข้าก็จะบรรลุระดับดาราสวรรค์แล้ว”

เอียฮั่นผายมือสองข้างออกมา พร้อมกับปลดปล่อยลมปราณของเขาออกมา พร้อมกับหัวเราะ

คลื่นลมปราณอันรุนแรงเข้าปะทะกับร่างกายของเอียเซิ่ง และพัดฝุ่นบนพื้นให้กระจายออกมา

“ข้าขอถามเจ้าได้หรือไม่ ว่าเจ้านั้นเรียนรู้ระดับพลังขั้นนี้มาจากผู้ใด”

เอียเซิ่งถามออกไป ในตอนนี้เขานั้นใช้ศิราเร้นเมษาปิดกั้นพลังเหลือเพียงระดับตำนาน เอียฮั่นจึงไม่อาจที่จะสัมผัสพลังที่แท้จริงของเขาได้

“ข้าจะบอกให้เป็นของขวัญก่อนที่จะส่งเจ้าลงนรก”

เอียฮั่นพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเย้ยหยัน

“ราวสองปีก่อน ข้าพลาดท่าเจ้าเนี่ยลี่ ทำให้ตกลงไปในเหวลึกนี้ ข้านั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่สวรรค์ยังมีตา ให้ข้าได้พบกับยอดฝีมือผู้หนึ่งที่อยู่ใต้เหวลึกนี้ เขานั้นรักษาข้าและบอกเล่าเรื่องให้ข้าฟังมากมาย”

เอียฮั่นค่อย ๆ เล่าอย่างช้า ๆ

“คนผู้นั้นเรียกตัวเองว่า ทายาทแห่งจักรพรรดิคงหมิง เขานั้นมีความแข็งแกร่งระดับชะตาสวรรค์ขั้นที่หนึ่ง แต่ขาของเขานั้นพิการจึงไม่อาจขึ้นจากเหวลึกนี้ได้ เขาได้มอบศิลาจิตวิญญาณหลายพันก้อนให้แก่ข้า และสอนให้ข้าดูดซับพลังสวรรค์ โดยแลกเปลี่ยนกับการที่ให้ข้าพาเขาออกไปจากหุบเหวลึกนี้”

เอียฮั่นพูดขึ้นมาพร้อมกับหัวเราะ

“แล้วตอนนี้ทายาทแห่งจักรพรรดิคงหมิงนั้นอยู่ที่ใดกัน? ”

เอียเซิ่งอดไม่ได้ที่จะถามออกไป

“ข้ายังเล่าไม่จบ หลังจากที่ข้าบรรลุระดับชะตาสวรรค์ เจ้าแก่นั่นก็บอกความลับสำคัญแก่ข้า มันได้สลักมรดกที่จักรพรรดิคงหมิงทิ้งเอาไว้ และเขียนเรื่องราวอื่น ๆ อีกมากมาย ไว้บนผนังด้วยอักษรของอาณาจักรกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์โบราณ  และได้สอนภาษาของนครกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์แก่ข้า หลังจากที่ข้าสามารถอ่านอักษรเหล่านั้นได้ ข้าจึงทราบว่าเมื่อทายาทแห่งจักรพรรดิคงหมิงนั้นสามารถเข้าใจมรดกที่จักรพรรดิคงหมิงทิ้งเอาไว้ ก็จะสามารถบรรลุระดับพลังที่เกินกว่าจะจินตนาการได้ ผู้สืบทอดแต่ละคนจะเข้าใจได้คนละส่วน แต่หากสามารถสังหารผู้สืบทอดคนอื่น ๆ ได้ ก็จะได้รับสืบทอดมรดกที่ว่าจากคนที่ถูกสังหารได้ เมื่อข้าได้ยินเช่นนั้นจึงไช้มีดปักเข้าที่หัวใจของเจ้าแก่นั่น และได้กลายเป็นทายาทแห่งจักรพรรดิคงหมิง หลังจากนั้นข้าก็ใช้เวลาถึงสองปีในการการฝึกฝนจนบรรลุระดับชะตาสวรรค์ขั้นที่เก้า ฮ่าฮ่าฮ่า”

เอียฮั่นพูดพร้อมกับหัวเราะด้วยความยินดี

“แม้แต่ผู้ที่ช่วยชีวิตเจ้า เจ้าก็สามารถสังหารได้โดยที่ไม่มีความละอายใจแม้แต่น้อย ข้าไม่เคยสั่งสอนเจ้าเช่นนี้ เหตุใดจึงหลงผิดได้ถึงเพียงนี้”

เอียเซิ่งมองไปที่ใบหน้าของเอียฮั่นและพูดพร้อมกับถอนหายใจ

“บนโลกนี้ผู้ที่มีระดับพลังขั้นสูงสุดมีเพียง จ้าวนครใต้พิภพ ซึ่งข้าก็ก้าวล้ำเกินกว่าเขาไปแล้ว จากนี้ไปข้าจะเป็นผู้ปกครองโลกนี้”

เอียฮั่นพูดขึ้นมาพร้อมกับหัวเราะ

“ข้าเคยสั่งสอนเจ้าเอาไว้แล้วไม่ใช่หรือ เหนือฟ้ายังมีฟ้า จงอย่าได้ทะนงตน”

เอียเซิ่งเก็บศิลาเร้นเมฆาเอาไว้ในแหวนห้วงมิติและปลดปล่อยลมปราณที่แท้จริงของเขาออกมา

เอียฮั่นที่สัมผัสได้ถึงพลังนั้น ก็รู้สึกตกใจยิ่งนัก พลังนี้เหนือกว่าเขานับร้อยเท่า

“นี่คือพลังในระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์! วันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย”

เอียเซิ่งพูดจบ ก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วไปยืนอยู่ตรงหน้าเอียฮั่นและใช้หลังมือตบเข้าที่ใบหน้าของเอียฮั่นอย่างรุนแรง จนเลือดไหลออกมาจากริมฝีปากของเอียฮั่น

“ข้าไม่คิดเลยว่าคนแก่เช่นเจ้าจะแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้”

เอียฮั่นเช็ดเลือดที่ริมฝีปากพร้อมกับพูดขึ้นมา

หลังจากนั้นเขาก็เรียกจิตอสูรมังกรพสุธาเขาทองคำออกมาผสานในทันที

 “ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะยังใช้จิตอสูรที่ได้รับไปจากข้า”

เอียเซิ่งส่ายหน้าและพูดออกไป จิตอสูรตนนี้เขาได้เป็นผู้มอบให้แก่เอียฮั่นเมื่อหลายปีก่อน

“ทะลายปฐพี!”

เอียฮั่นที่ผสานเข้ากับจิตอสูรมังกรพสุธาเขาทองคำใช้มือขนาดใหญ่ทุบลงไปที่พื้นดินอย่างรุนแรง ทำให้พื้นดินแตกออกและมีฝุ่นควันขึ้นมาปกคลุมจนทำให้เอียเซิ่งมองไม่เห็น

“แม้จะมองไม่เห็นข้าก็สามารถที่จะสังหารเจ้าได้”

เอียเซิ่งปลดปล่อยลมปราณพุ่งกระแทกเข้าไปในฝุ่นควันที่บดบังอยู่นั้น เขาสามารถสัมผัสถึงตำแหน่งที่เอียฮั่นยื่นอยู่ได้อย่างชัดเจน
จากกลิ่นอายลมปราณที่แผ่ออกมา

พลังลมปราณที่พุ่งออกไปจากจากมือเอียเซิ่งกระแทกเข้ากับหน้าอกของเอียฮั่นอย่างจัง ทำให้เขานั้นคลายการผสานร่าง พร้อมกับกระอักเลือดออกมา

“ข้าจะเห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีตจะปล่อยเจ้าไปสักครั้ง จงออกไปจากหุบเขาบรรพชน และอย่าได้กลับมาอีก”

เอียเซิ่งพูดพร้อมกับถอนหายใจ เขายังคงห่วงใยเอียฮั่น จึงไม่อาจที่จะทำใจสังหารเอียฮั่นได้

“เมื่อข้าได้ครอบครองมรดกที่จักรพรรดิคงหมิง มากกว่านี้ ข้าจะกลับมาชำระแค้นทั้งหมดคืน”

เอียฮั่นค่อย ๆลุกขึ้น และพูดออกมาด้วยความเจ็บแค้นขณะที่เดินจากไป…………….

จบตอน

แต่งโดย นายมะพร้าว

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments