ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“นี่หรือ พลังสัจธรรมแห่งความเที่ยงแท้!”
เนี่ยลี่ลองเรียกพลังขึ้นมาใช้ หลังจากที่เก็บกระบี่เทพอัสนีไป
“พลังนี้สามารถทำอันใดได้?”
เทพธิดายู่หยานอดไม่ได้ที่จะถามออกไป ไม่เคยมีผู้ใดที่เคยครอบครองพลังสัจธรรมแห่งความเที่ยงแท้มาก่อน
“สัจธรรมคือความเที่ยงแท้ สัจธรรมแห่งความเที่ยงแท้เป็นเพียงสัจธรรมที่แท้จริง หาได้มีพลังอันใดไม่”
เนี่ยลี่ส่ายหน้าตอบกลับไป
“หากว่ามันไร้พลัง เหตุใดเทพธิดาจื่อฮุ้ยจึงได้บอกว่า อาจจะใช้รับมือกับจักรพรรดิปราชญ์ได้”
หมิงเฟยแย้งกลับไป
“เมื่อใช้พลังสัจธรรมแห่งความเที่ยงแท้ ข้าสามารถที่จะใช้พลังสัจธรรมที่ครอบครองอยู่ได้พร้อม ๆ กัน”
เนี่ยลี่ยิ้มและตอบกลับไป ในขณะที่บนมือซ้ายของเขามีลูกบอลสีดำปรากฏอยู่ ส่วนบนมือขวาของเขามีลูกบอลสีขาวปรากฏอยู่เช่นกัน
“นั่นดูราวกับระเบิดพลังหยินหยางที่เจ้าใช้”
เทพธิดายู่หยานพูดขึ้นมา
“นี่คือการใช้พลังสัจธรรมแห่งความมืด และพลังสัจธรรมแห่งแสงพร้อมกัน ข้าสามารถใช้ระเบิดพลังหยินหยางโดยที่ไม่ต้องผสานเข้ากับแพนด้าเขี้ยวอสูร”
เนี่ยลี่อธิบาย ขณะที่นำลูกบอลทั้งสองมารวมกันและปาออกไป
ตูมม!
เสียงระเบิดดังกึกก้อง ความรุนแรงของมันมากเสียยิ่งกว่า ตอนที่เนี่ยลี่ใช้ในร่างของแพนด้าเขี้ยวอสูรเสียอีก แต่ก็ต้องแลกมาด้วยบาดแผลที่มือของเขา การใช้ท่านี้ในร่างมนุษย์ดูเหมือนว่าร่างกายของเขาจะไม่อาจต้านทานพลังที่รุนแรงนี้ได้
ด้วยเสียงระเบิดที่ดังกึกก้อง ทำให้มนุษย์ที่สลบอยู่ตื่นขึ้นมา ในตอนที่ถูกควบคุมแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้สติ แต่ความทรงจำยังคงเหลืออยู่ในหัวของพวกเขา มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาพวกเนี่ยลี่ เขาคือ หยวนฉี่ หง คนเดียวกับที่เทพอสูรชั่วเจวี๋ยผู้ครอบครองพลังสัจธรรมแห่งมายาปลอมตัวมานั่น
“ขอบคุณพวกท่านที่ได้ช่วยเหลือให้พวกเราหลุดพ้นจากการควบคุมของเทพอสูรค่งเจี้ยน”
หยวนฉี่ หง ประสานมือและก้มหัวพูดอย่างสุภาพ
“ในดินแดนเมฆาแห่งความฝันนี้ ยังคงมีเทพจิตวิญญาณที่มิใช่เผ่าอสูรอยู่อีกหรือไม่?”
เนี่ยลี่โบกมือปฏิเสธคำขอบคุณ และถามกลับไป
“ในตอนนี้เหลือเพียงเทพธิดาจูเซิน ผู้ครอบครองพลังสัจธรรมแห่งการกำเนิดเท่านั้น”
หยวนฉี่ หง ตอบกลับอย่างสุภาพ 出身:กำเนิด
“เทพธิดาจูเซินที่เรียกได้ว่ามารดาแห่งเทพทั้งปวง นางนั้นดับสูญไปแล้วมิใช่หรือ”
เทพธิดายู่หยาน พูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“เทพธิดาจูเซินผู้นี้ เป็นเทพธิดาองค์ใหม่ ที่กำเนิดขึ้นมาเมื่อราวหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะไม่มีกายาแห่งเทพ แต่นางก็ได้รับพลังสัจธรรมแห่งการกำเนิดมาอย่างแท้จริง”
หยวนฉี่ หงก้มหัวตอบกลับไป
“พลังของนางสามารถทำสิ่งใดได้?”
เนี่ยลี่ถามออกไปด้วยความสงสัย
“บุตร หรือ ธิดาที่นางให้กำเนิด จะได้รับพลังสัจธรรมอย่างใดอย่างหนึ่งมาเสมอ นางจึงตกเป็นเป้าสังหารของพวกเทพจิตวิญญาณที่เป็นอสูร เพราะการกำเนิดผู้ครอบครองพลังสัจธรรมคนใหม่ หมายความว่า ผู้ครอบครองพลังสัจธรรมจากเผ่าอสูรจะสูญเสียพลังไปเช่นกัน”
เทพธิดายู่หยานอธิบาย
“ถ้าเช่นนั้น เหตุใดจึงไม่ให้นางกำเนิดบุตรหรือธิดาออกมาเป็นจำนวนมาก นางอาจจะคลอดผู้ที่ได้ครอบครองพลังสัจธรรมแห่งเวลาออกมาก็เป็นได้”
เนี่ยลี่พูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น นี่อาจจะเป็นหนึ่งในหนทางที่จะทำให้จักรพรรดิปราชญ์สูญเสียพลังที่ใช้ควบคุมกาลเวลาได้
“เทพธิดาจูเซินนั้นให้ให้กำเนิดบุตรหรือธิดาเพียงแค่หนึ่งพันปีครั้งเท่านั้น และจะสามารถให้กำเนิดได้หลังจากที่นางมีกายาเทพแล้ว”
หมิงเฟยพูดพร้อมกับหัวเราะในความคิดของเนี่ยลี่ หนทางเช่นนี้คนธรรมดาคงคิดไม่ได้แน่
“ข้าต้องการพบกับนาง”
เนี่ยลี่หันไปพูดกับหยวนฉี่ หง ด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“นางนั้นหลบซ่อนอยู่ในหุบเขาแห่งหนึ่ง ในบ่อน้ำแห่งเทพ ข้าจะนำทางพวกท่านไปเอง แต่ว่า…”
หยวนฉี่ หง พูดแล้วนิ่งเงียบไป ขณะที่หันไปมองเหล่าคนที่เคยถูกควบคุม
“เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องกังวล พี่ยู่หยานข้าต้องรบกวนให้ท่านดูแลคนเหล่านี้ด้วย”
เนี่ยลี่โบกมือขวาของเขาและนำคนทั้งหมด ยกเว้น หยวนฉี่ หง เข้าไปในภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำพร้อมกับเทพธิดายู่หยาน
“เส้นทางนั้นอยู่ทางทิศเหนือ คงต้องใช้เวลาในการเดินทางหลายวัน”
หยวนฉี่ หงพูดขึ้นมาพร้อมกับชี้ไปยังทิศทางดังกล่าว
“เจ้าจงรีบนำทาง”
เนี่ยลี่บอกให้รีบออกเดินทาง
ระหว่างทางนั้น ทั้งสามคนได้พบกับอสูรที่ครอบครองพลังสัจธรรมแห่งปฐพี เทพอสูรถู่หร่าง 土壤:ผืนดิน รูปลักษณ์ของมันนั้นราวกับหนอนดิน ลำตัวแบ่งเป็นปล้อง ๆ แต่ละปล้องก็เป็นก้อนดินก้อนใหญ่ ๆ มาเชื่อมต่อกัน
เทพอสูรถู่หร่าง ใช้พลังในการควบคุมผืนดิน แยกแผ่นดินออกเป็นหลุมลึก แม้ว่าจะบินได้แต่พวกของเนี่ยลี่ก็ยอมที่จะตกลงไปข้างใต้พื้นดิน เมื่อเทพอสูรถู่หร่าง ปรากฏตัวออกมาเมื่ออยู่ใต้พื้นดินนั้น หมิงเฟยก็ใช้พลังสัจธรรมแห่งใต้พิภพ ควบคุมธารลาวาที่ไหลอยู่ใต้ดินให้พุ่งโจมตีใส่ เทพอสูรถู่หร่าง จนหลอมละลายไป จากนั้นก็นำแก่นแท้แห่งพลังสัจธรรมมามอบให้กับเนี่ยลี่
หลังจากนั้นราวสามวันก็เดินทางมาถึงบ่อน้ำแห่งเทพ ที่อยู่ในซอกหุบเขาเล็ก ๆ เทพธิดาจูเซินหลบซ่อนอยู่ในที่แห่งนี้ นางดูเป็นหญิงสาวอายุราวสิบแปดปี ผมยาวถึงกลางหลัง นางสวมชุดสีขาว คลุมไหล่ด้วยผ้าคลุมสีชมพู เป็นประกายแม้จะอยู่ในโลกที่มืดครึ้มในตอนนี้
ภายใต้ผ้าคลุมสามารถมองไปเห็นช่วงคอที่งดงามราวกับพญาหงส์ กระดูกไหปลาร้าที่เข้ารูปดั่งหยกที่ได้รับการแกะสลักอย่างงดงาม
ผมยาวของนางถูกมัดเอาไว้ด้วยผ้าสีชมพูอ่อน ๆ พร้อมกับมีปิ่นปักผมรูปดอกไม้ ใบหน้าของนางอวบอิ่มราวกับหญิงสาวที่มีความรัก และพร้อมที่จะให้กำเนิดบุตรหรือธิดาสักคนใบหน้าที่งดงามของนาง รวมถึงคิ้วที่โก่งราวกับคันศร ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพู แม้ว่านางจะงดงามเพียงใด ผู้ที่ได้พบเจอจะไม่รู้สึกลุ่มหลงในตัญหา แต่จะรู้สึกอบอุ่นราวกับได้รับอ้อมกอดของมารดา
ในชั่วครู่หนึ่งเนี่ยลี่มองเห็นเทพธิดาจูเซินเป็นมารดาของเขา
“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าเดินทางมาด้วยเหตุใด น่าเสียดายที่ข้ายังมิได้ให้กำเนิดบุตรหรือธิดาแม้แต่คนเดียว และยังไร้ซึ่งกายาเทพ แต่ข้ารู้ว่าเจ้านั้นมีภารกิจที่ยิ่งใหญ่ ข้ายินดีที่จะมอบแก่นแท้แห่งสัจธรรมแห่งการกำเนิดให้แก่เจ้า”
เทพธิดาจูเซินยิ้มอย่างเป็นมิตร ก่อนที่จะมอบแก่นแท้แห่งสัจธรรมให้กับเนี่ยลี่ เมื่อไร้ซึ่งพลังสัจธรรมนางก็เป็นดั่งมนุษย์ผู้หนึ่ง เนี่ยลี่จึงพูดออกไปว่า
“ยามที่ข้าได้บรรลุเป้าหมายแล้ว ข้าจะคืนผลึกสัจธรรมให้แก่ท่าน หากท่านไม่รังเกียจข้าจะให้ท่านอยู่ในภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำไปก่อน ท่านจะยินดีหรือไม่”
“เมื่อชะตาข้าต้องเป็นเช่นนั้น ข้าก็ยินดี”
เทพธิดาจูเซินตอบกลับพร้อมกับยิ้ม นางนั้นรับรู้เรื่องราวทั้งหมดหลังจากที่ได้รับพลังสัจธรรมแห่งการกำเนิดมา แม้ว่าพลังสัจธรรมนี้จะไม่มีความหมายเท่าใดนักสำหรับเนี่ยลี่ แต่ทุกครั้งที่เขาได้ครอบครองพลังสัจธรรมเพิ่มขึ้น พลังสัจธรรมแห่งความเที่ยงแท้ก็ทรงพลังมากขึ้น ทำให้เนี่ยลี่ใช้พลังสัจธรรมอื่น ๆ ได้ดียิ่งขึ้นไปอีก
จากนั้นเนี่ยลี่สะบัดแขนขวาและ นำพาเทพธิดาจูเซินเข้าไปไว้ข้างในภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ โดยที่ได้เทพธิดายู่หยานช่วยดูแล
“ในตอนนี้เหลือพลังสัจธรรมอีกเพียงแค่ สิบสองชนิดเท่านั้น มีหนทางใดที่ข้าจะตามล่าพวกอสูรเทพได้บ้าง”
เนี่ยลี่หันไปถามหยวนฉี่ หง
“พวกอสูรเทพ ปกติแล้วจะแยกย้ายไปอยู่ยังที่ต่าง ๆ ตามพื้นที่ที่เกื้อหนุนพลังสัจธรรมของพวกมัน แต่ในบางครั้งพวกมันก็จะไปรวมตัวกันที่ ตำหนักเทพอสูร มันตั้งอยู่ในที่ ที่เคยเป็นเมืองของข้า”
หยวนฉี่ หงตอบกลับไป พร้อมกับกำหมัดแน่น
“ถ้าหากเจอพวกมันทั้งหมดในคราวเดียว ข้าก็จะประหยัดเวลาได้ไม่น้อย เจ้าจงนำทางให้ข้าในทันที”
เนี่ยลี่พูดพร้อมกับพยักหน้า
หลังจากที่เดินทางมาอีกสามวัน ก็มาถึงที่ตั้งของ ตำหนักเทพอสูร พวกเนี่ยลี่หลบซ่อนตัวอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย หลังจากนั้นเนี่ยลี่ก็ใช้พลังสัจธรรมแห่งวายุเพื่อตรวจสอบจำนวนอสูรเทพ ที่อยู่ในตำหนัก และได้พบว่าอสูรเทพทั้งสิบสองตนรวมตัวกันอยู่ในตำหนักแห่งนี้
“ท่านหมิงเฟย ข้าจะจู่โจมก่อน ขอให้ท่านใช้สายธารลาวาสนับสนุนข้าด้วย”
เนี่ยลี่หันไปบอกกับหมิงเฟย
เมื่อได้ยินเช่นนั้นหมิงเฟยก็พยักหน้าตอบรับไป
เนี่ยลี่บินไปยังด้านบนตำหนักและใช้พลังสัจธรรมแห่งแรงดึงดูดทันที แค่เพียงพริบตาเดียวตำหนักเทพอสูรก็ยุบลงไปติดกับพื้น รวมถึงอสูรที่อยู่ด้านในด้วย
“ระเบิดพลังหยินหยาง!”
เนี่ยลี่ สร้างลูกบอลพลังสัจธรรมแห่งความมืดและแสงสว่างมาไว้ในมือ ก่อนที่จะปาลงไปที่พื้น เกิดเสียงระเบิดดังกึกก้อง มีหลุมลึกลงไปหลายสิบเมตร
ทันใดนั้น หมิงเฟยก็ควบคุมสายธารลาวาที่อยู่ใต้พิภพ ให้กลืนกินเหล่าอสูรทั้งหมดอย่างรวดเร็ว อสูรทั้งสิบสองตน ถูกกำจัดโดยที่ไม่มีโอกาสได้เอื้อนเอ่ยแม้เพียงสักคำ
เนี่ยลี่ใช้พลังสัจธรรมแห่งวายุ รวบรวมผลึกแห่งพลังสัจธรรมจากเหล่าเทพอสูรทั้งสิบสองตน ได้แก่ พลังสัจธรรมแห่งนที พลังสัจธรรมแห่งอัสนี พลังสัจธรรมแห่งพิรุณ พลังสัจธรรมแห่งความยุ่งเหยิง พลังสัจธรรมแห่งหมอกควัน พลังสัจธรรมแห่งเมฆา พลังสัจธรรมแห่งเงา พลังสัจธรรมแห่งดารา พลังสัจธรรมแห่งแห่งความฝัน พลังสัจธรรมแห่งการคุมขัง พลังสัจธรรมแห่งนรก และพลังสัจธรรมแห่งคมเขี้ยว
บัดนี้เนี่ยลี่ได้ครอบครองพลังสัจธรรมทั้งหมดสามสิบสามชนิด หากรวมกับพลังสัจธรรมแห่งอัคคี และพลังสัจธรรมใต้พิภพ ก็จะครอบครองพลังสัจธรรมถึงสามสิบห้าชนิด เหลือเพียงพลังสัจธรรมแห่งเวลาเท่านั้น ที่ถูกจักรปราชญ์ครอบครองอยู่
เนี่ยลี่โบกแขนขวาของเขาและนำผู้ที่อยู่ด้านในภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำออกมาทั้งหมด
“ข้าจะทำให้ดินแดนเมฆาแห่งความฝัน กลับเป็นดั่งสรวงสวรรค์ดังเดิม”
เนี่ยลี่ปลดปล่อยพลังสัจธรรมที่มีอยู่ออกมาทั้งหมด เพื่อปรับเปลี่ยนสภาพโดยรอบของดินแดนเมฆาแห่งความฝัน ร่างกายของเนี่ยลี่เปร่งประกายออกมาราวกับดวงดาวที่จรัสแสง
พื้นดินที่ยุบลงไปจากการต่อสู้ ค่อย ๆ กลับมาสู่สภาพเดิม เมฆหมอกสีดำก็ถูกสายลมพัดกระจายออกไปจนหมด
ท้องฟ้าเริ่มที่จะสว่างไสว พืชพรรณและดอกไม้เริ่มที่จะผลิบาน ลำธารที่เคยดำก็เริ่มใสมองเห็นปลาที่เวียนว่ายอยู่ในนั้น
ละอองน้ำที่กระเด็นไปทั่วทำให้มองเห็นรุ้งกินน้ำที่งดงาม ที่แห่งนี้กลายเป็นสรวงสวรรค์อย่างแท้จริง
ชาวดินแดนเมฆาแห่งความฝัน ต่างก็ตื่นเต้นกับภาพที่ได้เห็น สรวงสวรรค์ของพวกเขากลับมางดงามแล้ว เนี่ยลี่ได้กำชับให้พวกเขาเก็บซ่อนศิลาเมฆาเอาไว้ให้ดี และห้ามไม่ให้ผู้ใดนำออกไปใช้ เนี่ยลี่เก็บติดตัวไว้ไม่กี่ก้อน เพื่อที่จะกลับมายังที่แห่งนี้ในภายภาคหน้าเท่านั้น
หลังจากนั้นเนี่ยลี่ เทพธิดายู่หยาน หมิงเฟย จึงเดินทางกลับมายังโลกใบเล็ก โดยที่เทพธิดาจูเซินได้ขออาศัยอยู่ที่ดินแดนเมฆาแห่งความฝันเช่นเดิม
เนี่ยลี่ได้ใช้ศิลาเมฆาเปิดประตูกลับสู่โลกใบเล็ก เขาใช้เวลาอยู่ที่ดินแดนเมฆาแห่งความฝัน ราวหนึ่งเดือนไม่รู้ว่าที่โลกใบเล็กจะเป็นเช่นใดบ้าง………….
จบตอน
แต่งโดย นายมะพร้าว
ที่มา: