I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

The Lazy Swordmaster ตอนที่ 44 – การฝังตัวของพลังงานในขั้นจิตก่อเกิด

| The Lazy Swordmaster | 1792 | 2366 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

….

 

….

 

….

 

เขาค่อยๆใช้จิตสัมผัสของเขาค้นหา  และในที่สุดเขาก็พบพลังงานปราณหยวนที่ฝังตัวไว้ใต้ผืนทรายสีทอง  หยกโปร่งแสงที่ดูคล้ายกับคริสตัลที่ซึ่งถูกฝังลงไปในชั้นหินที่แข็งและลึกลงไปใต้ผืนทรายประมาณ 10 เมตร มันเปล่งแสงขึ้น  ทันใดนั้นคริสตัลก็ได้แผ่คลื่นพลังงานปราณหยวนออกมา  พื้นหินแข็งๆที่อยู่รอบๆค่อยๆเปลี่ยนไปราวกับว่ามันคือสว่านที่กำลังขุดหลุมฝังตัวเองให้ลึกลงไปเรื่อยๆเพื่อที่จะหาจุดที่เหมาะสมที่สุดที่ในผืนทะเลทรายอันแห้งแล้งนี้เพื่อที่จะสร้างแหล่งกำเนิดน้ำขึ้นมา

 

เย่ ซิงหยู่ ใช้พลังงานและความตั้งใจทั้งหมดของเขาเพ่งออกไปยังบริเวณที่พลังงานปราณหยวนกำลังแล่นมารวมตัวกันจากด้านนอก  เขาใช้ทักษะการเดินลมปราณไร้นามของเขาเพื่อรวบรวมพลังงานปราณหยวนที่อยู่ในร่างกายของเขาแล้วบังคับให้พลังงานเหล่านั้นพุ่งไปยังที่ใต้ผืนทรายแห่งนั้น

 

มันคือกระบวนการบ่มเพาะพลังงานปราณหยวนในเส้นทางของผู้ฝึกยุทธ์นั่นเอง  การใช้พลังปราณหยวนจากสวรรค์และปฐพีที่ทรงพลังและบริสุทธิ์เติมเต็มให้กับการบ่มเพาะนั้นจะทำให้ผู้ฝึกยุทธ์สามารถนำพลังเหล่านั้นมาเป็นของตัวเองได้

 

การบ่มเพาะพลังงานปราณหยวนนั้นเป็นขั้นตอนที่ยากและต้องใช้เวลานาน

 

เวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว…

 

ภายในโลกแห่งนี้ เย่ ซิงหยู่ มองเห็นพลังงานของปราณหยวนจากสวรรค์และปฐพีที่อยู่ในทะเลทรายอันกว้างขวางในจุดตันเถียนของเขาได้อย่างชัดเจน   กระแสลมที่พัดอยู่รอบๆพลังงานปราณหยวนที่กำลังฝังตัวอยู่นั้นทำให้เกิดเป็นพายุเฮอร์ริเคนขึ้นมา  ในทันใดนั้นกระแสลมก็ได้พัดพาทรายในผืนทรายที่เงียบสงบและแห้งแล้งให้ลอยขึ้นมาเต็มไปทั่วท้องฟ้า

 

ในเวลาเดียวกันพลังงานปราณหยวนที่กำลังฝังตัวอยู่ในผืนทรายก็ส่องแสงสว่างขึ้นมาเรื่อยๆพร้อมกับดูดกลืนพลังงานของปราณหยวนจากสวรรค์และปฐพีอย่างบ้าคลั่ง

 

“นี่มันคือพายุปราณหยวนสินะ  มันไม่เหมือนกับที่เขียนไว้ในหนังสือเลย  ในหนังสือมันเขียนไว้ว่าเมื่อผู้ฝึกยุทธ์สามารถรวบรวมพลังงานปราณหยวนไว้ในร่างกายได้สำเร็จเป็นครั้งแรก  มันจะต้องมีความรุนแรงน้อยกว่านี้…” เย่ ซิงหยู่ แปลกใจและตกตะลึงกับสิ่งที่เขาได้เห็น

 

ภายในหอตำรายุทธ์ เย่ ซิงหยู่ ได้ศึกษาทฤษฎีต่างๆเกี่ยวกับการรวมตัวกันของพลังงานปราณหยวนและยังได้อ่านบันทึกประสบการณ์ของเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่ได้ผ่านขั้นตอนเหล่านี้มาแล้วอย่างละเอียด

 

โดยปกติแล้วหลังจากที่ผู้ฝึกยุทธ์สามารถทำการบ่มเพาะพลังงานปราณหยวนได้จนสำเสร็จแล้ว  ปรากฎการณ์แรกที่พวกเขาจะสร้างขึ้นในการบ่มเพาะพลังงานปราณหยวนไว้ในร่างกายนั้นจะทำให้เกิดแค่สายลมที่พัดผ่านเบาๆเท่านั้น  การที่จะสามารถสร้างกระแสลมอันปั่นป่วนได้นั้นเป็นเรื่องที่หาพบได้ยากมาก  และผู้ฝึกยุทธ์ที่สามารถทำเช่นนี้ได้จะต้องเป็นเพียงอัจฉริยะเท่านั้น…

 

แต่ในโลกที่จุดตันเถียนของ เย่ ซิงหยู่ นั้นกลับเป็นโลกที่มีกระแสลมจากพายุพัดกระจายไปทั่ว  มันกำลังพัดกวาดเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในโลกแห่งนี้ไปหมด

 

ฮี่ๆๆ….หรือว่าข้าจะเป็นอัจฉริยะในเส้นทางของการบ่มเพาะพลังงานปราณหยวนกันนะ?

 

ก่อนหน้านี้เขาก็แค่รู้สึกว่าเขานั้นมีพลังกายมากกว่าคนธรรมดาทั่วไปเลยทำให้การฝึกฝนในระดับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามัญเป็นเรื่องที่ง่ายสำหรับเขามากกว่าคนอื่น  แต่เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าพรสวรรค์ในการบ่มเพาะพลังงานปราณหยวนของเขานั้นจะน่ากลัวถึงเพียงนี้

 

เมื่อคิดเช่นนั้น เย่ ซิงหยู่ ก็อารมณ์ดีขึ้นมา

 

พลังงานปราณหยวนเริ่มไหลมารวมตัวกันที่บริเวณผืนทราย  พลังงานปราณหยวนที่มารวมตัวกันนั้นเริ่มจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ  ในที่สุดพลังงานปราณหยวนเหล่านั้นก็ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยพลังงานปราณหยวนที่อยู่ใต้ผืนทราย  มันเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าพลังงานปราณหยวนเหล่านั้นกำลังจะรวมตัวเข้าด้วยกัน…

 

พลังงานปราณหยวนที่อยู่ใต้ผืนทรายนั้นได้หลอมรวมกันและกลายเป็นของเหลวในที่สุด!  มันเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุดในการผลิตแหล่งน้ำ  หากขั้นตอนนี้สำเร็จใต้ผืนทรายแห่งนี้จะเป็นแหล่งกำเนิดน้ำเพื่อบำรุงโลกอันแห้งแล้งที่อยู่ในจุดตันเถียนของเขาได้

 

น้ำเป็นจุดกำเนิดของทุกสิ่ง

 

นี่เป็นหนึ่งในจุดเริ่มต้นของโลกที่แห้งแล้งที่อยู่ในจุดตันเถียน  จากแหล่งกำเนิดน้ำจะกลายเป็นลำธาร  จากลำธารจะกลายเป็นแม่น้ำ  จากแม่น้ำจะกลายเป็นทะเลสาบ  จากทะเลสาบจะกลายเป็นทะเล  ในขั้นตอนสุดท้ายสำหรับการบ่มเพาะพลังนั้นทะเลทรายทั้งหมดจะกลายเป็นมหาสมุทรปราณหยวนที่ดูดกลืนทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไป  มหาสมุทรแห่งนี้ก็คือพลังงานปราณหยวนในระดับทะเลคลั่งนั่นเอง 

 

มันเป็นขั้นตอนที่ต้องการเวลาและความมุ่งมั่นเป็นอย่างมาก  เย่ ซิงหยู่ นั้นเพิ่งจะเริ่มก้าวเข้ามาอยู่ในเส้นทางของการบ่มเพาะพลังงานปราณหยวนเพียงก้าวเดียวเท่านั้น

 

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว 

 

พลังงานปราณหยวนที่เข้มข้นนั้นยังคงไหลเวียนเข้ามาอยู่ภายในร่างกายของ เย่ ซิงหยู่ อย่างต่อเนื่องจากนั้นมันก็หมุนวนด้วยความรุนแรงจนกลายเป็นพายุไฟอยู่ในผืนทรายอันแห้งแล้งภายในตันเถียนของเขา

 

…..

 

…..

 

“เอ๋? พลังงานนี้…”

 

ภายในหอสำนึกผิดในลานที่ถูกกั้นไว้ด้วยกำแพง  คนที่มีผมสีฟ้าของท้องฟ้าลืมตาขึ้นและตื่นขึ้นจากการบ่มเพาะพลังของเขา  ภายในดวงตาของเขานั้นดูสับสนและตกตะลึงอยู่เล็กน้อย  เขาพูดกับตัวเองว่า “นี่มันคือปรากฎการณ์ของคนที่กำลังบ่มเพาะพลังงานปราณหยวนไว้ในร่างกายของเขาเป็นครั้งแรกหรอ  แต่มันดูจะสับสนวุ่นวายซะเหลือเกิน  พายุปราณหยวนเหล่านั้นมันไม่กระจายตัวเลยแม้แต่น้อยแถมยังสูงหลายสิบเมตรอีกด้วย…ใครกันนะ?”

 

เขามองยังที่กำแพงจากด้านบนของกำแพงที่สูงใหญ่สีดำ  เขามองเห็นพายุสีเงินกำลังหมุนเคว้งอยู่กลางอากาศราวกับว่ามันคือมังกรที่กำลังบ้าคลั่ง

 

“ฮี่ๆๆ….ดูเหมือนว่าข้าจะมีเพื่อนบ้านที่น่าสนใจซะแล้ว  เค้าเป็นใครกันนะ?  พลังงานปราณหยวนของเขาไม่คุ้นเลย  ข้าไม่เคยเห็นพลังงานเช่นนี้มาก่อนเลย…” บนใบหน้าของหลั่นเทียนมีรอยยิ้มอันชั่วร้ายปรากฏขึ้นร่างกายของเขาเคลื่อนไหว

 

ในวินาทีถัดมาเขาก็ยืนอยู่ที่ด้านข้างของกำแพง  ด้วยแรงกระโดดอันทรงพลังเขาสามารถลอยตัวขึ้นไปสูงถึง 30 ฟุต  ซึ่งมันเป็นความสูงที่เหมาะสำหรับการสังเกตการณ์ของคนที่อยู่ในลานด้านข้างเขาเป็นอย่างมาก  แต่ทันใดนั้นเองอักขระแห่งการจองจำในลานสำนึกผิดแห่งนี้ก็ทำงานขึ้น  โดยไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ เครื่องพันธนาการที่ทำจากอักขระสีดำก็โผล่ออกมาจากพื้นและกำแพง  ราวกับว่ามันคือแส้  มันคว้าตัวของหลั่นเทียนเอาไว้…“โอ๊ะ อีกแล้วหรือนี่!”  เมื่อแส้เหล่านั้นแผ่แสงสีฟ้าออกมาแล้วร่วงหล่นลงบนพื้น  หลั่นเทียนก็แสดงสีหน้าที่เจ็บปวดออกมา

 

“ลุงเจ้าเถอะ! อักขระที่ถูกสร้างขึ้นจากปีศาจเฒ่าคนนั้นมันเป็นสิ่งต้องห้ามไม่ใช่รึ…รอจนกว่าพ่อของเจ้าคนนี้ได้รับการรักษาจนหายดีก่อนเถอะ  พ่อของเจ้าคนนี้จะทำลายหอสำนึกผิดให้ดู!” เขากลับลงมาที่พื้น  รอยเลือดสีแดงฉานปรากฏขึ้นบนหัวไหล่ของเขา  บาดแผลที่ยังไม่ทันจะหายดีก็ปริแตกออกอีกครั้งหนึ่ง  แต่เขาก็ไม่ได้แยแสมันเลยแม้แต่น้อย

 

ราวกับว่าเลือดที่ไหลออกมานั้นมันไม่ใช่เลือดของเขา

 

“ใครจะไปคาดคิดกันว่าเจ้าเพื่อนตัวน้อยของข้าจะถูกขังเดี่ยวอยู่ที่ลานด้านข้างของข้า” หลั่นเทียนพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น  “ฮี่ๆๆ….เจ้าเด็กนี่มันคือเสือชัดๆ  ก่อนหน้านี้เขายังกล้าที่จะฆ่าลูกของ หลิว หยวนฉาง  แล้วในครั้งนี้เขาไปทำอะไรผิดร้ายแรงมานะถึงถูกส่งมาขังไว้ที่นี่…”

 

…..

 

เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า   

 

เพียงแค่พริบตาเดียว เย่ ซิงหยู่ ก็ใช้เวลาในหอสำนึกผิดมาแล้วหนึ่งเดือน  ในหนึ่งเดือนที่ผ่านมานั้นเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกฝนร่างกายและบ่มเพาะพลังของเขา  พอถึงเวลาอาหารอาจารย์จากแผนกลงทัณฑ์ก็จะนำอาหารมาให้เขา  อาหารของเขาเป็นเพียงข้าวธรรมดาๆที่ไม่มีรสชาติอะไรเลย  แต่มันก็มีสารอาหารที่เพียงพอสำหรับร่างกายของเขา  ส่วนปริมาณอาหารนั้นก็ช่างน้อยนิดซะเหลือเกินสำหรับคนตะกละอย่าง เย่ ซิงหยู่  ปริมาณอาหารของเขามันก็แค่เติมเต็มช่องว่างระหว่างฟันของเขาได้เท่านั้นเองมันไม่ได้ทำให้เขาอิ่มท้องเลย

 

ในขณะที่พระจันทร์เริ่มตก  พระอาทิตย์ก็เริ่มโผล่ขึ้นบนขอบฟ้า

 

การบ่มเพาะพลังงานปราณหยวนของ เย่ ซิงหยู่ ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว  ลึกเข้าไปในผืนทรายอันแห้งแล้งในจุดตันเถียนของเขา  เมล็ดปราณหยวนที่ฝังตัวลึกลงไปประมาณ 90 ส่วนได้กลายเป็นของเหลวไปเรียบร้อยแล้ว  มันเหลือเพียงขั้นตอนสุดท้ายก่อนที่มันจะกลายไปเป็นแหล่งกำเนิดน้ำ

 

แม้แต่นักเรียนอัจฉริยะบางคนยังต้องใช้เวลาในการบ่มเพาะพลังงานปราณหยวนเพื่อสร้างแหล่งกำเนิดน้ำขึ้นมาอย่างน้อยก็ครึ่งปี  แต่สำหรับ เย่ ซิงหยู่ นั้นเขากลับใช้เวลาแค่เพียง 1 เดือนเท่านั้น  ถ้าความเร็วระดับนี้ถูกเผยแพร่ออกไปแล้วหล่ะก็โลกทั้งโลกคงจะต้องตกตะลึงเป็นแน่

 

ในวันนี้มีสายลมพัดเบาๆท่ามกลางแสงแดด 

 

เย่ ซิงหยู่ นั่งอยู่ในท่านั่งทำสมาธิตรงกลางลานสีดำแห่งนั้น   พายุปราณหยวนที่สูง 10 เมตรที่อยู่ข้างๆเขาก็ยังคงถูกสร้างขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง   ความหนาแน่นของพลังงานปราณหยวนที่อยู่ในอากาศนั้นมันรุนแรงกว่าในวันแรกที่เขาพยายามจะสร้างปรากฎการณ์นี้ขึ้นมา  ร่างของเขาลอยสูงขึ้นเหนือพื้นประมาณครึ่งเมตร  ปราณหยวนที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตามนุษย์ไหลเข้าไปรวมกันในร่างของเขาอย่างรวดเร็ว

 

“ทำให้กลายเป็นของเหลว  เหลืออีกเพียงแค่ขั้นตอนเดียวเท่านั้น…”  เย่ ซิงหยู่ กัดฟัน

 

ปราณหยวนที่มารวมตัวกันนั้นทำให้ เย่ ซิงหยู่ รู้สึกเหมือนกับว่าร่างของเขากำลังจะถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ  ภายในทะเลทรายที่จุดตันเถียนของเขาทรายที่อยู่ในนั้นถูกพัดกระจายไปทั่วทุกทิศทางอย่างช้าๆ  ทันใดนั้นมีลำแสงส่องขึ้นไปบนท้องฟ้าทำให้บริเวณที่อยู่โดยรอบส่องสว่างไปทั่ว  ตรงกลางของลำแสงนั้นมีเสียงของน้ำที่กำลังไหลออกมาอยู่เบา

 

ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดที่จะเปลี่ยนพลังงานปราณหยวนให้เป็นของเหลว

 

เย่ ซิงหยู่ ไม่ลังเลแม้แต่น้อย  เขาสงบนิ่งและปล่อยให้พลังงานปราณหยวนในลานแห่งนั้นไหลเข้ามารวมตัวกันอยู่ในร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว  เขาพยายามประคองตัวเองไม่ให้หมดสติไปเพราะความเจ็บปวดที่ได้รับ  เขาใช้มนตราบังคับทิศทางของพลังงานปราณหยวนที่ไหลเข้าไปในร่างกายของเขาให้ไปรวมตัวกันที่ลำแสงในทะเลทรายที่อยู่ในจุดตันเถียนของเขา

 

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆราวกับว่าเวลาทั้งหมดได้หยุดลง เย่ ซิงหยู่ ไม่รู้เลยว่าเวลาได้ผ่านมานานแค่ไหนแล้ว 

 

เมื่อลำแสงที่อยู่ในจุดตันเถียนของเขาเริ่มจางลงพายุปราณหยวนที่พัดหมุนอย่างบ้าคลั่งก็เริ่มที่จะสงบ  และเมื่อ เย่ ซิงหยู่ เข้าไปในโลกที่อยู่ภายในตัวเขาอีกครั้งเขาก็พบว่าทรายสีเหลืองที่เขาเห็นก่อนหน้านี้ได้กระจัดกระจายไปทั่ว  เขาไม่รู้สึกถึงพลังงานของปราณหยวนที่กำลังซ่อนตัวอยู่ใต้ชั้นหินลึกอีกแล้ว

 

“นี่มัน…เกิดอะไรขึ้น?  กระบวนการบ่มเพาะพลังงานปราณหยวนของข้ามันผิดพลาดงั้นรึ?”  เย่ ซิงหยู่ ขวัญเสีย

 

แต่ไม่กี่วินาทีต่อมาน้ำที่ใสบริสุทธิ์ก็ผุดขึ้นมาจากผืนทรายสีเหลืองเหล่านั้นอย่างช้าๆ  น้ำเหล่านั้นค่อยๆไหลมาหล่อเลี้ยงผืนทรายสีเหลืองรอบๆอย่างช้าๆ….

 

“ปราณหยวนในขั้นจิตก่อเกิด!”  เย่ ซิงหยู่ อดไม่ได้ที่จะดีใจ  เขาตะโกนออกมาด้วยความดีใจเป็นอย่างมาก

 

ไม่เพียงแต่เขาสามารถบ่มเพาะพลังงานปราณหยวนได้จนสำเร็จ  แต่น้ำจากพลังในขั้นจิตก่อเกิดยังเริ่มที่จะกระจายตัวไปทั่วอีกด้วย  การที่เขาทำทุกอย่างให้เสร็จสิ้นได้ในขั้นตอนเดียวนั้นถือว่าเป็นผลลัพธ์ที่เกินความคาดหมายไว้มาก  น้อยคนนักที่จะสามารถทำให้พลังงานปราณหยวนกลายเป็นของเหลวและทำให้พลังงานปราณหยวนในขั้นจิตก่อเกิดไหลมาหล่อเลี้ยงทะเลทรายอันแห้งแล้งได้

 

การที่พลังงานจากปราณหยวนในขั้นจิตก่อเกิดไหลออกมานั้นเป็นสัญลักษณ์ว่าผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นได้เข้าถึงพลังในขั้นจิตก่อเกิดแล้วอย่างแท้จริง   นับจากวินาทีนี้เป็นต้นไป เย่ ซิงหยู่ ได้ก้าวเข้าสู่ระดับพลังในขั้นจิตก่อเกิดโดยสมบูรณ์แล้ว

 

แม้ว่าเขาจะอยู่ในขั้นแรกเริ่มของระดับจิตก่อเกิด  แต่ตราบใดที่น้ำเหล่านั้นยังคงไหลออกมาและเขายังคงทำการบ่มเพาะพลังไปอย่างต่อเนื่อง  เขาก็จะสามารถบรรลุไปจนถึงระดับกลางหรือแม้แต่ระดับสูงได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ

 

เมื่อ เย่ ซิงหยู่ ออกมาจากโลกที่อยู่ภายในจุดตันเถียนของเขา  เขาก็กระโดดโลดเต้นไปมาด้วยความดีใจ  หลังจากที่เขาได้สติ  เย่ ซิงหยู่ ก็รีบหันไปมองหอกสยบพ่ายที่วางอยู่ด้านข้างตัวเขา  เพียงแค่เขาโบกมือคลื่นพลังงานปราณหยวนที่อยู่รอบๆหอกสยบพ่ายก็เริ่มที่จะสั่นไหวแล้วหอกสยบพ่ายก็ลอยเข้ามาอยู่ในมือของเขา

 

ในการประลองที่ผ่านมา ฉิน หวู่ชวง ใช้พลังงานปราณหยวนในร่างกายของเขาควบคุมดาบใหญ่โจวได้อย่างสมบูรณ์แบบและทรงพลังราวกับว่ามันคือส่วนหนึ่งของร่างกายเขา  ตามหลักแล้ว  เมื่อ เย่ ซิงหยู่ ก้าวเข้าสู่ระดับจิตก่อเกิดแล้วเขาก็จะสามารถใช้พลังงานปราณหยวนในการควบคุมอาวุธของเขาได้

 

เย่ ซิงหยู่ จึงรีบทดสอบโดยเร็ว  เขาพยายามที่จะหาเคล็ดลับในการใช้พลังงานปราณหยวนควบคุมวัตถุต่างๆ  ในไม่ช้าเขาก็พบว่าการกระทำเช่นนั้นทำให้เขาเหนื่อยง่ายมากและยังเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานปราณหยวนอีกด้วย

 

หลังจากที่ผู้ฝึกยุทธ์ได้เข้าสู่ระดับจิตก่อเกิดแล้ว  ทุกๆครั้งที่เขาใช้ปราณหยวนออกไปนั้นมันจะถูกดึงออกมาจากแหล่งน้ำในจุดตันเถียนของเขา   ยิ่งเขาใช้ปราณหยวนไปมากเท่าใดปราณหยวนในแหล่งน้ำนั้นก็จะยิ่งเหลือน้อยลง  และการที่จะทำให้ปราณหยวนเหล่านั้นกลับคืนมาได้ก็ต้องใช้เวลานาน  ตามที่ม้วนตำราในหอตำรายุทธ์ได้เขียนไว้การใช้พลังงานปราณหยวนทั้งหมดในร่างกายนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่อันตรายต่อผู้ฝึกยุทธ์เป็นอย่างมาก

 

เทคนิครูปแบบปราณหยวนที่แข็งแกร่งนั้นสามารถฆ่าหรือทำให้คู่ต่อสู้บาดเจ็บได้ในครั้งเดียว  แต่มันก็ต้องใช้พลังงานปราณหยวนจำนวนมากซึ่งนั่นก็อาจจะหมายถึงพลังงานปราณหยวนทั้งหมดในร่างกายของผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นเลยก็ว่าได้  ตัวอย่างเช่นหลังจากที่ ฉิน หวู่ชวง ใช้เทคนิคหมื่นสังหารติดต่อกัน 2 ครั้งแล้วเขาก็จะไม่สามารถใช้มันได้อีกเป็นครั้งที่ 3 ได้

 

หลังจากที่ เย่ ซิงหยู่ ได้ฝึกซ้อมไปชั่วครู่หนึ่งแล้ว  เย่ ซิงหยู่ ก็เริ่มที่จะรู้สึกสนใจวิธีการลอยตัวกลางอากาศ  ตามตำรากล่าวไว้ว่าเมื่อผู้ฝึกยุทธ์ได้ก้าวเข้าสู่ระดับจิตก่อเกิดแล้ว  ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นจะสามารถลอยตัวอยู่กลางอากาศได้  ในระหว่างการประลองที่ผ่านมา ฉิน หวู่ชวง ได้ลอยตัวอยู่กลางอากาศเพื่อหลบการโจมตีของเขา  จากตำแหน่งที่สูงเช่นนั้น ฉิน หวู่ชวง สามารถโจมตีและทำให้ เย่ ซิงหยู่ ต้องตกอยู่ในที่นั่งลำบากได้อย่างง่ายดาย

 

หลังจากที่ เย่ ซิงหยู่ พยายามอยู่หลายครั้ง  ในที่สุดขาของเขาก็ค่อยๆลอยขึ้นจากพื้นสูงขึ้นเรื่อยๆ

 

“ฮ่าๆ….นี่มันช่างน่าสนใจจริงๆ  นี่หมายความว่าในขั้นต่อไปของการฝึกข้าจะบินได้ใช่มั้ย?” 

 

เย่ ซิงหยู่ กรีดร้องด้วยความตื่นเต้น  ความรู้สึกที่เขาสัมผัสอยู่นั้นมันช่างอัศจรรย์

 

เขาใช้พลังงานปราณหยวนในร่างกายของเขาค่อยๆยกร่างของเขาขึ้น  แม้ว่าร่างกายของเขาจะสั่นไหวแต่เขาก็ไม่ได้ร่วงลงบนพื้น

 

ครึ่งเมตร…..

 

หนึ่งเมตร…..

 

สองเมตร…..

 

สี่เมตร…..

 

ร่างกายของ เย่ ซิงหยู่ ค่อยๆลอยสูงขึ้น….ภายในโลกที่อยู่ในจุดตันเถียนของเขา  น้ำจากจิตก่อเกิดเริ่มเป็นฟองราวกับว่ามันกำลังเดือดอยู่  มันกระเพื่อมไปมาและพุ่งทะลักขึ้นมาในที่สุด  น้ำพุอันใสสะอาดนั้นได้กลายเป็นหมอกสีขาวพุ่งเข้ามาในแขน ขา และทุกส่วนในร่างกายของ เย่ ซิงหยู่  มันนำเอาพลังงานอันไร้ขีดจำกัดเข้ามาไว้ในร่างของเขา

 

หมอกสีขาวนั้นเรียกว่าปราณหยวนภายในนั่นเอง  ปราณหยวนภายในเรียกได้ว่าเป็นแหล่งพลังงานที่แท้จริงสำหรับผู้ฝึกยุทธ์ที่ใช้พลังงานจากปราณหยวน

 

ร่างกายของ เย่ ซิงหยู่ ลอยขึ้นไปสูงจากพื้นดินราว 8 เมตรด้วยความรวดเร็ว   เมื่อเขาเริ่มลอยเข้าใกล้เพดานมากขึ้นความคิดประหลาดบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขา

 

ถ้าหากข้าลอยได้สูงขนาดนี้ก็แปลว่าข้าสามารถหนีออกไปจากสถานที่แห่งนี้ได้งั้นสิ?  เขาอดไม่ได้ที่จะลองทำตามความคิดของเขา

 

ในตอนนั้นเอง —

 

“ข้าแนะนำว่าเจ้าไม่ควรทำเช่นนั้น…” มีเสียงๆหนึ่งดังขึ้นมาจากกำแพงอีกด้านหนึ่ง

 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments