ตอนที่แล้วตอนต่อไป….
….
….
เขาค่อยๆใช้จิตสัมผัสของเขาค้นหา และในที่สุดเขาก็พบพลังงานปราณหยวนที่ฝังตัวไว้ใต้ผืนทรายสีทอง หยกโปร่งแสงที่ดูคล้ายกับคริสตัลที่ซึ่งถูกฝังลงไปในชั้นหินที่แข็งและลึกลงไปใต้ผืนทรายประมาณ 10 เมตร มันเปล่งแสงขึ้น ทันใดนั้นคริสตัลก็ได้แผ่คลื่นพลังงานปราณหยวนออกมา พื้นหินแข็งๆที่อยู่รอบๆค่อยๆเปลี่ยนไปราวกับว่ามันคือสว่านที่กำลังขุดหลุมฝังตัวเองให้ลึกลงไปเรื่อยๆเพื่อที่จะหาจุดที่เหมาะสมที่สุดที่ในผืนทะเลทรายอันแห้งแล้งนี้เพื่อที่จะสร้างแหล่งกำเนิดน้ำขึ้นมา
เย่ ซิงหยู่ ใช้พลังงานและความตั้งใจทั้งหมดของเขาเพ่งออกไปยังบริเวณที่พลังงานปราณหยวนกำลังแล่นมารวมตัวกันจากด้านนอก เขาใช้ทักษะการเดินลมปราณไร้นามของเขาเพื่อรวบรวมพลังงานปราณหยวนที่อยู่ในร่างกายของเขาแล้วบังคับให้พลังงานเหล่านั้นพุ่งไปยังที่ใต้ผืนทรายแห่งนั้น
มันคือกระบวนการบ่มเพาะพลังงานปราณหยวนในเส้นทางของผู้ฝึกยุทธ์นั่นเอง การใช้พลังปราณหยวนจากสวรรค์และปฐพีที่ทรงพลังและบริสุทธิ์เติมเต็มให้กับการบ่มเพาะนั้นจะทำให้ผู้ฝึกยุทธ์สามารถนำพลังเหล่านั้นมาเป็นของตัวเองได้
การบ่มเพาะพลังงานปราณหยวนนั้นเป็นขั้นตอนที่ยากและต้องใช้เวลานาน
เวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว…
ภายในโลกแห่งนี้ เย่ ซิงหยู่ มองเห็นพลังงานของปราณหยวนจากสวรรค์และปฐพีที่อยู่ในทะเลทรายอันกว้างขวางในจุดตันเถียนของเขาได้อย่างชัดเจน กระแสลมที่พัดอยู่รอบๆพลังงานปราณหยวนที่กำลังฝังตัวอยู่นั้นทำให้เกิดเป็นพายุเฮอร์ริเคนขึ้นมา ในทันใดนั้นกระแสลมก็ได้พัดพาทรายในผืนทรายที่เงียบสงบและแห้งแล้งให้ลอยขึ้นมาเต็มไปทั่วท้องฟ้า
ในเวลาเดียวกันพลังงานปราณหยวนที่กำลังฝังตัวอยู่ในผืนทรายก็ส่องแสงสว่างขึ้นมาเรื่อยๆพร้อมกับดูดกลืนพลังงานของปราณหยวนจากสวรรค์และปฐพีอย่างบ้าคลั่ง
“นี่มันคือพายุปราณหยวนสินะ มันไม่เหมือนกับที่เขียนไว้ในหนังสือเลย ในหนังสือมันเขียนไว้ว่าเมื่อผู้ฝึกยุทธ์สามารถรวบรวมพลังงานปราณหยวนไว้ในร่างกายได้สำเร็จเป็นครั้งแรก มันจะต้องมีความรุนแรงน้อยกว่านี้…” เย่ ซิงหยู่ แปลกใจและตกตะลึงกับสิ่งที่เขาได้เห็น
ภายในหอตำรายุทธ์ เย่ ซิงหยู่ ได้ศึกษาทฤษฎีต่างๆเกี่ยวกับการรวมตัวกันของพลังงานปราณหยวนและยังได้อ่านบันทึกประสบการณ์ของเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่ได้ผ่านขั้นตอนเหล่านี้มาแล้วอย่างละเอียด
โดยปกติแล้วหลังจากที่ผู้ฝึกยุทธ์สามารถทำการบ่มเพาะพลังงานปราณหยวนได้จนสำเสร็จแล้ว ปรากฎการณ์แรกที่พวกเขาจะสร้างขึ้นในการบ่มเพาะพลังงานปราณหยวนไว้ในร่างกายนั้นจะทำให้เกิดแค่สายลมที่พัดผ่านเบาๆเท่านั้น การที่จะสามารถสร้างกระแสลมอันปั่นป่วนได้นั้นเป็นเรื่องที่หาพบได้ยากมาก และผู้ฝึกยุทธ์ที่สามารถทำเช่นนี้ได้จะต้องเป็นเพียงอัจฉริยะเท่านั้น…
แต่ในโลกที่จุดตันเถียนของ เย่ ซิงหยู่ นั้นกลับเป็นโลกที่มีกระแสลมจากพายุพัดกระจายไปทั่ว มันกำลังพัดกวาดเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในโลกแห่งนี้ไปหมด
ฮี่ๆๆ….หรือว่าข้าจะเป็นอัจฉริยะในเส้นทางของการบ่มเพาะพลังงานปราณหยวนกันนะ?
ก่อนหน้านี้เขาก็แค่รู้สึกว่าเขานั้นมีพลังกายมากกว่าคนธรรมดาทั่วไปเลยทำให้การฝึกฝนในระดับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามัญเป็นเรื่องที่ง่ายสำหรับเขามากกว่าคนอื่น แต่เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าพรสวรรค์ในการบ่มเพาะพลังงานปราณหยวนของเขานั้นจะน่ากลัวถึงเพียงนี้
เมื่อคิดเช่นนั้น เย่ ซิงหยู่ ก็อารมณ์ดีขึ้นมา
พลังงานปราณหยวนเริ่มไหลมารวมตัวกันที่บริเวณผืนทราย พลังงานปราณหยวนที่มารวมตัวกันนั้นเริ่มจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดพลังงานปราณหยวนเหล่านั้นก็ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยพลังงานปราณหยวนที่อยู่ใต้ผืนทราย มันเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าพลังงานปราณหยวนเหล่านั้นกำลังจะรวมตัวเข้าด้วยกัน…
พลังงานปราณหยวนที่อยู่ใต้ผืนทรายนั้นได้หลอมรวมกันและกลายเป็นของเหลวในที่สุด! มันเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุดในการผลิตแหล่งน้ำ หากขั้นตอนนี้สำเร็จใต้ผืนทรายแห่งนี้จะเป็นแหล่งกำเนิดน้ำเพื่อบำรุงโลกอันแห้งแล้งที่อยู่ในจุดตันเถียนของเขาได้
น้ำเป็นจุดกำเนิดของทุกสิ่ง
นี่เป็นหนึ่งในจุดเริ่มต้นของโลกที่แห้งแล้งที่อยู่ในจุดตันเถียน จากแหล่งกำเนิดน้ำจะกลายเป็นลำธาร จากลำธารจะกลายเป็นแม่น้ำ จากแม่น้ำจะกลายเป็นทะเลสาบ จากทะเลสาบจะกลายเป็นทะเล ในขั้นตอนสุดท้ายสำหรับการบ่มเพาะพลังนั้นทะเลทรายทั้งหมดจะกลายเป็นมหาสมุทรปราณหยวนที่ดูดกลืนทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไป มหาสมุทรแห่งนี้ก็คือพลังงานปราณหยวนในระดับทะเลคลั่งนั่นเอง
มันเป็นขั้นตอนที่ต้องการเวลาและความมุ่งมั่นเป็นอย่างมาก เย่ ซิงหยู่ นั้นเพิ่งจะเริ่มก้าวเข้ามาอยู่ในเส้นทางของการบ่มเพาะพลังงานปราณหยวนเพียงก้าวเดียวเท่านั้น
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
พลังงานปราณหยวนที่เข้มข้นนั้นยังคงไหลเวียนเข้ามาอยู่ภายในร่างกายของ เย่ ซิงหยู่ อย่างต่อเนื่องจากนั้นมันก็หมุนวนด้วยความรุนแรงจนกลายเป็นพายุไฟอยู่ในผืนทรายอันแห้งแล้งภายในตันเถียนของเขา
…..
…..
“เอ๋? พลังงานนี้…”
ภายในหอสำนึกผิดในลานที่ถูกกั้นไว้ด้วยกำแพง คนที่มีผมสีฟ้าของท้องฟ้าลืมตาขึ้นและตื่นขึ้นจากการบ่มเพาะพลังของเขา ภายในดวงตาของเขานั้นดูสับสนและตกตะลึงอยู่เล็กน้อย เขาพูดกับตัวเองว่า “นี่มันคือปรากฎการณ์ของคนที่กำลังบ่มเพาะพลังงานปราณหยวนไว้ในร่างกายของเขาเป็นครั้งแรกหรอ แต่มันดูจะสับสนวุ่นวายซะเหลือเกิน พายุปราณหยวนเหล่านั้นมันไม่กระจายตัวเลยแม้แต่น้อยแถมยังสูงหลายสิบเมตรอีกด้วย…ใครกันนะ?”
เขามองยังที่กำแพงจากด้านบนของกำแพงที่สูงใหญ่สีดำ เขามองเห็นพายุสีเงินกำลังหมุนเคว้งอยู่กลางอากาศราวกับว่ามันคือมังกรที่กำลังบ้าคลั่ง
“ฮี่ๆๆ….ดูเหมือนว่าข้าจะมีเพื่อนบ้านที่น่าสนใจซะแล้ว เค้าเป็นใครกันนะ? พลังงานปราณหยวนของเขาไม่คุ้นเลย ข้าไม่เคยเห็นพลังงานเช่นนี้มาก่อนเลย…” บนใบหน้าของหลั่นเทียนมีรอยยิ้มอันชั่วร้ายปรากฏขึ้นร่างกายของเขาเคลื่อนไหว
ในวินาทีถัดมาเขาก็ยืนอยู่ที่ด้านข้างของกำแพง ด้วยแรงกระโดดอันทรงพลังเขาสามารถลอยตัวขึ้นไปสูงถึง 30 ฟุต ซึ่งมันเป็นความสูงที่เหมาะสำหรับการสังเกตการณ์ของคนที่อยู่ในลานด้านข้างเขาเป็นอย่างมาก แต่ทันใดนั้นเองอักขระแห่งการจองจำในลานสำนึกผิดแห่งนี้ก็ทำงานขึ้น โดยไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ เครื่องพันธนาการที่ทำจากอักขระสีดำก็โผล่ออกมาจากพื้นและกำแพง ราวกับว่ามันคือแส้ มันคว้าตัวของหลั่นเทียนเอาไว้…“โอ๊ะ อีกแล้วหรือนี่!” เมื่อแส้เหล่านั้นแผ่แสงสีฟ้าออกมาแล้วร่วงหล่นลงบนพื้น หลั่นเทียนก็แสดงสีหน้าที่เจ็บปวดออกมา
“ลุงเจ้าเถอะ! อักขระที่ถูกสร้างขึ้นจากปีศาจเฒ่าคนนั้นมันเป็นสิ่งต้องห้ามไม่ใช่รึ…รอจนกว่าพ่อของเจ้าคนนี้ได้รับการรักษาจนหายดีก่อนเถอะ พ่อของเจ้าคนนี้จะทำลายหอสำนึกผิดให้ดู!” เขากลับลงมาที่พื้น รอยเลือดสีแดงฉานปรากฏขึ้นบนหัวไหล่ของเขา บาดแผลที่ยังไม่ทันจะหายดีก็ปริแตกออกอีกครั้งหนึ่ง แต่เขาก็ไม่ได้แยแสมันเลยแม้แต่น้อย
ราวกับว่าเลือดที่ไหลออกมานั้นมันไม่ใช่เลือดของเขา
“ใครจะไปคาดคิดกันว่าเจ้าเพื่อนตัวน้อยของข้าจะถูกขังเดี่ยวอยู่ที่ลานด้านข้างของข้า” หลั่นเทียนพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น “ฮี่ๆๆ….เจ้าเด็กนี่มันคือเสือชัดๆ ก่อนหน้านี้เขายังกล้าที่จะฆ่าลูกของ หลิว หยวนฉาง แล้วในครั้งนี้เขาไปทำอะไรผิดร้ายแรงมานะถึงถูกส่งมาขังไว้ที่นี่…”
…..
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า
เพียงแค่พริบตาเดียว เย่ ซิงหยู่ ก็ใช้เวลาในหอสำนึกผิดมาแล้วหนึ่งเดือน ในหนึ่งเดือนที่ผ่านมานั้นเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกฝนร่างกายและบ่มเพาะพลังของเขา พอถึงเวลาอาหารอาจารย์จากแผนกลงทัณฑ์ก็จะนำอาหารมาให้เขา อาหารของเขาเป็นเพียงข้าวธรรมดาๆที่ไม่มีรสชาติอะไรเลย แต่มันก็มีสารอาหารที่เพียงพอสำหรับร่างกายของเขา ส่วนปริมาณอาหารนั้นก็ช่างน้อยนิดซะเหลือเกินสำหรับคนตะกละอย่าง เย่ ซิงหยู่ ปริมาณอาหารของเขามันก็แค่เติมเต็มช่องว่างระหว่างฟันของเขาได้เท่านั้นเองมันไม่ได้ทำให้เขาอิ่มท้องเลย
ในขณะที่พระจันทร์เริ่มตก พระอาทิตย์ก็เริ่มโผล่ขึ้นบนขอบฟ้า
การบ่มเพาะพลังงานปราณหยวนของ เย่ ซิงหยู่ ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ลึกเข้าไปในผืนทรายอันแห้งแล้งในจุดตันเถียนของเขา เมล็ดปราณหยวนที่ฝังตัวลึกลงไปประมาณ 90 ส่วนได้กลายเป็นของเหลวไปเรียบร้อยแล้ว มันเหลือเพียงขั้นตอนสุดท้ายก่อนที่มันจะกลายไปเป็นแหล่งกำเนิดน้ำ
แม้แต่นักเรียนอัจฉริยะบางคนยังต้องใช้เวลาในการบ่มเพาะพลังงานปราณหยวนเพื่อสร้างแหล่งกำเนิดน้ำขึ้นมาอย่างน้อยก็ครึ่งปี แต่สำหรับ เย่ ซิงหยู่ นั้นเขากลับใช้เวลาแค่เพียง 1 เดือนเท่านั้น ถ้าความเร็วระดับนี้ถูกเผยแพร่ออกไปแล้วหล่ะก็โลกทั้งโลกคงจะต้องตกตะลึงเป็นแน่
ในวันนี้มีสายลมพัดเบาๆท่ามกลางแสงแดด
เย่ ซิงหยู่ นั่งอยู่ในท่านั่งทำสมาธิตรงกลางลานสีดำแห่งนั้น พายุปราณหยวนที่สูง 10 เมตรที่อยู่ข้างๆเขาก็ยังคงถูกสร้างขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ความหนาแน่นของพลังงานปราณหยวนที่อยู่ในอากาศนั้นมันรุนแรงกว่าในวันแรกที่เขาพยายามจะสร้างปรากฎการณ์นี้ขึ้นมา ร่างของเขาลอยสูงขึ้นเหนือพื้นประมาณครึ่งเมตร ปราณหยวนที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตามนุษย์ไหลเข้าไปรวมกันในร่างของเขาอย่างรวดเร็ว
“ทำให้กลายเป็นของเหลว เหลืออีกเพียงแค่ขั้นตอนเดียวเท่านั้น…” เย่ ซิงหยู่ กัดฟัน
ปราณหยวนที่มารวมตัวกันนั้นทำให้ เย่ ซิงหยู่ รู้สึกเหมือนกับว่าร่างของเขากำลังจะถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ ภายในทะเลทรายที่จุดตันเถียนของเขาทรายที่อยู่ในนั้นถูกพัดกระจายไปทั่วทุกทิศทางอย่างช้าๆ ทันใดนั้นมีลำแสงส่องขึ้นไปบนท้องฟ้าทำให้บริเวณที่อยู่โดยรอบส่องสว่างไปทั่ว ตรงกลางของลำแสงนั้นมีเสียงของน้ำที่กำลังไหลออกมาอยู่เบา
ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดที่จะเปลี่ยนพลังงานปราณหยวนให้เป็นของเหลว
เย่ ซิงหยู่ ไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาสงบนิ่งและปล่อยให้พลังงานปราณหยวนในลานแห่งนั้นไหลเข้ามารวมตัวกันอยู่ในร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว เขาพยายามประคองตัวเองไม่ให้หมดสติไปเพราะความเจ็บปวดที่ได้รับ เขาใช้มนตราบังคับทิศทางของพลังงานปราณหยวนที่ไหลเข้าไปในร่างกายของเขาให้ไปรวมตัวกันที่ลำแสงในทะเลทรายที่อยู่ในจุดตันเถียนของเขา
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆราวกับว่าเวลาทั้งหมดได้หยุดลง เย่ ซิงหยู่ ไม่รู้เลยว่าเวลาได้ผ่านมานานแค่ไหนแล้ว
เมื่อลำแสงที่อยู่ในจุดตันเถียนของเขาเริ่มจางลงพายุปราณหยวนที่พัดหมุนอย่างบ้าคลั่งก็เริ่มที่จะสงบ และเมื่อ เย่ ซิงหยู่ เข้าไปในโลกที่อยู่ภายในตัวเขาอีกครั้งเขาก็พบว่าทรายสีเหลืองที่เขาเห็นก่อนหน้านี้ได้กระจัดกระจายไปทั่ว เขาไม่รู้สึกถึงพลังงานของปราณหยวนที่กำลังซ่อนตัวอยู่ใต้ชั้นหินลึกอีกแล้ว
“นี่มัน…เกิดอะไรขึ้น? กระบวนการบ่มเพาะพลังงานปราณหยวนของข้ามันผิดพลาดงั้นรึ?” เย่ ซิงหยู่ ขวัญเสีย
แต่ไม่กี่วินาทีต่อมาน้ำที่ใสบริสุทธิ์ก็ผุดขึ้นมาจากผืนทรายสีเหลืองเหล่านั้นอย่างช้าๆ น้ำเหล่านั้นค่อยๆไหลมาหล่อเลี้ยงผืนทรายสีเหลืองรอบๆอย่างช้าๆ….
“ปราณหยวนในขั้นจิตก่อเกิด!” เย่ ซิงหยู่ อดไม่ได้ที่จะดีใจ เขาตะโกนออกมาด้วยความดีใจเป็นอย่างมาก
ไม่เพียงแต่เขาสามารถบ่มเพาะพลังงานปราณหยวนได้จนสำเร็จ แต่น้ำจากพลังในขั้นจิตก่อเกิดยังเริ่มที่จะกระจายตัวไปทั่วอีกด้วย การที่เขาทำทุกอย่างให้เสร็จสิ้นได้ในขั้นตอนเดียวนั้นถือว่าเป็นผลลัพธ์ที่เกินความคาดหมายไว้มาก น้อยคนนักที่จะสามารถทำให้พลังงานปราณหยวนกลายเป็นของเหลวและทำให้พลังงานปราณหยวนในขั้นจิตก่อเกิดไหลมาหล่อเลี้ยงทะเลทรายอันแห้งแล้งได้
การที่พลังงานจากปราณหยวนในขั้นจิตก่อเกิดไหลออกมานั้นเป็นสัญลักษณ์ว่าผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นได้เข้าถึงพลังในขั้นจิตก่อเกิดแล้วอย่างแท้จริง นับจากวินาทีนี้เป็นต้นไป เย่ ซิงหยู่ ได้ก้าวเข้าสู่ระดับพลังในขั้นจิตก่อเกิดโดยสมบูรณ์แล้ว
แม้ว่าเขาจะอยู่ในขั้นแรกเริ่มของระดับจิตก่อเกิด แต่ตราบใดที่น้ำเหล่านั้นยังคงไหลออกมาและเขายังคงทำการบ่มเพาะพลังไปอย่างต่อเนื่อง เขาก็จะสามารถบรรลุไปจนถึงระดับกลางหรือแม้แต่ระดับสูงได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ
เมื่อ เย่ ซิงหยู่ ออกมาจากโลกที่อยู่ภายในจุดตันเถียนของเขา เขาก็กระโดดโลดเต้นไปมาด้วยความดีใจ หลังจากที่เขาได้สติ เย่ ซิงหยู่ ก็รีบหันไปมองหอกสยบพ่ายที่วางอยู่ด้านข้างตัวเขา เพียงแค่เขาโบกมือคลื่นพลังงานปราณหยวนที่อยู่รอบๆหอกสยบพ่ายก็เริ่มที่จะสั่นไหวแล้วหอกสยบพ่ายก็ลอยเข้ามาอยู่ในมือของเขา
ในการประลองที่ผ่านมา ฉิน หวู่ชวง ใช้พลังงานปราณหยวนในร่างกายของเขาควบคุมดาบใหญ่โจวได้อย่างสมบูรณ์แบบและทรงพลังราวกับว่ามันคือส่วนหนึ่งของร่างกายเขา ตามหลักแล้ว เมื่อ เย่ ซิงหยู่ ก้าวเข้าสู่ระดับจิตก่อเกิดแล้วเขาก็จะสามารถใช้พลังงานปราณหยวนในการควบคุมอาวุธของเขาได้
เย่ ซิงหยู่ จึงรีบทดสอบโดยเร็ว เขาพยายามที่จะหาเคล็ดลับในการใช้พลังงานปราณหยวนควบคุมวัตถุต่างๆ ในไม่ช้าเขาก็พบว่าการกระทำเช่นนั้นทำให้เขาเหนื่อยง่ายมากและยังเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานปราณหยวนอีกด้วย
หลังจากที่ผู้ฝึกยุทธ์ได้เข้าสู่ระดับจิตก่อเกิดแล้ว ทุกๆครั้งที่เขาใช้ปราณหยวนออกไปนั้นมันจะถูกดึงออกมาจากแหล่งน้ำในจุดตันเถียนของเขา ยิ่งเขาใช้ปราณหยวนไปมากเท่าใดปราณหยวนในแหล่งน้ำนั้นก็จะยิ่งเหลือน้อยลง และการที่จะทำให้ปราณหยวนเหล่านั้นกลับคืนมาได้ก็ต้องใช้เวลานาน ตามที่ม้วนตำราในหอตำรายุทธ์ได้เขียนไว้การใช้พลังงานปราณหยวนทั้งหมดในร่างกายนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่อันตรายต่อผู้ฝึกยุทธ์เป็นอย่างมาก
เทคนิครูปแบบปราณหยวนที่แข็งแกร่งนั้นสามารถฆ่าหรือทำให้คู่ต่อสู้บาดเจ็บได้ในครั้งเดียว แต่มันก็ต้องใช้พลังงานปราณหยวนจำนวนมากซึ่งนั่นก็อาจจะหมายถึงพลังงานปราณหยวนทั้งหมดในร่างกายของผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นเลยก็ว่าได้ ตัวอย่างเช่นหลังจากที่ ฉิน หวู่ชวง ใช้เทคนิคหมื่นสังหารติดต่อกัน 2 ครั้งแล้วเขาก็จะไม่สามารถใช้มันได้อีกเป็นครั้งที่ 3 ได้
หลังจากที่ เย่ ซิงหยู่ ได้ฝึกซ้อมไปชั่วครู่หนึ่งแล้ว เย่ ซิงหยู่ ก็เริ่มที่จะรู้สึกสนใจวิธีการลอยตัวกลางอากาศ ตามตำรากล่าวไว้ว่าเมื่อผู้ฝึกยุทธ์ได้ก้าวเข้าสู่ระดับจิตก่อเกิดแล้ว ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นจะสามารถลอยตัวอยู่กลางอากาศได้ ในระหว่างการประลองที่ผ่านมา ฉิน หวู่ชวง ได้ลอยตัวอยู่กลางอากาศเพื่อหลบการโจมตีของเขา จากตำแหน่งที่สูงเช่นนั้น ฉิน หวู่ชวง สามารถโจมตีและทำให้ เย่ ซิงหยู่ ต้องตกอยู่ในที่นั่งลำบากได้อย่างง่ายดาย
หลังจากที่ เย่ ซิงหยู่ พยายามอยู่หลายครั้ง ในที่สุดขาของเขาก็ค่อยๆลอยขึ้นจากพื้นสูงขึ้นเรื่อยๆ
“ฮ่าๆ….นี่มันช่างน่าสนใจจริงๆ นี่หมายความว่าในขั้นต่อไปของการฝึกข้าจะบินได้ใช่มั้ย?”
เย่ ซิงหยู่ กรีดร้องด้วยความตื่นเต้น ความรู้สึกที่เขาสัมผัสอยู่นั้นมันช่างอัศจรรย์
เขาใช้พลังงานปราณหยวนในร่างกายของเขาค่อยๆยกร่างของเขาขึ้น แม้ว่าร่างกายของเขาจะสั่นไหวแต่เขาก็ไม่ได้ร่วงลงบนพื้น
ครึ่งเมตร…..
หนึ่งเมตร…..
สองเมตร…..
สี่เมตร…..
ร่างกายของ เย่ ซิงหยู่ ค่อยๆลอยสูงขึ้น….ภายในโลกที่อยู่ในจุดตันเถียนของเขา น้ำจากจิตก่อเกิดเริ่มเป็นฟองราวกับว่ามันกำลังเดือดอยู่ มันกระเพื่อมไปมาและพุ่งทะลักขึ้นมาในที่สุด น้ำพุอันใสสะอาดนั้นได้กลายเป็นหมอกสีขาวพุ่งเข้ามาในแขน ขา และทุกส่วนในร่างกายของ เย่ ซิงหยู่ มันนำเอาพลังงานอันไร้ขีดจำกัดเข้ามาไว้ในร่างของเขา
หมอกสีขาวนั้นเรียกว่าปราณหยวนภายในนั่นเอง ปราณหยวนภายในเรียกได้ว่าเป็นแหล่งพลังงานที่แท้จริงสำหรับผู้ฝึกยุทธ์ที่ใช้พลังงานจากปราณหยวน
ร่างกายของ เย่ ซิงหยู่ ลอยขึ้นไปสูงจากพื้นดินราว 8 เมตรด้วยความรวดเร็ว เมื่อเขาเริ่มลอยเข้าใกล้เพดานมากขึ้นความคิดประหลาดบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขา
ถ้าหากข้าลอยได้สูงขนาดนี้ก็แปลว่าข้าสามารถหนีออกไปจากสถานที่แห่งนี้ได้งั้นสิ? เขาอดไม่ได้ที่จะลองทำตามความคิดของเขา
ในตอนนั้นเอง —
“ข้าแนะนำว่าเจ้าไม่ควรทำเช่นนั้น…” มีเสียงๆหนึ่งดังขึ้นมาจากกำแพงอีกด้านหนึ่ง