ตอนที่แล้วตอนต่อไป‘..อีกครั้งนึง..’
‘..อีกครั้งนึง……’
เซร่าจับไม้กวาดยืนอยู่บนพื้นและได้พูดอีกครั้งว่า ‘..อีกครั้งนึง..’ ทั้งหมด 7ครั้งแล้ว
เธอได้เปลี่ยนมุมในการจับไม้กวาดแตกต่างกันไปทุกครั้ง
ในขณะที่พูดอยู่กับตนเอง เธอก็ตกใจเมื่อรู้สึกเหมือนมีคนมายืนอยู่ด้านหลัง เธอจึงหันกลับไปมอง
“…เซร่าเอาหรอ? เธอกำลังทำอะไรอยู่หรอจ๊ะ”
เป็นไอริสที่กำลังเดินเข้ามาในห้องที่ถูกทำความสะอาดไว้แล้ว
เธอไม่มีความสามารถในการลบตัวตน
ดังนั้นเซร่าถอนหายใจและเฝ้ามองไอริสเดินเข้ามาอย่างช้าๆ
คฤหาสน์นี้ยังคงมีการเฝ้าระวังภัยขั้นสูงสุด หลังจากที่มีเหตุการณ์ลอบสังหารล่าสุด
“อ่า.. ท่านหญิงไอริสนั่นเอง”
“หือ..? ท่าทางแปลกๆนั่นคืออะไรหรอจ๊ะ?”
“นั่นคือ…”
หน้าของเซร่าค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดง ในขณะที่เธอยืนอยู่ในท่าฝึกอันแปลกประหลาด
เนื่องจากท่านหญิงไอริสได้เดินมาขัดจังหวะการฝึกของเธอและดึงไม้กวาดทั้ง2เข้าถือไว้ตรงหน้าอกเธอ
“ฮ่า ๆ ๆ ฉั-ฉันกำลังฝึกอยู่ค่ะ….และได้แสดงสิ่งที่น่าอายให้ท่านให้เห็น”
เธอจับไม้กวาดทั้ง2ไว้ในมือทั้ง2ข้างและยกท้ายกระโปรงขึ้นเล็กน้อยในขณะที่ย่อเข่าลง
มันเป็นท่าทางที่ดูตลก แต่มันเป็นท่าทางที่เหมาะสมมากที่สุด
“จริงหรอจ๊ะ…ดีแล้วล่ะที่ได้เห็นคนพยายามปรับปรุงตนเอง แต่ที่จริงๆแล้วฉันผิดเองที่เข้ามาขัดจังหวะการฝึกของเธอ”
“พักสักหน่อยเถอะ เธอเป็นแผลแล้วนะ”
“แผล..?”
“จริงๆแล้ว ฉันกำลังจะพักค่ะ..”
เซร่ายิ้มอย่างเขินอายในขณะที่เธอตอบ
เธออาจจะไม่สามารถตอบเคาท์สไตน์ได้แบบที่เธอตอบกับท่านหญิงไอริส
ถ้าเปรียบก็คือ เอียนดูแลไรลีย์ เซร่าเป็นคนดูแลไอริส
การพูดคุยที่เหมือนเป็นเพื่อนกันจึงค่อยๆเกิดขึ้น
“พัก..หรอ?”
“เอ่อ…นายน้อยไรลีย์..หายไปค่ะ”
ไรลีย์หายไปอีกแล้ว? เมื่อวานนี้ก็เพิ่งหายตัวไป?
ใบหน้าของไอริสซีดลงด้วยความกังวล กลัวว่าจะมีนักฆ่าหลงเหลือในคฤหาสน์
“ไรลีย์ หรือ?”
“โอ้…ท่านหญิงไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ…ความจริงคือ..นายท่านสไตน์ได้เรียกนายน้อยไรลีย์เข้าไป
แล้วบอกเกี่ยวกับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้น น่าจะเป็นเพราะเหตุการณ์นี้”
ไอริสพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“มันคือการเล่นซ่อนหาสินะ?”
“ใช่แล้วค่ะ ฉันกำลังหาเขาอยู่ แต่ฉันก็ฝึกไปด้วยค่ะ”
เซร่าหัวเราะอย่างเซ่อซ่า
เมื่อลูกชายคนที่3ของคฤหาสน์ได้ซ่อนตัวอยู่ ซึ่งไม่มีใครมารถหาเขาเจอได้
นั่นคือความจริง
“เฮ้อ..ไรลีย์….”
“มีอะไรที่ท่านจะให้เขาทำหรือครับ”
“ให้เขาทำงั้นหรอ..?”
“ใช่ค่ะ..ดูเหมือนนายท่านสไตน์ต้องการให้นายน้อยไรลีย์ทำบางอย่าง แต่ว่านายน้อยก็เดินหนีไป และเขาไม่ได้สนใจอะไรแม้แต่น้อยเมื่อพูดถึง…ทายาท!”
นี่เป็นคำถามที่ได้ยินบ่อยๆจากเอียน
แม้ว่าผู้หญิงที่ถูกเนรเทศอย่าง โอแรรีย์ ค่อนข้างเข้มงวดกับลูกๆของเธอมาก
แต่ไอริสได้ทำในสิ่งตรงข้าม
ไม่ว่าลูกของเธอจะขี้เกียจขนาดไหน เธอก็จะยิ้มให้เขาอย่างอบอุ่นเสมอ
“อืม..ฉันไม่คิดว่าเป็นอย่างนั้นหรอกนะ”
“จริงหรอค่ะ”
“ฉันเคยดุไรลีย์เมื่อวานนี้เหมือนกันนะ เธอจำไม่ได้หรอ?”
‘ฉันรู้ว่าข้าวโพดคั่วที่แธอทำมันอร่อย แต่คุณทำให้ทุกคนดูกังวลไปหมดแล้วนะ’
ไอริสได้บังคับไรลีย์ขอโทษเอียนและเซร่า
“ฉันคิดว่าฉันสามารถพูดได้อย่างปลอดภัยละ”
“ถ้าอย่างนั้น…..”
คำพูดของเซร่ายังไม่จบ
ดูเหมือนไอริสมีบางสิ่งจะพูด
“ฉัน…ได้ถูกสอนมาว่า…แม่ต้องเข้าใจความคิดของลูก ถึงฉันจะไม่มีไม้กายสิทธิ์และไม่สามารถอ่านความคิดเขาได้
แต่…ฉันสามารถเข้าใจได้ว่าเขารู้สึกอย่างไร เพราะว่าฉันคือแม่ของเขา”
เธอยิ้มออกมาอย่างขมขื่น เมื่อเธอแสดงออกมาว่าแม่ควรจะเป็นอย่างไรและอธิบายต่อว่าเอเห็นไรลีย์เป็นอย่างไร
“บางครั้งฉันมองเข้าไปในดวงตาของเขา ฉันเห็นแววตาที่สั่นไหวและโศกเศร้าบนใบหน้าของเขา มันทำให้ฉันสงสัยหลายต่อหลายครั้งว่าทำไมเขาถึงเป็นแบนั้น แต่ฉันไม่สามารถรู้ได้เลย ดั้งนั้นฉันจึงถามเขา มีอะไรทำให้เขาเสียใจหรือเจ็บหรอ?เธอรู้ไหมไรลีย์ตอบว่าอะไร?”
มันเป็นอะไรที่เซร่าไม่รู้มาก่อนเลย
การนอนหลับ อ่านหนังสือ
หรือกินอาหาร
นายน้อยจะนั่งฮัมเพลงออกมาในขณะที่เขานั่งพิงอยู่ใต้ต้นแอปเปิ้ลและแสดงสายตาดังกล่าวออกมา
เธอไม่คาดคิดมาก่อนเลย
เซร่าถามด้วยเสียงตกใจ
“เขาพูดว่าอะไรค่ะ?”
“เขาทำตัวราวกับว่าเขาไม่รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ต้องการที่จะรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย”
“มันคืออะไรหรอค่ะ?”
“ใช่แล้ว..แม้ว่าเขาทำหน้าเหมือนกำลังถูกดุ แต่..เขาพยายามจะซ่อนมันเอาไว้”
ไอริสเริ่มบีบมือของเธอเอง
“มันเจ็บปวดมาก..ที่เขาไม่สามารถบอกแม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้…ฉันคิดว่าเขาคงคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มาดีแล้ว ดังนั้นฉันมั่นใจได้เลยว่าไม่ต้องเป็นห่วง”
รอยยิ้มที่ขมขื่นของเธอได้เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยน
ถึงแม้ว่าเธอจะยังเด็ก แต่เธอก็สามารถเรียกตัวเองว่าเป็น “แม่ผู้มีประสบการณ์” แต่รอยยิ้มของเธอดูอ่อนโยน..และสามารถรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากภายใน
“ต้องมีบางอย่างที่ฉันไม่รู้แน่ๆ บางสิ่งที่ทำให้แววตาของเขาสั่นไหวและเศร้าราวกับเขาได้แบกรับน้ำหนักของโลกไว้ทั้งใบ..หรืออะไรแบบนั้น”
‘ถ้าฉันอยู่ข้างๆลูกตลอด 24 ชั่วโมง 365 วัน ตลอดทั้งปี ฉันจะรู้ไหม?’
ไม่มีคำตอบกลับมาดังนั้นไอริสจึงตัดสินใจอย่างเข้มแข็ง
“ในฐานะแม่เพียงคนเดียว ฉันจะต้องรู้ให้ได้”
แม้ว่าคนในคฤหาสน์จะไม่เข้าใจ
แม้ว่าพวกเขาจะทุบหน้าอกจนอกแตกตาย
“ฉันจะไม่บังคับให้เขาทำอะไรสักอย่าง”
นั่นคือสิ่งที่ไอริสตัดสินใจ
และเธอเชื่อว่าลูกชายของเธอจะเชื่อในตัวเธอสักวัน
“ฉันจะรอเขา..”
เพราะฉันเป็นแม่ของเขา
“ฉันแค่อยากให้ไรลีย์มีความสุขมากกว่าใครๆในโลกนี้”
“…..”
ไอริสเป็นแม่ที่ดี
เซร่าเชื่อมันอย่างนั้น
‘เมื่อฉันโตขึ้นและแต่งงาน เมื่อฉันมีลูก ฉันจะกลายเป็นแม่แบบเธอ’
“ม..มีอะไรอยู่บนหน้าฉันหรอจ๊ะ”
เซร่าจ้องพร้อมกับรอยยิ้มดูพึงพอใจ
“ไม่มีอะไรค่ะ…ฉันแค่..ชื่นชม”
“อ้อ..เซร่า เธอทำให้ฉันหน้าแดงนะจ๊ะ”
เซร่ากำลังคิดว่าจะบอกไอริสเกี่ยวกับคำแนะนำที่ไรลีย์ได้บอกเธอเกี่ยวกับการจับไม้กวาด
ไม่จำเป็นต้องบอกเธอหรอก
นั่นคือสิ่งที่เธอตัดสินใจ
‘มันเหมือน…ไม่เคยเกิดขึ้น..’
นี่คือคำขอของไรลีย์
ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจเก็บเป็นความลับ
“……”
“เซร่า….ตั้งใจทำงานนะ”
ไอริสหันกลับมาให้กำลังใจเซร่าอย่างเงียบๆ
“นายหญิงไอริสคะ”
“หืม..?”
“ท่านจะไปที่ไหนต่อหรอคะ?”
ขณะที่สาวใช้ได้รับใช้ไอริสเป็นส่วนหนึ่งของหน้าที่เธอ เพื่อที่จะตามหาว่าเธอ หลังจากที่ทำความสะอาดเสร็จ
“เอ่ออ…”
ไอริสไม่ตอบคำถามเธอ
เหมือนกับว่าเธอกำลังปกปิดบางอย่าง เธอหันมายิ้มอย่างร่าเริง
“บางทีอาจจะไป……ห้องน้ำ”
“เอิ่มม….”
“ขอโทษทีนะ….มันเป็นความลับ ฮิ ฮิ”
ไอริสเดินต่อไป
“ไม่ต้องห่วงไป….ฉันไม่เล่นซ่อนหาเหมือนไรลีย์หรอก..”