ตอนที่แล้ว….
….
….
ดังนั้นแล้วสิ่งสำคัญที่ เย่ ซิงหยู่ ต้องการจะทำหลังจากที่เขาได้ออกไปจากสถานที่แห่งนี้แล้ว นั่นก็คือการเลื่อนระดับชั้นเรียน!
เขาต้องรีบเรียนวิชาของชั้นเรียนปี 1 ให้จบเพื่อที่จะได้ขึ้นไปเป็นนักเรียนของชั้นปีที่ 2 ได้
แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับ เย่ ซิงหยู่ ในตอนนี้เท่าไหร่นัก เพราะความแข็งแกร่งของเขานั้นเพียงพอที่จะทำเช่นนั้นได้ แค่เขาต้องผ่านการทดสอบบางอย่างเพื่อที่จะขึ้นไปเป็นนักเรียนชั้นปีที่ 2 ได้ นอกจากนั้นเขาก็ยังมีสิ่งอื่นๆที่ต้องทำอยู่อีกหลายอย่าง เช่น การหาอาวุธจิตวิญญาณที่เหมาะสมกับเขาแล้วนำไปเก็บไว้ในจิตก่อเกิดเพื่อให้มันกลายเป็นอาวุธจิตวิญญาณของเขา ถึงแม้ว่าหอกสยบพ่ายจะมีอานุภาพที่รุนแรงแต่มันก็ไม่ใช่อาวุธจิตวิญญาณอยู่ดี
ในช่วงเวลานี้แสงจากพระอาทิตย์มันไม่แรงเหมือนกับแสงของพระอาทิตย์เมื่อเดือนที่แล้ว ลำตัวท่อนบนของ เย่ ซิงหยู่ นั้นเปลือยเปล่า ผมที่หนาและดำของเขานั้นทิ้งตัวลงมาเหมือนกับน้ำตกทีไหลลงสู่พื้น รัศมีแห่งความเป็นชายและออร่าของความแข็งแกร่งได้แผ่ออกมาห่อหุ้มร่างกายของเขาไว้
มันมีเรื่องแปลกประหลาดเรื่องหนึ่งได้เกิดขึ้น ถึงแม้ว่าพระอาทิตย์จะลับขอบฟ้าไปแล้วก็ตาม แต่ชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างผอมคนนั้นก็ยังไม่โผล่มาเลย ดูเหมือนว่าอาจารย์จากแผนกลงทัณฑ์ได้ถูกเปลี่ยนตัวไปอีกครั้งและคนที่มาใหม่นั้นก็เหมือนจะเป็นใบ้ เพราะไม่ว่า เย่ ซิงหยู่ จะถามอะไรเขาก็เอาแต่ส่ายหน้าและไม่พูดอะไรออกมาซักคำเดียว
เดิมทีแล้ว เย่ ซิงหยู่ ตั้งใจจะไม่พูดถากถางและอยากจะพูดขอบคุณชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างผอมคนนั้น แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีโอกาสได้ทำเช่นนั้นเสียแล้ว
ค่ำคืนนี้เป็นค่ำคืนที่เงียบสงบ เย่ ซิงหยู่ ยังคงนอนอยู่ที่ลานสีดำแห่งนั้นเพราะมันยังมีไออุ่นจางๆของแสงแดดหลงเหลืออยู่
ท้องฟ้าในค่ำคืนนี้พร่างพรายไปด้วยหมู่ดาวจำนวนมาก ราวกับว่ามีเพชรไปประดับอยู่บนท้องฟ้าที่มืดมิดและกว้างใหญ่นี้ ภาพที่เขาได้เห็นมันช่างดูคุ้นเคยราวกับว่าเขาได้เห็นสีหน้าที่ใจดีและอ่อนโยนของพ่อแม่เขาอีกครั้ง…
น้ำตาไหลหยดลงมาที่แก้มของเขาโดยที่เขาไม่รู้ตัว ความทรงจำเมื่อ 4 ปีก่อนที่เขาอยากจะลืมมันไปก็ทยอยกลับเข้ามาในความทรงจำของเขาอีกครั้ง
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านอยู่สุขสบายท่ามกลางหมู่ดาวพวกนั้นหรือเปล่า? ตอนนี้ข้าได้เติบโตขึ้นมาแล้ว และข้ายังได้เป็นผู้เชี่ยวชาญในขั้นจิตก่อเกิดอีกด้วย… ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงข้า ข้ายังคงจำคำพูดสุดท้ายของท่านได้อยู่ ข้าจะต้องไปที่พระราชวังของราชวงศ์ในแคว้นเชว่และค้นหาความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการตายของพวกท่านให้จงได้…” “ข้าไม่สนว่ามันจะเป็นใคร ข้าไม่สนว่าอะไรที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นองเลือดในครั้งนั้น ข้าจะต้องสืบหาความจริงให้ได้ว่าใครที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และข้าขอสาบานว่าข้าจะต้องทำให้พวกมันได้ชดใช้ เลือดต้องชำระด้วยเลือด!”
เย่ ซิงหยู่ ยังคงพูดกับตัวเองต่อไป
เขาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดในค่ำคืนนี้เขาถึงไม่อยากที่จะฝึกอะไรทั้งนั้น เขาเพียงแค่ต้องการล้มตัวลงนอนลงบนพื้นและนอนดูท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวเหมือนกับวันคืนเก่าๆ ราวกับว่าเขาได้กลับไปยังวันคืนที่เขาได้มีความสุข วันที่เขาได้นั่งอยู่ในคฤหาสน์ของตระกูลเย่ วันที่เขาได้นั่งดูดาวอยู่กับพ่อแม่ของเขา…
เขาเผลอหลับไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่เขาก็ไม่ต้องการอุทิศชีวิตของเขาให้กับการแก้แค้นและเขาก็ไม่ต้องการแก้แค้นเพื่อที่จะทำให้ชีวิตของเขากลับมาสดใสอีกครั้ง ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมาเขาคิดว่าเขาได้เห็นอะไรจากการแก้แค้นมามากพอแล้ว…
แต่ในทันใดนั้นเองเขาก็เข้าใจได้ว่าความแค้นนั้นมันไม่ใช่สิ่งที่สามารถปล่อยผ่านไปได้
…..
ในวันที่ 90 เมื่อแสงสีทองแรกแห่งรุ่งอรุณทอแสงลงมาที่หอสำนึกผิดอาจารย์จากแผนกลงทัณฑ์ 2 คนก็ได้ปลดล็อคประตูที่เต็มไปด้วยอักขระออก
“หมดเวลาแล้ว ไปได้”
เย่ ซิงหยู่ พยักหน้า เขาเก็บข้าวของและเดินตรงไปที่ประตู
หลังจากที่เขาเดินไปได้หลายก้าวแล้วเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง เขามองไปที่กำแพงและตะโกนขึ้นว่า “เฮ้ ข้ากำลังจะไปแล้วนะ ข้าไม่รู้ว่าเจ้าคนที่อยู่ด้านหลังกำแพงนั่นจะเป็นใคร แต่ถ้าเจ้าได้ยินเสียงของข้า ขอให้เจ้าจงจำไว้ว่าหากเจ้าได้ออกมาเมื่อไหร่ข้าจะเป็นคนเลี้ยงเหล้าเจ้าเอง!”
เขาพูดกับเพื่อนบ้านผู้ลึกลับของเขาผ่านทางกำแพง
หลังจากที่เขาพูดจบ เย่ ซิงหยู่ ก็ก้าวออกไปจากหอสำนึกผิดแห่งนี้
…..
“เลี้ยงเหล้าข้างั้นรึ? ฮ่าๆๆๆ…เจ้าเด็กน้อยคนนี้ช่างน่าสนใจจริงๆ…”
หลั่นเทียนนั่งเงียบอยู่ที่ลานของเขา เวลาแห่งการจองจำของเขายังไม่สิ้นสุดลง เขายังคงเหลือเวลาอีกมากพอสมควร แต่เขาก็ไม่ได้ดูเร่งรีบเท่าไหร่นัก
เขาค่อยๆหรี่ตามองไปที่พระอาทิตย์สีแดงที่โผล่ขึ้นจากขอบฟ้า เขาคิดอะไรบางอย่างแล้วถอนหายใจออกมา “เลี้ยงเหล้าข้างั้นรึ แต่วันคืนที่สวยงามมักจะผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอ…”