ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปแองเจเล่เดินเข้าป่าลึกขณะที่กำลังถือธนู เขาค่อนข้างคุ้นเคยกับพื้นที่แถวนี้หลังจากที่ล่าสัตว์มาได้ครึ่งเดือน เขาเคยพบหมูป่าเกล็ดขาวในบริเวณที่ลึกกว่านี้แต่เขาจัดการมันได้อย่างง่ายดายดังนั้นเขาจึงไม่กังวลที่จะเข้าไปลึกขึ้น
[ตรวจพบเป้าหมายแปลกประหลาด เดินด้วยความระมัดระวัง] ข้อมูลสีฟ้าปรากฏขึ้นข้างหน้าดวงตาของแองเจเล่
‘มีสัตว์ตัวใหม่ปรากฏขึ้นงั้นเหรอ’ แองเจเล่ตื่นเต้นมากและเขาจับลูกธนูขนนกสีขาว เขาแนบลูกธนูกับธนูของเขาและเล็งไปทางที่มีจุดสีฟ้าอย่างช้าๆที่ถูกทำไว้โดยซีโร่
เขาใช้แรงดึงสายธนูพร้อมกับลูกธนูที่ถูกดึงไปทางข้างหลังหัวลูกธนูได้สะท้อนแสงแดด แองเจเล่ได้โก่งธนูให้สุดและปล่อยสายธนู
ฟิ้วว!
ลูกธนูบินไปในอากาศเหมือนแสงวาบสีขาว
ทันใดนั้นแองเจเล่ก็รู้สึกได้ถึงความแปลกประหลาดอย่างมากในหัวของเขา เขารู้สึกว่าจะมีอันตรายจะเกิดขึ้นกับเขาและเขารู้สึกกลัว เขารู้สึกราวกับลูกธนูกำลังบินกลับมาและจะโดนหน้าเขา
ทันใดนั้นก็มีข้อมูลบางอย่างถูกส่งเข้าสมองของเขาโดยซีโร่ แต่เขาก็ไม่มีเวลามาตรวจสอบ แองเจเล่กลิ้งไปทางด้านซ้ายเต็มแรงและเขาก็หลบอยู่ข้างหลังต้นไม้
ตูมม!
มันดูเหมือนมีอะไรระเบิดข้างในต้นไม้ ต้นไม้ยังสั่นหลังจากที่ปะทะกันและแองเจเล่มองเห็นใบไม้ตกลงมาจากต้นไม้เหมือนฝนตก
“อะไรกัน” มีเสียงต่ำดังมาจากอีกด้านและมันฟังเหมือนผู้ชายคนนั้นรู้สึกตกใจที่เห็นแองเจเล่ไม่โดนโจมตี
แองเจเล่ยังคงตกใจและหน้าของเขาก็ซีดลง เขายังอยู่ข้างหลังต้นไม้และเขาหายใจอย่างหนัก หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อที่เย็นยะเยือก
ถ้าเขาไม่ได้กลิ้งมาหลบหลังต้นไม้ตอนนี้หัวของเขาคงได้แตกไปแล้วถ้าเขาช้าไปเพียงอีกแค่วินาทีเดียว ชิปได้ช่วยชีวิตของเขาไว้ในตอนที่แองเจเล่เฉียดตาย
‘บ้าเอ้ย ข้าควรทำอะไรดี’ แองเจเล่คิดอะไรไม่ออก
‘ข้าไม่อยากตายอีกครั้ง….ข้าไม่อยากตายอีกครั้งแบบนี้!’ แองเจเล่คิด
แองเจเล่ยังคงตื่นตระหนกและหน้าของเขาก็ซีดกว่าเดิม
แองเจเล่เป็นเพียงชายหนุ่มธรรมดาก่อนที่จะเกิดใหม่ในโลกนี้และเขาอาศัยอยู่ในสถานที่ที่สงบสุขบนโลก เขายังคงคิดว่าการล่าสัตว์เป็นกิจกรรมที่อันตรายและตอนนี้เขาอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายมาก
‘วิ่ง! ใช่แล้ว! วิ่งกลับไป! ข้าจะปลอดภัยหลังจากที่ไปถึงปราสาท!’ ทันใดนั้นแองเจเล่ก็ตระหนักได้ถึงสถานการณ์ เขาไม่ได้ยินเสียงใดๆหลังจากที่มันระเบิดและเขารู้สึกกังวลเล็กน้อย
ความปรารถนาที่ต้องการจะกลับไปที่ปราสาทได้ผลักดันให้เขาเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง เขาลดร่างกายต่ำลงและเดินไปอย่างช้าๆตรงไปทางที่เขามา ทันใดนั้นชิปก็เตือนเขาอีกครั้ง
‘ด้านขวา! ที่ขา!’ แองเจเล่รู้ว่าการโจมตีจะมาจากไหนและเขาก็กลิ้งไปทางข้างหน้าอย่างรวดเร็ว หัวของเขาได้ถูกอะไรบางอย่างบนพื้นระหว่างที่กลิ้งแต่ก็ไม่มีเวลาให้เขาคิด เขาลุกขึ้นยืนและรีบวิ่งไปตามทางที่เขามา
ตูม!
แองเจเล่ได้ยินเสียงของอะไรบางอย่างโดนพื้นที่เขาวิ่งผ่านมา
“บัดซบ!” ผู้ชายคนนั้นสาปแช่งอยู่อีกด้าน “หลบได้อีกครั้งแล้ว!”
แองเจเล่วิ่งเหมือนคนบ้าและต้นไม้ทั้งสองข้างทางทำให้ดูเหมือนว่าเขากำลังบิน เขารู้สถานที่แถวนี้ดีเพราะเขาได้ล่าสัตว์แถวนี้แล้ว แม้ว่าเส้นทางของป่าจะซับซ้อนแต่แองเจเล่ก็ไม่ได้ช้าลง
อย่างไรก็ตามเขารู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกจากเบื้องหลังเขา เขารีบกลิ้งไปข้างหน้าอีกครั้งอย่างรวดเร็วและเขายังคงรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกจากด้านหลัง แองเจเล่ตัดสินใจที่จะซ่อนหลังต้นไม้อีกครั้งแต่ความเย็นยะเยือกก็ยังไม่ได้หายไป
เขาได้ตื่นตระหนกอีกครั้ง เขากัดฟันแน่นและเขาก็กลิ้งไปรอบๆ ร่างกายของแองเจเล่ได้รับบาดเจ็บจากหินและกิ่งไม้บนพื้นแต่เขาไม่สนใจ เขาไม่สามารถหลบหนีความรู้สึกเย็นยะเยือกจากข้างหลังของเขาได้
[หันกลับไปและป้องกัน] ซีโร่รายงาน
อย่างไรก็ตามแองเจเล่กลัวเกินไปที่จะหันกลับไป เขาวิ่งไปรอบๆเหมือนคนบ้า เขายังอยู่ห่างจากสนามฝึกของทหารม้าประมาณ 100 เมตรเพราะเขาได้เข้าไปในป่าลึก ระยะห่าง 100 เมตรมันทำให้เขารู้สึกเหมือนมันห่างเป็นพัน
[หันกลับไปและป้องกัน] ซีโร่ยังคงรายงาน
แองเจเล่กลิ้งอีกครั้ง
เขาได้ยินเสียงของโซ่เหล็กจากข้างหลัง โซ่หนาประมาณแขนของมนุษย์มันพุ่งไปรอบๆต้นไม้ข้างหน้าแองเจเล่และล้อมรอบไว้ โซ่ได้ปิดกั้นเส้นทางหนีของแองเจเล่
“วิ่งต่อไปเจ้าหนูน้อย!” เสียงของชายคนนั้นดังมาจากข้างหลัง
“เวรเอ้ยวันนี้มันเกิดอะไรขึ้น” ดูเหมือนว่าเขาจะโกรธ
แองเจเล่ต้องการเริ่มวิ่งอีกครั้งแต่เขาตัดสินใจที่จะกลิ้งไปทางขวา โซ่ได้บินมาทางขวาของเขาอีกครั้งและมันก็ปักอยู่ในต้นไม้ที่อยู่ข้างหน้า
‘ข้า…ข้าไม่สามารถวิ่งได้อีกแล้ว….’ แองเจเล่รู้สึกสิ้นหวัง เขาไม่ได้เคลื่อนไหวเนื่องจากความเย็นยะเยือกทำให้เขาคิดไม่ออก
‘ข้าจะตายอีกครั้งหรือ’ เขาค่อยๆลุกขึ้นยืนและหันกลับมา
ผู้ชายในชุดดำออกมาจากพุ่มไม้ ชายวัยกลางคนที่ปกคลุมด้วยชุดดำและเขาสวมหน้ากากสีดำ คิ้วของเขาเป็นสีบลอนด์และเขากำลังถือโซ่สองเส้นไว้ในมือ
“จุดจบของเจ้ากำลังใกล้เข้ามา” ผู้ชายคนนั้นปล่อยโซ่เส้นหนึ่งของเขาและแสงวาบสีดำบินออกจากมือของเขา ความเร็วมันเร็วกว่าการโจมตีก่อนหน้านี้ แองเจเล่ได้ยินเสียงของมัน
แองเจเล่ยืนอยู่ในตำแหน่งปัจจุบันของเขาและเขานึกภาพว่าจะเจ็บปวดมากแค่ไหน
“ข้าไม่อยากตาย…” เขาพูดกับตัวเอง
แองเจเล่ยังคงพูดคำเหล่านี้ซ้ำไปซ้ำมาและเสียงของเขาก็ยังดังก้องอยู่ในหัวของเขา โซ่ได้เข้ามาใกล้ขึ้นและใกล้ขึ้น มันได้กลายเป็นจุดสีดำจากมุมมองของแองเจเล่
‘ลดตัวลงและจับดาบของคุณป้องกันไว้ข้างๆศีรษะของคุณ’ ซีโร่รายงานอีกครั้ง
ความปรารถนาที่จะมีชีวิตของแองเจเล่ทำให้เขาทำตาม เขาดึงดาบอย่างเร็วและเขาพยายามป้องกันโซ่ที่กำลังพุ่งเข้ามา
เป๊ง!
แรงกดดันของโซ่มันมากเกินไป แองเจเล่สามารถรู้สึกได้จากดาบของเขา หน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงแล้วเขาก็พ่นเลือดออกมาจากปาก
ความตกใจจากการโดนโจมตีทำให้เขาตื่นขึ้น ถ้าเขาไม่มีทางหนีอีกต่อไปเขาก็ต้องสู้เพื่อความอยู่รอด! แองเจเล่เพ่งความสนใจไปที่ศัตรูและหัวใจของเขาก็ยังเต้นอย่างรวดเร็ว
“เจ้าโชคดีเจ้าหนุ่มน้อย!” ชายในชุดดำพูดและเขาก็โบกมือ โซ่สองเส้นได้ออกจากต้นไม้และกลับไปเข้ามือของเขา
___________________ต่อ___________________
ชายคนนั้นจ้องที่แองเจเล่ครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็หายตัวไปในพุ่มไม้ แองเจเล่ไม่ขยับจนเขามองไม่เห็นชายคนนั้นอีกต่อไป เขารู้ว่าถ้าชายคนนั้นไม่ไปตอนนี้เขาคงกลายเป็นซากศพไปแล้ว แม้จะมีการช่วยเหลือของชิปเขาก็เคลื่อนไหวไม่ทันความเร็วของโซ่ แองเจเล่ไม่เคยต่อสู้จริงๆมาก่อนและคู่ต่อสู้คนปัจจุบันของเขาดูเหมือนนักสู้ที่มีประสบการณ์ ถ้าเขาไม่ทำตามการรายงานของชิปเขาก็จะตายก่อนที่การไล่ล่าจะเริ่มต้นขึ้น
หลังจากพักผ่อนสักพักเขาก็พบบัตรสีดำบนพื้นและหยิบมันขึ้นมา บัตรมีพื้นหลังสีดำและมีสัญลักษณ์แมงมุมสีแดงตรงกลางมีส่องแสงระยิบระยับ
******************
แขนของดิ๊กได้รับบาดเจ็บก่อนที่การไล่ล่าจะเริ่ม
เขาพยายามจัดการเด็กหนุ่ม โชคไม่ดีที่เขาได้รับบาดเจ็บจากลูกธนู เขาไม่ได้คิดว่าลูกธนูจะพุ่งเข้ามา แม้ว่าจะป้องกันได้ทันเวลาแต่แขนขวาของเขาก็ยังได้รับบาดเจ็บ ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้เขาสูญเสียกำลังและเขารู้สึกแย่มากหลังถูกโจมตี
“บัดซบ!” ดิ๊กแตะไปที่หน้าผากของเขาและสังเกตว่าเขามีไข้ “ที่จริงแล้วลูกธนูอาบยาพิษ! ไอ้เด็กบัดซบ!” เขายังคงสาปแช่งและเอาถุงกระดาษสีเหลืองเล็กๆออกมา เขาเปิดแลกินผงที่อยู่ข้างใน
“ครั้งนี้ข้าเกือบตาย….ขอบคุณพระเจ้าที่มันเป็นเพียงพิษของงูตาเดียวสีแดงและข้าได้เตรียมพร้อมไว้ก่อน” ดิ๊กพูดแต่เขาก็ยังรู้สึกไม่สบาย การกระทำของเขาหลังจากถูกโจมตีทำให้พิษไปทั่วร่างกายของเขาเร็วขึ้น มันอาจจะต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าผลของยาจะออกฤทธิ์
“ครั้งหน้าข้าจะจัดการเจ้าก่อน!” ดิ๊กตะโกน “แค่บัตรสีดำไม่พอเจ้าเกือบทำให้ภารกิจข้าล้มเหลว”
เขาก้าวไปบนกิ่งไม้และเขาก็ตกลงมาที่พื้น หินแหลมได้ทำให้ศีรษะของเขาบาดเจ็บและเขาก็เริ่มมีเลือดออก
“อะไรวะ….!” ดิ๊กบ้าคลั่ง “ไอ้ชาติชั่ว!”
เขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
*******************
ในห้องน้ำ
แองเจเล่ปิดประตูและจุ่มตัวลงไปในอ่างอาบน้ำ น้ำอุ่นอยู่รอบตัวเขาและเขารู้สึกว่าเขาได้พักผ่อน เขาไม่รู้ว่าโลกนี้อันตรายแค่ไหนจนถึงวันนี้
เขามีทักษะดาบพื้นฐานและความช่วยเหลือของชิป เขาเพิ่มความอึดของเขาและเขาก็เชื่อว่าเขาใกล้ถึงระดับอัศวินแล้ว แต่ทักษะที่มีนั้นแตกต่างจากสิ่งที่รู้ในการต่อสู้
เขาเอาน้ำลูบหน้าของเขาและเขาคิดถึงบัตรสีดำที่ชายคนนั้นทิ้งไว้
“บัตรนั่นมันหมายความว่าเขาจะกลับมาหาข้าอีกงั้นหรือ” เขาพูดกับตัวเอง เขารู้ว่าบางอย่างคล้ายๆกับโลก เขาเริ่มรู้สึกกังวลเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาต้องการรู้ว่าบัตรนั้นหมายถึงอะไร
เขาได้ลุกจากอ่างอาบน้ำและใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดตัวแล้วเขาก็เดินไปใส่เสื้อผ้า
“นายน้อยท่านต้องการน้ำอุ่นอีกหรือไม่” เสียงแม็กกี้ได้มาจากนอกประตู
“ไม่เป็นไร” แองเจเล่เช็ดผมและเขาก็เปิดประตู
เขาออกไปจากพื้นที่พักอาศัยหลังจากอาบน้ำเสร็จ
มันเป็นเวลากลางคืน
ยังมีเด็กที่สนามฝึก ลมได้พัดผ่านร่างกายของแองเจเล่ทำให้เขารู้สึกสบาย เขาเดินผ่านสนามฝึกและเข้าไปที่อาคารหลักที่มีหนังสือที่บารอนสะสมไว้อยู่ภายในห้องสมุดพิเศษ
นอกจากบารอน อูดิสและเหว็ดมีเพียงแองเจเล่ที่มีกุญแจห้องสมุดพิเศษ ดังนั้นจึงแสดงให้เห็นว่าเขาสำคัญแค่ไหน ในโลกนี้หนังสือแสดงให้เห็นถึงความรู้และหนังสือเป็นวัตถุที่ฟุ่มเฟือยและมั่งคั่ง มีเพียงขุนนางที่ได้รับอนุญาตให้อ่านหนังสือ หนังสือหนึ่งเล่มมีราคาประมาณ 40 ทอง แม้ว่าผู้คนจะเต็มใจที่จะซื้อหนังสือแต่ก็ไม่ค่อยมีคนมาขายพวกเขา
มีทหารยามสองคนคอยปกป้องอาคารหลัก พวกเขาแสดงความเคารพแองเจเล่หลังจากที่เห็นเขาเดินเข้ามา
“นายน้อยแองเจเล่” พวกเขาทักทาย
“พ่อข้าอยู่ที่นี่ไหม” แองเจเล่พยักหน้าและถาม
“บารอนยังไม่กลับมาแต่อัศวินอูดิสพึ่งออกไปกับเคอรี่” พวกเขาตอบ เคอรี่เป็นลูกชายของอัศวินอูดิส นอกจากนี้ยังมีสังเวียนในอาคารหลักและทั้งสองคนได้ฝึกในสังเวียนอย่างสม่ำเสมอ
“เอาล่ะ” แองเจเล่เดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่
นอกจากผู้สูงอายุแล้วก็มีคนสองประเภทในปราสาทมีคนที่ต้องการอะไรบางอย่างจากแองเจเล่และคนที่ไม่ชอบเขา เคอรี่เป็นประเภทที่สองเขามีพรสวรรค์ในการเป็นอัศวินและเขาก็แสดงท่าทางเคารพต่อแองเจเล่แต่ที่จริงเคอรี่มองเขาด้วยความดูถูกและเขาเป็นตัวแทนที่แสดงความคิดเห็นของอัศวินในปราสาท