ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป‘เจี่ย ปู๋ฟ้าน’ หันหน้ามายั่วยุ ตอนนั้น’ชูเฟิง’ได้แต่ยิ้มเบาๆพร้อมกับจะตามมันเข้าไป ทันที ‘กู๋ โบ๋’ ก็คว้า ‘ชูเฟิง’ เอาไว้และกล่าวด้วยท่าทีกังวล
” ชูเฟิง หากท่านต้องการสั่งสอนเขา ท่านจะทำตอนไหนก็ได้ แต่ไม่ใช่ในเวลานี้ “
” ท่านเกรงว่าเขาจะทำร้ายข้า ? “
‘ชูเฟิง’กล่าว
” ไม่เพียงแต่ข้าเกรงว่าเขาจะทำร้ายท่าน แต่ราชวังใต้ดินระดับแก่นแท้มันไม่เหมาะกับพวกเรา “
” อีกอย่าง เจี่ย ปู๋ฟ้าน ตั้งใจรอให้อาวุโสนิกายโลกวิญญาณเข้าไปราชวังใต้ดินก่อน จากนั้นเขาก็ค่อยยั่วยุท่าน เห็นได้ชัดว่าเขามีเจตนาร้าย และข้าเกรงว่าไม่ใช่แค่เขาคนเดียว แต่จะต้องมีพวกเขาอยู่อีกเป็นแน่ “
‘กู๋ โบ๋’ เตือน
” ไม่ต้องห่วง ตราบใดที่ เจี่ย ฉิงหมิง ไม่อยู่ด้วย ต่อให้มันมาเป็นฝูง พวกนั้นจะทำอะไรข้าได้ “
‘ชูเฟิง’ยิ้มอย่างเย็นชาแล้วรีบมุ่งหน้าเข้าไปราชวังใต้ดินระดับแก่นแท้เมื่อ’ชูเฟิง’ใช้อำนาจพลังวิญญาณตรวจจับ เขาก็รู้ว่า ‘เจี่ย ปู๋ฟ้าน’และคนอื่นๆ จ้องเล่นงานเขา แต่ตราบใดที่หนึ่งในนั้นไม่มีคนอยู่ในอาณาจักรสวรรค์ ‘ชูเฟิง’ก็ไม่กลัวพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย
” กู่ โบ๋ เด็กคนนี้ทะนงตัวน่าดู!!! เราอย่าไปยุ่งกับเขาเลย ศิษย์พี่และคนอื่นๆ ก็สั่งให้เราเข้าสู่ราชวังใต้ดินระดับกำเนิด เราอย่าได้ขัดคำสั่งพวกเขาเลย “
ชายหนุ่มข้างๆ ‘กู๋ โบ่’ ที่ดูเหมือนอายุไม่ถึง 18 กล่าว
” ไม่ข้าไม่อาจทิ้งเขาได้ ไม่ว่าจะเป็นคำสั่งหรืออะไร ข้าก็ไม่สนและข้าก็ไม่ลังเลที่จะตามเขาไป “
‘กู๋ โบ๋’ ที่จะเลือกตาม ‘ชูเฟิง’เห็นเช่นนั้นสมาชิกรุ่นเยาว์ของนิกายโลกวิญญาณก็มองแปลกๆ พร้อมกับลังเลเล็กน้อย แต่เมื่อพวกเขาเห็น’กู๋ โบ๋’ ไม่คิดหันหลังกลับ พวกเขาจึงได้แต่กัดฟันและตามเขาไปอย่างฝืนใจราชวังใต้ดินมันใหญ่มาก และเส้นทางก็ยังซับซ้อน ซึ่งให้ความรู้สึกถึงกลิ่นอายของวงกตใต้ดินเป็นอย่างดี
หากนี่เป็นทางวงกตมันก็เป็น โครตพ่อโครตแม่ทางวงกตเลยแต่นั้นไม่ใช้ส่วนสำคัญ ส่วนที่สำคัญคือหลังจากที่’ชูเฟิง’และคนอื่นๆเข้ามาภายใน ก่อนที่จะเข้าเขตของเส้นทาง พวกเขาก็ถูกขวางโดยคนกลุ่มหนึ่ง พวกนั้นก็คือ ‘เจี่ย ปู่ฟ้าน’และสมาชิกคนอื่นๆของตระกูลเจี่ย
ยังไงก็ตาม มันก็เป็นไปตามที่’ชูเฟิง’และ ‘กู๋ โบ่’ คิดไว้ และคนที่ปรากฏมาตอนนั้นอย่าเรียกว่ากลุ่ม แต่มันต้องบอกว่าเป็นฝูงเลยทีเดียว เนื่องจากมีคนมากกว่ายี่สิบคนที่ดักรอภายใน 20 คน
มี’เจี่ย ปู๋ฟ้าน’ คนเดียวที่อยู่ในระดับ 9 กำเนิดวิญญาณ ส่วนคนอื่นๆที่เหลือในนั้นทุกคนล้วนแต่อยู่ในอาณาจักรแก่นแท้ และสองคนในกลุ่มนั้นยังก้าวเข้าสู่ระดับ 3 แก่นแท้วิญญาณอีกด้วย ขณะที่พวกนั้นพยายามปล่อยออร่าเข้าข่ม
” บ้าจริง . . . . นี้พวกมันถึงกับดักรอกันเลยหรอ “
เมื่อถูกคนตระกูลเจี่ยรายล้อม หลายคนจากนิกายโลกวิญญาณก็เริ่มโยนสายตาไปโทษ ‘ชูเฟิง’ เพราะพวกเขารู้ว่านี้คงหมดโอกาสแล้วที่พวกเขาจะสามารถผ่านราชวังใต้ดินภายในเวลาที่กำหนด ซึ่งเรื่องทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นเพราะความทะนงตัวของ’ชูเฟิง’
หลังจากเห็นที่เห็นใบหน้าหวาดกลัวของคนจากนิกายโลกวิญญาณ ‘เจี่ย ปู๋ฟ้าน’ก็ยิ้มอย่างพอใจและกล่าว
” กู่ โบ๋ วันนี้ข้าจะให้ ชูเฟิง มันได้ชดใช้ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนิกายโลกวิญญาณ หากพวกเจ้าจะไปตอนนี้ ข้าก็ไม่ว่า “
” เจี่ย ปู่ฟ้าน ข้าคิดว่าเจ้ายังไม่เข้าใจสินะ ชูเฟิงนั้นเป็นส่วนหนึ่งของนิกายโลกวิญญาณ เรื่องของเขาก็เป็นเรื่องของนิกายโลกวิญญาณ เช่นนี้แล้วเราจะไม่เกี่ยวข้องกันได้ไง “
” ข้าแนะนำเจ้าว่าอย่าทำอะไรโง่ๆดีกว่า ไม่งั้นนิกายโลกวิญญาณจะไม่อยู่เฉย “
‘กู๋ โบ่’ กล่าวแบบนี้เพราะรู้ว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดี อย่างน้อยๆเขาก็ไม่คิดจะถอยและยืนหยัดอยู่ด้านหน้าของ ‘ชูเฟิง’ ตอนนั้น ไม่ต้องพูดถึง ภายในใจของ’ชูเฟิง’ ว่ามันแสนจะตื้นตันขนาดไหน นี้คงบอกได้ว่า ความรู้สึกที่จริงใจของเขาได้แสดงให้เห็นแล้ว ขนาดที่ว่าภัยพิบัติมาเยือนเขาก็ไม่คิดจะถอย
เห็นว่า’กู๋ โบ่’ ยินอยู่ด้านหน้าของตัวเอง เขาก็รู้ว่าถึงเวลาที่เขาควรจะลงมือ
” กู๋ โบ่ ข้าชูเฟิงแน่นอนว่าคือส่วนหนึ่งของนิกายโลกวิญญาณ แต่ข้าก็อยากแก้ปัญหานี้ด้วยตัวเอง “
‘ชูเฟิง’ก้าวออกมา พร้อมกับดึงแขนของ’กู๋ โบ่’ กลับไปด้านหลังเขา จากนั้นเขาก็ยิ้มขณะที่จ้อง ‘เจี่ย ปู๋ฟ้าน’ พร้อมกับกล่าว
” เจี่ย ปู๋ฟ้าน ข้าจำได้ว่าเจ้าพูดว่า ข้าสามารถเอาชนะเจ้าได้ในวันนั้น เป็นเพราะแรงดันภายในหอคอยอสูรฟ้าใข่ไม๊ ?”
” หืม!! หรือว่าไม่จริงไง๊!!! “
‘เจี่ย ปู๋ฟ้าน’กล่าว และเมื่อนึกถึงเรื่องราวในวันนั้นความโกรธของเขาจึงไม่สามารถเก็บไว้ได้ จนทะลักออกมาผ่านทางสายตา
**** อุ๊กกกก ****
ในตอนนั้น’ชูเฟิง’ก็พุ่งเข้าไปดั่งสายฟ้า พร้อมกับยกขาขึ้นไปเตะที่หน้าอกของ ‘เจี่ย ปู๋ฟ้าน’ พลังที่รุนแรงทำให้ร่าง ‘เจี่ย ปู่ฟ้าน’ปลิว ล่วงลงกับพื้น
เมือ่ ‘เจี่ย ปู่ฟ้าน’ หล่นลงบนพื้น ก็มีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เพราะตอนนั้นมันมีเสียงแตกดังมาจากหน้าอกของเขา ซึ่งเกิดเมื่อเขาถูก’ชูเฟิง’เตะ ตอนนี้เขาไม่สามารถเข้าร่วมในการทดสอบภายในราชวังใต้ดินอีกต่อไป
จากนั้น’ชูเฟิง’ ก้าวขาไปเหยียบร่างของ ‘เจี่ย ปู่ฟ้าน’ ไว้ใต้ฝ่าเท้า ขณะที่ยิ้มและกล่าว
” จริงๆแล้วข้าอยากบอกเจ้าว่าแม้แต่ภายนอกของหอคอยอสูรฟ้า ข้าก็สามารถทำให้เจ้ามีสภาพที่น่าสังเวช “
” สวรรค์!!! . . . . .”
เมื่อเห็นฉากนั้นทุกคนถึงกับอ้าปากค้างด้วยความหวาดกลัว จนพูดไม่ออก ‘เจี่ย ปู๋ฟ้าน’เป็นอัจฉริยะของคนรุ่นเยาว์ภายในตระกูลเจี่ย อำนาจการต่อสู้ของเขาสำหรับคนรุ่นเดียวกันเขาถือว่าเกร่งที่สุด ที่มีเพียง’กู่โบ๋’จากนิกายโลกวิญญาณเท่านั้นที่พอจะสู้กับเขาได้แต่ต่อหน้าของ ‘ชูเฟิง’ ‘เจี่ย ปู๋ฟ้าน’ ไม่มีโอกาสแม้แต่จะแตะเขาเลยด้วยซ้ำ
นี้หมายความว่าอะไร หรือมันหมายความว่า พลังการต่อสู้ของ’ชูเฟิง’นั้นเหนือกว่า ‘เจี่ย ปู่ฟ้าน’ จนเทียบได้กับผู้ที่อยู่ในอาณาจักรแก่นแท้
” เจ้าตายแน่!!! “
แต่เมื่อเทียบกับความประหลาดใจของคนจากนิกายโลกวิญญาณ ที่กำลังน่าเสีย สมาชิกตระกูลเจี่ย 20 คนที่อยู่ในอาณาจักรแก่นแท้ก็พุ่งเข้าใส่ ‘ชูเฟิง’ พร้อมๆกันจากทุกทิศทาง
” พวกเจ้าคุกเข่าลง!!! “
ในตอนนั้น ‘ชูเฟิง’ ตะโกนออกมา พร้อมกับปล่อยแรงดันวิญญาณสุดจะแข็งแกร่งและดุดันกวาดไปรอบๆ ในพริบตามันก็เข้าปกคลุมทั้ง 20 คนเอาไว้หลังจากที่พวกเขาทุกกดดันด้วยแรงดันวิญญาณมหาศาล พลังนั้นบังคับให้สมาชิกตระกูลเจี่ยทุกคนที่อยู่ในอาณาจักรแก่นแท้ คุกเข่าลงกับพื้น
และยากมากที่พวกเขาจะฝืนลุกขึ้นได้ พวกเขาทั้งหมดสูญเสียอำนาจในการขัดขืน และหลายคนที่ทนไม่ไหวก็ถึงกับหมดสติไปเพราะแรงดันวิญญาณตอนนั้น คนจากนิกายโลกวิญญาณ ก็อ้าปากกว้างขึ้นจนจะฉีกเพราะความประหลาดใจที่มากจนถึงจุดที่พวกเขาจะทรงตัวได้
สายตาของพวกเขาสั่นระรัวในขณะที่แสดงความตกตะลึงมันเป็นเพราะพวกเขาเห็นได้ชัดว่า ชูเฟิง นั้นอยู่แค่ระดับ 9 แก่นแท้วิญญาณแต่ในเวลานี้ เขาสามารถใช้แรงดันวิญญาณกำราบคนพวกนั้นที่อยู่อาณาจักรแก่นแท้ได้อย่างง่ายดาย นี้คงเรียกว่าพลังวิญญาณที่ท้าทายสามัญสำนึก ที่เกิดขึ้นน้อยคน
” นี่เขา!!! แข็งแกร่งอย่างมาก เขาเป็นใครกันแน่ ถึงสามารถใช้พลังวิญญาณแค่ระดับ 9 กำเนิดเพื่อเอาชนะคนทั้งกลุ่มที่อยู่ในอาณาจักรแก่นแท้ !!! “
” ช่างน่าประทับใจยิ่งนัก คนพวกนี้เป็นบุคคลที่ไม่ธรรมดา พวกเขาเป็นถึงสมาชิกตระกูลเจี่ยที่มาจากอาณาจักรจิตวิญญาณ!!! แต่ชายหนุ่มผู้นี้กับสามารถใช้แรงดันเพื่อหยุดพวกเขาจนไม่สามารถทำการโจมตีใดๆ อำนาจการต่อสู้ของเขามันร้ายกาจเกินไป “
” ดูเหมือนว่าการคัดตัวนี้คงจะมีแต่ เสือซ่อนมังกรหมอบ สินะ แค่มองดูแวปเดียวก็บอกได้เลยว่าเขาคือยอดอัจฉริยะ แต่ข้าสังสัยว่า เขามาจากอาณาจักรใดและที่สำคัญนามของเขาคือ ? “
การกระทำของ’ชูเฟิง’แท้จริงแล้ว ทำให้ดึงดูดความสนใจของผู้อื่นที่เห็นเหตุการณ์ได้ หลายคนที่กำลังจะเข้าไป ถึงกับหยุดดูพวกเขาพร้อมกับสังเกตุทุกอย่างแต่ ‘ชูเฟิง’ไม่ได้สนใจการสนทนาของผู้คน เขาหันไปพูดกับ’กู๋โบ๋’ว่า
” พี่กู๋ โบ่ ข้าขอบคุณท่านที่ออกหน้าเพื่อข้า แต่โปรดเชื่อข้า ว่าราชวังใต้ดินระดับแก่นแท้ มันไม่อยากเกินสำหรับความสามารถของข้า “
หลังจากที่พูดประโยคนั้นจบ ‘ชูเฟิง’รีบวิ่งพวดเข้าไปภายในราชวังใต้ดิน เนื่องจากคิดไม่ตกเรื่องรางวัลของผู้ที่ไปถึงปลายทางคนแรกและเมื่อเห็นร่างของ’ชูเฟิง’ ที่หายไปภายในพริบตา
‘กู๋ โบ่’ ยิ้มออกมาและกล่าว
” จริงๆแล้ว พลังที่ท้าทายขีดจำกัดครั้งนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับหอคอยอสูรฟ้าสินะ เขาช่างแข็งแกร่งจริงๆ ข้า กู่ โบ่ เทียบน้องชายไม่ได้เลย “
หลังจากนั้น ‘กู๋ โบ๋’ ก็ไม่ได้คิดจะเข้าไปในราชว้งใต้ดินแก่นแท้ เขาจึงนำคนจากนิกายโลกวิญญาณกลับไปยังทางออกและเลือกเข้าราชวังใต้ดินระดับกำเนิดแทนมัน
เป็นเพราะพวกเขาไม่ได้มีความแข็งแกร่งเหมือน ‘ชูเฟิง’ เพื่อที่รับประกันว่าพวกเขาจะได้รับคุณสมบัติที่ได้เข้าร่วมการชุมนุมคัดตัว มันจึงปลอดภัยกว่าหากเลือกราชวังใต้ดินระดับกำเนิด
ชูเฟิง นายเอาอีกแล้วนะ
ทำไงได้พวกนั้นรนหาที่เอง ไม่ฆ่าให้ตายก็บุญและ
ก็จริง แต่หากฆ่าตาย คงไม่ดีแน่หากจะมีเรื่องกับ เจี่ย ฉิงหมิง
ถึง สู้ไม่ได้ ตบแม่งที แล้วใช้ มังกรทะยาน แผ่น
เอาน่าอีกไม่นานก็คงถึงคิวพี่ของมัน รอพี่เฟิง ได้ . . . . !!!
โปรดติดตามตอนต่อไป
ที่มา: