ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปรูปแบบของ พระราชวังแก่นแท้นั้นลึกลับมาก มีกลไกต่างๆมากมาย การที่จะผ่านกลไกนั้นไปได้นั้นต้องใช้ความสามารถอย่างสูงแม้ว่าจะมีคนผ่านกลไกนั้นไปได้แล้ว กลไกพวกนั้นก็จะยังคงอยู่ไม่ได้หยุดทำงานไป
กลไกเหล่านี้นั้นไม่สามารถทำลายได้การผ่านอุปสรรคเหล่านี้สิ่งแรกที่ต้องพึ่งพาคือความสามารถของตนเอง อย่าได้คิดที่จะใช้เล่ห์เหลี่ยมโดยการตามหลังผู้เชี่ยวชาญระดับสูงโดยให้เขาทำลายกลไกเหล่านี้แล้วค่อยวิ่งผ่านไปนอกจากนี้พระราชวังใต้ดินนั้นใหญ่มาก
อุปสรรคแรกๆนั้นไม่ได้หนักหนาเกินไปสำหรับผู้ที่อยู่ในระดับแก่นแท้วิญญาณ แต่พอมาถึงตรงกลาง ส่วนใหญ่คนที่อยู่ในระดับ 5 แก่นแท้วิญญาณหรือต่ำกว่าก็ไม่สามารถไปต่อได้ไหว เพราะพื้นที่ต่อไปนั้นมันจะยากยิ่งขึ้น ไปเรื่อยๆ ยิ่งลึกก็ยิ่งยากขึ้นในอุปสรรคระดับนี้
ถ้า’ชูเฟิง’ต้องการใช้เพียงพลังของตัวเองนั้น มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะสามารถเดินในพระราชวังแก่นแท้ได้
ดังนั้น’ชูเฟิง’จึงต้องยืมพลังของ’ต้านต้าน’ ถึงจะสามารถเดินไปใน พระราชวังแก่แท้นี้ได้ มันอาจจะเป็นการโกง แต่ว่าความจริงแล้ว ‘ต้านต้าน’ นั้นเป็นอสูรวิญญาณของ’ชูเฟิง’จึงนับเป็นพลังอย่างนึงของ’ชูเฟิง’มันก็คล้ายๆกับคนที่มีผู้เชี่ยวชาญคอยปกป้อง
จะต่างกันตรงที่ ถ้า 2 คนนี้ประลองกันนั้น ผู้เชี่ยวชาญจะไม่สามารถยื่นมือเข้าช่วยได้ แต่ผิดกับ’ชูเฟิง’ที่สามารถยืมพลังจาก’ต้านต้าน’ได้
* วูบวูบวูบ *
ในตอนนี้’ชูเฟิง’นั้นได้ใช้ทักษะของจักรพรรดินภา พร้อมกับพลังวิญญาณในการตรวจสอบสถานที่ และรวมกับพลังที่ยืมมาจาก’ต้านต้าน’ทำให้ กลไกพวกนี้ไม่มีปัญหาใดๆสำหรับ’ชูเฟิง’
ในตอนนี้นั้น’ชูเฟิง’ได้เคลื่อนตัวผ่านคนมากมาย ทำให้พวกเขานั้นหันความสนใจมาที่’ชูเฟิง’ และเมื่อเขาเห็นคนที่ผานพวกเขาไปเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งเขาก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะพวกเขาจำได้ว่า ชายหนุ่มคนนี้นั้นคืออัจฉริยะที่ถูกกล่าวขานมากในตอนนี้
“นี่มันไม่ดีแล้ว มันไม่มีประโยชน์เลยที่เราจะไปต่อ มีผู้เชี่ยวชาญเข้าร่วมมากเกินไป และเพราะพวกเจี้ย ปู้ฟานทำให้เราเสียเวลาด้วย และด้วยพลังของข้าในตอนนี้ ไม่มีทางที่จะตามพวกเขาทัน “
ในทาง’ชูเฟิง’ ชูเฟิงขมวดคิ้วแน่นเพราะเขาสัมผัสได้ว่าด้านหน้าของเขามีผู้เชี่ยวชาญอยู่ ผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นอาจจะมีทักษะพิเศษและบางคนอาจจะมีทักษะที่ไม่แพ้ ทักษะจักรพรรดินภาของเขาเลย ในตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงอันดับแรก’ชูเฟิง’อาจจะไม่ติด 1 ใน 10ด้วยซ้ำไป
“ดูเหมือนว่าข้าได้แต่ลองเดิมพันกับมันดูสินะ “
ต่อจากนั้น’ชูเฟิง’ก็ขบฟันของเขาและได้หยุดการวิ่งเขาเอามืของเขาวางบนอกและหลับตาลง ต่อจากนั้นก็มีคนตามมาและพบเห็น’ชูเฟิง’
“ทำไมเจ้าเด็กนี้ถึงยืนนิ่งล่ะ ทำไมมันไม่ไปต่อล่ะเป็น?”
“เด็กคนนี้เพิ่งผ่านข้ามาเมื่อกี๊ เขากำลังทำอะไร?”
“เขามีพลังเพียงระดับที่ 3 แก่นแท้วิญญาณ ดังนั้นข้าจึงคิดว่าการที่เขาเคลื่อนที่ได้เร็วขนาดนั้นเขาต้องแลกด้วยบางอย่างและตอนนี้ผลนั้นกำลังเกิดขึ้นกับเขาอย่างนั้นสินะ”
เมื่อ’ชูเฟิง’หยุดอยุ่นิ่ง หลายๆคนจึงแซงหน้าเขาขึ้นไป เมื่อเห็นว่า’ชูเฟิง’ยืนอยู่นิ่งเขาก็คาดเดาต่างๆนานาบางคนก็เยาเย้ยเขา แต่ไม่มีสักคนที่จะหยุดมอง’ชูเฟิง’ พวกเขาทั้งหมดวิ่งไปข้างหน้ากันอย่างสุดฝีมืออันที่จริงใครที่สามารถผ่านตรงนี้ไปได้ก็สามารถเรียกได้ว่าเป็นคนที่ความสามารถสูงในระดับแก่นแท้วิญญาณ
แต่พวกเขาทั้งหมดนั้นเชื่อมั่นว่าพวกเขาดีพอที่จะผ่านพระราชวังแก่นแท้นี้ไปได้และมีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมงานชุมนุมเลือกคู่และเหตุผลที่พวกเขาหลักที่พวกเขาต้องการที่สุดคือ ลูกแก้วแก่แท้น หมื่นเม็ดที่เป็นของรางวัล พวกเขาจึงทุ่มเทเต็มที่โดยมีเป้าหมายที่ลูกแก้วแก่นแท้วิญญาณทั้งหมื่นเม็ดนั้น
ดูผ่านๆเหมือน’ชูเฟิง’จะยืนนิ่งๆ แต่ในขณะนั้นบรรยากาศรอบๆตัวเขาพลันเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นอากาศหรือพื้นดินต่างเห็นได้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นอย่างชัดเจนพลังแก่นแท้ของ’ชูเฟิง’นั้นเพิ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว และได้เปลี่ยนเป็นรูปลักษณ์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน พลังเหล่านั้นได้ควบแน่นกันใต้เท้าของ’ชูเฟิง’
ทันใดนั้นเกิดหมอกสีฟ้าขนาดใหญ่อยู่ใต้เท้า’ชูเฟิง’ หมอกนั้นเพิ่มขึ้นๆ จนเหมือนเมฆ และมันได้กลั่นตัวเองจนเป็นรูปร่าง และ กลายเป็นร่างของมังกรฟ้ามังกรฟ้า ยาวกว่า5เมตร ดวงตาของมันว่างเปล่าเหมือนไม่รับรู้อะไรเลย แต่ไม่ว่าจะดูยังไงมันก็เป็นมังกร เมื่อเทียบกับผู้ก่อตั้งแล้ว
มังกรของผู้ก่อตั้งนั้นตัวสีเข้ม ตัวใหญ่กว่าและดูน่าเกรงขามของ’ชูเฟิง’มากกว่า และหากไม่ได้บอกว่ามันเกิดจากพลังวิญญาณนั้น ‘ชูเฟิง’อาจคิดว่ามันอาจจะเป็นมังกรที่มีชีวิตจริงๆ
“ฮ่า ๆข้าทำสำเร็จจริงๆ!”
เมื่อเขาเห็นมังกรสีฟ้าอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา ‘ชูเฟิง’ก็ดีใจมาก เขานั่งลงบนหลังมังกรฟ้าเหมือนขี่ม้า เพราะมังกรฟ้าตัวนี้นั้นเล็กเกินไปที่จะยืนบนหลังของมันได้ จึงนั่งลงจะดีกว่า
“ก๊าซซ!”
มังกรฟ้าของ’ชูเฟิง’นั้นเหมือนมังกรน้อยพึ่งเกิด แม้ว่าเพราะบรรยากาศที่เป็นพื้นที่ปิดทำให้มันไม่แข็งแกร่ง แต่ความเร็วของมันก็ยังรวดเร็วมาก’ชูเฟิง’นั้นเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงแซงผ่านคนที่ผ่านเขาไปก่อนหน้านี้ ความเร็วของเขาในครั้งนี้นั้นเร็วกว่าเดิมมาก ทำให้กลุ่มคนเหล่านั้นไม่ได้เห็น’ชูเฟิง’อย่างชัดเจนเขาเห็นแค่แสงสีฟ้าวิ่งผ่านเขาไปแค่นั้น
“เมื่อกี้คืออะไร หรือว่าเป็นคนที่อยู่ในอาณาจักรวิญญาณสวรรค์ “
คนเหล่านั้นพูดคุยกัน หลังจากที่ถูก’ชูเฟิง’แซงผ่านไปส่วนใหญ่นั้นคิดว่า เป็นพลังของคนที่อยุ่ในระดับอาณาจักรวิญญาณสวรรค์ เพราะถ้าพลังต่ำกว่านั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่จะเคลื่อนที่ได้เร็วขนาดนี้ ในขณะที่บางคนคิดว่าเป็นภาพหลอนเพราะมันเกิดขึ้นรวดเร็วมาก
“ฮ่า ๆ ข้าไม่เคยคิดว่ามันเร็วขนาดนี้ นี้ขนาดข้ายังไม่ชำนาญยังสุดยอดขนาดนี้ ถ้าหากข้าชำนาญแล้วนี่ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับอาณาจักรวิญญาณสวรรค์คงไม่สามารถจับตัวข้าได้แน่ๆเลย ฮ่าๆๆ “
‘ชูเฟิง’นั้นรุ้สึกมีความสุขมาก ความเร็วของมังกรทะยานผ่านเก้าสวรรค์นั้น เหนือกว่าทักษะของจักรพรรดินภามากทีเดียว ด้วยความเร็วขนาดนี้อาจจะทำให้เขาสามารถกลายเป็นอันดับ 1 ของพระราชวังแก่นแท้เลยก็เป็นได้
แต่’ชูเฟิง’ก็ไม่ประมาทฝ่ายตรงข้าม เพราะเขายังจำตอนที่เขาสัมผัสความแข็งแกร่งของเฒ่าลามกได้ ความแข็งแกร่งของเฒ่าลามกนั้นไม่ธรรมดาเลยทีเดียว และเฒ่าลามากนั้นเป็นคนแรกที่ก้าวเข้ามาในพระราชวังแก่นแท้และจนถึงตอนนี้ ‘ชูเฟิง’ยังไม่พบ ร่องรอยของเฒ่าลามกเลย
ซึ่งหมายความว่า เฒ่าลามก นั้นได้ทิ้งห่าง’ชูเฟิง’ออกไปไกลแล้ว
ดังนั้นไม่เพียง’ชูเฟิง’จะไม่ชะลอความเร็วของเขา แต่’ชูเฟิง’ยังทุ่มสุดตัวโดยใช้พลังทั้งหมดของเขาในด้านความเร็วเขาคิดว่าเขาจะต้องเหนือเฒ่าลามกให้ได้
ที่มา: