ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปละอองโลหิตสดๆแดงฉาน ฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศ ในเวลานั้น ไอ้โรคจิต ‘หลิน ส้ง’ ก็ได้สิ้นลมหายใจ
ขณะนั้น ‘หลิน โม่หลี่’ และ ‘หยาน หยางเทียน’ ก็ถึงกับยืนอึ้งเพราะการกระทำของ ‘ชูเฟิง’
‘หยาน หยางเทียน’ ไม่เคยคิดว่า ‘ชูเฟิง’จะกล้าฆ่่า ‘หลิน ส้ง’ จริงๆ เพราะ ‘หลิน ส้ง’ นั้นคือเครื่องมือเพื่อปกป้องตัวเขา สำหรับ ‘หลิน โม่หลี่’ นั้นมีปฏิกิริยามากที่สุดกว่าใครทั้งหมดทั้งมวล เพราะเขารักลูกชายของเขามาก ดั่งสมบัติล้ำค่า แต่บัดนี้ลูกชายของเขากับถูกฆ่าไปต่อหน้าต่อตา โดยที่ไม่เหลือแม้แต่ร่างที่ไร้วิญญาณ แล้วเขาจะสงบใจได้เช่นไร ?
” ชูเฟิง ข้าจะหั่นร่างเจ้าเป็นหมื่นๆชิ้น!!! “
ทันใดนั้น ‘หลิน โมหลี่’ ก็ตะโกนไปบนท้องนภา และด้วยความพิโรธเสียงของเขาจึงดังเหมือนฟ้าฝ่า ดั่งราชันย์ของสัตว์ป่าคำราม แม้แต่อากาศก็ยังสั่นสะเทือนราวกับว่าจะถล่มลงมา เหล่าฝูงวิหคและสัตว์ตัวอื่นๆบริเวณรอบๆต่างพากันแตกตื่น
ในเวลาเดียวกัน คลื่นแรงดันวิญญาณอาณาจักรสวรรค์ก็เริ่่มกระจายเข้าปกคลุมท้องฟ้า นั้นคือแรงดันวิญญาณจากการรวบรวมพลังสวรรค์ พลังพิเศษค่อยๆเพิ่มขึ้น จนสามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่า ในอากาศมีการสั่นสะเทือนอยู่เล็กน้อย ราวกับว่ามันกำลังกลัวพลังอำนาจนั้น
” โธ่เว้ย. . . . แรงดันวิญญาณระดับอาณาจักรสวรรค์มันแข็งแกร่งเกินไป “
ก่อนที่’ชูเฟิง’จะได้ทำการป้องกัน เขาก็สามารถรู้สึกได้ถึงพลังมหาศาล แม้แต่เลือดยังร้อนระอุ อวัยวะภายในปั่นป่วน กระดูกในร่างปริออกจนเกิดเสียงราวกับว่าร่างเขากำลังจะสลาย
แม้ว่า ‘ชูเฟิง’ จะยืมพลังจาก’ต้านต้าน’แล้ว เขาก็ยังอยู่ในอาณาจักรแก่นแท้ระดับ 3 เพียงแค่นั้น เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนที่อยู่ในอาณาจักรสวรรค์ เขาก็รู้ว่าเขานั้นอ่อนแอ เมื่อถึงจุดที่เขาไม่สามารถทำอะไรได้
‘ชูเฟิง’ขยับได้เพียงนิดเดียว อีกทั้งสงสัยว่านอกจากใช้แรงด้านวิญญาณเข้าต้านมันยังพอมีวิธีอีกอีกไม๊ หากไม่มีแล้ว เขาคงถูกบดขยี้จนตาย แม้แต่ร่างจนถึงกระดูกคงกลายเป็นผุยผง สุดท้ายก็กระจุยเป็นละอองโลหิต
แต่ ‘ชูเฟิง’ก็ไม่ได้โง่ ในเวลาที่เขาฆ่า ‘หลิน ส้ง’ มีหรือเขาจะไม่หาทางรับมือ เขาได้ให้’ต้านต้าน’ควบคุมร่างของเขา ขณะที่ ‘ชูเฟิง’ หลับตาลง ร่างกายก็ตกอยู่ใต้การควบคุมของนางเรียบร้อย
” ท่านประมุข อย่าเพิ่งฆ่าเขา ปล่อยให้เขารอดไปก่อน เพราะชูเฟิงยังมีความลับอีกมากมายบนร่างกายของเขา ไม่ใช่แค่ทักษะติดตัวที่ทำให้เขาเดินเหินอากาศได้ ข้าคิดว่าเขาจะต้องมีทักษะเร้นลับ ในตำนานอย่างแน่นอน ก่อนอื่นเราควรค้นหาความลับนั้น แล้วค่อยๆทรมานจนเขาตาย “
ตอนนั้น ‘หยาน หยางเทียน’ ได้แอบส่งข้อความผ่านทางจิตกับ ‘หลิน โม่หลี่’ และเขาก็รู้สึกว่า อย่างน้อยก่อนที่’ชูเฟิง’จะตายก็ควรคว้าทุกอย่างไว้ในกำมือ เป้าหมายความละโมบของเขาก็คือ ทักษะเร้นลับ ในร่างกายของ ‘ชูเฟิง’
” อืม . . . . . . “
หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ‘หลิน โมหลี่’แต่เดิมที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงแห่งความโกรธแค้นก็ฉุกคิดขึ้นว่านั้นก็มีเหตุผล เพื่อให้ ‘ชูเฟิง’ ชดใช้ แต่ในเวลาเดียวกัน เขาก็ต้องการได้รับของวิเศษบางอย่างจากร่างของ ‘ชูเฟิง’ และนั้นก็ถือว่าได้ประโยชน์ทั้งขึ้นทั้งล่อง ซึ่งมันก็จำเป็นต่อตำแหน่งประมุขของคฤหาสน์องค์ชายกิเลน
* บุ้งงงงง ~~~~~~~ *
แต่ในตอนนั้น ก็มีควันสีดำพุ่งออกมาจากร่างของ ‘ชูเฟิง’ พุ่งขึ้นไปปกคลุมทั้วท้องฟ้า ในเดียวกันมันก็ส่งออกมาราวกับวิญญาณที่กรีดร้อง ดั่งหมาป่าที่เห่าหอน จนทำให้บรรยากาศหนาวเย็นไปถึงกระดูกความหนาวเย็นนั้นไม่ได้เกิดจากอากาศ แต่มันเกิดขึ้นหลังจากที่ ควันสีดำปรากฏออกมาจากร่างของ’ชูเฟิง’ ออร่านั้นเริ่มก่่อตัวรอบๆตัวเขาอย่างรวดเร็ว จนทำให้ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นหลายเท่า
” ความรู้สึกแปลกๆ . . . . .นี่มัน เหมือนกับพลังงานแห่งความมืดในโลกมารวมตัวอยู่ที่นี่ อาจจะไปได้ว่าในร่างของ ชูเฟิง มีปีศาจ ? “
เมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากับสิ่งนั้น พวกเขามีการเปลียนแปลงไปอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น ‘หลิน โม่หลี่’ หรือ ‘หยาน หยางเทียน’ ต่างก็พากันหวาดกลัวมันเกิดขึ้นเพราะออร่าแปลกๆที่ปล่อยออกมาจากร่างของ ‘ชูเฟิง’ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ควรจมี แม้แต่อสูรร้ายหรือสัตว์มหึมา ต่างก็ไม่มีออร่าที่น่ากลัวเช่นนี้
**** ฟรุบบบบ ****
ในตอนที่’หลิน โมหลี่’ และ ‘หยาน หยางเทียน’ กำลังตกใจจนชะงัก ร่างของ’ชูเฟิง’ก็พุ่งไปด้านหน้า ในเวลาที่เขาเคลื่อนไหว ต่างมีเส้นแสงสีดำลอยตามไปด้วย ภายในพริบตาก็พุ่งตรงไปยังเส้นขอบฟ้าอย่างรวดเร็ว มันก็สมควรแล้วที่พวกเขาจะพูดไม่ออก
เนื่องจากความเร็วของ ‘ชูเฟิง’ ในตอนนี้เร็วกว่า ทักษะ ท่องนภา ซะอีก
” เร็วเข้า รีบตามไปฆ่ามัน อย่าให้มันหนีรอดไปได้!!! “
ตอนนั้น ‘หยาน หยางเทียน’ และ ‘หลิน โม่หลี่’ ต่างพากันหวาดกลัวควันสีดำนั้นเป็นอย่างมาก เขารู้สึกถึงความสยดสยองของมัน แค่เพียงเห็นมันพวกเขาก็สัมผัสถึงภัยคุกคามจนหนาวเย็นไปถึงกระดูก ขณะที่เหงื่อทะลักออกมาเมื่อควันแปลกๆออกมาจากร่าง’ชูเฟิง’ เป็นธรรมดาที่ทำให้พวกเขาจะประหม่า
เมื่อตั้งสติได้พวกเขาก็มุ่งมั่นในการจะสังหาร’ชูเฟิง’ในตอนนี้ พวกเขาแทบจะไม่มีโอกาสจะได้พักหายใจ เพราะสถานการณ์รอบๆตัวพวกเขาไม่รู้ถึงสิ่งที่อยู่ในร่างของ’ชูเฟิง’ ซึ่งมันทรงพลังอำนาจจนอาจสามารถต่อต้านสวรรค์
* บุ้มม *
ในเวลาที่ควันสีดำเริ่มก่อตัว มันก็เปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นปีกคู่สีดำขยายออกจากหลัง ‘ชูเฟิง’ปีกสีดำนั้นมีขนาดใหญ่กว่าร่างกายของ ‘ชูเฟิง’ ความยาวของมันประมาณ 10 เมตร ขนที่ปกคลุมก็เป็นสีดำทมิฬ นอกจากควันสีดำที่ดูเหมือนขนปกคลุม มันยังมีเปลวเพลิงเผาไหม้ติดอยู่ที่ปีกสีดำคู่นั้นส่่วนที่สำคัญคือหลังจากที่ปีกสีดำปรากฏ ยามที่มันขยับมันก็จะสร้างพายุหมุนที่รุนแรง ไม่แต่มันสร้างพายุได้ มันยังช่วยเพิ่มความเร็วนการหลบหนี ‘หลิน โม่หลี่’ และ ‘หยาน หยางเทียน’ ได้อีกด้วย
” บัดซบเอ้ย !!!! เป็นไปได้ว่าไอ้เจ้าเด็กนี้มันไม่ใช่คน หากเป็นคนทำไมถึงได้มีพลังเช่นนั้น นี่มันใช่พลังของมนุษย์ซะที่ไหน “
‘หยาน หยางเทียน’ ซึ่งเคยพูดคุยกันอย่างสบายใจก่อนหน้านี้ แต่ในปัจจุบันกับดูกระวนกระวาย ซึ่งต่างจากความสุขุมก่อนหน้านี้ และพวกเขาไม่กล้าที่จะประมาทแม้แต่น้อยแม้พวกเขาใช้ทุกอย่างที่มี เขายังตามได้อย่างยากลำบาก แล้วหากเขาประมาท ‘ชูเฟิง’ก็คงทิ้งพวกเขาไว้เบื้องหลัง
ในขณะที่ ‘ชูเฟิง’ มีแต่เร็วขึ้น เร็วขึ้น
” ไอ้สารเลว!!! หยุดอยู่นิ่งๆให้ข้าถลกหนังเจ้าซะดีๆ “
ใครจะไปหยุดว่ะ
เมื่อเทียบกับ ‘หยาน หยางเทียน’ ‘หลิน โม่หลี่’ ดูกระตือรือร้นมากกว่า เพราะเนื่องจากความโกรธที่สุมในตัวของเขาล้นออกมาเต็มหัวใจ
เพราะเขาไม่อาจทนให้ คนที่ฆ่าลูกชายสุดที่รักต่อหน้าต่อตาเขารอดไปได้ แม้ว่าเขาจะตามไม่ทัน แต่ยังไงเขาก็ต้องฆ่า ‘ชูเฟิง’ ให้ได้
” แข็งแกร่งมาก นี่คือพลังของต้านต้านหรอ ร้ายกาจ ร้ายกาจ !!! “
ในเวลาเดียวกัน ‘ชูเฟิง’ ก็ตะลึงไม่น้อย เพราะพลังของนางที่แสดงออกมามันสุดยอดยิ่่งกว่าทักษะ ท่องนภา อยู่หลายขุมถึงแม้ว่าร่างของเขาจะถูก’ต้านต้าน’ควบคุม แต่’ชูเฟิง’ก็รู้สึกได้ถึงสองผู้เชี่ยวชาญอาณาจักรสวรรค์ที่กำลังไล่ตามหลังมาจากที่ไกลๆ แม้ว่าระยะทางจะห่างกันไกลพอสมควร แต่ก็ไม่แน่ว่าความเร็วของนางจะคงอยู่ตลอดไป เนื่องจากร่างกายของนางจะได้รับผลกระทบ
” อ้าาา ! “
*** อุ๊กกก ***
ในตอนที่ชูเฟิงถูกต้านต้านควบคุม นางก็กระอักเลือดออกมา จากนั้น ควันสีดำที่อยู่รอบๆตัวของ’ชูเฟิง’ ก็ลดลงเป็นจำนวนมาก
” ต้านต้าน เจ้าเป็นไรมากมั๊ย ? “
เห็นแบบนั้น ‘ชูเฟิง’ก็วิตกกังวลเพราะเขารู้สึกว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับ’ต้านต้าน’
” บ้าที่สุด . . . . . ข้าไม่สามารถรักษาสภาพนี้มานาน อีกอย่างร่างกายของเจ้าก็ไม่สามารถทนรับพลังจากปีกอสูรได้ “
‘ต้านต้าน’ กล่าวอย่างขมขื่น
” รีบหยุดซะ!!! ข้าจะควบคุมร่างกายของข้าเอง “
‘ชูเฟิง’เห็นสถานการณ์ไม่ค่อยดี เขาก็ตะโกนเสียงดัง เพื่อบอกให้นางหยุด เนื่องจากเขาไม่อยากให้’ต้านต้าน’ต้องเป็นอะไรไป ดังนั้นเขาจึงคิดที่จะดิ้นรนด้วยตัวเอง
นึกว่าจะบวกซะอีก . . . . . .
แต่ก็นะสองผู้เชี่ยวชาญอาณาจักรสวรรค์จะเอาไรไปสู้มันได้ . . . . .
แม้ว่าสามารถฆ่ามันได้ แต่เขาก็ต้องแลกด้วยชีวิต
การหนีจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
แต่พวกเขาก็ต้องมาเจอกับปัญหา
หากต้านต้านทนไม่ไหว พวกเขาก็คงถูกตามทัน
แล้วต่อจากนั้น มันจะเกิดอะไรขึ้น ……..
ที่มา: