I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Upgrade Specialist in Another World (异界之装备强化专家) ตอนที่ 17 ประกาศศึกกับค่ายไม้ดำ

| Upgrade Specialist in Another World (异界之装备强化专家) | 917 | 2359 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

‘ไป่หยุนเฟย’ และ ‘หลี่เฉิงเฟิง’ มาเพื่อช่วยเหลือหญิงสาวเหล่านี้ มีหรือจะปล่อยพยัคฆ์ ‘หลี่’ สมหวังได้?            ประกายสีครามวูบผ่านเบื้องหน้าพยัคฆ์ ‘หลี่’  จากนั้นแขนขวามันตกห้อยข้างกายอย่างไร้เรี่ยวแรง ความรู้สึกเย็นยะเยือกเริ่มแผ่ซ่านจากแขน มันไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดใดๆเพียงรู้สึกหนาวเย็นแทบแข็งทื่อ จึงชะงักเท้ามองรูกลวงที่ข้อศอกอย่างงงงันด้วยสายตาเลื่อนลอย

ตั้งแต่ชกหมัดส่งพยัคฆ์หลี่ปลิวกระเด็นออกไป ‘ไป่หยุนเฟย’ ก็เฝ้าจับตาทุกความเคลื่อนไหวของมัน  มันพบเห็นหญิงสาวหลายคนด้านข้างแต่แรก ทั้งยังเกรงว่าพวกนางจะถูกลูกหลงหากพุ่งเข้าจู่โจมศัตรูจึงไม่กล้าเคลื่อนไหวหุนหัน เพียงเลื่อนมือขวาไปด้านหลังอย่างเงียบเชียบ ขยับมือคราหนึ่งหนามธารน้ำแข็งก็ปรากฏในมือ

ยามที่พยัคฆ์ ‘หลี่’ ขยับตัว  ‘ไป่หยุนเฟย’ ก็สะบัดมือขวาราวสายฟ้า ศัตรูเพียงเอื้อมมือออกหนามธารน้ำแข็งก็พุ่งวาบทะลวงแขนมันจนทะลุ

หลังจากซัดหนามธารน้ำแข็งออก ‘ไป่หยุนเฟย’ ก็พุ่งติดตามไปทันที ไม่เปิดโอกาสให้พยัคฆ์หลี่ทันได้ตั้งตัวเตะหน้าท้องสุดแรงส่งมันลอยละลิ่วขึ้นไปในอากาศ!

‘ไป่หยุนเฟย’ ไม่รีรอรีบไล่ตามอย่างเร่งร้อน ยามที่วิ่งไปได้สิบกว่าเมตรก็พลันพุ่งทวนออก แทงทะลุอกพยัคฆ์ ‘หลี่’ ที่กำลังร่วงลงสู่พื้น

“ปัง!!”

ร่างพยัคฆ์ ‘หลี่’ ถูกเสียบค้างกลางอากาศปรากฏลำแสงสีแดงสดมากมายสาดพุ่งออกมา จากนั้นพลันแตกระเบิดส่งเลือดกระเซ็นซ่านเจือปนกับชิ้นเนื้อเศษกระดูกไปทั่วบริเวณราวห่าฝน

ร่างมันถึงกับแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!

หลังจากมองดูกลุ่มหญิงสาวที่ยังไม่หายจากอาการตื่นกลัวช่วยประคองกันลับตาไปทางที่หมู่บ้านตั้งอยู่         ‘หลี่เฉิงเฟิง’ ก็หันมาถาม ‘ไป่หยุนเฟย’

“ ‘หยุนเฟย’  พวกเราจะเคลื่อนไหวอย่างไรต่อ? มุ่งหน้าไปทางตะวันออกอีกครึ่งวันก็ถึงภูไม้ดำ พวกเราจะเร่งเดินทางไปที่นั่นหรือไม่?”

‘ไป่หยุนเฟย’ กวาดตามองซากศพที่เกลื่อนพื้น หลังจากก้มหน้าครุ่นคิดเนิ่นนานจึงสั่นศีรษะกล่าวว่า

“ไม่จำเป็น พวกเราจะรออยู่ที่นี้เฝ้าตอรอกระต่าย! เราทั้งคู่ฆ่าหัวหน้าหอค่ายไม้ดำไปแล้วสองคน หากข้าคาดการณ์ไม่ผิดเรายังรอพบหัวหน้าหอคนอื่นได้อีก…”

แม้ ‘หลี่เฉิงเฟิง’ ไม่เข้าใจว่าอันใดคือ‘เฝ้าตอรอกระต่าย’ แต่มันทราบว่า ‘ไป่หยุนเฟย’ ต้องการอยู่ที่นี่รอโจรกลุ่มอื่นลงมาให้ซุ่มโจมตีทำลายล้างอีก

“ตกลง ข้าจะทำตามเจ้าว่า แต่คราหน้าหากเป็นหัวหน้าหอจริงๆต้องให้ข้าได้ต่อสู้ก่อน ข้าใกล้จะบรรลุระดับกลางด่านนวกะวิญญาณแล้ว หากได้ทำความเข้าใจการใช้พลังวิญญาณระหว่างต่อสู้สมควรบรรลุได้เร็วขึ้น แต่ถ้าถึงเวลาข้าไม่ใช่คู่มือมันเจ้าค่อยสอดมือช่วยเหลือ”

‘ไป่หยุนเฟย’ งงงันวูบจากนั้นแสดงสีหน้ายินดี

“โอ? เจ้าช่างบรรลุได้รวดเร็วนัก? ประเสริฐ! หลังจากเจ้าบรรลุระดับกลางด่านนวกะวิญญาณ พวกเราจะเข่นฆ่าเปิดทางขึ้นสู่ค่ายไม้ดำ!”

ถู่ต้าจวงเป็นหนึ่งในสี่หัวหน้าหอแห่งค่ายไม้ดำ มีฉายา‘คนฆ่าสัตว์’เนื่องเพราะอาวุธของมันออกจะพิสดารอยู่บ้าง มันกลับใช้มีดปังตอคู่หนึ่ง ผู้ที่ไม่รู้เบื้องหลังกลับคิดว่ามันเป็นคนฆ่าสัตว์จริงๆ

ยามนี้มันพาสมุน 12 คนควบม้าลงจากเขา

“เจ้าบัดซบพยัคฆ์หลี่ มันกล้าลอบนำสมุนลงเขาลับหลังหัวหน้าค่าย แม้รองหัวหน้าจะอนุญาต แต่มันไปถึงหนึ่งวันหนึ่งคืน เกิดอันใดขึ้นกันแน่? หรือจะเกิดเหตุร้ายจริงๆ?”

ถู่ต้าจวงครุ่นคิดด้วยท่าทีกังวล มันผู้นี้ใบหน้าอัปลักษณ์ดุร้ายหนวดเครารกครึ้มเต็มหน้า

“หัวหน้าหอ ดูเหมือนลานเบื้องหน้าจะมีคนอยู่… พวกมันเป็นคนของค่ายเรา!”

ได้ยินดังนั้นถู่ต้าจวงก็เงยหน้าขึ้นมอง ดูเหมือนผู้คนมากหลายนอนเกลื่อนกลาดบนพื้นเบื้องหน้าไม่ไกลจริงๆ แม้จะมองไม่ชัดตาแต่มันก็ทราบว่าทั้งหมดเป็นกลุ่มโจรจากค่ายไม้ดำ

“โอ? หรือเจ้าพวกบัดซบนี้เมามายหลับใหลอยู่ที่นี้มาตลอด? ผิดท่าแล้ว! รีบไปตรวจดู!”

ถู่ต้าจวงสั่งการ พวกโจรบนหลังม้าก็เร่งฝีเท้าไปยังลานเบื้องหน้า

ยามที่พวกมันเข้าใกล้กลุ่มคนที่ทอดกายบนพื้น กลิ่นคาวเลือดก็พุ่งเข้าจมูก ถู่ต้าจวงหน้าแปรเปลี่ยนทันที เมื่อพวกมันเข้าไปถึงก็พลันพบว่าที่อยู่บนพื้นล้วนเป็นซากศพทั้งสิ้น

อีกทั้งเห็นได้ชัดว่าซากศพเหล่านี้ถูกจัดวางให้ไม่อาจจำแนกจากที่ห่างไกลได้ว่าเป็นหรือตาย…

“แย่แล้ว! นี่เป็นกับดัก! ทุกคนเตรีย…”

ดูเหมือนเสียงร้องเตือนแก่พวกโจรจะไม่ทันสิ้นสุด หรือบางทีไป่หยุนเฟยไม่ปล่อยให้พวกมันกล่าวจบ ยามที่ถู่ต้าจวงร้องเตือน จู่ๆเงาร่างสองเงาก็กระโดดขึ้นจากกองซากศพพุ่งตรงไปยังพวกโจรที่อยู่ด้านหน้าไม่ไกล

‘ไป่หยุนเฟย’ ต่อสู้โดยอย่างเยือกเย็น พวกโจรธรรมดาล้วนถูกมันจัดการอย่างง่ายดาย

การต่อสู้ระหว่าง ‘หลี่เฉิงเฟิง’ กับถู่ต้าจวงกินเวลาไม่น้อย ที่จริง ‘หลี่เฉิง’ ฝีมือด้อยกว่าศัตรูมันเล็กน้อย แต่ยามต่อสู้ ‘ไป่หยุนเฟย’ ประคองทวนชมดูด้านข้างกลับทำให้ถู่ต้าจวงไม่อาจตั้งสมาธิรับมือคู่ต่อสู้ได้

ถู่ต้าจวงรู้สึกราวถูกถ่วงมือถ่วงเท้าไว้ ตรงข้ามกับ ‘หลี่เฉิงเฟิง’ ที่ต่อสู้ได้ดั่งใจ มีดสั้นทั้งคู่โบยบินขึ้นลงสร้างบาดแผลบนร่างคู่ต่อสู้แผลแล้วแผลเล่า แน่นอนว่าบนร่างมันก็มีบาดแผลเช่นกันทว่ามันกลับได้เปรียบคู่ต่อสู้มันอย่างหนึ่ง  นั่นคือมันสวมเกราะอ่อนที่อัพเกรดแล้วบนร่าง

ยามพวกมันต่อสู้ติดพันกันอยู่ มิคาดพลังและความเร็วของ ‘หลี่เฉิงเฟิง’ พลันเพิ่มพูนขึ้น ‘ไป่หยุนเฟย’ ลอบยินดีในใจ

“ไม่คิดว่ามันจะบรรลุระดับกลางด่านนวกะวิญญาณได้ในระหว่างการต่อสู้!”

เมื่อคนหนึ่งทะยานขึ้นอีกคนก็ร่วงหล่น ถู่ต้าจวงค่อยๆเสียเปรียบทีละน้อย ในที่สุดด้วยผลพิเศษของมีดสั้นทั้งสอง ‘หลี่เฉิงเฟิง’ ก็ทำให้มันหลั่งเลือดจนตาย!

ยามที่การต่อสู้จบลง ‘ไป่หยุนเฟย’ ก็หิ้วโจรที่หมดสติโยนไปด้านข้าง — นี่เป็นโจรเพียงคนเดียวที่มันไม่ได้ฆ่า จากนั้นมันหยิบขวดยาออกมายื่นให้หลี่เฉิงเฟิง

“พักผ่อนสักครู่เถอะ จากนี้ค่อยทำความเข้าใจสภาพในค่ายไม้ดำ…”            … … … …

โถงกว้างใหญ่ภายในค่ายไม้ดำ ชายวัยกลางคนท่าทางสุภาพคงแก่เรียนผู้หนึ่งนั่งในตำแหน่งประธาน มันไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นหัวหน้าแห่งค่ายไม้ดำนามหานเซียว เก้าอี้บริวารตัวแรกด้านซ้ายเป็นชายร่างใหญ่ใบหน้าเหลือง มันคือรองหัวหน้าค่ายนามหยางเทียน ถัดไปเป็นชายวัยกลางคนท่าทางธรรมดา มันคือหัวหน้าหอที่หลงเหลือคนสุดท้ายนามเซียวเฉิน

ยามนี้พวกมันกำลังรับฟังรายงานจากโจรผู้หนึ่งด้วยท่าทีเคร่งเครียด

“ปัง!”

ใบหน้าหานเซียวบิดเบี้ยวปั้นยาก สุดท้ายมันอดไม่ได้ต้องตบพนักแขนบนเก้าอี้คำรามอย่างขุ่นเคือง

“ผู้ใดบอกข้าได้ว่าเกิดอะไรขึ้น?! พยัคฆ์ ‘หลี่’ ลงเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้วไม่กลับมา คนฆ่าสัตว์ลงไปตามก็ไม่มีข่าวคราวเช่นกัน แม้แต่คนกลุ่มใหญ่ที่ตามลงไปตรวจสอบก็ล้วนหายไป… มันเกิดอะไรขึ้น?! หรือเป็นน้ำป่าหลาก มีสัตว์ร้ายที่ตีนเขา? พวกมันล้วนหายไปอย่างไร้ร่องรอย หรือมีใครมุ่งเป้ายังค่ายไม้ดำเรา?!”

ใบหน้าสูงสง่าของหานเซียวยามนี้กลายเป็นโหดเหี้ยมดุร้าย ยามสายตามันกวาดไปยังผู้ที่กำลังรายงานแก่มัน โจรนั้นก็รู้สึกราวหล่นลงไปในหล่มน้ำแข็ง มันทรุดกายลงกับพื้นใบหน้าซีดเผือดด้วยความหวาดผวา ทั้งร่างสั่นระริก

“ท่าน… ท่านหัวหน้า ข้า ข้าก็ไม่ทราบเช่นกัน…”

“ท่านหัวหน้าค่ายโปรดระงับอารมณ์ หากมีศัตรูเข้มแข็งด้านนอกจริง พวกเราต้องหนักแน่นไม่หวั่นไหว”

รองหัวหน้าหยางเทียนที่ดูหยาบช้ากลับสงบนิ่งอยู่ได้ หลังจากห้ามปรามหานเซียวไม่ให้มีโทสะก็กล่าวต่อ

“สถานการณ์ขณะนี้ยังไม่ชัดเจน ฉะนั้นพวกเราไม่อาจว้าวุ่นให้ศัตรูฉวยโอกาสได้”

“เจ้ามีความเห็นใด?”

หานเซียวสอบถามหลังจากจิตใจเยือกเย็นลง

“หัวหน้าหอ ‘หลี่’ และหัวหน้าหอถู่ที่ไม่กลับมา ข้าคิดว่าต้องเกิดเหตุไม่คาดฝัน พวกมันบรรลุด่านนวกะวิญญาณขั้นปลายทั้งยังมีสมุนมากมายกลับไม่มีผู้ใดกลับมา คาดว่าศัตรูต้องเป็นผู้ฝึกปรือวิญญาณทั้งยังฝีมือล้ำลึก ที่สำคัญที่สุดคือ พวกมันดูเหมือนจะมุ่งเป้ามายังค่ายไม้ดำเรา!”

“แต่ทว่าขุมกำลังทั้งหลายในเมืองข้างเคียงล้วนทราบว่าค่ายไม้ดำเรามีสำนักวิญญาณหนุนหลัง แม้แต่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองยังแกล้งหลับตาไม่เห็นพวกเรา ผู้ใดมันกล้าเป็นศัตรูกับเรา?”

“ศัตรูกำจัดคนของเราที่ส่งไปตรวจสอบหมดสิ้น เพราะไม่ต้องการเผยตัวตนอีกทั้งเพื่อต้องการกดดันให้เราตึงเครียด ข้ารู้สึกว่าเราไม่สมควรส่งคนลงเขาไปอีก เพียงเสริมกำลังป้องกันค่ายรอดูว่าจะล่อพวกมันบุกขึ้นเขามาได้หรือไม่ แต่ทว่า…”

“แต่ทว่าอันใด?”

หานเซียวถามอย่างสับสนขณะมองใบหน้าที่ปั้นยากของมัน

“หัวหน้าหอจงคุ้มกันบรรณาการกลับสำนักไป มันสมควรกลับมาถึงค่ายแล้ว แต่ยามนี้ข้าเกรงว่า…”

“ว่ากระไร?!”

หานเซียวตื่นตระหนกจนลุกขึ้นยืน มันจ้องมองหยางเทียนและเอ่ยปากถาม

“เจ้าหมายความว่า แม้แต่หัวหน้าหอจงก็ตกเป็นเหยื่อศัตรู?”

เห็นหยางเทียนพยักหน้า หานเซียวก็กระแทกนั่งอย่างซึมเซามันโบกมือแก่ทุกคนกล่าวว่า

“พวกเจ้าทุกคนไปได้แล้ว ปฏิบัติตามที่รองหัวหน้าค่ายว่า เสริมกำลังป้องกันภายในค่ายและรายงานทันทีที่พบผู้บุกรุก!”

สถานที่เร้นลับแห่งหนึ่งเชิงเขาของภูไม้ดำ จากที่นี้สามารถมองเห็นถนนสายเดียวที่ทอดขึ้นสู่ยอดเขาได้            หลังจากฝึกฝนเพลงทวนเสร็จ ‘ไป่หยุนเฟย’ ก็พิงกายพักผ่อนกับต้นไม้  ‘หลี่เฉิงเฟิง’ มองหน้ามันสอบถามอย่างงุนงง

“ ‘หยุนเฟย’  พวกโจรไม่เคลื่อนไหวมาสามวันแล้ว พวกเราจะเพียงเฝ้าดูที่เชิงเขาเช่นนี้? แม้พวกเราจะพกเสบียงมามากมายแต่ยังไม่อาจเทียบกับของพวกโจร หากพวกมันไม่ลงจากเขาสักเดือนสองเดือนพวกเราจะทำเช่นไร?”

‘ไป่หยุนเฟย’ นำถุงใส่น้ำออกมาดื่มแล้วกล่าวอย่างยิ้มแย้ม

“ไม่ต้องกังวล พวกโจรต่างหากที่เป็นฝ่ายต้องกังวล พวกเราทราบสถานการณ์คร่าวๆบนเขาแล้ว ยามนี้ผู้ฝึกปรือวิญญาณในค่ายเพียงรองหัวหน้าระดับปลายด่านปัจเจกวิญญาณผู้เดียวพวกเราก็ตึงมือแล้ว อย่าว่าแต่หัวหน้าค่ายระดับกลางด่านวีรชนวิญญาณ อีกทั้งหัวหน้าหอระดับปลายด่านนวกวิญญาณ หากพวกเราหุนหันเข้าโจมตีกลับจะพาตัวเข้าสู่อันตราย…”

“ข้อมูลที่ขู่เข็ญมาได้นี้เชื่อถือได้หรือไม่? หากพวกเราถูกหลอกลวงเล่า?”

‘หลี่เฉิงเฟิง’ เอยถามอย่างสงสัย

“พวกเราไม่อาจเชื่อถือสนิทใจ แต่ข้อมูลเหล่านี้ก็ไม่ได้ไร้ค่าสิ้นเชิง อย่างน้อยเราก็ทราบคร่าวๆถึงกำลังบนเขา ชัยภูมิและจุดเร้นลับที่ไม่อาจละเลย ดูเหมือนพวกมันจะพร้อมใจกันไม่ลงจากเขา เช่นนั้นคืนนี้เราไปเดินเล่นด้านบนเถอะ”

หานเซียวที่นอนกรนสนั่นถูกปลุกสะดุ้งตื่นกลางดึกจากเสียงโห่ร้อง มันรีบลุกขึ้นอย่างหวาดระแวง ขณะที่มันใส่เสื้อผ้าเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ได้ยินโจรผู้หนึ่งรายงานอยู่นอกประตู

“ท่านหัวหน้า มีคนลอบขึ้นเขามา! หัวหน้าหอเซียวเร่งรุดไปแล้ว!”

ยามที่หานเซียวไปถึงห้องโถงใหญ่ของค่าย รองหัวหน้าหยางเทียนก็มาถึงพร้อมกัน เมื่อพบหน้าหานเซียว หยางเทียนก็กล่าวอย่างกังวลใจ

“หัวหน้า รีบไปที่นั้นเถอะ เจ้าป่าเถื่อนเซียวเฉินกลับไม่รอคำสั่งออกไปโดยไม่บอกกล่าว ยามนี้หวังเพียงให้มันต้านทานผู้บุกรุกได้จนพวกเราไปถึงเถอะ…”

มันสองคนนำพวกโจรเร่งรุดออกจากค่ายไปทันที ก่อนที่จะไปถึงจุดที่มีการต่อสู้ พวกมันก็ได้ยินเสียงคำรามโห่ร้องและเสียงแผดร้องอย่างน่าเวทนาดังไม่หยุด.

ทางขึ้นสู่ยอดภูไม้ดำมีเพียงถนนเส้นเดียว เป็นเส้นทางที่ต้นแคบปลายกว้าง ยามนี้ปรากฏพวกโจรกว่าร้อยคนออกันอยู่บนทางแยกแคบเล็ก พวกมันส่วนใหญ่ล้วนเบียดเสียดกันอยู่ด้านหลังมีเพียงโจรไม่กี่คนที่ต่อสู้อยู่แนวหน้า

‘หลี่เฉิงเฟิง’ พุ่งกายถอยหลังมุ่งหน้าว่องไวราวกับเสือดาวปราดเปรียวล่าเหยื่อ มีดสั้นทั้งคู่ราวกับจะเรียกเลือดได้ทุกคราที่ยื่นออก พวกโจรที่เข้ามาใกล้ก็ถูกมันฆ่าตายเกือบหมดสิ้น

ด้านหลังมันไม่ไกล ‘ไป่หยุนเฟย’ ร่ายรำทวนเปลวอัคคีเข้าต่อสู้กับผู้ที่ใช้ทวนเช่นกัน ชายผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเซียวเฉินนั่นเอง

‘ไป่หยุนเฟย’ แม้จะเข้มแข็งกว่าเซียวเฉิน แต่เห็นได้ชัดว่าเพลงทวนมันด้อยกว่าคู่ต่อสู้ มันจึงถอยหลังหลอกล่อให้พัวพันต่อสู้ในระยะประชิด

หลังจากใช้ทวนทะลวงแทงโจรที่ลอบทำร้าย ‘ไป่หยุนเฟย’ ก็หมอบลงหลบเลี่ยงทวนที่ ‘เซียวเฉิน’ กวาดขวางเข้ามา ขณะเดียวกันก็บีบให้คู่ต่อสู้ล่าถอยด้วยทวนที่กวาดขวางออกเช่นกัน  ‘ไป่หยุนเฟย’ ยืดคอมองไปทางยอดภูก็เห็นกลุ่มโจรกลุ่มใหญ่อย่างเลือนลางเคลื่อนขบวนเข้ามา

‘ไป่หยุนเฟย’ พุ่งทวนแทงใส่ ‘เซียวเฉิน’ ถี่ยิบจากนั้นคว้าจับโจรที่ลอบเข้ามาจู่โจมโยนใส่คู่ต่อสู้ แล้วตะโกนไปยัง ‘หลี่เฉิงเฟิง’

“ถึงเวลาแล้ว เตรียมล่าถอย!”

ขณะเดียวกันมันก็หันกายเตรียมจะหลบหนี

“คิดหนีรึ? ไม่ง่ายนักหรอก!”

ขณะที่ปัดกระแทกโจรนั้นออก ‘เซียวเฉิน’ ตะโกนก้องทันทีหลังจากได้ยินว่า ‘ไป่หยุนเฟย’ จะล่าถอย มันพุ่งทวนในมือใส่กลางหลังไป่หยุนเฟยทันที

แต่มันไม่ทราบว่ายามที่ ‘ไป่หยุนเฟย’ หันกายไปกลับปรากฏรอยยิ้มที่มุมปาก!

‘ไป่หยุนเฟย’ ก้าวขาข้างหนึ่งใช้เป็นแกน หมุนกายกลับโดยฉับพลัน ทวนเปลวอัคคีในมือกวาดเป็นเส้นโค้งสีแดงฉาน ปัดทวนที่พุ่งมาหันเหไปอีกด้าน

แรงมหาศาลที่พุ่งมาตามคันทวนสร้างความตระหนกแก่เซียวเฉินยิ่ง ใบหน้ามันก็ฉายแววแตกตื่น — คู่ต่อสู้มันกลับไม่คิดหนีแต่แรก! ชั่วขณะที่จะล่าถอย แทนที่ไป่หยุนเฟยจะดึงทวนกลับมาจู่โจมกลับถีบเท้าพุ่งตรงมาเบื้องหน้ามัน

ภายใต้แววตาหวาดกลัวของคู่ต่อสู้ ‘ไป่หยุนเฟย’ ยกมือขวาขึ้นกระแทกหมัดทำลายล้างไปยังทรวงอกที่ไร้การป้องกันอย่างสิ้นเชิงของมัน

วิชาระลอกคลื่น พลังหมัดสามทบ!

ทวนยาวหลุดจากมือ ‘เซียวเฉิน’  ทรวงอกมันยุบลงไปเป็นรูปร่างประหลาดแล้วร่างมันก็ปลิวละลิ่วไปด้านหลังพร้อมกระอักเลือดออกมา

หลังจากฝึกฝนพลังหมัดสามทบมาหลายวัน ยามนี้ ‘ไป่หยุนเฟย’ ไม่ต้องหยุดชะงักหลังจากใช้ออกอีกต่อไป มันสะบัดทวนแทงถี่ยิบใส่ร่างคู่ต่อสู้ที่ถูกส่งลอยกลางอากาศ

รูโชกเลือดนับมากมายปรากฏบนร่างของ ‘เซียวเฉิน’  แต่มันกลับไม่ตอบสนองอันใด เห็นได้ชัดว่ามันตายแล้ว แต่ ‘ไป่หยุนเฟย’ ยังไม่หยุดมือ กระทั่งมันพุ่งทวนออกเป็นคราที่หกดวงตามันสาดประกายขณะตะโกนก้อง

“ปะทุ!”

“ปัง!!”

ภายใต้สายตาแตกตื่นของพวกโจรทั้งกลุ่ม ร่างของเซียวเฉินก็แตกระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในพริบตา ฝนโลหิตสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ ย้อมศีรษะใบหน้าพวกโจรทั้งหมดจนแดงฉาน

นี่เป็นฉากแรกที่หานเซียวและหยางเทียนได้เห็นเมื่อมาถึง

‘ไป่หยุนเฟย’ กวาดตามองพวกโจรกลุ่มใหญ่ที่ปรากฏในคลองจักษุ จากนั้นหันกายจากไปโดยปราศจากความลังเล มันและ ‘หลี่เฉิงเฟิง’ หายลับไปบนเส้นทางที่เชิงเขา กลับไม่มีโจรแม้แต่คนเดียวกล้าไล่ตามไป

เสียงจากที่ห่างไกลดังสะท้อนมาจากเชิงเขามาเข้าหูพวกโจรทั้งหมดที่เพิ่งมาถึง

“สามวันจากนี้ พวกเราจะล้มล้างค่ายไม้ดำ! ผู้ใดที่ยังอยู่บนภูไม้ดำจะต้องถูก… สังหาร!”

———————————————————————————————————–

เฝ้าตอรอกระต่าย หมายถึง อยู่เฉยๆรอผลประโยชน์โดยไม่ลงทุนลงแรงมีที่มาจาก ชาวนาคนหนึ่งไปเจอกระต่ายวิ่งชนตอไม้ตาย เลยเลิกทำนานั่งเฝ้าตอไม้รอกระต่ายวิ่งมาชนอีก ขอถอนคำพูดที่ว่าพระเอกโลกสวยนะครับเจ้าเมฆขาวลอยล่อง(ชื่อพระเอก)นี่มันโหด เจ้าเล่ห์ และก็รอบคอบมากจริงๆดูจากที่มันวางแผนแล้วก็ลงมือจัดการพวกโจรแล้วค่อยสมเป็นพระเอกหน่อยสำหรับตอนนี้อยากตั้งชื่อว่าดอกไม้ไฟมนุษย์มากเลยครับ  พระเอกมันโรคจิตชัดๆชอบเสียบคนแล้วระเบิดกลางอากาศ orz

 

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments