I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Upgrade Specialist in Another World (异界之装备强化专家) ตอนที่ 19 เวลาที่สุกงอมและการลอบเข้าสู่ค่าย

| Upgrade Specialist in Another World (异界之装备强化专家) | 946 | 2365 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ก่อนครบสามวัน โจรบางส่วนไม่อาจทนความหวาดกลัวในใจได้อีกจึงหาทางหลบหนีลงจากเขา พวกมันล้วนเป็นโจรที่เห็นการต่อสู้ระหว่างไป่หยุนเฟยกับเซียวเฉินด้วยตาตนเอง

เมื่อสิบสองคนแรกอาศัยความมืดลอบเร้นออกจากค่าย พวกมันก็ถูกพบเห็นและคร่ากุมกลับมา หานเซียวสั่งให้ฆ่าพวกมันทั้งหมดฐานทรยศต่อค่ายทันที

การลงมืออันโหดเหี้ยมนี้ยับยั้งพวกโจรที่ถูกความหวาดกลัวในตัวไป่หยุนเฟยครอบงำไม่ให้หลบหนีได้ แต่ความตื่นตระหนกภายในค่ายกลับไม่ลดลงแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม เนื่องเพราะบ่มเพาะมาหลายวันจึงยิ่งมายิ่งพอกพูน

ผ่านไปสามวัน นี่เป็นวันนัดของ ‘ไป่หยุนเฟย’  พวกโจรเกือบทั้งหมดในค่ายกลับไม่ได้นอนหลับทั้งคืน ยามนี้กระทั่งเดินเหินแต่ละก้าวพวกมันก็หันมองรอบกายหลายคราด้วยความหวาดระแวง เกรงว่าศัตรูจะโหมจู่โจมเข้ามาสังหารพวกมัน

แต่ทว่า… ‘ไป่หยุนเฟย’ กลับไม่ได้มาตามนัด

หลังจากหลายวันที่เฝ้าระวังและเตรียมพร้อม ทุกคนก็สำนึกได้ว่านี่เป็นศัตรูเจตนาหลอกลวง พวกมันอดถอนหายใจโล่งอกไม่ได้ กระนั้นเมื่อถึงวันที่ห้า พวกมันยังไม่ทันลดการป้องกันทั้งหมดลง ‘ไป่หยุนเฟย’ กับ           ‘หลี่เฉิงเฟิง’ ก็เข่นฆ่าขึ้นภูไม้ดำมาอีกครา!

มันทั้งคู่จู่โจมใส่กลุ่มโจรสองกลุ่มที่ลาดตระเวนอยู่ จากนั้นรีบหลบหนีทันทีที่เห็นหัวหน้ากับรองหัวหน้าค่ายปรากฏกาย!

สามวันจากนั้น พวกโจรในค่ายไม้ดำล้วนอยู่อย่างหวาดผวา เพราะศัตรูอาจบุกเข้ามาได้ทุกเมื่อ และแทนที่จะบุกเข้าจู่โจมค่ายพวกมันกลับมุ่งสังหารหน่วยลาดตระเวนใกล้เชิงเขาแล้วล่าถอย คราหนึ่งหัวหน้าและรองหัวหน้านำกำลังเฝ้ารออยู่ทั้งวันที่ปากทางขึ้นเขา กลับไม่มีเหตุร้ายใดเกิดขึ้น แต่ทันทีที่พวกมันกลับเข้าค่ายศัตรูก็ออกมา…มิคาด กว่า ‘หานเซียว’ กับ ‘หยางเทียน’ จะรู้สึกตัว ก็เหลือสมุนหลงเหลืออยู่ในค่ายไม่ถึงสองร้อยคน

ภายในโถงใหญ่ของค่าย หยางเทียนเห็นเศษโต๊ะเก้าอี้ที่ถูกหานเซียวทำลายยามโกรธแค้นกระจัดกระจายทั่วพื้น จึงกล่าวอย่างเชื่องช้า

“ท่านหัวหน้า หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เราต้องรอวันตายอยู่บนค่ายเป็นแน่ ข้าเห็นว่าเราสองคนสมควรเสี่ยงอันตรายออกไปสืบข่าว…”

“โอ? เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

‘หานเซียว’ เอ่ยปากถามหลังจากข่มกลั้นโทสะลงได้

“ศัตรูมั่นใจว่าพวกเราไม่กล้าลงเขาไปตอบโต้จึงใช้แผน‘บั่นทอนกำลัง’ สุดท้ายเมื่อค่ายเราอ่อนแอถึงขีดสุดอีกทั้งสิ้นกำลังจะต่อสู้ พวกมันจะขึ้นเขามาบุกจู่โจมเพื่อล้มล้างค่ายไม้ดำในคราเดียว มาถึงขั้นนี้แล้วต่อให้พวกเรายกกำลังลงเขาไปก็ต้องตกหลุมพรางศัตรู ฉะนั้นท่านกับข้าสมควรลงเขาไปสอดแนมเพียงสองคน”

‘หยางเทียน’ หยุดยั้งชั่วครู่จึงกล่าวต่อ

“ด้วยฝีมือของเราสอง ตราบที่เราไม่ประมาทต่อให้ถูกศัตรูซุ่มโจมตีก็ยังล่าถอยได้ หากเราไปอย่างน้อยยังพอได้ทราบสถานการณ์เพื่อตัดสินใจว่าจะต่อสู้พวกมันอย่างไร”

ยามนี้จิตใจ ‘หานเซียว’ ปั่นป่วนยุ่งเหยิงยิ่ง มันครุ่นคิดครู่ใหญ่จึงพยักหน้ากล่าว

“ตกลง! ทำตามเจ้าว่าเถอะ พวกเราจะลงเขาเมื่อใด?”

‘หยางเทียน’ สังเกตสีสันท้องฟ้าจึงกล่าว

“ยามนี้มืดค่ำแล้ว พวกเราจะลงเขาไปสอดแนมเวลาตีสาม!”

เมื่อ ‘หยางเทียน’ เดินออกมาจากโถงใหญ่ก็มีท่าทางท้อแท้กังกล อันที่จริงหากไม่จำเป็นมันก็ไม่ต้องการจะลงเขาไปสอดแนม  ที่มันบอกว่าหากไม่ประมาทยังล่าถอยได้ล้วนเพื่อปลอบขวัญหัวหน้าค่ายเท่านั้น ไม่เช่นนั้นมันคงดำเนินการเช่นนี้แต่แรก แต่ยามนี้มันไม่มีทางเลือกได้แต่ลงเขาไป กระนั้นยามที่นึกถึงทวนสีแดงฉานนั้นจิตใจมันก็สั่นสะท้าน หากถูกลอบจู่โจมมันจะป้องกันไว้ได้หรือไม่…

ที่เชิงเขา ‘ไป่หยุนเฟย’ และ ‘หลี่เฉิงเฟิง’ อาศัยความมืดลอบมุ่งหน้าขึ้นเขาช้าๆ

“ดำเนินการตามแผน คืนนี้พวกเราจะทำลายล้างค่ายไม้ดำให้สิ้นซาก!”

หลังจากฝึกฝนมาหลายวันในที่สุด ‘ไป่หยุนเฟย’ และ ‘หลี่เฉิงเฟิง’ ก็บรรลุระดับกลางด่านปัจเจกวิญญาณและระดับปลายด่านนวกะวิญญาณตามลำดับ ฉะนั้นจึงเริ่มดำเนินการตามแผน พวกมันหารือรายละเอียดและตัดสินใจทุ่มกำลังบุกจู่โจมค่ายโจรในคืนนี้

แน่นอนว่าการเข่นฆ่าเปิดทางขึ้นเขาไปนั้นย่อมไม่อาจทำได้ แม้ว่า ‘ไป่หยุนเฟย’ จะเข้มแข็งพอจะรับมือรองหัวหน้าได้ แต่หากหัวหน้าค่ายผู้บรรลุด่านวีรชนวิญญาณระดับกลางเข้าร่วมการต่อสู้ ต่อให้ ‘ไป่หยุนเฟย’ และ ‘หลี่เฉิงเฟิง’ ร่วมมือกันยังไม่อาจเอาชัยได้ อย่าว่าแต่ยังมีพวกโจรธรรมดาอีกนับร้อย

ดังนั้นพวกมันตัดสินใจให้ ‘ไป่หยุนเฟย’ ลอบเข้าสู่ค่ายและหาโอกาสสังหารรองหัวหน้า หากทำสำเร็จ คืนนี้พวกมันจะทำลายล้างค่ายไม้ดำได้อย่างสิ้นซากแน่นอน!

ต้องขอบคุณแผนลอบจู่โจมที่พวกมันใช้ในช่วงหลายวันมานี้ที่ทำให้คุ้นเคยกับเส้นทางไม่น้อย รวมกับข่าวสารที่สอบปากคำมาได้ก่อนหน้า ‘ไป่หยุนเฟย’ จึงมองเห็นภาพรวมของทั้งภูไม้ดำ

ยามนี้เวรยามที่ออกลาดตระเวนนับว่าหลวมคลายกว่าเดิมไม่น้อย ‘ไป่หยุนเฟย’ อาศัยความคล่องแคล่วและการหลบซ่อนลักลอบเข้าสู่ค่ายโดยไม่ถูกผู้ใดพบเห็น

แม้จะมีแผนผังภายในค่ายโจรอยู่ในใจ แต่เมื่อเข้ามาแล้วมันกลับรู้สึกว่าใหญ่โตกว่าที่คิดอยู่บ้าง หลังจาก       ‘ไป่หยุนเฟย’ ต้องใช้ความระมัดระวังหลบเลี่ยงเวรยามที่ลาดตระเวนเข้าออกอยู่ชั่วครู่ มันก็เริ่มสับสนและจำเส้นทางไม่ได้

มันจึงไม่มีทางเลือกต้องหาทางคร่ากุมโจรสักคนมาเค้นถามเส้นทางไปยังที่พักของรองหัวหน้าค่าย

ยามที่ ‘ไป่หยุนเฟย’ มาถึงด้านข้างห้องหลังหนึ่ง ก็ได้กลิ่นอาหารลอยมาจากด้านใน ที่นี่ย่อมต้องเป็นห้องครัว อีกทั้งภายในยังมีเสียงเคลื่อนไหวแว่วออกมา

“นี่เป็นยามวิกาลแล้ว โจรส่วนใหญ่ล้วนพักผ่อน หรือจะมีคนเกิดหิวโหยจึงมาที่นี่หาอาหารรับประทาน? นับว่าเหมาะเจาะ ข้าเลือกเจ้า!”

หลังจากเหลียวมองรอบข้าง ‘ไป่หยุนเฟย’ ก็ผลักเปิดประตูที่ไม่ได้ลงกลอนอย่างระมัดระวัง มันรีบเข้าห้องพุ่งเข้าไปด้านหลังคนที่อยู่ในห้องแล้วใช้มือซ้ายปิดปากเป้าหมาย จากนั้นยกมือขวาขึ้นหนามธารน้ำแข็งก็ปรากฏในมือ แล้วจ่อไปยังลำคอคนผู้นั้นพร้อมตวาดเสียงค่อย

“อย่าส่งเสียง! ไม่เช่นนั้นจะฆ่าเจ้าเดี๋ยวนี้!”

เพราะถูกคร่ากุมกะทันหันคนผู้นั้นส่งเสียงอู้อี้ตามสัญชาติญาณ กระนั้นหลังจากได้ยินคำพูด ‘ไป่หยุนเฟย’ ก็หยุดส่งเสียงตามคำสั่ง แต่ยังร่างยังคงสั่นระริกไม่หยุด

“โอ?”

ขอบคุณแสงสลัวจากดวงจันทร์ด้านนอกที่ทำให้ ‘ไป่หยุนเฟย’ เห็นชัดตา มิคาดเป้าหมายกลับเป็นสตรี!            หรือจะเป็นโจรสตรี?

‘ไป่หยุนเฟย’ งงงันวูบ แต่จากนั้นก็กล่าวข่มขู่

“ข้าจะปล่อยเจ้า อย่าได้ร่ำร้อง! ไม่เช่นนั้นจะฆ่าเจ้าเช่นเดียวกับฆ่าโจรคนอื่น”

สตรีนั้นสั่นระริกด้วยความกลัว แต่หลังจากได้ยินคำพูด ‘ไป่หยุนเฟย’  หลังจากนางงงงันวูบมิคาดกลับมีท่าทีผ่อนคลาย นางไม่ได้แสดงท่าทีขัดขืนทั้งยังพยักหน้าเล็กน้อย

‘ไป่หยุนเฟย’ คลายมือซ้ายจากปากนางช้าๆ แต่หนามธารน้ำแข็งในมือขวายังจ่อที่ลำคอ หากนางกล้าตะโกนขอความช่วยเหลือมันจะลงมือฆ่าทันที

สตรีนางนั้นหอบหายใจเบาๆกล่าวเสียงค่อย

“ท่าน… ท่านคือผู้ที่หวังจะทำลายค่ายโจรแห่งนี้? ท่าน… ท่านมาเพื่อช่วยเหลือพวกเรา?”

“โอ?”

‘ไป่หยุนเฟย’ นิ่งงันไป นางหมายถึงอันใด? เมื่อเห็นสตรีนางนี้ไม่มีทีท่าจะตะโกนขอความช่วยเหลือ มันจึงลดหนามธารน้ำแข็งลงเล็กน้อยจากนั้นถอยหลังไปครึ่งก้าว ยามนี้มันจึงเห็นสตรีเบื้องหน้าชัดตา

นี่เป็นหญิงธรรมดาวัยกลางคนสวมใส่เสื้อผ้ามอมแมม นางจับจ้อง ‘ไป่หยุนเฟย’ ด้วยแววตาเปี่ยมความหวัง ไม่ว่ามองอย่างไรนางก็เป็นสตรีสัตย์ซื่อที่พบเห็นได้ในหมู่บ้านทั่วไปมากกว่าจะเป็นโจร

“ท่านไม่ได้เป็นโจร? ท่านเป็นใคร?”

‘ไป่หยุนเฟย’ ถามเสียงค่อย

“ข้า… ข้ามาจากหมู่บ้านเฉิงทางตะวันตกห่างจากภูไม้ดำไป 100 กิโลเมตร ปีก่อนพวกโจรคร่ากุมข้ามาที่ค่ายนี้ให้ซักผ้าทำอาหารแก่พวกมัน นอกจากข้าแล้วยังมีผู้คนถูกขังไว้ในค่ายอีกมากมาย ยังดีที่ผู้สูงอายุเช่นข้าเพียงถูกใช้งานหนักและทำอาหาร แต่ทว่า… เหล่าหญิงสาวอายุเยาว์ไม่เพียงถูกบังคับใช้งาน พวกนางยังต้องทนถูกย่ำยี… วิงวอนท่าน ได้โปรดช่วยเหลือพวกนาง!”

หญิงวัยกลางคนอ้อนวอนเสียงค่อยราวกับคว้าจับฟางเส้นสุดท้ายได้

มิคาดยังมีสตรีมากมายที่ถูกคร่ากุมมาอยู่ภายในค่าย!

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments