I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Upgrade Specialist in Another World (异界之装备强化专家) ตอนที่ 28 แทงจางหยางให้ตาย

| Upgrade Specialist in Another World (异界之装备强化专家) | 880 | 2358 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

“เป็นไปได้อย่างไร? เป็นไปได้อย่างไร? เจ้ามองเจตนาข้าออกได้อย่างไร…?”

‘จางหยาง’ มอง ‘ไป่หยุนเฟย’ อย่างซึมเซาราวกับสูญสิ้นกำลังทั้งมวล เมื่อก้มลงมองท่าทีงุนงงของ ‘จางหยาง’ ‘ไป่หยุนเฟย’ ก็เหยียดมุมปากลงพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ

“เจ้าหมายถึง ข้า ‘ไม่สมควร’มองอุบายเจ้าออก? ในสถานการณ์เช่นนี้เจ้ากลับยังอวดดีได้อีก…”

เมื่อได้ยินคำพูดเหน็บแนมของ ‘ไป่หยุนเฟย’  ร่างจางหยางก็สั่นระริกเล็กน้อย มันมอง ‘ไป่หยุนเฟย’ ด้วยท่าทีหดหู่ไม่น้อยพร้อมกับกล่าวเสียงแหบพร่า

“บอกข้าเถอะ ไฉนเจ้ามองออก?”

‘ไป่หยุนเฟย’ เขม้นมองมันด้วยรอยยิ้มคลุมเครือ  ‘จางหยาง’ มองตอบด้วยสายตายอมรับความพ่ายแพ้ ดูเหมือนมันละทิ้งความคิดต่อต้านโดยสิ้นเชิง เพียงหวังว่าก่อนตายจะทราบสาเหตุความพ่ายแพ้ของตน  ‘ไป่หยุนเฟย’ ก้มลงหยิบ‘เข็มเงินวิญญาณน้ำแข็ง’ทั้งสองเล่มจากข้างกาย ‘จางหยาง’ ที่ตัวแข็งทื่อ จากนั้นจึงเก็บไว้ในแหวนช่องมิติของตน

“ตั้งแต่เริ่มต่อสู้กับเจ้า ข้าก็พบความผิดปกติ เจ้าเป็นถึงนายน้อยตระกูลจางแห่งเมืองลั่วซีทั้งยังเป็น‘ศิษย์เอก’แห่งสำนักธารน้ำแข็ง กลับไม่มีวัตถุวิญญาณไว้ป้องกันตัวแม้แต่ชิ้นเดียว แม้แต่ยามลอบโจมตีข้าด้วยเคล็ดวิญญาณที่ช่วยยืดขยายแขนก็ยังไม่เห็นเจ้าใช้วัตถุวิญญาณ”

‘ไป่หยุนเฟย’ ยังคงก้มมอง ‘จางหยาง’ จากเบื้องบนราวกับเพลิดเพลินกับความรู้สึกของชัยชนะ

“ดังนั้นจึงเป็นไปได้สองทาง อย่างแรกคือเจ้าไม่มีวัตถุวิญญาณในครอบครอง อีกอย่างก็คือเจ้าซุกซ่อนวัตถุวิญญาณเอาไว้และต้องไม่ใช่อาวุธที่ใช้จู่โจมซึ่งหน้าอย่างดาบหรือกระบี่ ตรงกันข้าม…จะต้องเป็นอาวุธซัดที่ใช้โจมตีอย่างลอบเร้น!”

“แต่ข้ากล่าวอย่างชัดเจนว่า…”

“เจ้ากล่าวอย่างชัดเจนว่า‘กระทั่งศิษย์เอกแห่งสำนักธารน้ำแข็งอย่างข้ายังไม่มีในครอบครองแม้แต่ชิ้นเดียว’กระมัง?”

‘ไป่หยุนเฟย’ สอดคำและกล่าวต่อไป

“คำพูดนี้ดูเหมือนหลุดปากเพราะเจ้าความหวาดกลัวและไม่เชื่อถือว่าข้าจะมีวัตถุวิญญาณหลายชิ้นเพียงนี้ แต่หากมองอีกด้าน…เจ้ากำลังบอกใบ้ข้าว่า‘เจ้าไม่มีวัตถุวิญญาณในครอบครอง’น่าเสียดายที่ข้าให้ความสนใจคำพูดนี้”

“หากเพียงเท่านี้ย่อมไม่อาจกระตุ้นความสงสัยข้ามากนัก แต่นับว่าเจ้าโชคร้ายที่ข้าคาดคิดถึงเรื่องนี้แต่แรก ดังนั้นคำกล่าวเจ้ายิ่งตอกย้ำให้ข้าระแวงยิ่งขึ้น”

“เจ้าหวังจะใช้อาวุธลับนี้หลังจากข้าไล่ตามออกจากหน้าต่างกระมัง?”

‘ไป่หยุนเฟย’ กล่าวอย่างเรียบเฉยจากนั้นไม่แยแสท่าทีตะลึงงันของ ‘จางหยาง’  กล่าวต่อไป

“แต่เจ้าเห็นว่ายังไม่ใช่จังหวะอันเหมาะสมอีกทั้งยังพบว่าข้าไม่ตั้งใจจะลงมือฆ่าในทันที เจ้าจึงปล่อยให้ข้าโยนกลับเข้ามาด้านในหวังจะหาจังหวะอันเหมาะสมที่จะลอบทำร้ายข้า ใช่หรือไม่?”

“เจ้าประหลาดใจหรือไม่ที่ข้าไฉนทราบเรื่องเหล่านี้? ดูเหมือนเจ้าจะลืมไปว่าข้าก็ใช้มีดบินเป็นอาวุธ ยามที่เจ้าล้วงเข็มทั้งสองเล่มออกมาจากด้านหลัง แม้เจ้าจะคิดว่าแนบเนียนแต่น่าเสียดายที่ข้าคุ้นเคยกับความเคลื่อนไหวเช่นนี้ยิ่ง ข้ายังทราบกระทั่งว่า ที่เจ้าแสร้งถอยกายก่อนจะลอบจู่โจมก็เพื่อล้วงอาวุธลับออกมา…”

“สุดท้าย เจ้ายังอาศัยครอบครัวผู้เฒ่าอู๋มาข่มขู่อีก ข้าต้องชมเชยที่ไหวพริบเจ้าฉับไวนัก แต่น่าเสียดายที่ข้าทราบแต่แรกว่าเจ้าโกหก!”

“เจ้า… ไฉนเจ้าทราบได้?”

‘จางหยาง’ เอ่ยปากถามโดยไม่รู้สึกตัวด้วยใบหน้าไร้สีเลือด

“นั่นเพราะ เมื่อสองวันก่อนข้าไปคารวะหลุมศพผู้เฒ่าอู๋ก็ยังพบเห็นครอบครัวของท่าน!”

“ดังนั้น ที่เจ้าลังเลจนเผยช่องโหว่ก็ล้วนเสแสร้งขึ้นเพื่อล่อลวงให้ข้าเผยไพ่ตาย…”

‘จางหยาง’ กล่าวอย่างสิ้นเรี่ยวแรงด้วยสีหน้าซึมเซา

“มิผิด”

“ยังมีอีกสองเรื่องที่ข้าไม่อาจเข้าใจได้ ในเวลาไม่ถึงสองเดือนไฉนเจ้ากลับกลายเป็นยอดฝีมือในเวลาอันสั้น? มิหนำซ้ำเจ้ายังได้รับแหวนช่องมิติและวัตถุวิญญาณอย่างน้อยสามชิ้น หรือเป็นเพราะเจ้าเข้าสู่สำนักช่างประดิษฐ์แล้วจริงๆ?”

‘จางหยาง’ เฝ้าถามพลางทอดถอนใจ หลังจากอุบายของมันถูกศัตรูมองออกทะลุปรุโปร่งก็ทราบแล้วว่าต้องประสบชะตากรรมอันโหดร้าย กระนั้นหลังจากเอ่ยปากถาม ‘จางหยาง’ กลับไม่ได้รับคำตอบ เมื่อเงยหน้ามองก็เห็น ‘ไป่หยุนเฟย’ ยืนกอดอกจ้องมองมันอย่างเย้ยหยันด้วยรอยยิ้มจางๆที่มุมปาก

ยามสบตากับ ‘ไป่หยุนเฟย’   ‘จางหยาง’ ก็รู้สึกราวความคิดมันถูกอ่านออกหมดสิ้นจึงเย็นวาบไปทั้งร่างในบัดดล มันหลบสายตาอย่างไม่รู้สึกตัว  ‘ไป่หยุนเฟย’ จึงเอ่ยวาจาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“เจ้า…กำลังถ่วงเวลาด้วยความหวังว่าจะมีผู้ใดเร่งรุดมาช่วยชีวิตกระมัง?”

“จะ… จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร? ด้วยสภาพข้าในตอนนี้ เจ้าจะเอาชีวิตข้าเมื่อใดก็ย่อมได้”

‘จางหยาง’ แตกตื่นไปชั่วครู่รีบสั่นศีรษะไม่หยุดยั้ง จากนั้นกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าโสก

“ข้าเพียงหวังจะคลายความสงสัยในใจก่อนถูกสังหาร จะได้ตายโดยไม่สำนึกเสียใจ…”

“อืม แต่เมื่อวิญญาณเจ้าแตกดับไป จะมีข้อแตกต่างอันใดระหว่างทราบกับไม่ทราบ? เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุแปรเปลี่ยนข้าสมควรฆ่าเจ้าในบัดดล”

‘ไป่หยุนเฟย’ กล่าวเสียงนุ่มนวลราวกับเจรจาต่อรองกับจางหยาง เมื่อเห็นสีหน้าอันฉงน ไม่ยินยอม หวาดหวั่นและสิ้นหวังของ ‘จางหยาง’  ‘ไป่หยุนเฟย’ ก็อดไม่ได้ต้องกลั้วหัวเราะกล่าวว่า

“เจ้าคงแปลกใจว่าหลังจากมองอุบายเจ้าออกไฉนข้ายังคงพูดคุยกับเจ้ามากมายกระมัง?”

“ข้าเพียงต้องการดูสีหน้าของเจ้า! นายน้อยตระกูลจางผู้ยิ่งใหญ่เจ้ารู้สึกอย่างไรเมื่อตกอยู่ในเงื้อมมือผู้อื่นที่สามารถตัดสินชะตาของเจ้าตามปรารถนา? เจ้าเคยคาดคิดหรือไม่ว่าจะมีวันนี้?”

‘ไป่หยุนเฟย’ หันหน้ามองไปเบื้องนอกและหัวเราะพลางกล่าววาจา

“ครานี้ต้องขอบคุณบริวารเจ้า เพราะเจ้าจะมาเยือนในคืนนี้พวกมันจึง ‘เก็บกวาด’โดยรอบอย่างละเอียด ยามนี้ปราศจากผู้คนผ่านมาทางนี้ทั้งยังปราศจากผู้ที่จะรุดมาตรวจสอบเสียงผิดปกติเมื่อครู่…”

“เดิมทีข้าหวังจะเล่นกับเจ้าให้เนิ่นนานกว่านี้ ทว่ายามนี้ข้าไม่อาจอดรนทนได้แล้ว ข้าเกรงว่าหากทอดเวลานานออกไปจะมีเหตุไม่คาดฝันอันใดอีก ฉะนั้นแล้ว…”

มันกล่าวพลางยื่นแขนขวาแล้วทวนเปลวอัคคีก็ปรากฏในมือโดยฉับพลัน

“เตรียมชดใช้สิ่งที่เจ้าก่อไว้เถอะ!”

เห็น ‘จางหยาง’ ที่ตะเกียกตะกายถอยหลังไม่หยุดด้วยสีหน้าเปี่ยมความหวาดกลัวไป่หยุนเฟยก็สืบเท้าเข้าหาทีละก้าวพลางกล่าวว่า

“ขณะที่ข้าสังหารผู้คุ้มกันเจ้าเมื่อครู่ เจ้าคงเห็นการระเบิดปะทุนั้นแล้ว ขอบอกต่อเจ้าว่าทวนเล่มนี้มีโอกาสแสดงพลังระเบิดนี้เพียงหนึ่งในสิบส่วน… เจ้าจะถูกข้าทรมานจนตายช้าๆ? หรือว่าจะถูกระเบิดตายในทันทีกันแน่?”

“สำนึกผิดและภาวนาเถอะ!”

ขณะ ‘ไป่หยุนเฟย’ เขม้นมอง ‘จางหยาง’ ตรงหน้าที่ถอยกายไปด้านหลังไม่หยุดยั้ง ความโกรธเกรี้ยวอันไร้ขอบเขตก็ไม่อาจปิดบังได้อีกจึงพวยพุ่งออกทางสายตาจนหมดสิ้น มันพุ่งทวนในมือออกแทงขาซ้ายของ       ‘จางหยาง’

“ทวนนี้สำหรับหนี้แค้นของข้า! ข้าไม่ได้เป็นมดปลวกที่เจ้าจะบังคับให้ต่อสู้เพื่อความเพลิดเพลินตามอำเภอใจได้!”

ได้ยินเสียง‘ฉึก’ปลายหอกทะลวงแทงทะลุน่องปักตรึงกับพื้น  ‘จางหยาง’ หยุดยั้งลงและร่ำร้องโหยหวน ความรู้สึกร้อนรุ่มราวถูกแผดเผาพลุ่งพล่านขึ้น ความเย็นยะเยือกสุดขั้วที่ขาซ้ายก่อนหน้าพลันปลาสนาการไปสิ้น มันรู้สึกประหนึ่งถูกแท่งเหล็กที่ร้อนลวกแทงทะลุน่อง กระทั่งยังได้ยินเสียงเนื้อไหม้ดังไม่หยุดทั้งยังได้กลิ่นเผาไหม้จางๆ

‘ไป่หยุนเฟย’ ที่ใบหน้าเย็นชาดังน้ำแข็งไม่สะทกสะท้านอันใดกับเสียงแผดร้องของ ‘จางหยาง’  มันชักทวนกลับและพุ่งทวนออกไปยังขาขวาของ ‘จางหยาง’

“ทวนนี้เพื่อผู้เฒ่าอู๋ที่ไม่เพียงสูญเสียหลานสาวด้วยฝีมือเจ้า สุดท้ายยังต้องมาถูกบริวารเจ้านามหมาป่าวิบัติฆ่าตายขณะปกป้องข้า!”

ในที่สุด ‘จางหยาง’ ก็ไม่อาจประคองร่างได้อีกต่อไป แขนทั้งสองข้างมันสิ้นเรี่ยวแรงจึงล้มลงแผ่กายกับพื้น เสียงแผดร้องอันน่าสังเวชของมันก็ไม่อาจบรรเทาความเจ็บปวดแสนสาหัสที่ขาทั้งสองข้างมันได้

“ทวนนี้เพื่อหลานสาวผู้เฒ่าอู๋ที่ถูกเจ้าทรมานจนตายเพียงเพราะนางไม่ยินยอมถูกเจ้าล่วงเกิน!”

เมื่อแขนซ้ายมันถูกทะลวงแทงอีกข้าง ‘จางหยาง’ ก็สิ้นเรี่ยวแรงจะขัดขืนอีก ใบหน้ามันเปี่ยมด้วยความสิ้นหวังและหวาดกลัว ปากก็ส่งเสียงตะกุกตะกักอ้อนวอนขอความเมตตาจาก ‘ไป่หยุนเฟย’

“ทวนนี้เพื่อหญิงสาวด้านบนที่เกือบถูกเจ้าย่ำยี!”

ยามที่คมทวนทะลวงแขนขวาจางหยางก็เกิดระเบิดปะทุขึ้นโดยฉับพลัน จากนั้นเลือดเนื้อและเศษหินก็ปลิวว่อนทั่วบริเวณ การระเบิดปะทุครานี้ทิ้งรูขนาดชามอ่างไว้บนพื้น แขนขวาทั้งข้างของ ‘จางหยาง’ ก็ถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย! แล้ว ‘จางหยาง’ ก็สิ้นสติไป ไม่ทราบว่าเป็นเพราะความเจ็บปวดที่เสียแขนไปหรือเป็นเพราะถูกกระแทกจากแรงระเบิดกันแน่

“เจ้าสิ้นสติไปแล้ว? เช่นนี้เจ้ากลับไม่ต้องสัมผัสความทรมานชั่วขณะที่จะถูกสังหารอีก มิกลายเป็นสะดวกดายกับเจ้าเกินไปรึ? แล้วกันไปเถอะ เมื่อสิ้นสติแล้วตายเถอะ!”

‘ไป่หยุนเฟย’ ก้มลงมอง ‘จางหยาง’ ที่หมดสติด้วยสีหน้าเย็นชาราวน้ำแข็ง หลังจากชักทวนกลับก็ขยับแขนพุ่งทวนออกอีกคราอย่างดุดัน

“ทวนสุดท้ายเพื่อชาวบ้านยากไร้ที่ถูกเจ้ามองเป็นมดแมลงคอยข่มเหงรังแก”

ปลายทวนที่สาดประกายสีแดงเจิดจ้าก็ทะลวงสู่ทรวงอกจางหยาง พุ่งตรงทะลุหัวใจ!

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments