ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปหลายวันต่อมา ‘ไป่หยุนเฟย’ ทุ่มเทฝึกปรืออย่างหนักเท่าที่มันจะทำได้ในระหว่างที่ปิดประตูฝึกตน
มันเข้าฌานศึกษาวิธีการควบคุมจุดชีพจรพื้นฐานทั้งหลายเกือบตลอดเวลา และยามค่ำคืนก็ไม่ปล่อยเวลาโดยสูญเปล่าเช่นกัน แทนที่จะนอนหลับมันกลับทุ่มเทเวลาเพิ่มพูนพลังวิญญาณ เนื่องเพราะ ‘ไป่หยุนเฟย’ ใช้เวลาช่วงกลางวันศึกษาจุดชีพจรอยู่ตลอดเวลาจึงไม่มีเวลาที่จะเพิ่มพูนพลังวิญญาณได้ กระนั้นมันกลับมีวิธีการเฉพาะที่จะเพิ่มพูนพลังวิญญาณโดยไม่ยากเย็น!
วิธีการนี้ก็คือการใช้กระบวนการอัพเกรดไอเทม ยามนี้มันพักอยู่ในหมู่บ้านใกล้กับบ้านของหลี่เฉิงเฟิงจึงไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดอันตรายเมื่อมันหมดสติไป ดังนั้นมันจึงใช้กระบวนการอัพเกรดเพื่อสูบพลังวิญญาณออกจากร่างจนหมดสิ้นทุกคืน วันต่อมาเมื่อตื่นขึ้นพลังวิญญาณก็เพิ่มพูนขึ้นแล้ว — ช่างสะดวกสบายนัก
กระนั้นกลับมีปัญหาอยู่บ้าง นั่นคือเพียงไม่กี่วันสิ่งของมากมายที่เก็บไว้ในแหวนช่องมิติกลับถูกใช้ไปแทบหมดสิ้น สิ่งของทั่วไปเกือบทั้งหมดก่อนจะอัพเกรดถึงระดับ +10 ล้วนถูกทำลายกลับกลายเป็นเศษผงโลหะกองพะเนินราวกับอยู่มานับปีไม่ถ้วนแล้ว
ต่อมา ‘ไป่หยุนเฟย’ ไม่มีทางเลือกได้แต่เปลี่ยนวิธีการ ก่อนเข้านอนมันจะฝึกฝนเคล็ดควบคุมร่างกายหรือไม่ก็เคล็ดวิญญาณเพื่อใช้พลังวิญญาณส่วนใหญ่ออกไปจากนั้นค่อยใช้กระบวนการอัพเกรดสูบพลังวิญญาณที่เหลือให้หมดสิ้น ด้วยเหตุนี้ทุกค่ำคืนมันจะกระโดดโลดเต้นราวคลุ้มคลั่งก่อนจะเข้านอน ชาวบ้านที่ไม่ทราบเป็นความนัยคาดว่าเป็นเพราะมันมีพลังส่วนเกินมากไป แม้กระทั่งท่านป้าผู้หนึ่งยังหวังดีจะแนะนำสตรีแก่มันหวังว่าจะช่วยได้…
ถึงกระนั้น ผลลัพธ์ของ‘การฝึกฝนอันหนักหน่วง’ก็คือ เมื่อผ่านไปเจ็ดวัน ‘ไป่หยุนเฟย’ สามารถควบคุมจุดชีพจรหลายจุดบนแขนทั้งสองข้างได้พอที่จะใช้พลังหมัดเก้าทบได้โดยไม่ต้องทรมานจากผลข้างเคียงมากนัก ในที่สุดมันก็บรรลุเป้าหมายแรกได้ ขั้นต่อไปคือฝึกฝนจุดชีพจรบนขาทั้งสองข้างจากนั้นจึงเริ่มฝึกท่าเท้าเหยียบคลื่น
พลังวิญญาณของ ‘ไป่หยุนเฟย’ เพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอราววันละยี่สิบหน่วย ยามนี้ผ่านไปสิบสองวันนับจากวันที่บรรลุด่านวีรชนวิญญาณ ห้าวันแรกที่ใช้ไปกับการเดินทางจากเมืองลั่วซีมาที่หมู่บ้านมันเพียงใช้เคล็ดฝึกปรือวิญญาณเพื่อเพิ่มพูนพลังวิญญาณ หลังจากผ่านไปอีกเจ็ดวัน ยามนี้พลังวิญญาณของมันมีราว 1500 แต้ม ‘ไป่หยุนเฟย’ คาดว่าขอบเขตของระดับกลางด่านวีรชนวิญญาณสมควรอยู่ที่ 1600 แต้ม หรืออีกนัยหนึ่งก็คืออีกไม่กี่วัน ‘ไป่หยุนเฟย’ จะบรรลุระดับกลางด่านวีรชนวิญญาณแล้ว
สำหรับสิ่งของทั้งหลาย แม้ว่าโอกาสอัพเกรดสำเร็จจะมีเพียงน้อยนิด แต่หลังการอัพเกรดมากมายหลายครั้งมันก็ได้รับสิ่งของที่ผ่านการอัพเกรดระดับ +10 ถึงสิบกว่าชิ้นเช่น ดาบ กระบี่และพลอง
อาจบางทีเพราะได้แรงบันดาลใจจาก ‘ไป่หยุนเฟย’ ‘หลี่เฉิงเฟิง’ จึงฝึกปรืออย่างเอาเป็นเอาตายเช่นกัน มันถึงกับมีเวลาให้กับหลิงเอ๋อร์ที่รักน้อยลง กระนั้นหลิงเอ๋อร์ก็สมเป็นยอดภรรยาถึงกับไม่ปริปากบ่นแม้แต่คำเดียว นางกระทั่งยังมีทีท่าปลาบปลื้มยามที่มองดูสีหน้าเบิกบานของสามียามที่ฝึกฝีมือร่วมกับ ‘ไป่หยุนเฟย’
ก่อนที่ ‘ไป่หยุนเฟย’ จะมาถึงหมู่บ้านไม่นาน หลี่เฉิงเฟิงก็บรรลุด่านปัจเจกวิญญาณได้แล้ว ยามนี้มันฝึกปรือเคล็ดควบคุมกระดูกโลหิตและวิชาระลอกคลื่นที่เพิ่งได้รับมา ทั้งยังเพิ่มพูนพลังวิญญาณด้วยการฝึกปรือ ถึงอย่างนั้นเพียงผ่านไปสองวันแรกมันกลับทะลวงผ่านระดับกลางด่านปัจเจกวิญญาณได้แล้ว พลังของมันนับว่าเพิ่มพูนอย่างต่อเนื่อง แม้แต่ไป่หยุนเฟยยังประหลาดใจ หาก ‘หลี่เฉิงเฟิง’ มีทางลัดในการเพิ่มพูนพลังวิญญาณเช่นกระบวนการอัพเกรดเล่า…
ยามบ่ายวันนี้ ‘ไป่หยุนเฟย’ เข้าไปยังป่าในภูเขาหลังหมู่บ้านเพียงผู้เดียว เลือกสถานที่อันสันโดษนั่งขัดสมาธิ — ยามนี้มันต้องการทำสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง — อัพเกรดสิ่งของ — อัพเกรดสิ่งของระดับ +10!
ตลอดมา ‘ไป่หยุนเฟย’ ตัดสินใจให้ระดับ +10 เป็นขีดจำกัดสูงสุดที่จะอัพเกรด แต่ยามนี้มันมีสิ่งของ +10 ไม่น้อย จึงตัดสินใจอัพเกรดไปสู่ระดับที่สูงกว่าเพื่อที่จะศึกษาข้อมูลของกระบวนการอัพเกรดเพิ่มเติม อย่างไรเสียนี่ก็เป็นเพียงสิ่งของทั่วไปต่อให้ระเบิดสลายไปมันก็ไม่นำพา
หลังจากสูดลมหายใจแผ่วเบา ‘ไป่หยุนเฟย’ จึงพลิกข้อมือ มีดสั้นก็ปรากฏอยู่ในมือ
“เริ่มจากมีดสั้น +9 นี่เถอะ… อัพเกรด”
“อัพเกรดสำเร็จ”
“ระดับไอเทม: ธรรมดา”
“ระดับการอัพเกรด: +10”
“… …”
ข้อมูลที่ปรากฏในความคิดสร้างความยินดีแก่ ‘ไป่หยุนเฟย’ ยิ่ง
“นับว่าโชคดีนัก อัพเกรดคราแรกก็สำเร็จแล้ว เช่นนั้นอัพเกรดต่อไปเถอะ…”
“อัพเกรด”
“อัพเกรดล้มเหลว”
“ไอเทมถูกทำลาย”
ได้เห็นมีดสั้นในมือกลับกลายเป็นเศษผงโลหะ ‘ไป่หยุนเฟย’ ก็ผิดหวังอยู่บ้าง
“โธ่เอ๋ย! อย่างที่คาด นับว่าสำเร็จไม่ง่ายจริงๆ…”
มันจึงหยิบมีดสั้น +10 อีกเล่มออกมา
“อัพเกรด”
“อัพเกรดล้มเหลว”
“ไอเทมถูกทำลาย”
มันหยิบมีดสั้น +10 ออกมาอีกเล่ม
“อัพเกรด”
“อัพเกรดล้มเหลว”
อีกเล่ม…
“อัพเกรด”
“อัพเกรดล้มเหลว”
“อัพเกรด”
“อัพเกรดล้มเหลว”
“… …” ……
“ทุ่มเทให้หมดสิ้นเถอะ! ครานี้ข้าต้องทำให้สำเร็จ ลองอัพเกรดเข็มเงินวิญญาณน้ำแข็งนี้เถอะ!”
“อัพเกรด!”
“… …” ……
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ปรากฏผงโลหะกองใหญ่อยู่เบื้องหน้า ‘ไป่หยุนเฟย’ มันกัดฟันกรอดขณะมองดูดาบยาวหนึ่งเมตรในมือด้วยสีหน้าขุ่นแค้น
“ระดับไอเทม: ธรรมดา”
“ระดับการอัพเกรด: +11”
“สร้างความเสียหาย: 31”
“สร้างความเสียหายเพิ่มเติม: 56”
“ผลกระทบเพิ่มเติมสำหรับการ +10: เมื่อจู่โจมมีโอกาส 3% ที่จะกระแทกศัตรูถอยหลัง”
สิ่งจำเป็นในการอัพเกรด: แต้มวิญญาณ 30 แต้ม
ดาบใหญ่เล่มนี้จะเป็นสิ่งใดหากไม่ใช่ดาบที่มันใช้ต่อสู้กับหัวหน้าหอจง รอยบิ่นยังคงอยู่บนคมดาบอีกทั้งตัวดาบยังปรากฏรูที่ถูกหนามธารน้ำแข็งทะลวงผ่าน
หลังจากจับจ้องดาบใหญ่อยู่เนิ่นนาน ในที่สุด ‘ไป่หยุนเฟย’ อดไม่ได้ต้องยืนขึ้นอย่างขุ่นแค้น มันโยนดาบลงพื้นอย่างดุดันและตะโกนด่าทอ
“มารดาเจ้าเถอะ! ข้าทำอันใดผิด?! สิ่งของธรรมดาระดับ +10 ทั้งห้าชิ้นและกระทั่งเข็มเงินวิญญาณน้ำแข็งทั้งสองเล่มล้วนถูกทำลาย! นั่นเป็นวัตถุวิญญาณ! นั่นเป็นถึงวัตถุวิญญาณ บัดซบ! ทั้งสองเล่มล้วนถูกทำลาย! แต่ที่อัพเกรดสำเร็จกลับมีเพียงดาบผุพังเล่มหนึ่ง?!”
“บัดซบ! บัดซบ!”
ยิ่งครุ่นคิด ‘ไป่หยุนเฟย’ ก็ยิ่งพลุ่งพล่านดาลเดือด มันยกดาบขึ้นและคำรามเสียงต่ำ
“อัพเกรด!”
“อัพเกรดล้มเหลว”
“ไอเทมถูกทำลาย”
ดาบเล่มใหญ่กลับกลายเป็นผงโลหะล่องลอยลงสู่พื้นทิ้งไว้เพียงมือที่ว่างเปล่า
สีหน้า ‘ไป่หยุนเฟย’ แข็งค้างไปชั่วครู่จากนั้นกลายเป็นบิดเบี้ยวปั้นยาก ดวงตาทั้งคู่เต็มไปด้วยสายเลือด มันสะบัดข้อมือหนามธารน้ำแข็งก็ปรากฏในมือ
“ข้า ข้า…”
เนื่องเพราะมันบีบหนามธารน้ำแข็งเอาไว้แน่น มือจึงขาวซีดปรากฏเส้นเลือดดำปูดขึ้น ทั้งร่างมันสั่นระริกไม่หยุด
สีหน้า ‘ไป่หยุนเฟย’ แปรเปลี่ยนกลับกลาย หลังจากพลุ่งพล่านราวสิบนาทีในที่สุดก็ระงับสติอารมณ์ลงได้ มันทรุดนั่งลงกับพื้นอีกคราอย่างหดหู่ เก็บหนามธารน้ำแข็งเอาไว้แล้วมองไปยังกองเศษผงโลหะตรงหน้าอย่างซึมเซา
ผ่านไปเนิ่นนาน ราวกับนึกบางอย่างออก ‘ไป่หยุนเฟย’ พลิกข้อมือก็ปรากฏของสิ่งหนึ่งในมือ — สิ่งนี้มีเหลี่ยมมุม สีแดงน่าหลงใหลและเย็นเฉียบ — จะเป็นสิ่งใดหากไม่ใช่ก้อนอิฐเล่า!
‘ไป่หยุนเฟย’ มีความรู้สึกอันพิเศษพิสดารต่อก้อนอิฐ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพียงเพราะมันอัพเกรดก้อนอิฐเป็นระดับ +10 โดยไม่ตั้งใจ จากนั้นจึงจู่โจมหมาป่าวิบัติได้โดยกะทันหันและฆ่ามันเพื่อเอาชีวิตรอด ดังนั้นแล้วจึงเก็บก้อนอิฐไว้ในแหวนช่องมิตอมาตลอด แม้จะไม่ใช่อิฐก้อนนั้นแต่ก็นับเป็นสิ่งที่
“ฮ่า…”
‘ไป่หยุนเฟย’ หัวเราะเย้ยหยันตนเอง สั่นศีรษะเล็กน้อยแล้วคิดในใจ
“อัพเกรด…”
“อัพเกรดสำเร็จ”
“เอ่อ…”
สีหน้า ‘ไป่หยุนเฟย’ แข็งทื่อ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจกับความสำเร็จครานี้มากนัก มันคิดในใจอีกคราด้วยท่าทีท้อแท้
“อัพเกรด”
“อัพเกรดสำเร็จ”
“ข้า… อัพเกรดอีกครา!”
สีหน้า ‘ไป่หยุนเฟย’ แปรเปลี่ยนไป มันคำรามราวคลุ้มคลั่ง
“อัพเกรดสำเร็จ”
“… … … …”
“… …”
หลังจากนิ่งงันไปชั่วครู่ ‘ไป่หยุนเฟย’ ก็ทำเช่นเดียวกับเมื่อครู่ มันยืนขึ้นอย่างขุ่นแค้น ขว้างก้อนอิฐลงพื้นอย่างดุดัน กระทืบเท้าตะโกนด่าทอ
“มารดาเจ้าเถอะ! เจ้าล้อข้าเล่นหรือไร?!?!?!”
————————————————————————-
มาแล้วครับ ขอโทษด้วยที่มาช้าไปหน่อย พอดีต้องไปต่างจังหวัดเพิ่งถึงบ้านตอนค่ำครับตอนนี้พระเอกมันหัวร้อนแล้วครับ ตีบวกแหกจนแทบหมดตัว ฮ่าๆๆๆ
ที่มา: