ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปเมื่อ ‘ไป่หยุนเฟย’ เห็นสีหน้าแสนตื่นเต้นของ ‘หลี่เฉิงเฟิง’ มุมปากของมันก็กระตุกรั้งอย่างผิดธรรมชาติ
“หวังว่า… ผลกระทบทั้งหมดจะทดลองได้หมดสิ้นโดยเร็ว…”
ยามนี้มันได้แต่ภาวนากับตนเองในใจ
เมื่อทั้งคู่ตั้งท่าเตรียมพร้อม ‘หลี่เฉิงเฟิง’ ก็ใช้ก้อนอิฐทุบหน้าผาก ‘ไป่หยุนเฟย’ ต่อไปอย่างแผ่วเบาครั้งแล้วครั้งเล่า — ใบหน้ามันกลับเปี่ยมด้วยความคาดหวัง
ยามที่ก้อนอิฐกระทบถูกเป็นครั้งที่สาม ‘ไป่หยุนเฟย’ พลันรู้สึกถึงกระแสพลังแปลกประหลาดทะลักเข้าสู่ศีรษะ ก่อนที่จะทันได้ตอบสนองอันใดก็รู้สึกวิงเวียนศีรษะ ทันใดมันเห็นเพียงแสงสีทองวาบเข้าสู่ดวงตาจากนั้นกลายดาวทองระยิบระยับเบื้องหน้า จิตใจมันกลายเป็นยุ่งเหยิงอีกทั้งพลังวิญญาณที่ใช้เสริมการป้องกันของผิวหนังกล้ามเนื้อบนหน้าผากก็สลายไปในชั่วพริบตา ‘ไป่หยุนเฟย’ ถอยกายไปสองก้าวอย่างไม่อาจควบคุมและล้มคว่ำลง
ยามที่ ‘หลี่เฉิงเฟิง’ ทุบก้อนอิฐลงครานี้ ก็รู้สึกถึงกระแสพลังวิญญาณไหลผ่านเข้าสู่ก้อนอิฐอย่างไม่อาจควบคุม จากนั้นจึงเห็น ‘ไป่หยุนเฟย’ ก้าวถอยหลังไปด้วยดวงตาเหม่อลอยจากนั้นก็ล้มลง มันรีบคว้าไหล่พยุงตัว ‘ไป่หยุนเฟย’ ไว้แล้วจึงถามอย่างหวาดหวั่น
“ ‘หยุนเฟย’ ? เจ้าเป็นไรหรือไม่?”
ขณะเอ่ยปากถามสอบถาม ‘ไป่หยุนเฟย’ ก็คืนสติกลับมา มันสั่นศีรษะทรงตัวขึ้นและกล่าวว่า
“ข้าไม่เป็นไร”
ก่อนจะจมสู่ภวังค์ครุ่นคิดไปอีกครา
“เฉิงเฟิง เมื่อครู่ข้ามึนงงไปนานเท่าใด?”
ครู่ต่อมา ‘ไป่หยุนเฟย’ จึงเงยหน้าขึ้นสอบถาม
“มึนงง? อา ช่วงสั้นๆเท่านั้น เพียงราวสามวินาที…”
‘หลี่เฉิงเฟิง’ งงงันวูบจากนั้นขบคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบคำ
“สามวินาที! แต่อาการมึนงงสามารถแสดงผลได้ถึงห้าวินาที นั่นหมายความว่าระยะเวลาแสดงผลแต่ละครั้งจะแตกต่างกันออกไปตามเป้าหมาย… เช่นครานี้หากเป้าหมายเปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งกว่าข้าอาจมึนงงเพียงหนึ่งวินาทีหรือกระทั่งครึ่งวินาที… กระนั้นระหว่างการต่อสู้แม้จะมึนงงเพียงครึ่งวินาทีก็เพียงพอให้เปลี่ยนกระแสการต่อสู้ได้แล้ว…”
‘ไป่หยุนเฟย’ พึมพำกับตนเองขณะครุ่นคิดด้วยดวงตาเป็นประกาย
เมื่อ ‘ไป่หยุนเฟย’ เงยหน้าขึ้นเห็นแววตางุนงงและกังวลห่วงใยของ ‘หลี่เฉิงเฟิง’ จึงกล่าวกลั้วหัวเราะ
“อย่าได้กังวล ข้าไม่เป็นไร ประเดี๋ยวข้าจะคลายความสงสัยในใจเจ้า ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ข้าต้องการทราบ มาทดลองกันต่อเถอะ!”
“เอ่อ… ทดลองต่อ? ตกลง ข้าจะรอคำอธิบายจากเจ้า”
‘หลี่เฉิงเฟิง’ อับจนปัญญาได้แต่พยักหน้ารับคำ
หลังจากนั้น ‘ไป่หยุนเฟย’ ก็ได้สัมผัสประสบการณ์ถูกเหวี่ยงขว้างสองครา ตามด้วยถูกเหวี่ยงขว้างพร้อมกับมึนงงในคราเดียว ก่อนจะได้รับรู้อาการสับสนตามที่คาดหวังในที่สุด
ยามที่อาการสับสนแสดงผล ภาพที่ ‘ไป่หยุนเฟย’ มองเห็นกลับกลายเป็นบิดเบี้ยวอีกทั้งจิตใจก็บังเกิดความสับสน ราวกับความคิดทั้งหลายประเดประดังเข้ามาพ้อมกันในคราเดียว กระนั้นนี่ยังไม่ร้ายแรงเท่าอาการมึนงง เนื่องเพราะมันยังคงควบคุมร่างกายและพลังวิญญาณได้ เพียงแต่ยากที่จะสอดประสานทั้งสองสิ่งได้
‘ไป่หยุนเฟย’ สั่นศีรษะก้าวเท้าออกไปครึ่งก้าวและพยายามเอื้อมมือไปแตะ ‘หลี่เฉิงเฟิง’ ตรงหน้าแต่ก็สัมผัสได้เพียงอากาศธาตุ
จากนั้นความรู้สึกอันแปลกประหลาดนี้ก็สาบสูญไปและโลกเบื้องหน้าก็กลับเป็นปกติ ‘ไป่หยุนเฟย’ พลันพบว่าตนเองเคลื่อนที่ไปยังด้านซ้ายมือของ ‘หลี่เฉิงเฟิง’ ห่างออกไปสองก้าว มิหนำซ้ำแทนที่จะหันหน้าหา ‘หลี่เฉิงเฟิง’ มันกลับหันไปด้านขวาแทน
“ ‘หยุนเฟย’ เจ้าสบายดีหรือไม่? เมื่อครู่เจ้าเป็นอะไร? ไฉนเจ้าราวกับพลันสูญเสียสัมผัสด้านทิศทางไป?”
‘หลี่เฉิงเฟิง’ เดินมาตรงหน้า ‘ไป่หยุนเฟย’ และสอบถามด้วยท่าทีฉงนใจ
“ข้าไม่เป็นไร…”
‘ไป่หยุนเฟย’ สั่นศีรษะและก้มหน้าครุ่นคิดอีกครา
“นี่คืออาการ‘สับสน’กระมัง? กลับคล้ายคลึงกับอาการมึนงง แต่ขณะเดียวกันก็แตกต่างอย่างใหญ่หลวง…”
“ ‘หยุนเฟย’ เจ้าคิดอันใดอยู่? ข้ายังต้องทุบเจ้าอีกหรือไม่?”
เมื่อเห็น ‘ไป่หยุนเฟย’ ไม่มีปฏิกิริยาใดอยู่เนิ่นนาน ‘หลี่เฉิงเฟิง’ ก็อดไม่ได้ต้องเอ่ยปากถาม
‘ไป่หยุนเฟย’ เงยหน้าขึ้นมองมันและดูด่าอย่างขบขัน
“หรือเจ้าเสพติดการทุบตีแล้ว? ไม่ต้องทุบข้าอีก ข้าค้นคว้าเสร็จสิ้นแล้ว ส่งก้อนอิฐคืนแก่ข้าได้แล้ว”
“โอ…”
‘หลี่เฉิงเฟิง’ ส่งก้อนอิฐให้แก่ ‘ไป่หยุนเฟย’ ด้วยท่าทีไม่ยินยอมอยู่บ้าง ใบหน้ามันยังฉายแววผิดหวัง
มุมปาก ‘ไป่หยุนเฟย’ กระตุกวูบ มันก็หัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้แล้ว จากนั้นจึงนั่งลงกล่าววาจา
“เอาเถอะ ยามนี้ข้าจะตอบข้อสงสัยแก่เจ้าทุกอย่าง”
ได้ยินดังนั้น ‘หลี่เฉิงเฟิง’ พลันแปรเปลี่ยนเป็นสนอกสนใจ มันนั่งลงด้านข้างและเอ่ยปากถามด้วยใบหน้าเปี่ยมความอยากรู้อยากเห็น
“ประเสริฐ ประเสริฐ รีบบอกข้าว่าเกิดอะไรขึ้น ไฉนก้อนอิฐนี้จึงอัศจรรย์เช่นนี้? จริงสิ… เมื่อคิดดูแล้ว มีดสั้นทั้งสองเล่มที่เจ้ามอบแก่ข้าก็ดูเหมือนจะไม่ธรรมดาเช่นกัน ข้ารู้สึกว่าช่างคลับคล้ายอิฐก้อนนี้…”
‘ไป่หยุนเฟย’ พยักหน้า
“มิผิด มีดสั้นทั้งสองเล่มที่ข้ามอบแก่เจ้า อิฐก้อนนี้ และทวนเปลวอัคคีกับหนามธารน้ำแข็งของข้า สิ่งของเหล่านี้ล้วนสร้างผลกระทบพิเศษอย่างน้อยหนึ่งอย่าง”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
‘หลี่เฉิงเฟิง’ แสดงออกว่าไม่เข้าใจ
“เอ่อ… ผลกระทบพิเศษเหล่านี้เป็นสิ่งที่เหนือธรรมชาติเกินจะคาดฝันถึงได้”
‘ไป่หยุนเฟย’ เงียบงันไปชั่วขณะ มันไม่ทราบจะอธิบายอย่างไร จึงได้แต่ยกตัวอย่าง
“ยกก้อนอิฐเมื่อครู่เป็นตัวอย่าง เจ้าคิดว่าหากไม่มีผลกระทบอันลึกลับของอิฐก้อนนี้ ตามปกติจะสามารถส่งผู้คนลอยขึ้นไปในอากาศได้หรือ? เช่นเดียวกับมีดสั้นของเจ้าทั้งสองเล่ม ผลกระทบของเล่มหนึ่งคือ เมื่อจู่โจมมีโอกาส 2% ที่จะลดความเร็วของคู่ต่อสู้ลง 10 วินาที’ เจ้ายังจำคราแรกที่พวกเราร่วมมือกันสังหารหัวหน้าหอแซ่จงได้หรือไม่? ช่วงสุดท้ายเป็นเพราะเจ้ากระตุ้นผลกระทบของมีดสั้นให้บังเกิดขึ้นจึงสามารถฆ่ามันลงได้”
เมื่อเห็นสีหน้าครุ่นคิดของ ‘หลี่เฉิงเฟิง’ ‘ไป่หยุนเฟย’ จึงกล่าวต่อ
“มีดสั้นอีกเล่มสามารถลดความเร็วของการฟื้นตัวของบาดแผลที่สร้างขึ้นได้ และทวนเปลวอัคคีของข้าสามารถสร้างการระเบิดปะทุได้ เดิมทีอาวุธเหล่านี้ไม่ได้มีผลกระทบพิเศษอันใด ข้าเป็นคนเพิ่มผลกระทบเข้าไปเอง ข้ามีความสามารถที่จะเพิ่มเติมผลกระทบพิเศษเข้าไปได้… ที่ข้าอธิบายเช่นนี้เจ้าเข้าใจแล้วกระมัง”
“ข้า… ยังคงไม่กระจ่างบางเรื่อง”
‘หลี่เฉิงเฟิง’ สั่นศีรษะอย่างสับสน
“แต่หากกล่าวอย่างเรียบง่ายคือเจ้ามีความสามารถอันเหนือธรรมดาที่จะเพิ่มเติมผลกระทบอันเหนือธรรมชาติแต่สิ่งของทั้งหลายใช่หรือไม่?”
“เอ่อ.. ถูกต้อง ข้อสรุปของเจ้าแม่นยำยิ่ง”
‘ไป่หยุนเฟย’ พยักหน้ายอมรับหลังจากขบคิดชั่วครู่
“โอ นี่…”
‘หลี่เฉิงเฟิง’ กลับไม่งุนงงหรือประหลาดใจดังที่ ‘ไป่หยุนเฟย’ คาดคิด มันครุ่นคิดอย่างสงบครู่ใหญ่ก่อนจะเอ่ยปากอีกครา
“นี่สมควรเป็นความลับของเจ้ากระมัง?”
‘ไป่หยุนเฟย’ งงงันวูบก่อนจะตอบคำ
“มิผิด กระทั่งยามนี้เจ้าเป็นคนแรกและคนเดียวที่ล่วงรู้ความลับข้า”
“อืม ข้าเข้าใจแล้ว หยุนเฟยเจ้าอย่าได้กังวล ข้าไม่มีทางบอกความลับนี้แก่ผู้อื่น”
‘หลี่เฉิงเฟิง’ กล่าวอย่างแน่วแน่หลังจากเงียบงันไปชั่วครู่อีกครา
‘ไป่หยุนเฟย’ แย้มยิ้มก่อนจะชกไหล่ของ ‘หลี่เฉิงเฟิง’ พลางกล่าวว่า
“หากข้าไม่เชื่อใจเจ้าย่อมไม่บอกความลับต่อเจ้าอย่างแน่นอน ไฉนเจ้าต้องให้คำมั่นราวกับเกรงข้าจะไม่เชื่อใจเจ้า?”
จากนั้นทั้งคู่จึงพูดคุยถึงผลกระทบทั้งหลายของอาวุธต่างๆ เห็นได้ชัดว่า ‘หลี่เฉิงเฟิง’ ประหลาดใจอย่างยิ่ง มันถึงกับเกือบจะหักห้ามใจไม่อยู่หยิบมีดสั้นทั้งสองเล่มออกมาเฉือนตนเองเพื่อสัมผัสประสบการณ์จากผลกระทบด้วยตนเอง ‘ไป่หยุนเฟย’ ไม่ได้กล่าวถึงรายละเอียดของกระบวนการอัพเกรดเนื่องเพราะยากที่จะอธิบายให้เข้าใจได้ อีกอย่าง ‘หลี่เฉิงเฟิง’ ก็ไม่ได้สอบถามเช่นกัน
“จริงสิ ‘เฉิงเฟิง’ พรุ่งนี้เจ้าไปที่เมืองลั่วซีให้ข้าได้หรือไม่?”
‘ไป่หยุนเฟย’ กล่าวกับ ‘หลี่เฉิงเฟิง’ ราวกับพลันนึกถึงบางอย่างขึ้นได้
“โอ? ไปที่เมืองลั่วซี? เจ้าต้องการให้ข้าทำอะไร?”
‘หลี่เฉิงเฟิง’ เอ่ยถามอย่างสงสัย
“เจ้าไปที่นั่นและซื้อมีดสั้นมาสักหลายเล่ม เพราะเจ้าตัดสินใจเลือกใช้มีดสั้นเป็นอาวุธ ข้าจะสร้างมีดสั้นที่ทรงพลังแก่เจ้าอีกสองเล่ม!”
“จริงหรือ? ประเสริฐมาก! พรุ่งนี้ข้าจะรีบไปที่นั่น!”
‘หลี่เฉิงเฟิง’ รับคำอย่างตื่นเต้น ดวงตามันเปล่งประกายแวววับ
“ถูกต้อง เจ้าไปที่ร้านศาสตราสมบัติร้านขายอาวุธใหญ่ที่สุดในเมือง ที่นั่นมีอาวุธชั้นดีมากมายเจ้าต้องซื้อมีดสั้นที่ดีที่สุดมา รับเงินนี้ไปและซื้อกลับมาให้มากที่สุดเท่าที่จะซื้อได้”
‘ไป่หยุนเฟย’ ส่งเงินให้แก่หลี่เฉิงเฟิง หลังจากลังเลชั่วครู่จึงกล่าวต่อ
“ยามที่เจ้าอยู่ในเมือง… ช่วยสืบว่ามีข่าวเกี่ยวกับข้าหรือไม่ แต่ต้องระวังให้ดีอย่าให้ผู้ใดสงสัยเจ้าได้”
‘หลี่เฉิงเฟิง’ ก็ไม่มีพิธีรีตองรับถุงใส่เงินมาใส่แหวนช่องมิติ ยามที่ได้ยินคำพูด ‘ไป่หยุนเฟย’ ตอนท้ายมันงงงันวูบขมวดคิ้วเล็กน้อยเพียงวูบเดียว จากนั้นราวกับนึกเรื่องบางอย่างออกสีหน้าจึงกลับเป็นปกติ มันพยักหน้ากล่าวว่า
“เข้าใจแล้ว ข้าจะระวังตัว” … … … …
ที่มา: