I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Upgrade Specialist in Another World (异界之装备强化专家) ตอนที่ 46 ความแตกต่างของพลัง

| Upgrade Specialist in Another World (异界之装备强化专家) | 1568 | 2363 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว

ขณะเผชิญกับฝ่ามือที่ฟาดใส่หัวใจ  ‘ไป่หยุนเฟย’ พลันถอยหลังครึ่งก้าวพร้อมกับกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดดำเบ่งพองขึ้นก่อนจะชกหมัดออกไป!   วิชาระลอกคลื่น พลังหมัดเก้าทบ!!

กระนั้นยามที่ ‘ไป่หยุนเฟย’ ชกหมัดที่วางแผนมาอย่างยาวนาน  ‘จางเจิ้นซาน’ ที่ตรงหน้าพลันส่งสายตาเย้ยหยัน! ชั่วขณะที่หมัดและฝ่ามือจะกระทบกันด้วยระยะห่างเพียงน้อยนิด ฝ่ามือข้างเดียวพลันกลับกลายเป็นฝ่ามือสองข้างก่อนจะกลายเป็นสี่ข้างแยกย้ายจู่โจมใส่หัวไหล่ซ้ายขวา หัวใจ และใบหน้าของ ‘ไป่หยุนเฟย’

ภายใต้แววตาตื่นตะลึงของ ‘ไป่หยุนเฟย’  ฝ่ามือที่มุ่งเป้าจู่โจมหัวใจและกำปั้นก็ปะทะกัน

ทว่าหมัดขวา ‘ไป่หยุนเฟย’ กลับทะลุผ่านฝ่ามือนี้ไป — นี่กลับเป็นภาพลวง! ยามเผชิญกับฝ่ามือที่จู่โจมใส่ใบหน้า

‘ไป่หยุนเฟย’ ไม่มีทางเลือกได้แต่เบี่ยงศีรษะไปด้านข้างอย่างเร่งร้อน ฝ่ามือครึ่งข้างก็ทะลุผ่านใบหน้ามันไป — นี่ก็เป็นภาพลวงอีกเช่นกัน!

ก่อนที่ ‘ไป่หยุนเฟย’ จะทันได้ตอบสนองอันใด พลังอันหนักหน่วงสุดคาดคิดก็กระแทกใส่ไหล่ซ้ายของมัน — มีเพียงฝ่ามือนี้เท่านั้นที่เป็นของจริง!

สิ่งที่สร้างความตื่นตระหนกอย่างใหญ่หลวงแก่ ‘ไป่หยุนเฟย’ ยามฝ่ามือนี้กระทบถูกก็คือ นอกจากพลังอันหนักหน่วงกระแทกเข้าใส่แล้ว ยังมีความเย็นยะเยือกแผ่ซ่านเข้าสู่ร่างกาย ยามที่ความเย็นนี้แทรกซึมเข้ามา ‘ไป่หยุนเฟย’ ถึงกับรู้สึกราววิญญาณถูกผนึกแข็งด้วยความหนาวเหน็บ!

เรื่องราวทั้งหมดบอกเล่าอย่างยืดยาว แต่ที่จริงกลับเกิดขึ้นและสิ้นสุดในชั่วพริบตาเดียว มือขวา ‘ไป่หยุนเฟย’ ยังคงยื่นค้างในท่าจู่โจม แต่ทั้งร่างมันกลับลอยละลิ่วไปด้านหลังดุจว่าวขาดป่านมองเห็นเพียงเงาร่างเลือนราง

“เฮอะ! เจ้าเด็กไม่รู้จักดีชั่ว! เพียงเพราะหลักแหลมอยู่บ้างก็คิดจะวางอุบายต่อข้า? อย่าได้ประเมินตนเองสูงเกินไปนัก!”

แววตาเหยียดหยามของ ‘จางเจิ้นซาน’ ฉายชัดเจนขึ้น แต่ขณะจะก้าวเท้าไล่ตามออกไปร่างก็พลันชะงักค้าง พร้อมกับสีหน้างงงันก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเหลือเชื่อ

เนื่องเพราะ ‘ไป่หยุนเฟย’ ที่ลอยละลิ่วออกไป ขณะจะกระทบพื้นกลับสามารถพลิกกายหยั่งเท้าลงพื้นก่อนจะย่อเข่าก้มตัวใช้มือยันพื้นเอาไว้ หลังจากไถลออกไปสามสี่เมตรก็ยั้งกายไว้ได้

ยาม ‘ไป่หยุนเฟย’ เงยหน้าขึ้นมอง ‘จางเจิ้นซาน’ ที่ตะลึงงันอยู่ตรงหน้า มุมปากก็ปรากฏรอยเลือดเป็นทาง เลือดลมมันพลุ่งพล่านจนแทบกระอักเลือดออกมาแต่ก็ฝืนกล้ำกลืนลงไป

“ข้าคาดการณ์ผิดไป… หรือข้ายังด้อยประสบการณ์เกินไปจริงๆ? ศัตรูบรรลุด่านภูติวิญญาณทั้งเป็นถึงผู้นำตระกูลจางที่ผ่านประสบการณ์ต่อสู้อย่างโชกโชน จะหลงกลข้าง่ายดายได้หรือ?… สุดท้ายข้ากลับหลงกลมันแทน หากมิใช่ฝ่ามือนี้ของมันเบี่ยงเข้าหาลำตัวกระแทกใส่ส่วนที่ถูกปกป้องด้วยเกราะวิญญาณไหมทอง ไหล่ข้าคงพิการไปแล้ว…”

“ภายใต้พลังป้องกันของเกราะวิญญาณไหมทองที่อัพเกรดถึง +10 ข้ายังคงบาดเจ็บสาหัส อีกทั้งที่น่ากลัวที่สุดกลับเป็นความเย็นยะเยือกนั้น หากมิใช่เพราะพลังป้องกันของเกราะวิญญาณไหมทองที่ช่วยให้ข้ามีเวลาโคจรพลังวิญญาณต่อต้านได้ทัน ไม่เช่นนั้นคงถูกความเย็นแทรกซึมไปแล้ว ต่อให้ไม่ถูกแช่แข็งไปทั้งร่าง ความเร็วในการเคลื่อนไหวข้าก็ต้องเชื่องช้าลงมากมายนัก!”

“นี่หรือคือพลังของด่านภูติวิญญาณ? พลังในการควบคุมธาตุธรรมชาติ…”

ยามนี้ ‘ไป่หยุนเฟย’ ลุกขึ้นยืนหยัดได้แล้ว มันปาดเช็ดรอยเลือดที่มุมปากก่อนจะนำทวนเปลวอัคคีออกมาอีกครา จากนั้นเขม้นมองจางเจิ้นซานที่เบื้องหน้า จางเจิ้นซานเหม่อมองการกระทำของไป่หยุนเฟยด้วยสีหน้าสับสนงุนงง

“ไฉนเป็นเช่นนี้ได้?! หลังจากถูกฝ่ามือข้ามันกลับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย! ต่อให้พลังข้าไม่สมบูรณ์พร้อม แต่ผู้บรรลุด่านวีรชนวิญญาณไม่สมควรจะต้านรับพลังฝ่ามือของผู้บรรลุด่านภูติวิญญาณเช่นข้าได้อย่างปลอดโปร่งเช่นนี้!”

“จริงสิ! มันสวมใส่เกราะวิญญาณไหมทองของหานเซียวไว้บนร่าง! แต่เกราะนั้นเป็นเพียงวัตถุวิญญาณชั้นมนุษย์ระดับต่ำ ไฉนมีพลังป้องกันมากมายถึงเพียงนี้? หรือเป็นเพราะ… พลังวิญญาณข้าหลงเหลืออยู่น้อยกว่าที่คาดคิด?”

คนทั้งสองต่างมีความคิดในใจราวกับครุ่นคิดหาหนทางรับมือคู่ต่อสู้ ผ่านไปชั่วขณะสถานการณ์ก็กลับกลายเป็นชะงักงัน  ‘ไป่หยุนเฟย’ เร่งเร้าโคจรพลังวิญญาณเพื่อขับไล่พลังเย็นยะเยือกออกจากร่าง ขณะเดียวกันก็ส่งสายตาชำเลืองมองทวนเปลวอัคคีในมืออย่างลอบเร้นพร้อมดวงตาทอประกายวูบ

“คิดไม่ถึงว่าข้าจะสามารถชักนำคลื่นความร้อนจากทวนเปลวอัคคีเข้าสู่ร่างได้! เมื่อครู่ เพื่อขับไล่ความเย็นออกจากร่างโดยเร็วจึงกระทำไปโดยไม่รู้สึกตัว แต่ไม่คิดว่าจะกระทำได้สำเร็จ!! น่าเสียดายที่ไม่สามารถค้นพบได้ก่อนหน้านี้… ไม่เช่นนั้นย่อมสามารถใช้ประโยชน์ในการต่อสู้ครั้งนี้ได้!”

“ข้าไม่อาจรอคอยต่อไปได้แล้ว เราทั้งคู่กำลังฟื้นฟูพลัง แต่มันย่อมต้องฟื้นฟูได้เร็วกว่า! ต้องไม่ปล่อยให้มันฟื้นฟูได้เต็มที่ไม่เช่นนั้นข้าจะยิ่งตกอยู่ในอันตราย!”

ถึงตรงนี้ ‘ไป่หยุนเฟย’ กัดฟันกวัดแกว่งทวนเปลวอัคคี อาศัยท่าเท้าอันพิสดารแปรเปลี่ยนร่างเป็นเงาพร่าเลือนพุ่งเข้าหา ‘จางเจิ้นซาน’ อย่างเร่งร้อน!

“มันมองออกอีกแล้ว? เห็นได้ชัดว่ามันด้อยฝีมือกว่าแต่กลับชิงลงมือก่อนทุกครา ความเข้มแข็งของจิตใจมันนับว่าไม่ธรรมดา!”

เมื่อเห็น ‘ไป่หยุนเฟยพุ่ง’ เข้ามา ดวงตา ‘จางเจิ้นซาน’ ก็ทอแววประหลาดใจ ก่อนจะแค่นเสียงอย่างเย็นชาพร้อมกับขยับกาย เมื่อทราบว่าศัตรูเชี่ยวชาญวิชาหมัดมวย

ยามนี้ ‘ไป่หยุนเฟย’ จึงเฝ้าระวังการถูกประชิดตัวแต่แรก ด้วยความเร็วและความคล่องตัวเมื่อใช้ท่าเท้าเหยียบคลื่น ทั้งอาศัยการกวัดแกว่งทวนมันกลับบีบ ‘จางเจิ้นซาน’ ล่าถอยได้ทุกครั้งที่พยายามจะรุกเข้าประชิด ทวนเปลวอัคคีเป็นอาวุธอันร้ายกาจทั้งยังมีผลกระทบการระเบิดปะทุ แต่ความร้ายกาจเกือบทั้งหมดกลับรวมศูนย์อยู่ที่ปลายทวนและจำต้องแทงถูกเป้าหมายจึงจะกระตุ้นให้เกิดระเบิดปะทุขึ้นได้

ตั้งแต่เริ่มแรก ‘จางเจิ้นซาน’ ก็ทราบแล้วว่าทวนนี้ไม่ใช่อาวุธธรรมดาจึงไม่กล้าต้านรับทวนซึ่งหน้าเช่นเดียวกับที่ใช้มือปะทะหนามธารน้ำแข็งก่อนหน้า

ดังนั้นแม้ ‘ไป่หยุนเฟย’ จะกวัดแกว่งทวนอย่างคล่องแคล่วก็ไม่อาจทำอย่างไรกับศัตรูได้ ทั้งคู่ต่อสู้กันต่อเนื่องหลายสิบกระบวนท่า

‘จางเจิ้นซาน’ เนื่องเพราะกริ่งเกรงพลังของทวนเปลวอัคคีจึงไม่อาจตอบโต้ทันท่วงที แต่กลับรับมือกระบวนท่า ‘ไป่หยุนเฟย’ ได้อย่างปลอดโปร่ง

กระนั้น ‘ไป่หยุนเฟย’ ยิ่งสู้ก็ยิ่งหวั่นวิตก มันทราบดีว่าศัตรูเจตนาลากถ่วงการต่อสู้ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป มันย่อมต้องสูญสิ้นพลังวิญญาณมากมายกว่าศัตรู ซึ่งจะยิ่งทำให้เสียเปรียบลงไปทุกที เมื่อจิตใจห่วงพะวง ‘ไป่หยุนเฟย’ ก็อดไม่ได้ต้องเร่งจู่โจม

หลังจาก ‘จางเจิ้นซาน’ หลบเลี่ยงทวนได้  ‘ไป่หยุนเฟย’ พลันสลับเท้าถอยครึ่งก้าวพร้อมชักทวนกลับ เส้นเลือดดำบนมือขวาก็ปูดขึ้นราวกับเร่งเร้าพลังในพริบตา ก่อนจะพุ่งทวนออกแทงสุดแรงด้วยความเร็วเหนือกว่าคราก่อนหลายเท่าตัว! ทะลวงสามทบ!!

ยามเผชิญกับทวนที่พุ่งเข้าใส่หน้าท้องอย่างรวดเร็ว ดวงตา ‘จางเจิ้นซาน’ ปรากฏแววตื่นเต้น แต่มันกลับไม่ตระหนกแม้แต่น้อย ชั่วขณะที่ปลายทวนจะกระทบถูกทั้งร่างพลันเคลื่อนขวางโดยไร้วี่แววล่วงหน้า หลบเลี่ยงท่าแทงนี้ได้อย่างง่ายดาย!

จากนั้น ‘จางเจิ้นซาน’ เอนกายไปด้านหน้าเล็กน้อยก่อนจะพุ่งกายอย่างกะทันหันไปถึงเบื้องหน้า ‘ไป่หยุนเฟย’ ในชั่วพริบตา ไม่งอเท้ายืดตัว ปราศจากวี่แววล่วงหน้า เพียงเคลื่อนขวางแล้วพุ่งไปเช่นนี้! แล้วร่างก็ไปปรากฏที่เป้าหมายราวกับไม่ได้ขยับเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย!

เคล็ดวิญญาณท่าร่าง ท่าเท้าธารน้ำแข็ง ด้วยท่าเท้าที่ราวกับไถลบนพื้นน้ำแข็ง จึงไม่จำเป็นต้องขยับเอนร่างซ้ายขวาอย่างสับสนเช่นเดียวกับท่าเท้าเหยียบคลื่น แม้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วเท่าท่าเท้าเหยียบคลื่น แต่กลับช่วยให้ผู้ใช้วิชาสามารถเคลื่อนไถลไปโดยไร้วี่แววอย่างกะทันหัน

ยามใช้ออกร่างท่อนบนจะไม่ขยับเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย นอกจากว่าท่านจะจับจ้องสังเกตที่เท้าของมัน ไม่เช่นนั้นจะไม่อาจคาดเดาการเคลื่อนไหวอันพิสดารนี้ได้ — แต่ใครจะเฝ้าสังเกตเท้าศัตรูยามต่อสู้ตลอดเวลาเล่า?

เมื่อการจู่โจมสุดกำลังถูกหลบได้ ก่อนที่ ‘ไป่หยุนเฟย’ จะทันได้ร่ำร้องออกมา ศัตรูก็ไถลมาถึงตรงหน้าแล้ว!

ด้วยแววตาที่เปี่ยมด้วยจิตสังหาร  ‘จางเจิ้นซาน’ ยกมือขวาขึ้นฟาดฝ่ามือใส่ศีรษะ ‘ไป่หยุนเฟย’ ! ฝ่ามือนี้ของมันราวกับถูกห่อหุ้มด้วยชั้นน้ำแข็ง กระแสลมจากฝ่ามือแผ่กระจายออกส่งมวลอากาศเย็นกระทบถูก ‘ไป่หยุนเฟย’ ทำให้มันขนลุกเกรียวไปทั้งร่าง —

ฝ่ามือนี้กลับน่าหวาดหวั่นกว่าฝ่ามือก่อนหน้าหลายเท่าตัวนัก! ม่านตา ‘ไป่หยุนเฟย’ ขยายกว้าง ยามนี้สายเกินไปที่จะชักทวนกลับมาป้องกันแล้ว มันได้แต่กัดฟันถีบเท้าโดยแรง

ร่าง ‘ไป่หยุนเฟย’ พลันทะยานถอยหลัง แม้จะต้องตกอยู่ในสถานการณ์อันเลวร้ายหากศัตรูมีท่าจู่โจมตามหลัง แต่มันจำต้องหลบเลี่ยงฝ่ามือนี้ให้ได้ก่อน!

และเนื่องเพราะมันกระโดดขึ้น ฝ่ามือนี้ที่ฟาดใส่ศีรษะจึงกลับกลายเป็นฟาดใส่ทรวงอกแทน เมื่อทะยานถอยหลัง จึงยืดระยะห่างออกจากฝ่ามือไปอีกราวหนึ่งนิ้ว

ดูเหมือน ‘ไป่หยุนเฟย’ จะหลบเลี่ยงฝ่ามือนี้ได้เพียงเส้นยาแดงผ่าแปด!

กระนั้นขณะที่ฝ่ามือนี้ราวกับจู่โจมสุดล้า  ‘จางเจิ้นซาน’ กลับเขม้นมองพลางแค่นเสียงเย็นชา ไหล่ขวามันสั่นระริกก่อนที่แขนขวาทั้งข้างจะบิดกระตุกอย่างพิสดาร ชั่วพริบตาแขนขวาข้างนั้นพลันยืดยาวกว่าเดิมอย่างกะทันหันอีกสองนิ้ว! ภายใต้แววตาตื่นตระหนกของ ‘ไป่หยุนเฟย’  ฝ่ามือนี้ก็กระแทกใส่ทรวงอกมันอย่างถนัดถนี่!

ที่มา:

ตอนที่แล้ว
comments