I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Upgrade Specialist in Another World (异界之装备强化专家) ตอนที่ 45 ทุ่มสุดตัว สู้

| Upgrade Specialist in Another World (异界之装备强化专家) | 1001 | 2359 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

เมื่อมองดูทุ่งหญ้าและป่าไม้กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาเบื้องหน้า  ‘ไป่หยุนเฟย’ แทบจะร่ำไห้ออกมา

“ที่นี่คือ… ข้าอยู่ที่ไหนกันแน่?”

ยามนี้มันมั่นใจอย่างยิ่งว่ามุ่งหน้าไปทิศเหนือ แต่ก็กลับไม่มีสิ่งใดช่วยบอกตำแหน่งว่าอยู่ที่ใด  ‘ไป่หยุนเฟย’ เพียงหวังว่าจะทะลุผ่านป่านี้ไปโดยเร็วที่สุดและเสาะหาบ้านเรือนผู้คนเพื่อสอบถามทิศทาง

แต่ขณะที่ ‘ไป่หยุนเฟย’ จะใช่ท่าเท้าเหยียบคลื่นเพื่อเร่งความเร็ว ทั้งร่างพลันชะงักค้างอย่างฉับพลัน ราวกลับรับรู้บางอย่างได้จึงรีบหันกายกลับไป!

มันจึงพบเห็นที่ห่างออกไปพันกว่าเมตร ปรากฏเงาร่างสูงโปร่งวิ่งเข้ามาด้วยความเร็วที่น่าหวาดหวั่น!

“ทิศทางนั้น… เป็นเส้นทางที่ข้าเพิ่งผ่านมา! ผิดท่าแล้ว! เป็นผู้ไล่ล่าติดตามมาถึง!”

‘ไป่หยุนเฟย’ สีหน้าแปรเปลี่ยนไป มันชะงักค้างไปชั่วขณะแต่คนผู้นั้นกลับเคลื่อนใกล้เข้ามาอีกร้อยกว่าเมตรแล้ว ยามนี้จึงมองเห็นใบหน้าผู้มาได้อย่างเลือนราง

“คนผู้นี้ช่างรวดเร็วนัก เร็วเกือบเท่ายามที่ข้าใช้ท่าเท้าเหยียบคลื่นสุดกำลังอีก มิหนำซ้ำใบหน้ามันกลับคุ้นเคยอยู่บ้าง…”

ยามที่จิตใจมันว้าวุ่น อยู่ๆ ‘ไป่หยุนเฟย’ ก็สีหน้าแปรเปลี่ยนอย่างใหญ่หลวงพร้อมกับความตื่นตระหนกฉายชัดในดวงตา มันอดไม่ได้ต้องโพล่งออกมา

“เป็นมัน! บิดาของ ‘จางหยาง’   ‘จางเจิ้นซาน’ !!”

ความตื่นตระหนกครานี้ใหญ่หลวงนัก มันก้าวถอยหลังอย่างไม่อาจควบคุมพร้อมกับความคิดแรกที่แล่นเข้ามาในสมอง

“หันหลังและหลบหนีไป”

กระนั้น มันรีบละทิ้งความคิดนั้นทันที ก่อนจะจ้องมอง ‘จางเจิ้นซาน’ ที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ขึ้นทุกที แม้สีหน้า ‘ไป่หยุนเฟย’ จะเคร่งเครียดแต่แววตายังเป็นประกายขณะที่เค้นสมองครุ่นคิดหาหนทาง

“มาถึงขั้นนี้ ข้าก็ไม่อาจหลบหนีได้แล้ว! หากหันหลังไปสภาวะข้าจะอ่อนโทรมลงและจิตต่อสู้ข้าจะถดถอยลงกว่าครึ่ง จากนั้นข้าจะครุ่นคิดถึงแต่การหลบหนีจนไม่อาจต่อสู้อย่างเยือกเย็น! เปิดโอกาสให้ศัตรูกุมสถานการณ์เอาไว้ได้ การหันหลังแก่ศัตรูที่ไล่ตามเช่นนี้เป็นทางเลือกที่เลวร้ายยิ่ง!”

“เยือกเย็นไว้ เยือกเย็นไว้!!”

“คราก่อนผู้อาวุโสจากสำนักชะตาลิขิตกล่าวว่า ‘จางเจิ้นซาน’ บรรลุด่านภูติวิญญาณระดับต้น ด่านภูติวิญญาณนั้นสามารถควบคุมธาตุธรรมชาติได้จึงสุดที่ด่านวีรชนวิญญาณจะเทียบเคียงได้ ข้าจะเอาชนะมันอย่างไรได้?… แต่ข้ากลับไม่จำเป็นต้องเอาชนะมัน ข้าเพียงต้องทำให้มันบาดเจ็บ ต่อให้ข้าเองต้องบาดเจ็บเช่นกันก็ตาม! แต่ตราบใดที่ข้ายังมีกำลังหลบหนีได้! ขอเพียงข้าทำให้ ‘จางเจิ้นซาน’ ไม่อาจไล่ตามข้าได้อีก เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว! มันต้องการสังหารข้าแต่ข้าเพียงหวังเกาะกุมโอกาสหลบหนี — หากเปรียบเทียบเป้าหมายกันแล้วนับว่าข้ายังได้เปรียบอยู่บ้าง!”

“แม้ข้าจะหลบหนีสุดฝีเท้ามาตลอดทาง แต่จางเจิ้นซานยังคงไล่ตามทัน นี่หมายความว่ามันก็ไล่ตามข้าไม่หยุดยั้งทั้งวันทั้งคืนเช่นกัน แต่ข้าเพิ่งจะพักผ่อนมาอย่างเต็มที่ — ในด้านสภาพร่างกายข้าก็ได้เปรียบ!!”

“มันต้องกล้ำกลืนความเจ็บปวดของการสูญเสียบุตรชายอีกทั้งยังร้อนรุ่มหวังแก้แค้น แต่ข้ากลับสามารถรับมืออย่างเยือกเย็น — ในด้านสภาพจิตใจข้าก็ยังคงได้เปรียบอีก!!”

“ข้ายังมีสิ่งของที่ผ่านการอัพเกรดจนมีผลกระทบที่มันคาดไม่ถึง — ในด้านอาวุธ ข้ายิ่งเบิกบานกับความได้เปรียบนี้อยู่ไม่น้อย!!!”

“เช่นนั้น…”

“ทุ่มสุดตัวเถอะ! สู้!!”

แม้ความคิดหลากหลายแล่นผ่านสมอง ‘ไป่หยุนเฟย’ แต่ที่จริงเวลากลับผ่านไปเพียงชั่วหายใจเข้าออกไม่กี่ครั้ง ยามที่ ‘ไป่หยุนเฟย’ ตกลงใจได้ ‘จางเจิ้นซาน’ ยังอยู่ห่างออกไปร่วมร้อยเมตร!

เนื่องเพราะที่นี้เป็นพื้นราบ ทำให้ไม่อาจเข้าหาศัตรูได้โดยไม่ถูกพบเห็น เดิมที ‘จางเจิ้นซาน’ คาดว่า ‘ไป่หยุนเฟย’ จะหลบหนีไป จึงตระเตรียมจะไล่ล่าสังหาร กระนั้นหลังจากพบเห็น ‘จางเจิ้นซาน’ แล้วมิคาดว่าศัตรูกลับไม่คิดจะหลบหนีแม้แต่น้อย

“หรือมันจะทราบว่าไม่อาจหนีพ้นจึงรามือยอมจำนน? หรือว่า… มันจะต่อสู้แลกชีวิตกับข้า?!”

ยามที่ ‘จางเจิ้นซาน’ เร่งฝีเท้าเข้ามา ความชิงชังและโกรธแค้นในดวงตาก็ยิ่งเข้มข้นขึ้น

“ประเสริฐมาก เนื่องเพราะเจ้าถือดี จึงย่นเวลาที่ข้าต้องไล่ล่าลงไปได้ ข้าจะได้ล้างแค้นแก่การตายของบุตรชายให้จบสิ้นลงที่นี่!!”

‘ไป่หยุนเฟย’ สีหน้าเคร่งเครียดลง ยามที่มองเห็นมุสิกเทาตามรอยบนไหล่จางเจิ้นซานจึงเข้าใจในบัดดล

“ต้องเป็นเพราะมุสิกตัวนั้นอย่างแน่นอน!”

ยามที่ ‘จางเจิ้นซาน’ เข้ามาใกล้ตัว ‘ไป่หยุนเฟย’  ‘มุสิก’ นั้นก็กระโดดลงจากไหล่ลงสู่พื้นหญ้าข้างทางเดิน

ดวงตา ‘ไป่หยุนเฟย’ ทอประกายวูบ พร้อมกับมือขวาที่ยื่นออกทวนเปลวอัคคีก็ปรากฏอยู่ในมือ หลังจากถ่ายทอดหลังวิญญาณลงไป ด้ามทวนสีแดงฉานก็ส่องประกายสีแดงสดใสพร้อมส่งคลื่นความร้อนออกมา แม้แต่ ‘จางเจิ้นซาน’ ที่อยู่ห่างออกไปสิบเมตรยังต้องประหลาดใจ จากนั้นแทนที่ ‘ไป่หยุนเฟย’ จะรอให้ศัตรูเข้ามา มิคาดกลับถีบเท้าทะยานกายเข้าหา!

ไม่ทันเอ่ยปากกล่าววาจา ‘ไป่หยุนเฟย’ ก็ชิงจู่โจมอย่างกะทันหัน!

ยามที่ ‘ไป่หยุนเฟย’ นำทวนเปลวอัคคีออกมา  ‘จางเจิ้นซาน’ ก็ต้องประหลาดใจเนื่องเพราะมันได้ยินจาก ‘จ้าวผิง’ ว่า ‘ไป่หยุนเฟย’ สมควรใช้มีดสั้นเป็นอาวุธแต่ยามนี้มันกลับนำทวนออกมา มิหนำซ้ำ…ทวนนี้ยังเป็นวัตถุวิญญาณอีก!

ด้วยประสบการณ์ของ ‘จางเจิ้นซาน’  จึงบอกได้ทันทีว่าทวนสีชาดเล่มนี้ไม่ใช่อาวุธธรรมดา แม้จะกริ่งเกรงอยู่บ้างแต่ก็ไม่อาจทำให้ ‘จางเจิ้นซาน’ หวั่นไหวแม้แต่น้อย — เนื่องเพราะศัตรูเพียงบรรลุด่านวีรชนวิญญาณ ‘จางเจิ้นซาน’ เชื่อมั่นอย่างหนักแน่นว่าศัตรูไม่มีทางโค่นล้มมันลงได้ — ต่อให้ศัตรูใช้อาวุธวิญญาณ ผลลัพธ์ก็ยังคงเป็นเช่นเดียวกัน!

ยามเผชิญหน้ากับทวนที่แทงเข้ามาของ ‘ไป่หยุนเฟย’  ดวงตาจางเจิ้นซานฉายแววเหยียดหยาม มันพุ่งตรงเข้าหาโดยไม่ชะลอความเร็วลง จากนั้นไถลเท้าออกเพื่อเอนกายไปด้านข้างหลบเลี่ยงทวนนี้ได้อย่างง่ายดาย

ขณะจะสืบเท้าไปอีกสองก้าวเข้าหาศัตรู ทวนที่เฉียดผ่านไปพลันกวาดขวางส่งปลายทวนวาดเข้าหาลำคอมัน

‘จางเจิ้นซาน’ ขมวดคิ้วเล็กน้อย มันไม่มีทางเลือกได้แต่ชะงักการพุ่งไปด้านหน้าแล้วสืบเท้าขวาพุ่งกายไปด้านข้างพร้อมกับเอนกายไปด้านหลัง คมทวนจึงเฉียดผ่านปลายคางมันไปเพียงเล็กน้อย

‘จางเจิ้นซาน’ ฉวยโอกาสที่สภาวะจู่โจมของทวนสิ้นสุดลง มันแค่นเสียงอย่างเย็นชาถีบเท้าขวาไปด้านหลังยันกายขึ้นอย่างฉับพลัน ขณะเดียวกันก็เหยียดมือขวากางนิ้วเป็นกรงเล็บคว้าใส่คอหอย ‘ไป่หยุนเฟย’ !

‘จางเจิ้นซาน’ จู่โจมกระบวนท่าสวนกลับนี้รวดเร็วอย่างยิ่ง ชั่วพริบตากรงเล็บก็บรรลุถึงลำคอศัตรูก่อนจะรวบนิ้วโดยแรง!

แต่ทว่ากลับคว้าจับได้เพียงเงาพร่าเลือน!

‘ไป่หยุนเฟย’ กลับไม่ชักทวนกลับมาป้องกันตนเอง ชั่วขณะยามทวนที่กวาดขวางถูกหลบหลีกได้มันก็เก็บทวนใส่แหวนช่องมิติสาบสูญไป ขณะเดียวกันก็สลับเท้าอย่างต่อเนื่องส่งร่างเอนกลับหลังราวเสียหลักล้มลง แต่ชั่วขณะที่จะกระทบพื้นร่างมันกลับไถลไปด้านขวาอย่างพิสดาร ก่อนจะดีดตัวกลับขึ้นมาราวกับตุ๊กตาล้มลุก             นี่จะเป็นท่าร่างใดหากไม่ใช่ท่าเท้าเหยียบคลื่น!

‘ไป่หยุนเฟย’ กลับหลุดรอดกรงเล็บนี้ไปได้ แต่สีหน้า ‘จางเจิ้นซาน’ ยังคงไม่แปรเปลี่ยน ยามที่ ‘ไป่หยุนเฟย’ ทรงกายขึ้นอีกคราก็วาดมือกลับหลังโดยที่เป้าหมายยังคงเป็นคอหอยศัตรูเช่นเดิม!

ดวงตา ‘ไป่หยุนเฟย’ ฉายแววอำมหิต แทนที่จะหลบเลี่ยงด้วยท่าเท้าเหยียบคลื่นมันกลับยกมือขวาขึ้นราวสายฟ้า หนามธารน้ำแข็งสีครามพลันปรากฏอยู่ในมือพร้อมกับทะลวงแทงใส่กรงเล็บศัตรูที่พุ่งเข้ามา!

‘จางเจิ้นซาน’ หน้าแปรเปลี่ยนไปทันที ยามนี้จะดึงมือกลับก็ไม่ทันการได้แล้ว มันแค่นเสียงเย็นชาพลิกมือไปด้านข้าง หนามธารน้ำแข็งทิ่มแทงใส่ฝ่ามือจางเจิ้นซานแต่มิคาดกลับไม่อาจแทงทะลุผ่านเนื้อหนังเข้าไปได้ มิหนำซ้ำยังไถลออกไปพร้อมกับสะเก็ดไฟที่แลบกระเด็น

ยามนี้ถึงครา ‘ไป่หยุนเฟย’ หน้าแปรเปลี่ยนไป สีหน้ามันฉายแววหวั่นวิตก ขณะเคลื่อนเท้าไม่หยุดยั้ง ร่างก็โยกซ้ายเอนขวาสร้างเงาร่างละลานตาพร้อมกับล่าถอยไปด้านหลังห้าหกก้าวอย่างเร่งร้อน ก่อนจะเพ่งตามองมือขวาของ ‘จางเจิ้นซาน’

มือข้างนั้นกลับสวมใส่ถุงมือสีขาวปกคลุมฝ่ามือสันหมัดเผยเพียงปลายนิ้วให้เห็น!

“มิคาดว่าถุงมือข้างนี้จะต้านรับหนามธารน้ำแข็งเอาไว้ได้โดยไร้รอยขีดข่วน นี่ย่อมต้องเป็นวัตถุวิญญาณ! มิหนำซ้ำต้องเป็นวัตถุวิญญาณที่เหนือกว่าหนามธารน้ำแข็งของข้า!”

หลังจาก ‘ไป่หยุนเฟย’ ล่าถอยไป จางเจิ้นซานกลับไม่ตามรุกไล่ ตรงกันข้ามมันกลับจับจ้องที่มือขวา ‘ไป่หยุนเฟย’  หรือจะกล่าวให้เจาะจงก็คือจับจ้องหนามธารน้ำแข็งในมือขวา ความอัศจรรย์ใจในดวงตาจางเจิ้นซานกลับมากมายกว่าของ ‘ไป่หยุนเฟย’ อีก มันอดไม่ได้ต้องเอ่ยปากอย่างประหลาดใจ

“หนามธารน้ำแข็ง! มิคาดว่าหนามธารน้ำแข็งจะอยู่ในมือเจ้า! เช่นนั้น… เจ้าคือผู้ที่ทำลายค่ายไม้ดำนั่นเอง!!”

ทันทีที่ได้ยินคำพูดดังกล่าว  ‘ไป่หยุนเฟย’ ต้องงงงันวูบ ก่อนจะตื่นตัวอย่างฉับพลันดวงตาสาดประกายวูบ

“มันกลับรู้จักหนามธารน้ำแข็ง! เช่นนั้น… มันต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับค่ายไม้ดำ! หรือสมควรกล่าวว่าสำนักธารน้ำแข็งมีส่วนเกี่ยวข้องกับค่ายไม้ดำ! นั่นก็ใช่แล้ว ‘สำนัก’ที่พวกโจรกล่าวถึงย่อมต้องเป็นสำนักธารน้ำแข็ง มิคาดว่าค่ายไม้ดำนั้นจะมีสำนักธารน้ำแข็งหนุนหลังอยู่!!”

“เจ้าทำลายค่ายไม้ดำทำให้ข้าถูกเรียกตัวกลับสำนักเพื่อถกสถานการณ์ จากนั้นจึงฉวยโอกาสที่ข้าออกจากเมืองลั่วซีลงมือสังหารบุตรชายข้า!!”

ราวกับเข้าใจทุกสิ่งอย่างกระจ่างแล้ว  ‘จางเจิ้นซาน’ จึงเอ่ยปากกล่าววาจาด้วยน้ำเสียงประหลาดใจปนโกรธแค้น

‘ไป่หยุนเฟย’ ต้องงงงันไปอีกครา จึงได้แต่กระพริบตาปริบๆ แต่ยามนี้มันคร้านจะอธิบายแก่ศัตรูแล้วว่าเหตุปัจจัยและผลลัพธ์ที่ ‘จางเจิ้นซาน’ คาดเดาออกนี้กลับคลาดเคลื่อนไป จึงเหยียดยิ้มกล่าวว่า

“ค่ายโจรก็ถูกทำลายไปแล้ว บุตรชายเจ้าก็ตายไปแล้ว จะมีประโยชน์อันใดที่จะกล่าวถึงอีก? ข้าจะไม่กล่าวมากความกับเจ้าอีก เนื่องเพราะเจ้าคาดเดาถูกแล้ว…”

“ฮึ่ม! เจ้าถึงที่ตายแล้วยังแสร้งเป็นเยือกเย็นอีก! เมื่อเจ้าชิงหนามธารน้ำแข็งมาได้ เกราะวิญญาณไหมทองของหานเซียวย่อมต้องอยู่บนร่างเจ้ากระมัง? และทวนเล่มนั้นที่เจ้าใช้ออกก่อนหน้า.. คิดหรือว่าจะสามารถเอาชนะหรือหลบหนีจากเงื้อมมือข้าได้เพียงเพราะมีวัตถุวิญญาณกับตัวไม่กี่ชิ้น?”

“อย่าได้เสียเวลาพยายามทำให้ข้าหวั่นไหวด้วยคำพูดอีก ข้ารู้กระจ่างดีว่าต้องทำเช่นไร เมื่อครู่ยามเจ้าจู่โจมข้ากลับไม่เอ่ยปากกล่าววาจา ไฉนยามนี้จึงปากมากนัก เพราะเหตุใด? โอ หากให้ข้าเดา…”

‘ไป่หยุนเฟย’ กล่าวเหน็บแนมก่อนจะแสร้งทำเป็นครุ่นคิด

“หรือเพราะเจ้าสูญสิ้นพลังวิญญาณมากเกินไปขณะที่ไล่ล่าข้ามาถึงที่นี่? ก่อนนี้เจ้าอาศัยวิธีผ่อนแรงไม่ปะทะต่อสู้กับข้า แต่กลับไม่อาจสยบข้าลงได้ ดังนั้นแล้ว… เจ้าจึงหวังจะถ่วงเวลาเพื่อฟื้นฟูพลังวิญญาณกลับคืนมา?”

ทันทีที่กล่าวจบใบหน้าจางเจิ้นซานพลันชะงักค้าง แต่ชั่วขณะที่ดวงตามันปรากฏแววประหลาดใจ  ‘ไป่หยุนเฟย’ พลันหัวร่อออกมาพร้อมกับทวนเปลวอัคคีที่ปรากฏขึ้นในมือ ขณะเดียวกันก็ถีบเท้าทะยานกายชิงจู่โจมเป็นคำรบสอง

แววตาประหลาดใจของ ‘จางเจิ้นซาน’ ปรากฏเพียงชั่ววูบ แม้ศัตรูจะมองอุบายมันออกแต่ก็ไม่สร้างความแตกตื่นแม้แต่น้อย — แม้ไม่อาจฟื้นพลังวิญญาณกลับคืนมาได้ แต่มันก็ยังสามารถสังหารศัตรูได้อยู่!

‘ไป่หยุนเฟย’ พุ่งกายถึงเบื้องหน้าศัตรูในชั่วพริบตา ก่อนจะพุ่งทวนออกแทงอย่างต่อเนื่องกลายเป็นเงาทวนครอบคลุมศัตรูเอาไว้ทุกทิศทาง

‘จางเจิ้นซาน’ ส่งสายตาเหยียดหยาม ก่อนจะขยับมือไม่หยุดยั้ง ทุกครั้งที่มือมันเคลื่อนไหวจะปัดป้องคมทวนออกไปอย่างคล่องแคล่วง่ายดาย คิดไม่ถึงการจู่โจมราวพายุโหมกระหน่ำจาก ‘ไป่หยุนเฟย’ จะถูกมันต้านรับอย่างปลอดโปร่ง!

หลังจาก ‘จางเจิ้นซาน’ ปัดป้องการจู่โจมได้สิบกว่าครั้งติดต่อกัน ดวงตามันก็ยิ่งฉายแววเหยียดหยาม ยามที่กระแทกทวนออกไปอีกคราก็คว้าจับคอทวนอย่างกะทันหัน จากนั้นฉวยโอกาสสืบเท้าไปเบื้องหน้าเข้าหา ‘ไป่หยุนเฟย’ อย่างฉับพลันก่อนจะยกมือขวาขึ้นฟาดใส่หัวใจศัตรู!

ชั่วขณะที่ ‘จางเจิ้นซาน’ คว้าจับคันทวน ดวงตา ‘ไป่หยุนเฟย’ พลันทอประกายวูบ ยามที่ศัตรูสืบเท้าเข้ามามันก็พลันชักเท้าถอยครึ่งก้าวพร้อมกับบิดด้ามทวนในมือขวาโดยแรง ขณะชักทวนเปลวอัคคีกลับคืนก็เก็บทวนกลับคืนในแหวนช่องมิติราวสายฟ้าก่อนจะยกหมัดขวาขึ้น เมื่อศัตรูฟาดฝ่ามือเข้าใส่ เส้นเลือดดำบนมือขวามันก็เบ่งพองขึ้น ขณะที่จ้องมองฝ่ามือของศัตรูมันก็ชกหมัดออกอย่างดุดัน!

วิชาระลอกคลื่น พลังหมัดเก้าทบ!!

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments