I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

World Destroying Demonic Emperor 5

| World Destroying Demonic Emperor | 760 | 2359 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ตอนที่ 5 : เมืองหลวงเอ๋ย ข้าผู้นี้มาถึงแล้ว!

มองไปที่ซั่วหลุนที่เป็นศพในตอนนี้ หลานหลิงถึงกับสั่นสะท้าน เนื่องจากผิวของศพหายไป “ผิวของเขาหายไปไหนกัน?” หลานหลิงเอ่ยปากถาม

“อย่าได้ถามให้มากความนัก ข้าถอดมันออกเพื่อให้เป็นแบบในการเปลี่ยนรูปลักษณ์ของเจ้าเท่านั้น มิส่งผลใดต่อ ๆ เจ้า” จอมเวทย์กล่าว

หลานหลิงโล่งอกก่อนจะค่อย ๆ ถอนหายใจเบา ๆ ตอนแรกเขาคิดว่าหน้ากากนั่นทำจากผิวหนังของซั่วหลุนเสียอีก

เขานั่งลง ก่อนที่จอมเวทย์จะหยิบหน้ากากอันโปร่งใสราวกับคริสตัลนั้นมาวางไว้บนหน้าของหลานหลิง

เขารู้สึกคันหยุกหยิก หน้ากากโปร่งใสมันราวกับพยายามเจาะเข้าไปที่ใบหน้างของเขา

ในที่สุดมันก็เหมือนกับซึมเข้าใบหน้าของหลานหลิงไป หน้ากากอันนี้ราวกับว่ามีชีวิตจริง ๆ มันกำลังเข้าไปทำให้หน้าของหลานหลิงเปลี่ยนไป

จมูกที่โด่งคมสัน ริมฝีปากอ่อนนุ่ม ทั่วทั้งใบหน้าของเขาตอนนี้ได้รูปทรงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อหลานหลิงเปิดตาออกมายิ่งเต็มไปด้วยเสน่ห์มากขึ้นเรื่อย ๆ

หน้ากากยังคงทำงานของมันไปเรื่อย ๆ ดูท่าจะกินเวลานานกว่ามันจะปรับรูปลักษณ์เสร็จสมบูรณ์ ช่างทำให้รู้สึกง่วงยิ่งนัก หลานหลิงได้แต่คิดในใจ

ในที่สุดมันก็หยุดทำงาน หน้าของหลานหลิงไม่รู้สึกถึงอะไรแล้วทั้งนั้น เขาจับไปที่ผิวหน้าของเขา กลับพบแต่ความรู้สึกถึงผิวอันนุ่ม ทว่ายิ่งสัมผัศไป เขากลับไม่รู้สึกถึงหน้ากากที่เขาสวมมัน กลับมีแต่ความรู้สึกนุ่มลื่นของผิวหน้าแทน

เขาคิดในใจว่าบางทีนี่อาจล้มเหลวหรือเปล่า? เพราะอะไรเขาถึงไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของหน้ากากได้

ยามที่เขาเปิดตาออกแล้วจ้องไปที่เย่จิงยื่อ เขาดูออกได้ว่านางตกใจที่หน้าเขาเปลี่ยนไปในทางที่ดีเช่นนี้

หลานหลิงมองไปดูที่กระจกถึงกับตกใจตัวเองทันที

……

หลานหลิงรู้ว่าหน้าของตัวเองเปลี่ยนรูปลักษณ์คล้ายกับตัวซั่วหลุนที่เห็นตอนนั้นมากถึง 70% แม้ว่าจะมีบางจุดที่ดูไม่สมบูรณ์เท่าไหร่นัก แต่ก็ยังถือว่ามันยังดีโดยไร้ข้อกังขาใด ๆ

ใบหน้าที่อยู่กับเขาตอนนี้ เป็นใบหน้าของชายหนุ่มรูปลักษณ์หล่อเหลา เรียบง่าย แทบไม่มีข้อกังขาหรือข้อบกพร่องใด ๆทั้งสิ้น

ความสามารถนี้ช่างแปลกตายิ่งนัก จอมเวทย์ประหลาดลึกลับเขาเรียกเก็บเงินแพง ๆ แต่ฝีมือของเขานับได้ว่าเป็นของจริง

“ถ้าหากผ่านไปหลายปี ข้าอยากได้ใบหน้าดั่งเดิมของข้ากลับคืน ข้าต้องทำเช่นไร?” หลานหลิงพูดถาม

“เพียงกลับมาหาข้า ทว่าต้องพก 1 พันเหรียญทองมาด้วย เมื่อถอดหน้ากากออกแล้ว มันจะมิอาจสวมใส่ มันจะถูกทำลาย และไม่สามารถทำได้อีก” จอมเวทย์กล่าว

จอมเวทย์หันไปหาเย่จิงเฟิงแล้วพูดมา “แม่นางคนนี้ต้องอยู่ที่นี่ ส่วนพวกเจ้าทั้งสองออกไปได้แล้ว”

ดวงตาของเย่จิงเฟิงเศร้าสร้อยในทันที “ข้าขอออกไปส่งพี่หญิงกับเขาได้หรือไม่?”

จอมเวทย์พยักหน้าให้หนึ่งครั้ง

…….

เย่จิงเฟิงกอดพี่สาวของนางนานมาก ทั้งคู่อยู่กอดกัน แม้ไม่มีน้ำตาไหลออกมา แต่เย่จิงยื่อกลับตาแดงแทน

ทั้งคู่ปราศจากคำพูดใด ๆ พวกนางคือฝาแฝดที่เชื่อมใจถึงกัน การบอกลาของพวกนางไม่จำเป็นต้องเอ่ยเป็นคำพูดใด ๆ

หลังจากกอดกันเสร็จ เย่จิงเฟิงจับที่ไหลของหลานหลิงและกล่าวว่า “หลานหลิง ต่อจากนี้เจ้าจะกลายเป็นนายน้อยตระกูลซั่ว เจ้าต้องดูแลและปกป้องนายหญิงให้ดีด้วย”

หลานหลิงพยักหน้า ถ้าหากไม่ได้พวกนางสองคนช่วย เขาคงตายไปนานแล้ว นี่คือการตอบแทนบุญคุณที่เขาต้องช่วยเหลือพวกนาง เพราะว่าการเสียสละตัวเองของเย่จิงเฟิงยามต้องยอมพลัดพรากจากพี่สาวของนางเพื่อช่วยเหลือตระกูลซั่ว แสดงว่าตระกูลนั้นสำคัญต่อนางยิ่งนัก

หลานหลงิงไม่ค่อยสบายใจเท่าใดนักที่ต้องแบกรับความผิดชอบนี้

“สามปีให้หลัง ข้าจะมาหาเพื่อปลดปล่อยตัวเจ้า” หลานหลิงกระซิบบอก

“สัญญาแล้วนะ เจ้าเอ่ยแล้วห้ามคืนคำล่ะ?” เย่จิงเฟิงดึงมือเล็ก ๆ ของนางออกจากไหล่ของเขา

“อืม สัญญาแน่นอนเลย” หลานหลิงพยักหน้าบอกพร้อมกับกุมมืออมชมพูของนางไว้

“ตอนนี้เจ้าไปได้แล้ว ข้าเป็นห่วงจิตใจของพี่สาวมาก ถ้าหากอยู่นาน ๆ นางอาจเป็นห่วงข้าจนไม่ทำอันใดเลย” เย่จิงเฟิงกล่าว จากนั้นเธอก็กลับเข้าไปในปราสาท

แม้ว่าวรยุทธ์ของนางนั้นจะสูงกว่าพี่สาว แต่ใครจะไปไว้ใจปล่อยนางให้อยู่กับจอมเวทย์ลึกลับผู้นั้นได้ ไม่มีใครสามารถทนได้หรอก

…………………………….

การออกจากปราสาทครั้งนี้เต็มไปด้วยความโศกเศร้ายิ่งนัก

ร่างกายของซั่วหลุนที่ผิวหนังหายไปหมด หากจะปล่อยไว้มันก็กระไรอยู่ พวกเขาเลยตัดสินที่จะเผาร่างนั้น และเอาขี้เถ้ากลับบ้านเกิดเสียดีกว่า

เย่จิงยื่อเอาร่างของนายน้อยวางไว้ ก่อนที่จะเอาหินทับพร้อมทำที่เผาศพ ก่อนจะนำน้ำมันสีแดงเทราดลงไป พร้อมกับจุดไฟแล้วยื่นให้กับหลานหลิงและกล่าวว่า “ตอนนี้เจ้าคือนายน้อยตระกูลซั่ว หรืออาจจะเป็นผู้นำตระกูลซั่วแล้ว อำนาจการควบคุมทุกอย่างจะเป็นของเจ้า”

หลานหลิงจับที่คบเพลิงของจิงยื่อ มันไม่หนักมากเท่าไหร่ ทว่าคำพูดของจิงยื่อ มันเหมือนกับให้เขาแบกรับอะไรที่หนักหนาไว้บนบ่า

หลานหลิงมองซากศพของซั่วหลุนแล้วเอ่ยปากพูดว่า “ข้ามิรู้ว่าข้าจะทำได้ดีมากเพียงใด ทว่าข้าขอสัญญาว่าข้าจะทุกอย่างให้เต็มที่แน่นอน”

จากนั้นเขาก็เผาร่างของนายน้อยซั่วหลุนทันที

“พรึ่บ…!!” เสียงจุดไฟ เปลวไฟสีน้ำเงินลุกขึ้นทันที ความร้อนรุนแรงที่เกิดขึ้นทำให้ศพของซั่วหลุนเริ่มไหม้เกรียม

ไฟที่ลุกไหม้ สงบลงในอีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา

เย่จิงยื่อเก็บขี้เถ้าของซั่วหลุนไว้ในกล่อง

“ไปกันเถอะ กลับสู่เมืองหลวงกันเสียที” เย่จิงยื่อมองไปที่ปราสาทครั้งสุดท้ายก่อนที่จะหายใจเข้าอย่างลึก ๆ ก่อนจะควบม้ากลับไป

หลานหลิงนั่งบนรถม้าเช่นเคย พวกเขารีบเดินทางไปทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือ เพื่อไปทางเมืองหลวงของอาณาจักรจื้อ

……………………………

ห้าวันแล้วที่ออกจากปราสาทจอมเวทย์ลึกลับ กำลังเข้าใกล้สู่เมืองหลวง

หลานหลิงมองผ่านหน้าต่างในรถม้า ถึงกับตกใจว่าเมืองรอบ ๆ ที่ผ่านทางมานั้นมันคือการผสมผสานระหว่างจีนและโลกตะวันตกจากโลกที่เขาเคยอยู่ การออกแบบมีตำหนักจีนสมัยโบราณผสมกับปูนที่คล้ายกับตึกราบ้านช่องจากโลกเก่า มันเป็นงานประติมากรรมที่สวยงามและยิ่งใหญ่สมกับเป็นอาณาจักรจื่อจริง ๆ

ในที่สุด 10 วันจากการเดินจทางมาจากปราสาท ในที่สุดหลานหลิงก็มาถึงเมืองหลวงเสียที

อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ทางตอนเหนือนั้นกว้างขวางมากยิ่งนัก

เมืองหลวงหรือที่เรียกว่าเมืองจื่อมีประชากรนับล้านกว่าคน มันไม่ใช่เมืองที่ใหญ่ที่สุดในทวีป แต่ถือว่าเป็นเมืองที่ติดหนึ่งในห้าอันดับแรก

กำแพงเมืองซื่อมีความยาวถึง 60-70 ไมล์ ทั้งยาวทั้งใหญ่ดูรูปทรงของมันแข็งแรงยิ่งนัก

รอบ ๆ กำแพงมีทหารสวมชุดเกราะสะท้อนแสงออกมาเห็นได้ชัด

หลานหลิงเหม่อมองไปที่ท้องฟ้าพลันเห็นเงานับสิบจากข้างบน ที่แท้มันคือนักรบที่กำลังขี่กริฟฟินลาดตระเวนไปตามท้องฟ้า โลกนี้ใช้สัตว์เทพนิยายในการสำรวจสถานที่ที่ต่าง ๆ ช่างน่าทึ่งจริง ๆ

 

ประตูใหญ่ที่สามถูกเปิดออกค้างไว้ ไม่มีท่าที่ว่าจะปิด มีคนจำนวนมากเดินเข้าออกประตูใหญ่ หลานหลิงเห็นคนหลายเชื้อชาติต่างเข้าออกที่นี่ บางคนมีหน้าตาคล้ายคนเอเชียหรือฝรั่งก็มี นี่มันคล้ายกับเอาส่วนหนึ่งของโลกที่เขาเคยอยู่มาผสมกัน

เย่จิงยื่อถือป้ายหยกและควบม้าเข้าประตูเมืองโดยหาได้สนใจเหล่าทหารที่เฝ้าประตูไม่ แม้แต่ทหารยังไม่กล้าที่จะหยุดพวกเขา เพราะป้ายหยกนั้นคือสิทธิพิเศษสำหรับขุนนาง

หลังจากเข้าสู่เมืองหลวงแล้ว หลานหลิงเห็นคนหลายคนเดินตามท้องถนนเต็มไปหมด

“เมืองหลวงงั้นเหรอ ข้ามาแล้ว!” หลานหลิงไม่สามารถทนต่อภาพเบื้องหน้าได้ เขาได้แต่พูดด้วยเสียงเบา ๆ

 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments