ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปมื้อเย็นวันนี้ก็เรียบง่ายมาก เป็นอาหารอิตาเลียนกับน้ำชา
“หลี่เซียวเหยา?”
จู่ๆ’หลินว่านเอ๋อ’ก็พูดขึ้นมา ฉันที่กำลังมองหน้าอกของเธอยู่ก็รีบเงยหน้ามองเธอก่อนตอบกลับไปว่า
“ครับ?”
“ดูเหมือนว่า ในเมืองป้าฮวงตอนนี้นั้นจะไม่ค่อยมีผู้เล่นที่มีเลเวลสูงเท่าไรเลยนะ”
‘ว่านเอ๋อ’กระพิบตาก่อนจะพูดต่อว่า
“ตอนนี้นักรบแหยนเจ่า หัวหน้ากิลด์ปราก มีเลเวลสูงที่สุดในเมืองใช่ไหม? เลเวลเท่าไรหรอ?”
“อืม”
ฉันพยักหน้า
“ตอนนี้นักรบแหยนเจ่ามีเลเวล 27 เพราะก่อนหน้านี้เขาถูกฆ่าโดยพวกกลุ่มนายพล”
“เอ๋? กลุ่มนายพล? ไม่เคยได้ยินเลยนะ….”
“พวกเขาก็เป็นพวกผู้เล่นที่มีเลเวลสูง แต่ก็ไม่ได้เป็นกิลด์แบบปราก จึงไม่ค่อยเป็นที่รู้จักเท่าไรน่ะ”
“งั้นหรอ? ดูแล้วเมืองนี้จะไม่ค่อยมีการแข่งขันสูงเท่าไรนะ ทั้งๆที่มีกิลด์ [ปราก] กับ [มังกรเหินเวหา] แท้ๆแต่ก็กลับไม่ติด 1 ใน 3 ของอันดับในเซิร์ฟเวอร์เลยนะ โชคดีของนายแล้วล่ะที่อยู่ในเมืองที่ไม่มีการแข่งขันสูงกันมากน่ะ เลยสามารถเก็บเลเวลได้อย่างสบายๆล่ะนะ”
“ไม่หรอกน่า เมืองนี้มีการ PK บ่อยกันจะตายไป”
“หืมๆๆ”
‘หลินว่านเอ๋อ’มองมาด้วยสายตาเชิงเยาะเย้ยก่อนจะพูดต่อว่า
“นายกลัวการ PK หรอ?”
‘ตงเฉิงย่วย’ที่นั่งอยู่ข้างๆก้ตบไหล่’ว่านเอ๋อ’ก่อนจะพูดว่า
“อย่าพูดแบบนั้นสิ ว่านเอ๋อ อย่าลืมนะว่าเซียวเหยาเขาเล่นเป็นฮีลเลอร์น่ะ จะให้เขาเอาอะไรไป PK ชาวบ้านล่ะ เอาหน้าหล่อของเขาน่ะหรอ?”
“หมอนี่มันหล่อตรงไหนกัน?”
“ไม่ใช่แค่หล่อนะ แต่ทั้งหล่อแล้วอบอุ่น”
‘ตงเฉิงย่วย’ตอบไม่ตรงคำถาม
“……”
ฉันกระแอมไอ 1 ที เพื่อจะเปลี่ยนเรื่อง ก่อนจะถามว่า
“คุณหนู ตอนนี้ในเมืองฟ่านชูใครมีเลเวลสูงที่สุดงั้นหรอครับ?”
“หัวหน้ากิลด์ [เนินผู้กล้า] เวิ่นเจี้ยน”
“เอ๋? เป็นคนแบบไหนกันน่ะ?”
‘หลินว่านเอ๋อ’ถอนหายใจ 1 ทีก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า
“เวิ่นเจี้ยนเขาเป็นคนที่หล่อที่สุดในเมืองฟ่านชู แถมเขากับ เจี้ยนเฟิงหาน นั้นก็เป็นผู้เล่นที่ใช้กลยุทธ์ [เคลื่อนไหวซับซ้อน] เป็นลำดับต้นๆของเมืองเลยนะ”
“กลยุทธ์ [เคลื่อนไหวซับซ้อน] ?”
‘ตงเฉิงย่วย’หัวเราะก่อนจะพูดว่า
“ตายแล้ว เซียวเหยา นี่นายไม่รู้จักกลยุทธ์เบื้องต้นในการ PK เลยอย่างงั้นหรอ คือแบบนี้ ในการ PK นั้นจะมีกลยุทธ์ในการต่อสู้ที่นิยมอยู่ 3 อย่างนะ คือ [เคลื่อนไหว] [การหยุดชีพจร] แล้วก็ [การตัดกำลัง] และเวิ่นเจี้ยนนั้นก็เป็นผู้เล่นระดับต้นๆของเกม [Overlord] จนมาในเกม [Destiny] เพียงไม่กี่วันก็ได้รับการยกย่องแล้วว่าเป็น ของจริง บางคนยังตั้งฉายาให้กับเขาเลยว่าเป็น เทพเจ้าแห่งการต่อสู้ของเมืองฟ่านชู เลยล่ะนะ”
(อย่างแรกคือ ต่อสู้พร้อมโดยการใช้กระบวนท่า ดีในการต่อสู้ 1-1 อย่างที่สองคือการโจมตีในจุดสำคัญ จุดอ่อนของคู่ต่อสู้ เป็นกลยุทธ์สงคราม ใช้ใน 1-1 ก็ไม่แย่ ส่วนการตัดกำลังอย่างที่สามคือสไตล์ที่เน้นตอดไปเรื่อยๆจนตาย)
‘หลินว่านเอ๋อ’พูดสนับสนุน
“อื้อๆ เขาเป็นไอดอลของฉันเลยล่ะ”
มีความรู้สึกแปลกๆเกินขึ้นในใจของฉันหลังจากได้ยินคำพูดของ’หลินว่านเอ๋อ’ ‘ตงเฉิงย่วย’คงสังเกตเห็นเช่นกันจึงแซวฉันว่า
“เซียวเหยา หรือว่านายไม่อยากให้หลินว่านเอ๋อมีชายอื่นในใจสินะ ใช่ไหมๆ? ไม่ต้องปิดบังนะ พูดออกมาได้เลย”
เป็นคำพูดที่ถามมาได้ตรงเป้าพอดีเลย ฉันรีบตอบกลับไปว่า
“คิดมากน่า คุณหนูจะชอบใครมันไม่เกี่ยวกับฉันอยู่แล้ว งานของฉันคือการปกป้องคุณหนูเท่านั้น เว้นเสียแต่ว่า….”
“เว้นเสียแต่ว่าอะไร?”
‘หลินว่านเอ๋อ’ถาม
“เปล่าๆ ช่างมันเถอะ”
“…..”
‘ตงเฉิงย่วย’หัวเราะก่อนจะพูดว่า
“บรรยากาศของพวกเธอดูแปลกๆกันจังเลยนะ แต่เอาเถอะเซียวเหยา ถ้าฉันกับว่านเอ๋อเลเวลถึง 30 แล้ว พวกเราจะไปหานายที่เมืองป้าฮวงนะ ถึงแม้ว่านายจะอ่อนด๋อยหรือเก่งเทพยังไงก็ตาม นายเป็นเพื่อนของพวกเรา ยังไงๆ ฉันไม่ยอมปล่อยให้นายเหงาเฉาอยู่ที่เมืองป้าฮวงคนเดียวหรอกนะ โอเคไหมแบบนี้?”
“ได้ๆ”
‘หลินว่านเอ๋อ’ทำหน้ามุ่ย
“เอาล่ะๆ ฮีลเลอร์ผู้น่าสงสารรอก่อนนะ เดี๋ยวพี่ไปช่วยเอง”
“……”
“ว่าแต่ชื่อในเกมนายชื่ออะไรหรอ?”
‘เฉิงย่วย’ถามฉัน
“เซียวเหยาจื้อไจ้”
“เอ๊ะ!”
‘เฉิงย่วย’ตกใจอ้าปากค้าง
“นี่นายเป็นฮีลเลอร์คนแรกที่เปลี่ยนคลาสได้งั้นหรอเนี่ย”
“ใช่แล้วล่ะ เจ๋งไปเลยใช่ไหมล่ะ”
ในที่สุดฉันก็ได้พูดเรื่องที่ยืดอกพูดได้เต็มที่ซักที ‘หลินว่านเอ๋อ’แซว
“ไม่สำคัญหรอกน่าเรื่องนั้น ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นแค่ฮีลเลอร์อยู่ดี มาม้ะ ขอนมหน่อยๆ”
(สกิลฮีลในเกมนั้นก็มีคำว่านมอยู่ ดังนั้นหลินว่านเอ๋อเลยแซวไปแบบนี้)
ฉันกำหมัดแน่น
“นี่ๆ ฮีลเลอร์นั้นก็สำคัญในการต่อสู้แบบทีมนะ อย่ามาดูถูกกันเด็ดขาด”
“รีบไปเก็บเลเวลต่อดีกว่านะ”
‘หลินว่านเอ๋อ’ยิ้มดีใจที่ตัวเอกยั่วให้ฉันโมโหได้
“หลังจากที่เฉิงย่วยกับฉันเลเวล 30 แล้วก็เก็บเลเวลสกิลเป็นเลเวล 4 เสร็จแล้ว จะไปหานายที่เมืองป้าฮวงนะ”
“อืม”
หลังจากที่กลับมาถึงหอพัก ฉันตัดสินใจเปิดหาข้อมูลของ’เวิ่นเจี้ยน’ก่อนที่จะเข้าเกม
ข้อมูลผู้เล่น : เวิ่นเจี้ยน เวิ่นเจี้ยนนั้นเป็นผู้ก่อตั้งกิลด์ [เนินผู้กล้า] กิลด์ลำดับที่สองของประเทศจีน มีข่าวลือมาว่าชื่อจริงของเขาก็คือ เป่ยเฉิงเฟิง แล้วก็ยังเป็นผู้สืบทอดศิลปะการต่อสู้แบบอิสระ ของสำนัก เป่ยเฉิงแห่งเหอหนาน ไม่เพียงแค่นั้น เขายังเป็นบุตรชายของประธานบริษัท ดาวเหนือ ที่มีมูลค่าบริษัทถึง แสนล้านหยวน ยิ่งไปกว่านั้นเขายังหล่อมากๆด้วย จึงทำให้ผู้เล่นสาวๆส่วนใหญ่นั้นเลือกเมืองฟ่านชูเป็นเมืองเริ่มต้น ปั่ก!!
ฉันกระแทกปิดฝาโน้ตบุ้คของนายแว่น หึ!! ศิลปะการต่อสู้แบบอิสระงั้นรึ ตอนอยู่กับตาเฒ่า ฉันเองก็เคยประมือกันมาแล้วนะ แต่ไม่ใช่กับสำนัก เป่ยเฉิงแห่งเหอหนาน บางทีก็คงอาจจะได้ปะทะกันในเกมนี้ล่ะนะ แต่ก็ไม่แปลกใจเลยที่’หลินว่านเอ๋อ’จะสนใจเขา
แต่มันก็น่าน้อยใจนะที่เธอมองข้ามปรมาจารย์ด้านการต่อสู้อย่างฉันไปได้เนี่ย ฉันรีบสวมหมวกเข้าเกม ตั้งเป้าไว้ว่าจะเก็บเลเวลให้ถึง 30 แต่มันก็น่าจะยากไปสำหรับฉันที่เลเวล 24 อยู่ แต่เอาเถอะ อย่างน้อยคืนนี้ก็หวังว่าจะเก็บจนถึงเลเวล 26 ก่อนก็แล้วกันนะ
แว้บ!!
ฉันโผล่มากลางเมืองป้าฮวง อย่างแรกที่ต้องทำก่อนก็คือซ่อมอุปกรณ์ เตรียมของล่า จากนั้นก็วางแผนว่าจะไปเก็บที่ไหน ฉันจึงเปิดแผนที่ขึ้นมาดู ก่อนอื่นเราต้องไปเก็บที่แผนที่ไกลๆจากพวกผู้เล่นมือใหม่
ซึ่งแผนที่ไกลๆนั้นต้องใช้เวลาถึง 20 กว่านาทีในการเดินไป ดังนั้นฉันจึงต้องดูแผนที่ก่อนให้ดีๆ ส่วนเรื่องความโหดนั้นไม่มีปัญหาสำหรับฉันอยู่แล้วล่ะนะ ด้านทิศตะวันออกของแผนที่มีจุดแดงๆปรากฏขึ้นมาอยู่
แสดงว่ามอนสเตอร์ตรงจุดนั้นมีเลเวลอย่างน้อย 30 ล่ะนะ ซึ่งแค่นี้สำหรับฉันแล้วสบายมาก ระหว่างที่เดินทางไปก็มีคนมาชวนฉันเข้าปาร์ตี้มากมาย แต่ฉันก็ปฏิเสธไปทั้งหมด และในระหว่างเดินทางนั้นฉันไม่ได้สั่งให้โบโบ้ออกมา เพราะว่าโบโบ้นั้นเป็นไพ่ตายของฉัน ถ้าเอาออกมาใช้ไม่ระวัง คนจะรู้ข่าวแล้วปล่อยข่าวออกไปหมด
ออกเดินทางมาได้ครึ่งชั่วโมง ฉันก็มาถึงแผนที่ที่มีพวกไฮยีน่ากับก๊อบลินที่มีเลเวล 28 แต่ฉันไม่สนใจ เพราะว่าเป้าหมายของฉันคือมอนสเตอร์ที่มีค่าสถานะเด่นในทางใดทางหนึ่ง เพื่อที่ฉันจะได้จับมาขายด้วย แล้วเจ้าพวกนั้นค่าสถานะมันกลางๆ ฉันเลยไม่สนใจ มองไกลๆฉันเห็นป้ายของเมืองป้าฮวงอยู่ ฉันเอะใจเลยเดินเข้าไปดู
แต่ระหว่างที่เดินเข้าไปนั้นก็มี NPC นักธนูของเมืองยิงธนูมาขู่ฉัน
“ใจเย็นๆก่อน พวกเดียวกัน”
นักธนูของเมืองเห็นตราของฉันแล้วก็หัวเราะก่อนจะขอโทษฉัน
“โทษทีๆ คิดว่ามอนสเตอร์”
หลังจากนั้นฉันจึงเข้าไปในค่ายทหาร ด้านในนั้นมี NPC คนหนึ่งนั่งอยู่บนหมูป่า ยิ้มมาให้ฉันก่อนจะพูดว่า
“ที่รกร้างแบบนี้ก็ยังมาได้ เจ้าหนู แกมีความกล้าพอใช้ได้เลยนี่นา”
“ฉันมีมากกว่านั้นนา”
ฉันตอบกลับไป
“เยี่ยมยอดๆ”
เขาลุกขึ้นยืน ทำให้ฉันเห็นชื่อของเขา ‘เขามีชื่อว่า หัวหน้าหน่วยลาดตระเวน [เชียนหลิง]’
เขาเดินมาตบไหล่ฉัน ก่อนจะพูดว่า
“เจ้าหนู ข้ามีงานเสี่ยงตายให้เจ้าทำ เจ้ากล้าพอที่จะทำไหม?”
“แน่นอน”
‘เชียนหลิง’มองขึ้นไปบนฟ้า สูดลมหายใจก่อนจะพูดต่อว่า
“ที่นี่ จริงๆแล้วถูกปกครองโดยท่าน หลัวเล่ย แต่น่าเศร้าที่มีพ่อมดชั่วร้ายนั้นเดินทางมาที่นี่ มาสร้างปัญหาด้วยยาของเขา และยา 1 ในนั้นของเขามันมีคุณสมบัติในการเปลี่ยนสิ่งมีชีวิตให้กลายเป็นผีดิบได้ด้วย และในตอนนี้ที่นี่นั้นก็ได้กลายเป็นรังของพวกผีดิบแล้ว สายข่าวของเราทราบมาว่า ตอนนี้พ่อมดคนนั้นอยู่ที่ห้องทดลองใต้ดิน ดังนั้นตอนนี้พวกเราจึงต้องการผู้กล้าเข้าไปที่ห้องทดลองนั้น แล้วนำยาแห่งความตายนั้นกลับมาให้ได้ และแน่นอนว่าถ้าทำได้สำเร็จ ชื่อของเจ้าจะแพร่กระจายไปทั่วเมืองป้าฮวง และอาณาจักรเทียนหลิง กล่าวมามากพอสมควรแล้ว ข้าขอถามเจ้าว่า เจ้ากล้าทำหรือไม่?”
ติ๊ง : ข้อความจากระบบ : คุณจะรับภารกิจ [น้ำยาแห่งความตาย] (ระดับ B) หรือไม่?
เขาทำสีหน้าเหยียดหยามแล้วพูดต่อว่า
“จะทำหรือไม่ทำก็ได้ตามสบาย ถ้าไม่ทำเจ้าก็กลับไปโม้ๆต่อที่เมือง อวดเก่ง หลอกฟันสาวที่ผับไปวันๆแทนก็คงจะดีกว่านะ ข้าไม่บังคับ”
ฉันกัดฟันก่อนจะตอบกลับไปว่า
“ภารกิจนี้น่ะ…..ฉันขอรับมัน!!”
ที่มา: