I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Zhan Long ตอนที่ 33 น้ำยาแห่งความตาย

| Zhan Long | 1529 | 2359 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

มื้อเย็นวันนี้ก็เรียบง่ายมาก เป็นอาหารอิตาเลียนกับน้ำชา

“หลี่เซียวเหยา?”

จู่ๆ’หลินว่านเอ๋อ’ก็พูดขึ้นมา ฉันที่กำลังมองหน้าอกของเธอยู่ก็รีบเงยหน้ามองเธอก่อนตอบกลับไปว่า

“ครับ?”

“ดูเหมือนว่า   ในเมืองป้าฮวงตอนนี้นั้นจะไม่ค่อยมีผู้เล่นที่มีเลเวลสูงเท่าไรเลยนะ”

‘ว่านเอ๋อ’กระพิบตาก่อนจะพูดต่อว่า

“ตอนนี้นักรบแหยนเจ่า หัวหน้ากิลด์ปราก มีเลเวลสูงที่สุดในเมืองใช่ไหม? เลเวลเท่าไรหรอ?”

“อืม”

ฉันพยักหน้า

“ตอนนี้นักรบแหยนเจ่ามีเลเวล 27 เพราะก่อนหน้านี้เขาถูกฆ่าโดยพวกกลุ่มนายพล”

“เอ๋? กลุ่มนายพล? ไม่เคยได้ยินเลยนะ….”

“พวกเขาก็เป็นพวกผู้เล่นที่มีเลเวลสูง แต่ก็ไม่ได้เป็นกิลด์แบบปราก จึงไม่ค่อยเป็นที่รู้จักเท่าไรน่ะ”

“งั้นหรอ? ดูแล้วเมืองนี้จะไม่ค่อยมีการแข่งขันสูงเท่าไรนะ ทั้งๆที่มีกิลด์ [ปราก] กับ [มังกรเหินเวหา] แท้ๆแต่ก็กลับไม่ติด 1 ใน 3 ของอันดับในเซิร์ฟเวอร์เลยนะ โชคดีของนายแล้วล่ะที่อยู่ในเมืองที่ไม่มีการแข่งขันสูงกันมากน่ะ เลยสามารถเก็บเลเวลได้อย่างสบายๆล่ะนะ”

“ไม่หรอกน่า เมืองนี้มีการ PK บ่อยกันจะตายไป”

“หืมๆๆ”

‘หลินว่านเอ๋อ’มองมาด้วยสายตาเชิงเยาะเย้ยก่อนจะพูดต่อว่า

“นายกลัวการ PK หรอ?”

‘ตงเฉิงย่วย’ที่นั่งอยู่ข้างๆก้ตบไหล่’ว่านเอ๋อ’ก่อนจะพูดว่า

“อย่าพูดแบบนั้นสิ ว่านเอ๋อ อย่าลืมนะว่าเซียวเหยาเขาเล่นเป็นฮีลเลอร์น่ะ จะให้เขาเอาอะไรไป PK ชาวบ้านล่ะ เอาหน้าหล่อของเขาน่ะหรอ?”

“หมอนี่มันหล่อตรงไหนกัน?”

“ไม่ใช่แค่หล่อนะ แต่ทั้งหล่อแล้วอบอุ่น”

‘ตงเฉิงย่วย’ตอบไม่ตรงคำถาม

“……”

ฉันกระแอมไอ 1 ที เพื่อจะเปลี่ยนเรื่อง ก่อนจะถามว่า

“คุณหนู ตอนนี้ในเมืองฟ่านชูใครมีเลเวลสูงที่สุดงั้นหรอครับ?”

“หัวหน้ากิลด์ [เนินผู้กล้า] เวิ่นเจี้ยน”

“เอ๋? เป็นคนแบบไหนกันน่ะ?”

‘หลินว่านเอ๋อ’ถอนหายใจ 1 ทีก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า

“เวิ่นเจี้ยนเขาเป็นคนที่หล่อที่สุดในเมืองฟ่านชู แถมเขากับ เจี้ยนเฟิงหาน นั้นก็เป็นผู้เล่นที่ใช้กลยุทธ์ [เคลื่อนไหวซับซ้อน] เป็นลำดับต้นๆของเมืองเลยนะ”

“กลยุทธ์ [เคลื่อนไหวซับซ้อน] ?”

‘ตงเฉิงย่วย’หัวเราะก่อนจะพูดว่า

“ตายแล้ว เซียวเหยา นี่นายไม่รู้จักกลยุทธ์เบื้องต้นในการ PK เลยอย่างงั้นหรอ คือแบบนี้ ในการ PK นั้นจะมีกลยุทธ์ในการต่อสู้ที่นิยมอยู่ 3 อย่างนะ คือ [เคลื่อนไหว] [การหยุดชีพจร] แล้วก็ [การตัดกำลัง] และเวิ่นเจี้ยนนั้นก็เป็นผู้เล่นระดับต้นๆของเกม [Overlord] จนมาในเกม [Destiny] เพียงไม่กี่วันก็ได้รับการยกย่องแล้วว่าเป็น ของจริง บางคนยังตั้งฉายาให้กับเขาเลยว่าเป็น เทพเจ้าแห่งการต่อสู้ของเมืองฟ่านชู เลยล่ะนะ”

(อย่างแรกคือ ต่อสู้พร้อมโดยการใช้กระบวนท่า ดีในการต่อสู้ 1-1 อย่างที่สองคือการโจมตีในจุดสำคัญ จุดอ่อนของคู่ต่อสู้ เป็นกลยุทธ์สงคราม ใช้ใน 1-1 ก็ไม่แย่ ส่วนการตัดกำลังอย่างที่สามคือสไตล์ที่เน้นตอดไปเรื่อยๆจนตาย)

‘หลินว่านเอ๋อ’พูดสนับสนุน

“อื้อๆ เขาเป็นไอดอลของฉันเลยล่ะ”

มีความรู้สึกแปลกๆเกินขึ้นในใจของฉันหลังจากได้ยินคำพูดของ’หลินว่านเอ๋อ’ ‘ตงเฉิงย่วย’คงสังเกตเห็นเช่นกันจึงแซวฉันว่า

“เซียวเหยา หรือว่านายไม่อยากให้หลินว่านเอ๋อมีชายอื่นในใจสินะ ใช่ไหมๆ? ไม่ต้องปิดบังนะ พูดออกมาได้เลย”

เป็นคำพูดที่ถามมาได้ตรงเป้าพอดีเลย ฉันรีบตอบกลับไปว่า

“คิดมากน่า คุณหนูจะชอบใครมันไม่เกี่ยวกับฉันอยู่แล้ว งานของฉันคือการปกป้องคุณหนูเท่านั้น เว้นเสียแต่ว่า….”

“เว้นเสียแต่ว่าอะไร?”

‘หลินว่านเอ๋อ’ถาม

“เปล่าๆ ช่างมันเถอะ”

“…..”

‘ตงเฉิงย่วย’หัวเราะก่อนจะพูดว่า

“บรรยากาศของพวกเธอดูแปลกๆกันจังเลยนะ แต่เอาเถอะเซียวเหยา ถ้าฉันกับว่านเอ๋อเลเวลถึง 30 แล้ว พวกเราจะไปหานายที่เมืองป้าฮวงนะ ถึงแม้ว่านายจะอ่อนด๋อยหรือเก่งเทพยังไงก็ตาม นายเป็นเพื่อนของพวกเรา ยังไงๆ ฉันไม่ยอมปล่อยให้นายเหงาเฉาอยู่ที่เมืองป้าฮวงคนเดียวหรอกนะ โอเคไหมแบบนี้?”

“ได้ๆ”

‘หลินว่านเอ๋อ’ทำหน้ามุ่ย

“เอาล่ะๆ ฮีลเลอร์ผู้น่าสงสารรอก่อนนะ เดี๋ยวพี่ไปช่วยเอง”

“……”

“ว่าแต่ชื่อในเกมนายชื่ออะไรหรอ?”

‘เฉิงย่วย’ถามฉัน

“เซียวเหยาจื้อไจ้”

“เอ๊ะ!”

‘เฉิงย่วย’ตกใจอ้าปากค้าง

“นี่นายเป็นฮีลเลอร์คนแรกที่เปลี่ยนคลาสได้งั้นหรอเนี่ย”

“ใช่แล้วล่ะ เจ๋งไปเลยใช่ไหมล่ะ”

ในที่สุดฉันก็ได้พูดเรื่องที่ยืดอกพูดได้เต็มที่ซักที ‘หลินว่านเอ๋อ’แซว

“ไม่สำคัญหรอกน่าเรื่องนั้น ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นแค่ฮีลเลอร์อยู่ดี มาม้ะ ขอนมหน่อยๆ”

(สกิลฮีลในเกมนั้นก็มีคำว่านมอยู่ ดังนั้นหลินว่านเอ๋อเลยแซวไปแบบนี้)

ฉันกำหมัดแน่น

“นี่ๆ ฮีลเลอร์นั้นก็สำคัญในการต่อสู้แบบทีมนะ อย่ามาดูถูกกันเด็ดขาด”

“รีบไปเก็บเลเวลต่อดีกว่านะ”

‘หลินว่านเอ๋อ’ยิ้มดีใจที่ตัวเอกยั่วให้ฉันโมโหได้

“หลังจากที่เฉิงย่วยกับฉันเลเวล 30 แล้วก็เก็บเลเวลสกิลเป็นเลเวล 4 เสร็จแล้ว จะไปหานายที่เมืองป้าฮวงนะ”

“อืม”

หลังจากที่กลับมาถึงหอพัก ฉันตัดสินใจเปิดหาข้อมูลของ’เวิ่นเจี้ยน’ก่อนที่จะเข้าเกม

ข้อมูลผู้เล่น : เวิ่นเจี้ยน เวิ่นเจี้ยนนั้นเป็นผู้ก่อตั้งกิลด์ [เนินผู้กล้า] กิลด์ลำดับที่สองของประเทศจีน มีข่าวลือมาว่าชื่อจริงของเขาก็คือ เป่ยเฉิงเฟิง แล้วก็ยังเป็นผู้สืบทอดศิลปะการต่อสู้แบบอิสระ ของสำนัก เป่ยเฉิงแห่งเหอหนาน ไม่เพียงแค่นั้น เขายังเป็นบุตรชายของประธานบริษัท ดาวเหนือ ที่มีมูลค่าบริษัทถึง แสนล้านหยวน ยิ่งไปกว่านั้นเขายังหล่อมากๆด้วย จึงทำให้ผู้เล่นสาวๆส่วนใหญ่นั้นเลือกเมืองฟ่านชูเป็นเมืองเริ่มต้น ปั่ก!!

ฉันกระแทกปิดฝาโน้ตบุ้คของนายแว่น หึ!! ศิลปะการต่อสู้แบบอิสระงั้นรึ ตอนอยู่กับตาเฒ่า ฉันเองก็เคยประมือกันมาแล้วนะ แต่ไม่ใช่กับสำนัก เป่ยเฉิงแห่งเหอหนาน บางทีก็คงอาจจะได้ปะทะกันในเกมนี้ล่ะนะ แต่ก็ไม่แปลกใจเลยที่’หลินว่านเอ๋อ’จะสนใจเขา

แต่มันก็น่าน้อยใจนะที่เธอมองข้ามปรมาจารย์ด้านการต่อสู้อย่างฉันไปได้เนี่ย ฉันรีบสวมหมวกเข้าเกม ตั้งเป้าไว้ว่าจะเก็บเลเวลให้ถึง 30 แต่มันก็น่าจะยากไปสำหรับฉันที่เลเวล 24 อยู่ แต่เอาเถอะ อย่างน้อยคืนนี้ก็หวังว่าจะเก็บจนถึงเลเวล 26 ก่อนก็แล้วกันนะ

แว้บ!!

ฉันโผล่มากลางเมืองป้าฮวง อย่างแรกที่ต้องทำก่อนก็คือซ่อมอุปกรณ์ เตรียมของล่า จากนั้นก็วางแผนว่าจะไปเก็บที่ไหน ฉันจึงเปิดแผนที่ขึ้นมาดู ก่อนอื่นเราต้องไปเก็บที่แผนที่ไกลๆจากพวกผู้เล่นมือใหม่

ซึ่งแผนที่ไกลๆนั้นต้องใช้เวลาถึง 20 กว่านาทีในการเดินไป ดังนั้นฉันจึงต้องดูแผนที่ก่อนให้ดีๆ ส่วนเรื่องความโหดนั้นไม่มีปัญหาสำหรับฉันอยู่แล้วล่ะนะ ด้านทิศตะวันออกของแผนที่มีจุดแดงๆปรากฏขึ้นมาอยู่

แสดงว่ามอนสเตอร์ตรงจุดนั้นมีเลเวลอย่างน้อย 30 ล่ะนะ ซึ่งแค่นี้สำหรับฉันแล้วสบายมาก ระหว่างที่เดินทางไปก็มีคนมาชวนฉันเข้าปาร์ตี้มากมาย แต่ฉันก็ปฏิเสธไปทั้งหมด และในระหว่างเดินทางนั้นฉันไม่ได้สั่งให้โบโบ้ออกมา เพราะว่าโบโบ้นั้นเป็นไพ่ตายของฉัน ถ้าเอาออกมาใช้ไม่ระวัง คนจะรู้ข่าวแล้วปล่อยข่าวออกไปหมด

ออกเดินทางมาได้ครึ่งชั่วโมง ฉันก็มาถึงแผนที่ที่มีพวกไฮยีน่ากับก๊อบลินที่มีเลเวล 28 แต่ฉันไม่สนใจ เพราะว่าเป้าหมายของฉันคือมอนสเตอร์ที่มีค่าสถานะเด่นในทางใดทางหนึ่ง เพื่อที่ฉันจะได้จับมาขายด้วย แล้วเจ้าพวกนั้นค่าสถานะมันกลางๆ ฉันเลยไม่สนใจ มองไกลๆฉันเห็นป้ายของเมืองป้าฮวงอยู่ ฉันเอะใจเลยเดินเข้าไปดู

แต่ระหว่างที่เดินเข้าไปนั้นก็มี NPC นักธนูของเมืองยิงธนูมาขู่ฉัน

“ใจเย็นๆก่อน พวกเดียวกัน”

นักธนูของเมืองเห็นตราของฉันแล้วก็หัวเราะก่อนจะขอโทษฉัน

“โทษทีๆ คิดว่ามอนสเตอร์”

หลังจากนั้นฉันจึงเข้าไปในค่ายทหาร ด้านในนั้นมี NPC คนหนึ่งนั่งอยู่บนหมูป่า ยิ้มมาให้ฉันก่อนจะพูดว่า

“ที่รกร้างแบบนี้ก็ยังมาได้ เจ้าหนู แกมีความกล้าพอใช้ได้เลยนี่นา”

“ฉันมีมากกว่านั้นนา”

ฉันตอบกลับไป

“เยี่ยมยอดๆ”

เขาลุกขึ้นยืน ทำให้ฉันเห็นชื่อของเขา ‘เขามีชื่อว่า หัวหน้าหน่วยลาดตระเวน [เชียนหลิง]’

เขาเดินมาตบไหล่ฉัน ก่อนจะพูดว่า

“เจ้าหนู ข้ามีงานเสี่ยงตายให้เจ้าทำ เจ้ากล้าพอที่จะทำไหม?”

“แน่นอน”

‘เชียนหลิง’มองขึ้นไปบนฟ้า สูดลมหายใจก่อนจะพูดต่อว่า

“ที่นี่ จริงๆแล้วถูกปกครองโดยท่าน หลัวเล่ย แต่น่าเศร้าที่มีพ่อมดชั่วร้ายนั้นเดินทางมาที่นี่ มาสร้างปัญหาด้วยยาของเขา และยา 1 ในนั้นของเขามันมีคุณสมบัติในการเปลี่ยนสิ่งมีชีวิตให้กลายเป็นผีดิบได้ด้วย และในตอนนี้ที่นี่นั้นก็ได้กลายเป็นรังของพวกผีดิบแล้ว สายข่าวของเราทราบมาว่า ตอนนี้พ่อมดคนนั้นอยู่ที่ห้องทดลองใต้ดิน ดังนั้นตอนนี้พวกเราจึงต้องการผู้กล้าเข้าไปที่ห้องทดลองนั้น แล้วนำยาแห่งความตายนั้นกลับมาให้ได้ และแน่นอนว่าถ้าทำได้สำเร็จ ชื่อของเจ้าจะแพร่กระจายไปทั่วเมืองป้าฮวง และอาณาจักรเทียนหลิง กล่าวมามากพอสมควรแล้ว ข้าขอถามเจ้าว่า เจ้ากล้าทำหรือไม่?”

ติ๊ง : ข้อความจากระบบ : คุณจะรับภารกิจ [น้ำยาแห่งความตาย] (ระดับ B) หรือไม่?

เขาทำสีหน้าเหยียดหยามแล้วพูดต่อว่า

“จะทำหรือไม่ทำก็ได้ตามสบาย ถ้าไม่ทำเจ้าก็กลับไปโม้ๆต่อที่เมือง อวดเก่ง หลอกฟันสาวที่ผับไปวันๆแทนก็คงจะดีกว่านะ ข้าไม่บังคับ”

ฉันกัดฟันก่อนจะตอบกลับไปว่า

“ภารกิจนี้น่ะ…..ฉันขอรับมัน!!”

 

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments