ตอนที่แล้วตอนต่อไป“มะ..แม่ทัพหลิวชวง”
ลิ้นฉันพันไปหมด
“ทะ..ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ครับ? ที่เมืองเองก็ออกจะอุ่นดีนะครับ ไม่เห็นจำเป็นต้องลงมาเลย..”
“ข้างบนมันหนาวกว่าตรงนี้”
แม่ทัพ’หลิวชวง’มองฉันอย่างเย็นชา เธอพูดว่า
“ตามฉันมา”
“ครับ…”
ฉันตาม’หลิวชวง’เข้าไปในป่า เธอหันมาหาฉันแล้วพูดว่า
“นายพัฒนาได้ไวมาก ต๋าหลินพูดถูกเลย นายน่ะมีความสามารถซ่อนเร้นอยู่เยอะจริงๆ แต่ว่า….”
เธอหันไปมอง ผู้หญิง(?) ที่ฉันอุ้มไว้อยู่ เธอหน้าแดง
“แต่ว่านายช่วยโยนไอเจ้านั่นทิ้งไปก่อนได้ไหม?”
ฉันรีบโยนทิ้งทันที
“นะ…นี่มันแค่ทริคเล็กๆน้อยๆนะครับ”
‘หลิวชวง’กระแอม
“นี่ฉันหน้าตาเหมือนกับเจ้านั่นสินะ?”
“ไม่เลยครับ แม่ทัพดูดีกว่านั้นเยอะเลยครับ”
“งั้นหรอ?”
“ครับ”
“ฮึ”
เธอมองหน้าฉัน
“ตอนนี้นายแข็งแกร่งขึ้น แข็งแกร่งพอที่จะเป็นทหารแล้ว จากนี้ไปนายไม่ต้องตาม’ต๋าหลิน’แล้ว ฉันจะเลื่อนขึ้นให้นายแล้วก็พานายไปพบกับอาจารย์คนใหม่..”
“เอ๋? ใครหรอครับ?”
“ตามฉันมา”
เธออุ้มฉันขึ้นก่อนจะปีนเขา ให้ตายสิ โคตรเสียเชิงชายเลย… เธอพาฉันปีนขึ้นไปบนเขาจากนั้นก็เดินผ่านรอยแยกของภูเขาไป พบกับถ้ำขนาดใหญ่ ตอนนี้ในมินิแมพนั้นแดงก่ำไปหมด ซึ่ง’หลิวชวง’นั้นก็ยังแบกฉันไปอยู่ เธอกระโดดลงไปยังที่ๆหนึ่ง
ติ๊ก!! ข้อความจากระบบ : ท่านได้เข้าสู่แผนที่ [สุสานมังกร]
ตอนนี้ด้านหน้าของฉันนั้นเป็นโคตรงกระดูกขนาดใหญ่ ซึ่งน่าจะเป็นของมังกรที่ดูแล้วน่าจะมีอายุราวๆ 1000 กว่าปี
“แม่ทัพหลิวชวง เจ้านี่คือ…”
‘หลิวชวง’ยิ้มให้ฉันแล้วพูดว่า
“ถูกต้องแล้วล่ะ ที่นี่คือสุสานมังกร เป็นสถานที่มังกรส่วนใหญ่นั้นจะมาตายแถวนี้ ซึ่งที่นี่นั้นอยู่ในการควบคุมของเรา ดังนั้นมังกรหน้าไหนจะมาก็ต้องผ่านพวกเราก่อน”
“ครับ แล้วผมจะต้องทำอะไรบ้างครับ?”
‘หลิวชวง’ยิ้ม
“ง่ายเลย หลังจากนี้เจ้าจะต้องคุ้มครองกระดูกมังกรพวกนี้จากพวกโจรหรือมอนสเตอร์ แล้วก็..”
‘หลิวชวง’ยิ้ม
“หลังจากที่มังกรตาย พวกมันจะทิ้งวิญญาณเอาไว้ ซึ่งวิญญาณของพวกมันนั้นมีมูลค่ามาก ดังนั้นเจ้าจะต้องคุ้มกันมังกรชราที่อยู่ที่นี่ด้วย ซึ่งถ้ามีใครบุกรุกเข้ามา เจ้าจะต้องจัดการทันที”
ฉันพยักหน้า
“เข้าใจแล้วครับ…อีกอย่างนะครับ…”
‘หลิวชวง’ดูเหมือนจะอ่านใจฉันออก เธอยิ้มแล้วพูดว่า
“ตามฉันมา ฉันจะพาเธอไปหาอาจารย์คนใหม่ แล้วเขาจะเลื่อนขั้นอาชีพกับสอนสกิลใหม่ให้นาย”
“รับทราบครับ”
ระหว่างทางที่ฉันเดินเข้าไป ฉันก็เหมือนเห็นแสงวิญญาณจากกลุ่มโครงกระดูก พวกนั้นน่าจะเป็นวิญญาณของมังกรสินะ สงสัยจังว่ากินได้ไหม
“นายคิดอะไรอยู่น่ะ?”
‘หลิวชวง’หันมาหาฉันทันที ฉันสะดุ้ง นี่เธออ่านใจฉันออกงั้นหรอ?
“หึ..ที่นี่แหละ”
ด้านหน้าของฉันเป็นบ้านหลังหนึ่งที่รูปร่างคล้ายๆไข่ ทำมาจากหิน ข้างๆนั้นเป็นพื้นที่ฝึกฝนการต่อสู้ ซึ่งรอบๆบ้านนั้นฉันสัมผัสได้ถึงออร่าที่แข็งแกร่ง อาจารย์ของฉันคนนี้จะต้องเก่งมากแหงๆ
“คาร์ล ออกมาหน่อย ฉันพาลูกศิษย์คนใหม่มาหานาย”
‘หลิวชวง’พูด
“อูย..”
ประตูหินเปิดออกมา มีคนนั่งรถวีลแชร์ออกมา ขาสองข้างของเขาถูกตัดออก
[ผู้คุ้มกันสุสานมังกร คาร์ล] Level: ???
คำอธิบาย : คาร์ล เป็นยอดนักดาบที่จัดการกับศัตรูมามากมาย แต่เขาเสียท่าในการต่อสู้ครั้งหนึ่ง ทำให้เสียขาไปทั้งสองข้าง เขาจึงหันมาศึกษาวิชาดาบ แล้วกลายเป็นผู้คุ้มกันสุสานมังกร และพลังของเขาดูจะมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก
“อ้าว หลิวชวง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ..”
คาร์ลยิ้ม
“ไม่คิดเลยว่าเมืองมังกรจะยังจำได้ว่าฉันยังอยู่”
‘หลิวชวง’ยิ้มกว้าง
“คาร์ล ใครจะลืมนายกันได้ล่ะ ที่ฉันมาครั้งนี้ฉันพาเจ้าหนุ่มมากพรสวรรค์คนนี้มาเป็นลูกศิษย์นาย เขาจะช่วยนายคุ้มกันที่นี่ด้วยนะ”
ฉันเดินไปคำนับเขา
“สวัสดีครับ ท่านอาจารย์”
คาร์ลมองมาที่ฉันอยู่พักหนึ่งก่อนจะพูดว่า
“หมอนี่ดูไม่เห็นจะพิเศษตรงไหนเลย หลิวชวง เธอพาทองแดงไร้ค่ามาหาฉันเพื่อให้ฉันทำให้เป็นทองอย่างงั้นหรอ?”
‘หลิวชวง’หัวเราะ
“ไม่เลย นายยังไม่รู้หรอกนะว่าหมอนี่ทำอะไรได้บ้าง…เฮ้ เจ้าน่ะ แสดงกระบวนท่าซักกระบวนท่าให้ดูหน่อยสิ”
ฉันพยักหน้าแล้วก็โชว์กระบวนท่าให้พวกเขาดู แต่ฉันรู้สึกว่าคาร์ลเขาจะเก่งกว่าฉันมาก
“เห?”
คาร์ลคิดอยู่ครู่นึงก่อนจะพูดว่า
“หมอนี่…ก็ไม่เลวนะ เอาล่ะ ต่อจากนี้ไปเจ้าจะเป็นลูกศิษย์ของข้า”
ฉันตอบกลับไปว่า
“ผมอยากจะเรียนรู้สกิลจากท่านครับ ผมขอเรียกท่านว่าท่านอาจารย์ได้ไหมครับ?”
“ตามสบาย”
‘คาร์ล’ยิ้มแล้วก็ชักดาบที่อยู่ตรงด้านหลังของเขาออกมาฟันเข้าไปที่ก้อนหินจนขาดไปสองท่อน ให้ตายสิ หมอนี่ใช้ ‘ชี่’ ใส่ลงไปในดาบด้วยงั้นหรือเนี่ย แถมยังสามารถทำได้เหนือกว่าฉันอีกด้วย แล้วฉันเองก็ยังไม่เคยเห็นใครใช้ ‘ชี่’ กับดาบได้ดีเท่าหมอนี่เลย สุดยอดจริงๆ
ฉันคุกเข่าลงเคารพเขา เขายิ้มแล้วเอามือแตะไหล่ฉัน
“เอาล่ะ เอาเงินมาให้ข้า 100 ทอง แล้วเจ้าจะได้เป็นลูกศิษย์ข้า”
“ครับ”
ฉันยื่นเงินให้เขา ทันใดนั้นเสียงที่คุ้นหูก็ดังขึ้น
ติ๊ง!! ข้อความจากระบบ : ยินดีด้วย ท่านได้เลื่อนขั้นของอาชีพสำเร็จ
ชื่ออาชีพของท่านได้เปลี่ยนเป็นชื่ออาชีพว่า ‘ผู้คุ้มกันสุสานเมืองมังกร’
และสกิลเก่าของท่านจะสามารถอัพเลเวลจาก 4 ได้สูงสุดเป็น เลเวล 7 ท่านได้รับการป้องกันลับเพิ่ม 10% และพลังโจมตีลับเพิ่ม 5% และได้สกิลใหม่คือสกิล
[Fencing Specialization] (ความเชี่ยวชาญดาบ)
เยี่ยม เลื่อนชั้นสำเร็จ แต่ก็ต้องยอมจ่ายไปถึง 100 ทองเลยทีเดียว แพงเอาการ
“ภารกิจของฉันเสร็จแล้ว ขอตัวก่อนก็แล้วกัน”
‘หลิวชวง’หัวเราะพร้อมกับเดินจากไป ‘คาร์ล’หันไปมองแล้วบ่นพึพำว่า
“หึ..เจ้าพวกสุนัขรับใช้ของหลัวหลิน..”
ฉันตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน แต่ก็ไม่ได้ซักไซ้อะไร ฉันถามเขาไปว่า
“อาจารย์ มีสกิลใหม่ๆ สอนผมไหมครับ?”
‘คาร์ล’ยิ้ม
“แน่นอน แต่แพงหน่อยนะ…”
“ครับ..”
ทันใดนั้นก็ปรากฏหน้าต่างสกิลขึ้นมา และมีสกิลให้ฉันเรียนได้อยู่ถึง 3 สกิล [
Fierce Ice Blade Lv1] (A) : รวบรวมพลังน้ำแข็งไว้ที่ดาบเพื่อจู่โจมคู่ต่อสู้ สร้างความเสียหายแล้วก็ทำให้คู่ต่อสู้ช้าลง ที่เลเวล 1 นั้นจะทำความเสียหายได้ 2% ทะลุพลังป้องกัน 1% และลดความเร็วลงเป็นเวลา 1 วินาที ใช้ 30 MP การจะเรียนวิชานี้ต้องจ่าย 300 ทองกับค่าเสน่ห์ 3
และเมื่อเรียนสกิลนี้แล้วจะไม่สามารถเรียนสกิล [Ice Blade] และ [Flame Blade] ได้
[Flame Blade Lv1] (B) : รวบรวมพลังไว้ที่ดาบแล้วก็โจมตี เพิ่มพลังโจมตี 3% ใช้ 10 ทองในการเรียน และเมื่อเรียนสกิลนี้แล้วจะไม่สามารถเรียนสกิล [Ice Blade] และ [Fierce Ice Blade] ได้
[Ice Blade Lv1] (B) : รวบรวมพลังน้ำแข็งไว้ที่ดาบแล้วโจมตี ที่เลเวล 1 นั้นจะสร้างความเสียหาย 2% และลดความเร็วในการเคลื่อนที่ของศัตรูชั่วขณะ ใช้ 10 ทองในการเรียน และเมื่อเรียนสกิลนี้แล้วจะไม่สามารถเรียนสกิล
[Fierce Ice Blade] และ [Flame Blade] ได้ ฉันคิดอยู่ครู่นึงก่อนจะตัดสินใจเรียนสกิล [Fierce Ice Blade] หลังจากที่ได้สกิลแล้วฉันก็ลองร่ายดู
อืม ทรงพลังไม่เบา ที่เลเวล 10 ของสกิลนี้นั้นน่าจะมีพลังโจมตี 20% แล้วก็ทะลุเกราะป้องกัน 10% ล่ะนะ ซึ่งแทบไม่ต่างจาก [Wind Blade] เลเวล 10 ที่มีพลังโจมตี 30% เลย
ฉันเองก็อยากจะคุยต่อ แต่เขากลับไม่พูดไม่จาเดินกลับบ้านไปเลย ให้ตายสิ หมอนี่จะเย็นชาเกินไปแล้ว
แต่ช่างเถอะ ก่อนอื่นก็เก็บเลเวลสกิลนี้ดีกว่า ฉันกลับไปที่เมืองป้าฮวง ไปโจมตีพวกมอนสเตอร์ Vampire Bat เพราะสกิลของฉันนั้นสามารถ 1 Hit Kill พวกนั้นได้ ถึงแม้จะเสียเวลาหน่อยก็ตาม
แต่เพื่อเลเวลสกิลแล้ว ฉันยอม
ที่มา: