ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปเมื่อ’หวางเจี้ยน’ควงขวานของเขา องครักษ์พิทักษ์เจ้าหญิงทั้งสองตัวที่อยู่หน้าเขาก็ใช้ทักษะของมันใส่ทันที แสงสีทองก็ปรากฏขึ้นบริเวณใบดาบของมัน [คอมโบ] ระดับ 6!!!!
ฟับบบบ ฟับบบ ฟับบบ
พวกมันฟันใส่’หวางเจี้ยน’อย่างต่อเนื่อง ทำให้ตัวเลขลอยออกมา
412!
447!
471!
396!
…… เพียงแค่การโจมตี 8 ครั้งก็เพียงพอที่จะฆ่าเขาได้แล้ว!!!
“แย่หละ”
ตาของ’หวางเจี้ยน’เบิกกว้าง ควาวเร็วในการโจมตีของพวกมันเร็วกว่าที่คิดไว้ มันไม่ปล่อยให้เขามีเวลาดื่มยาฟื้นพลังซักนิด ผมที่อยู่ใกล้เขาที่สุด รีบสะบัดมือและร่าย ฮิลใส่เขาทันที +750! ผมตะโกน
“โจมตีชั้นเร็ว!!”
“อะไรนะ!!”
‘หวางเจี้ยน’ชะงักไปเล็กน้อย แต่เขาก็หายงุนงงอย่างรวดเร็ว และโจมตีมาที่ไหล่ของผม ดาเมจ 256 ก็ลอยออกมา มันคือการเปลี่ยนความสนใจ
ดังนั้นองครักษ์พิทักษ์เจ้าหญิงทั้งสามตัวจึงพุ่งมาที่ผม ……
ผมสะบัดมืออีกครั้ง เพื่อใช้ [Defense] ระดับ 5 มันจะเพิ่มพลังป้องกันให้ผม 5%
เปรี้ยงงงง กระแสอากาศหมุนวนจากใต้เท้าของผม
ผมใช้ท่า [เพลงดาบร้อยสังหาร] เข้าไปที่หน้าอกของหนึ่งในองครักษ์พิทักษ์เจ้าหญิง ทำดาเมจโดยรวมได้มากถึง 2200 กว่าๆ หลังจากนั้นผมก็ใช้ท่า [คอมโบ] ต่อทันที และด้วยการโจมตีอีกสองครั้งจากโบโบ้ ก็ทำให้มันร่วงลงพื้นพร้อมกับกรีดร้องออกมาด้วยความโกรธแค้น
‘หลี่มู่’ตะลึงไปเลย
“บ้าจริง พลังโจมตีของพวกมันสูงมาก แค่มันสองตัวก็สามารถฆ่าหวางเจี้ยนได้ในพริบตาแล้ว ขนาดหวางเจี้ยนมีพลังป้องกันมากกว่า 800 นะนี่”
ผมจับดาบประกายวสันต์พร้อมกับตะโกน
“ทุกคนระวังตัวไว้ ระดับของเควสมันต่ำเกินไป แต่มอนสเตอร์พวกนี้มันเป็นม่อนของเควสระดับ S ตัวของบอสต้องแข็งแกร่งมากกว่าที่พวกนายเคยเจอมาแน่นอนเลย”
“โอเค!!”
…… พวกเราฆ่ามันไปมากมาย และได้ไอเท็มระดับดำและเขียวมาหลายชิ้นเช่นกัน ทั้งที่พอใช้ได้และก็ไร้ประโยชน์ ทางข้างหน้าพวกเราทั้งมืดและชื้น เวลาที่พวกมันโจมตีเรา ตอนแรกมันจะมาประมาณ 30 กว่าตัว
อย่างไรก็ตามจำนวนของพวกมันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนมีประมาณร้อยกว่าตัวต่อกลุ่ม โชคดีที่ผู้เล่นของกิลด์ Valiant Bravery มีความสามารถสูงพอตัว ทำให้มีผู้เล่นสายเกราะหนักล้มตายไปเพียง 7-8 คน แต่พวกเขาก็ยังได้รับการฟื้นชีพอย่างรวดเร็ว ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก
กลุ่มที่แข็งแกร่งคือกลุ่มที่มีหมอหลายคน พวกเขาสามารถดูแลเลือดของสมาชิกในกลุ่มได้เป็นอย่างดี ผมฆ่าพวกมันไปอีกตัว ค่าประสบการณ์ก็เพิ่มขึ้นมาอีกนิดหน่อย ตอนนี้ผมมีระดับ 48 และ 94% แล้ว อีกนิดหน่อยก็ถึง 49 แล้วหละ
อีกอย่างวันนี้อาจถึง 50 เลยก็ได้ ที่ระดับ 50 ทักษะของผมสามารถขึ้นสู่ระดับ 6 ได้ ที่ระดับ 6 ไม่ว่าจะเป็น [ดาบสายลม] [ดาบน้ำแข็งทมิฬ] [คอมโบ] และทักษะอื่นๆ มันจะทำให้ผมแข็งแกร่งขึ้น
อีกอย่างปัจจัยสำคัญในการต่อสู้ก็คือการระเบิดพลังออกมาภายในการโจมตีครั้งเดียว!!
“บอส”
นายพล’ไป๋ฉี’เบาเสียงลงและพูด
“ดูเหมือนสถานการณ์จะไม่ค่อยดี”
“มีอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ?”
‘หลี่มู่’ขมวดคิ้ว ‘ไป๋ฉี’กัดฟันแน่น
“นักฆ่าที่เราทิ้งไว้ในแผนที่บอกว่า พวกเขาเจอกลุ่มคนของกิลด์ [Flying Dragon] กำลังตรงมาทางนี้ ดูเหมือนพวกนั้นจะไม่ได้มีเจตนาดีเท่าไหร่ บางทีอาจจะมาขัดขวางการทำเควสของเรา”
‘หลี่มู่’ตกใจ
“ว่าไงนะ พวกผู้เล่นจากกิลด์ [Flying Dragon] งั้นเหรอ พวกนั้นมันจะมาขัดขวางเราไม่ให้พวกเราไปเอาจิตวิญญาณของเจ้าหญิงงั้นเหรอ”
“ใช่ ดูเหมือนจะเป็นเหมือนตอนนั้นหละนะ”
ผมเดินเข้าไปหาพวกเขา
“มีอะไรงั้นเหรอ พวกมังกรทะยาน กำลังระรานคนอื่นรึไง?”
“ใช่ หลังจากเรื่องเมื่อตอนนั้น มังกรทะยานก็เก็บงำความเกรียดชังที่มีต่อพวกเรานายพลไว้มาก”
‘หลี่มู่’ถอนหายใจและพูดต่อ
“[Flying Dragon] มีผู้เล่นมากกว่า 38000 คน และอยู่ในเมืองป้าฮวงกว่าหมื่นคน พวกเรา [Valiant Bravery] มีสมาชิกอยู่ 1000 คน พวกเราเสียเปรียบเต็มๆ ในเรื่องจำนวน นอกจากนี้ผู้เล่นของเราที่ออนไลน์ได้นานก็มีแค่ 800 คน และอีกอย่างคนที่มีความสามารถสู้กับพวกนั้นได้ก็มีเพียง 500 คน”
“จิตวิญญาณของเจ้าหญิง มันคืออะไรงั้นเหรอ?”
ผมถาม
‘หลี่มู่’หัวเราเล็กน้อย
“อันที่จริง เควสนี่มันแบ่งออกเป็นสองช่วง ช่วงแรกคือระดับ A ซึ่งการที่เข้ามาในสุสานมันคือขั้นตอนในช่วงที่สอง ชั้นปิดบังคนอื่นไว้นะ มันคือฆ่านายพลที่ปกป้องร่างกายของเจ้าหญิงและนำจิตวิญญาณของเจ้าหญิงกลับไปมอบให้เจ้าเมืองป้าฮวงน่ะ ช่วงที่สองนี้ระดับ S”
“งั้นนายก็หลอกชั้นให้มารับชะตากรรมแบบนี้งั้นเหรอ?”
‘หลี่มู่’หัวเราะ
“มันไม่ใช่แบบนั้น ชั้นแค่ลืมบอกนายเฉยๆ ตอนนี้เรามาหาวิธีแก้ปัญหานี้ก่อนเถอะ ถ้าพวก [Flying Dragon] ส่งกองกำลังหลักมาหละก็ พวกเราคงไม่สามารถจบเควสนี้ได้แน่”
หลังจากที่ผมขบคิดกับคำพูดของเขา ผมยิ้มและตอบ
“นายจะกลัวอะไรหละ ก็เรียกสมาชิกทั้งหมดเข้ามาใน สุสานนี่ซะ ภายในนี้ ไม่กว้างเท่าไหร่ มันกว้างแค่ให้คนสิบคนเดินเบียดกันเท่านั้นเอง ดังนั้นพวกเราก็ไม่ต้องกลัวพวกนั้นหรอก อีกอย่างความสามารถเฉลี่ยของกิลด์นายก็ยังสูงพอใช้ได้ ดังนั้นเราควรจะส่งผู้เล่นครึ่งหนึ่งไปฆ่าบอสส่วนอีกครึ่งก็ป้องกันทางเข้าเอาไว้แค่นั้นเอง เมื่อพวกเราได้จิตวิญญาณเจ้าหญิงพวกเราก็ถอยกลับแค่นั้นเอง มังกรทะยานเขาไม่ใช่คนโง่ เขาจะไม่ต่อสู้หากไม่ได้รับประโยชน์หรอกนะ”
“อืมม นี่น่าจะเป็นตัวเลือกเดียวของเรา”
‘หลี่มู่’กล่าวต่อ
“หวางเจี้ยน ไป๋ฉี พวกนายสองคนอยู่ที่นี่ คอยสั่งงานคนที่ปกป้องทางเข้าซะ เซียวเหยา เหลียนป๋อ และชั้นจะเข้าไปยังใจกลางสุสานและฆ่าบอส พวกนายคิดว่าไง?”
“เยี่ยม ว่าแต่ตอนนี้เรามีคนเท่าไหร่?”
“ตอนนี้ที่ใช้ได้มีเพียง 277 คน ที่เหลือพวกเขากระจายตัวอยู่รอบๆ แผนที่นี้ มันยากมากที่จะรวมพวกเขา นอกจากนี้ ชั้นก็ไม่อยากให้พวกเขาตายอย่างสูญเปล่าในขณะที่เดินทางมาที่นี่ เพราะฉะนั้นเราจึงได้ได้แค่ 277 นี้เท่านั้น”
“โอเค แค่นี้ก็พอ พานักเวทกับหมอที่นายต้องการไปฆ่าบอสกับเรา”
“ได้เลย”
… ผมวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าผมคือบันได ที่นำไปสู่ห้องโถงขนาดใหญ่ ทั้งห้องโถงเป็นสีแดงโลหิต ทำให้บรรยากาศดูน่ากลัวมาก บนบันไดที่อยู่กลางอากาศมันคือมอนสเตอร์ที่ถือหอกยาว มอนสเตอร์ระดับสูง เลเวล 57 พลหอกพิทักษ์เจ้าหญิง มีมอนสเตอร์ให้เราฆ่าอีกแล้ว!!!
โดยไม่เสียเวลา ผมพุ่งไปยังบันไดทันที ‘หลี่มู่’แบกดาบพร้อมกับหัวเราะ
“ฮ่าๆ น่าสนใจ นี่มันเหมือนการแข่งกันเลยนะ เซียวเหยานายเป็นตัวชนนะ เดี๋ยวพวกเราจะคอยเป็นตัวซัพพอตเอง แบบนี้พวกเราจะฆ่าบอสได้เร็วขึ้น พวกเราต้องฆ่าบอสให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ บอสน่าจะอยู่ที่ระดับม่วง เลเวลประมาณ 57-60 นายมั่นใจว่าจะชนไหวมั้ย?”
ผมมองไปยังระดับของตัวเองพลางหัวเราะ
“ชั้นสามารถฆ่าบอสได้ตั้งแต่ระดับ 42 และตอนนี้ระดับของชั้นก็ 48 ใกล้จะ 49 แล้ว นายคิดว่าไงละ? แต่ก่อนอื่นให้ชั้นระดับ 49 ก่อนจะไปสู้กับบอสเถอะ มันจะได้ลดอันตรายได้บ้าง”
“โอเค งั้นชั้นจะจับคู่หมอทั้ง 9 คนกับนายนะ”
“ได้เลย”
ผมฟาดฟันดาบประกายวสันต์อย่างบ้าคลั่ง ผมยืนอยู่แถวหน้าสุดพร้อมกับโบโบ้ ในขณะที่หลี่มู่ตามมาข้างหลังพร้อมกับเหล่านักเวทและนักธนูที่โจมตีอย่างรุนแรง พวกเรานำคนมา 100 คน และแบ่งออกเป็นกลุ่มละสิบคน เพียงเท่านี้ก็คงจะเพียงพอต่อการล้มบอสแล้วหละ
ส่วนที่เหลือก็นำกำลังโดน’หวางเจี้ยน’ที่นำกำลังไปหยุดพวกมังกรทะยาน ผมเหยียบลงไปยังบันใดหิน และมองลงไปข้างล่าง ทุกส่วนในสุสานมันดูแจ๋วไปเลย การออกแบบก็ดูน่าทึ่งมาก อีกอย่างเราสามารถมองเห็น’หวางเจี้ยน’อยู่ตรงประตูทางเข้า เขากำลังจัดรูปแบบอยู่ อัศวิน พระ นักดาบ และเบอเซิกเกอร์ อยู่ตรงหน้าประตู เป็นรูปแบบกำแพงป้องกัน 5 ชั้น และด้านหลังจะเป็นคนสนับสนุน ทั้งพวกทำดาเมจ และก็รักษา แสงส่าดส่องไปยังผู้เล่นแต่ละคน ดูเหมือนผู้เล่นทุกคนจะได้รับบัพ [Encourage] กันถ้วนหน้า
“ดูเหมือนพวกนั้นจะมาแล้ว”
‘หลี่มู่’กล่าวอย่างเย็นชา ผมยืนอยู่ริมบันใดลอยฟ้าพร้อมกับมองออกไป แสงจาก [เสาเพลิงและเสาน้ำแข็ง] พุ่งเข้าใส่ผู้เล่นของกิลด์ [Valiant Bravery] พลังโจมตีมันรุนแรงมาก ไม่มีเวลาให้หมอได้ฮิลเลย เบอเซิกเกอร์สามคนร่วงลงสู่พื้นทันที พวกเขาดรอปอุปกรณ์และน้ำยาออกมาเล็กน้อย
“บ้าเอ้ย”
‘หลี่มู่’หน้าซีดเผือด
“ไอ้บัดซบมังกรทะยาน ยังกล้าเรียกตัวเองว่าหัวหน้ากิลด์หนึ่งในสิบกิลด์ใหญ่ของจีนอีกงั้นเหรอ โจมตีเราโดยไม่บอกกล่าวอะไรก่อน ชั้นไม่เข้าใจจริงๆ ว่ากิลด์ [Valiant Bravery] ของเราไปรุกรานมันตอนไหน”
ในขณะที่ผมฟันลงไปที่พลหอกพิทักษ์เจ้าหญิงตัวหนึ่ง ผมก็ถามขึ้น
“นายเคยรับสมัครคนในบอร์ดใช่มั้ย?”
“ใช่แล้ว แต่ผลตอบรับก็ไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไหร่”
หลี่มู่กล่าวในขณะที่สู้อยู่กับพลหอกพิทักษ์เจ้าหญิงอีกตัว
“อีกอย่างชั้นก็ไม่แน่ใจว่าทำผิดอะไร แต่จำนวนของคนที่จะเข้ากิลด์มีเพียงแค่ 3000 กว่าคน เมื่อเทียบกับกิลด์ใหญ่ทั้งสิบแล้ว พวกเราก็ยังดูเล็กมากอยู่เลย”
ผมหายใจเข้าลึกๆ พลางตอบ
“งั้นก็มีเพียงเหตุผลเดียวที่เป็นไปได้ นายละเลยปัจจัยสำคัญที่กิลด์ควรมีไป นายยังขาดชื่อเสียงของบุคคลไป…….นายเห็นมั้ย [Legend] มีนักเวทอันดับหนึ่ง ฟางเก่อเช่ว [Hero Mound] มีผู้ใช้เทคนิคต่อสู้ แบบย้อนกลับอันดับ 1 อย่าง Q-Sword [Vanguard] ก็ยังมีผู้เล่นติดหนึ่งในสิบของเมืองป้าฮวง เจี้ยนเฟิงซาน ในขณะที่ [Prague] ก็ยังมีสองนักฆ่า เย่วชิงเชียนและเย่วเว่ยเหลียง แล้วพวกนาย [Valiant Bravery] มีอะไร?”
‘หลี่มู่’พูดเบาๆ
“ก็มีชั้นไง”
ผมมองไปที่เขาและหัวเราะ
‘หลี่มู่’ก็กล่าวอย่างโกรธๆ
“เออขำไปเลย หลี่เซียวเหยาไอ้บ้า ตอนนี้ชั้นโกรธจริงๆ แล้วนะ ทำไมนายไม่มาเข้ากิลด์เราหละ ชั้นหมายถึงมาสร้างตำนานด้วยกันกับพวกเรา ชั้นสามารถให้ตำแหน่งหัวหน้ากิลด์กับนายได้ ถ้านายไม่ทำแย่ๆ กับพวกเรา นายเซียวเหยาจื่อไจ๋ ถือว่าเป็นที่รู้จักกันมาก ในฐะนะหมอที่ใช้ดาบ อีกอย่าง สำหรับผู้เล่นหญิง ภาพลักษณ์ของนายยังเป็นคนที่ฮ๊อตที่สุดในเมืองป้าฮวงอีก ถ้านายเข้ากิลด์เรา เราก็จะสามารถดึงดูดผู้เล่นหญิงในเมืองป้าฮวงได้อีกมาก นอกจากนี้ การดึงดูดผู้เล่นหญิงมาก็หมายความว่าผู้เล่นชายก็จะมาด้วย พอถึงจุดนั้นแล้ว การครองเซิฟเวอร์ของ Destiny ก็ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้วหละ”
ผมตอบไปด้วยความโกรธ
“ฝันไปแล้ว นายคิดว่าจะใช้หน้าตาของชั้นเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับนายงั้นเหรอ ชั้นคือคนที่ยืดมั่นความแข็งแกร่งของตัวเอง เข้าใจมั้ย? ชั้นหลี่เซียวเหยา เชื่อถือเพียงดาบในมือนี้เท่านั้น ไม่ใช่ใบหน้าของชั้น!!”
“งั้น นายจะเข้ากิลด์กับเรามั้ย?”
“ไม่ละ ตอนนี้สตูดิโอของชั้นกลับมาแล้ว ทำไมชั้นจะต้องออกทั้งๆ ที่พึ่งเริ่มหละ ถ้านายยังพยายามบังคับชั้นเข้ากิลด์อีกครั้งละก็ ชั้นจะกลับเมืองหละ”
“ฮ่าๆ อย่าคิดมากแบบนั้นดิ ไปกันเถอะ ชั้นจะให้นายเป็นคนลาสบอสเอง”
“แน่นอน”
“การหลอกว่าโกรธจะทำให้ได้ค่าประสบการณ์มากขึ้น”
“….”
TL : เหมือนมันจะเป็นมุขของจีนนะ ไม่เข้าใจเหมือนกัน ……
ผ่านไป 30 นาที และพลหอกพิทักษ์เจ้าหญิงตัวที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ตายไป ก็มีแสงขึ้นที่ตัวของผม ในที่สุดผมก็ระดับ 49 ตอนนี้ก็ใกล้จะระดับ 50 เข้าไปทุกทีแล้ว ที่ห่างออกไป ‘หวางเจี้ยน’ตะโกนลั่น
“บอส!! รีบๆ หน่อยไปสู้กับบอสได้แล้ว พวกเรากำลังจะถึงขีดจำกัดแล้วนะ หมาบ้างของพวกมันกัดแรงจริงๆ พวกนั้นพาคนมาเยอะมาก”
“พวกนั้นพาคนมาเท่าไหร่”
ผมตะโกนถาม
“อย่างต่ำก็ 2000 คน”
‘หวางเจี้ยน’ตะโกนบอก
“บ้าเอ้ยย”
… ผมมองไปข้างหน้า ‘หลี่มู่’มองมาที่ผมอย่างหนักแน่น
“พวกเราน่าจะเริ่มสู้กับบอสได้แล้วนะ”
“ได้”
ที่ตรงกลางของห้องโถง มีโลงศพตั้งอยู่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เจ้าหญิงฉยงหัวนอนอยู่ในนั้น ที่ด้านข้างคือนักรบในชุดเกราะกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ ในขณะที่เราเดินเข้าไปยังโลงศพ
เขาก็พูดเบาๆ
“ฉยงหัวเธอคือคนที่ผมรักที่สุด ผมจะฟื้นคืนชีพให้คุณ และจะทำให้คุณเป็นผู้หญิงที่มีความสุขมากที่สุดในโลก เราจะเพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพของท้องฟ้ายามค่ำคืนด้วยกัน นับจำนวนของมดด้วยกัน มองปีที่ผ่านไปด้วยกัน และเราจะนอนลงที่พื้นหญ้าด้วยกัน“
ที่มา: