I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Zhan Long ตอนที่ 162 whirlwind slash (คมขวานวายุหมุน)

| Zhan Long | 2536 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

แปลโดย คุณ Parita Chee

***************************************

“โครม”

เมื่อร่างของหลี่เซี่ยงล้มฟาดลงบนพื้น ไอเท็มและข้าวของมากมายไหลทะลักออกมา ผมต้องขยี้ตา ยอมรับว่าของที่ดรอปออกมาเยอะจนไม่น่าเชื่อ  บนพื้นเต็มไปด้วยกองเหรียญทอง อัญมณี การ์ด และที่สำคัญที่สุดคือ ไอเท็มสวมใส่ แม้แต่คนที่ยืนข้างหลังผมยังน้ำลายหกกับข้าวของที่ดรอปมากมาย

“น้ำลายหกเลยนะนี่ มหาสมบัติชัดๆ”

‘ซงฮาน’ยิ้มร่า’อวี๋จื่อเฉิงชัว’เกือบทำไม้เท้าหลุดจากมือ

“ตำนานของเซียวเหยาจื้อไจ้ เป็นจริงอีกเรื่องแล้ว ค่าเสน่ห์(charm)ของนายไม่ใช่ความลับอีกแล้ว…”

‘ว่านเอ๋อ’ที่ยืนกางร่มอยู่เงียบๆ เอ่ยขึ้น

“ดูของที่ดรอปก่อนเถอะค่อยมาสรุปกัน”

‘รันมิน’ กำหมัดอย่างตื่นเต้น

“ผมเห็นขวานระดับม่วง พลังโจมตีมากกว่า1200 ซางเหล่ยกับผมมาทอยเต๋าวัดดวงกันถ้าจำเป็น”

‘ซางเหล่ย’พูดอย่างใสซื่อ

“พี่เซียวเหยา ทอยเต๋าวัดดวงคือไรอะ”

ผมอึ้ง

“…..”

‘ว่านเอ๋อ’ มองหน้าผมแล้วพูดขึ้น

“นายมีคนเยอะ ไปเลือกแบ่งของที่ดรอปจากบอสก่อนเถอะ”

“โอเค แตงค์”

(รู้สึกว่าถ้าแปลแล้วตลก เลยทับศัพท์ ดูเป็นธรรมชาติมากกว่า)

ผมเดินไปหากองไอเท็มสวมใส่ที่กระจายอยู่บนพื้น  ชื่อและสถานะของไอเท็มสวมใส่ปรากฏขึ้นต่อหน้าของทุกคน ทีละชิ้น

[สนับข้อมือเหล็กของ คิงบาร์แบเรียน] (เกราะระดับทอง)

พลังป้องกัน+170

พลังโจมตี  +34

strength +31

ระดับที่สามารถใช้อุปกรณ์ได้  50

 

[สายสร้อยของหยวนหมิง] (สร้อยคอระดับทอง)

พลัง ability +37

ความอดทน(อึด) +35

เพิ่มค่ารักษาจากการใช้เวทย์ฮีล +45

ระดับที่สามารถใช้อุปกรณ์ได้  49

 

[รองเท้าท่องเมฆา]  (รองเท้าหุ้มเกราะระดับทอง)

พลังป้องกัน +180

Strength +34

ความอดทน +32

เพิ่มพลังทำลาย(ดาเมจ) 3%

และเพิ่มความเร็ว   2.2%

ระดับที่สามารถใช้อุปกรณ์ได้   50

 

[แหวนรัตติกาลฟ้าคำรณ]  (แหวนระดับทอง)

พลัง ability +38

ความอดทน(อึด) +34

เพิ่มค่าพลังทำลายด้านเวทย์ 3%

ระดับที่สามารถใช้อุปกรณ์ได้  50

 

ผมตบหน้าผากป้าบหลังจากมองของที่ดรอปไปมา

“ไม่มีไอเท็มระดับม่วงเลย ดูท่าดวงผมจะไม่ค่อยดีนะวันนี้”

‘หลินว่านเอ๋อ’ หัวเราะคิกคักขณะที่พูด

“เร็วเข้า รีบๆแบ่งเถอะน่า เรายังต้องไปชั้นต่อไปอีกนะ”

“ได้ๆ”

[สนับข้อมือเหล็กของ คิงบาร์แบเรียน] ถูกนำมาทอยเต๋านับแต้ม ใครมีแต้มเยอะสุดก็ได้ไป โดยผมไม่เข้าร่วมด้วย เพราะสถานะ ของสนับแขนยอดสวรรค์ ระดับม่วงของผม เหนือกว่าอยู่แล้ว ผมจึงไม่มีเหตุผลต้องไปวัดดวงด้วย

ในที่สุด ‘รันมิน’ ก็ทอยลูกเต๋าชนะ ‘ตงเฉิงเหล่ย’ได้ของดีไป แต่น่าเสียดายที่เลเวล’รันมิน’ต่ำไปจึงไม่สามารถสวมใส่ได้ในทันที

‘เป็ดที่รัก’ ได้สายสร้อยของ’หยวนหมิง’ ไป เพราะ’อวี๋จื่อเฉิงชัว’บอกว่าเธอมีสร้อยคอทีมีสถานะดีกว่าอยู่แล้ว สำหรับแหวนรัตติกาลฟ้าคำรณตกเป็นของ’ตงเฉิงเยว่’โดยไม่ต้องสงสัย ส่วนรองเท้าท่องเมฆาถูก’ตงเฉิงเหล่ย’ทอยเต๋ามาได้ หมอนี่ดวงดีชะมัด…

ของที่ดรอปอื่นๆ คือ อัญมณีวิญญาน 2 ก้อน กับการ์อภัยโทษ 2-3ใบ ถูก’หลินว่านเอ๋อ’ กับ’ซงหาน’ทอยเต๋าได้ไป สุดท้ายเหลือตำราทักษะสีแดงเข้มหนึ่งเล่ม

“ตำราทักษะ เหรอ”

‘อวี๋จื่อเฉิงชัว’ถามผมพยักหน้าหญิงสาวยิ้ม

“ตำราทักษะดรอปได้ยากมาก ดูเหมือนว่าจะเป็นทักษะดีพอสมควร  เล่มสีแดงเข้ม ชักสงสัยแล้วสิว่าทักษะนี้อยู่ระดับที่เท่าไร”

ผมเอื้อมมือไปเหนือตำราเล่มนั้น

“นี่เหรอ”

“แว้บบบ”

แสงสีแดงราวกับเลือดเริ่มแผ่กระจายออกจากตำรานั่นสาดส่องไปรอบๆ พร้อมกับเริ่มถักทอเรียงร้อยเข้าหากันเป็นตัวอักษรว่า

[คมขวานวายุหมุน/whirlwind blades] (ระดับ S)

เพลงอาวุธที่รวบรวมพลังแห่งสายลม เริ่มจากสายลมหมุนวนเป็นเกลียว

จนสร้างเป็นพายุหมุนโจมตีทุกคนที่อยู่ในระยะ 20 เมตรในครั้งเดียว

ทักษะนี้สามารถโจมตีได้ถึง 5 ครั้ง และพลังโจมตีของมันขึ้นอยู่กับพลังโจมตีและระดับทักษะนี้ของผู้ใช้ทักษะ

จะต้องมีระดับอย่างน้อย 45 เลเวลจึงจะสามารถเรียนรู้การเคลื่อนไหว

และสามารถเรียนได้เฉพาะ เบอร์เซอร์เกอร์ (นักรบคลั่ง) เท่านั้น……..

ผมยิ้มแห้งๆ  แม้ว่าทักษะนี้จะมีพลังทำลาย (DPS) ที่รุนแรงมากและทำลายวงกว้าง แต่โชคไม่ดีที่ทักษะ [คมขวานวายุหมุน] นี้ไม่เกี่ยวกับผมเลย

เซ็งโคตร ตำราทักษะเล่มแรกที่มีพลังโจมตีทางกายภาพแบบวงกว้าง (AOE) ที่ผมเจอดันเป็นทักษะที่ผมไม่สามารถใช้ได้ แต่ยังดีว่า ในซานหลง มี เบอร์เซอร์เกอร์ (นักรบคลั่ง)ตั้ง 2 คน ยังไงมันก็ทำให้กลุ่มผมเข้มแข็งขึ้นแหละขณะถือตำราทักษะ [คมขวานวายุหมุน]

ผมมองที่’ตงเฉิงเล่ย’ กับ’รันมิน’

 “พวกนายนักรบคลั่งทั้ง 2 คนน่ะ มาวัดดวงกัน ใครชนะก็ได้ทักษะระดับ S นี่ไป ทักษะนี่หาค่าไม่ได้เลยนะ เพราะยังไม่มีทักษะไหนเหมือนมันมาก่อน”

‘รันมิน’ กำหมัดแน่น

“อาเหล่ย นายให้ฉันชนะเถอะ…”

‘ตงเฉิงเล่ย’พยักหน้ารับรู้

“โอ้ะ ผมต้องชนะซิ”

ในเวลาต่อมา นักรบคลั่งทั้งสองคนเริ่มทอยลูกเต๋า

4 แต้ม

2 แต้ม……

‘ว่านเอ๋อ’กับผมหัวเราะก๊าก

“แต้มเหลือเกินจริงๆ   แต่รันมินได้แต้มสูงกว่า  ชนะไป  ตำราทักษะเล่มนี้เป็นของโอลด์เคแล้ว…”

“แว้บบบ”

ตำราทักษะจางหายไปในฝ่ามือของ’โอลด์เค’  ชายหนุ่มมองดูที่ทักษะอย่างตื่นเต้น ทันใดก็ตะโกนชื่อทักษะออกมา สายลมสีแดงเข้มเริ่มหมุนวนรอบ’โอลด์เค’ขณะที่เขาเงื้อขวานขึ้นสูง แล้วสบัดออกไป

“ฉัวะ”

เกิดแรงลมหมุนวนอย่างรุนแรงระเบิดออกไปรอบๆ พวกเราทุกคนทักษะถูกใช้  แม้ว่าทักษะนี้เพิ่งเริ่มใช้ใหม่ๆ แต่มันก็สามารถสร้างผลเสียหายได้รุนแรงทีเดียว

“ทักษะซุโค่ย…”

‘ว่านเอ๋อ’ชื่นชม ขณะที่ปลายนิ้วลูบไปตามริมฝีปาก ผมรู้ว่าเธออิจฉาผมพยักหน้า

“ใช่ หมุนเหมือนกับลูกข่าง”

‘ว่านเอ๋อ’ได้แต่จ้องผมอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา ‘อวี๋จื่อเฉิงชัว’หัวเราะหึๆ

“พอได้แล้ว อย่าเพิ่งลำพองใจ รีบๆ ลงไปที่ชั้นสองกันเถอะ เราใช้เวลาเกือบ 4 ชั่วโมงในชั้นแรกชั้นเดียว ไม่รู้ว่าเราต้องใช้เวลาเคลียร์ชั้นสองนานแค่ไหน  ทุกคนรีบๆ เดินไปได้แล้ว”

…..ผมถือกระบี่ Frost Rain ตรงไปข้างหน้าขณะที่แผนที่แสดงให้เห็นทางเข้าชั้นที่สองอยู่ด้านหลังบัลลังค์ของจักรพรรดิ์หลี่ซ่ง  บันไดหินทอดเรียงรายลงไปสู่ชั้นล่าง ที่เต็มไปด้วยสิ่งปริศนาที่เราไม่ยังไม่รู้

“แกรกกราก”

บันไดหินเต็มไปด้วยเศษหิน มีเพียงแสงจากกระบี่ Frost Rain เป็นแหล่งให้ความสว่างบนบันไดอันมืดมิด ในที่สุดเราก็เดินถึงบันไดขั้นสุดท้ายเข้าไปสู่โถงถ้ำอีกแห่งหนึ่งที่มีหินล้ำค่าฝังอยู่ในกำแพงและเพดานอีกครั้งหนึ่ง ที่ส่องแสงสาดบนตัวพวกเราราวกับ อันญมนี ที่แวววาว

“ให้ตาย ที่นี่มีตรึมเลย…”

‘ว่านเอ๋อ’เดินตามผมลงมา  แม้ว่าเธอจะมองอยู่ห่างๆ ด้วยสายตาเบิกกว้างที่มีแววตื่นเต้นน้อยๆตงเฉิงเย่วและซงฮานยืนตกตะลึงนิ่งบนบันไดขั้นสุดท้ายขณะที่พวกเขากวาดสายตามองไปที่มอนสเตอร์นับไปถ้วนที่มีอยู่เต็มไปหมด  ทหารโบราณในชุดเกราะเกล็ด มีหนวดเครายาวรุงรังเหลือติดอยู่บนใบหน้าเน่าเปื่อย พวกมันส่งเสียงร้องแหบแห้งโหยหวนขณะที่ถือหอกผุกร่อนเดินร่อนไปทั่ว

พวกมันดูไม่แกร่งมากนักแต่พวกมันน่าจะแข็งแรงกว่าที่พวกเราเห็นแน่นอน

[พลหอกเผ่าฉินตอนปลาย]  (มอนสเตอร์ระดับสูง)เลเวล  58

พลังโจมตี  1040-1350

พลังป้องกัน  870

พลังชีวิต(เลือด) 7200

ทักษะ [ทะลวงแทง]  [Ice lock]  [คมหอกน้ำแข็งทมิฬ]

รายละเอียด  พลหอก ชนเผ่าฉินตอนปลาย เป็นทหารจากอาณาจักรฉินตอนปลาย  นักรบเหล่านี้มาจากดินแดนนอกกำแพงเมืองจีนที่มีความดุร้ายป่าเถื่อนถึงขนาดที่ฆ่าคนเป็นว่าเล่น  เมื่อหรันมินสิ้นชีพในสงครามทหารเหล่านี้จึงกลายมาเป็นผู้คุมคุกในสุสานของ หรันมิน…..

“ในที่สุดเราก็ต้องมาสู้กับทหารเซี่ยง”

ผมหัวเราะ’รันมิน’รู้สึกสับสน

“นั่นมันพลหอกเผ่าฉิ่นตอนปลายไม่ใช่เหรอ  แล้วเผ่าเซี่ยงมาเอี่ยวได้ยังไงละเนี่ย”

ผมหันมาอธิบาย

“เพราะว่าหลังจากการรุกรานของคนเถื่อนจากห้าเผ่า ทำให้เกิดก๊กเกิดเหล่าขึ้นมา 16 แคว้น แคว้นฉิ่นตอนปลายเป็นแคว้นหนึ่งที่หัวหน้าเผ่าเซี่ยงคนหนึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง”

ผู้เขียน : เรื่องนี้ไม่ได้เสียดสีทั้งเผ่าฉิ่นและเผ่าเซี่ยง  และฉัน ผู้เขียน ยังคงเป็นกลาง

‘วูล์ฟ’ถามว่า

“งั้น เราจะฆ่ามันยังไงล่ะ”

‘ว่านเอ๋อ’ยิ้ม

“ไม่ต้องห่วงเรื่องจะดึงความสนใจมอนสเตอร์มากเกินไป ปล่อยให้ตงเฉิงเย่วจัดการ  เธอจะลากมอนสเตอร์มาหาเราเอง เราค่อยฆ่าตัวไหนที่เข้ามาใกล้ อย่าเข้าไปใกล้ๆ มันไม่อย่างนั้นเราจะลากมอนสเตอร์เลเวล 58 มากเกินไปเพราะนี่เป็นเควสระดับ SS มอนสเตอร์ระดับสูงที่นี่จะต้องแกร่งไม่ธรรมดา ดังนั้นเราค่อยๆ กวาดล้างพวกมันไปทีละขั้น ๆ”

‘อวี๋จื่อเฉิงชัว’ ผงกศรีษะอย่างเข้าใจ

“เข้าใจแล้ว ซ่างเย่วจะเป็นตัวหลักของทีม ลากมอนสเตอร์มาขณะที่คนอื่นๆจัดการพวกมัน  ถ้าเข้าใกล้เกินไปจะทำให้มอนสเตอร์รู้ตัวเราก็เสร็จ”

“ผมเข้าใจแล้ว ไปกันเถอะ”

ดาบประกายวสันต์ของผมกระหายอยากต่อสู้แล้ว……

‘ตงเฉิงเย่ว’ ยืนบนขั้นบันได เงื้อไม้เท้าขึ้นสูง ร่ายเวทย์ [วายุยะเยือก/ Chilling Wind] ใส่พลหอกเผ่าฉิ่นตอนปลายแต่ไกล

“โฮก โฮก…”

พลหอกทหารฉิ่นตนนั้นพุ่งตรงเข้ามา คำรามก้องด้วยความเจ็บปนโกรธ  ผมถลันก้าวพรวดไปขวางทางแล้ววาดกระบวนท่าต่อเนื่อง [combo] ในระยะห่างจากทหารอีกตนอื่นๆ

“แคร้ง แคร้ง แคร้ง”

ทหารตนนั้นกรีดร้องโหยหวนขณะที่ร่างมันถูกฟันอย่างรวดเร็ว  มันทรงตัวได้อย่างรวดเร็ว สะบัดหอกที่ส่วนปลายเริ่มมีเกล็ดน้ำแข็งรวมตัว  มันใช้ทักษะเดียวกันกับผม

[คมหอกน้ำแข็งทมิฬ/ Fierce Ice Blade] ! 795 !

แน่นอนว่า การโจมตีนั้นทรงพลังอย่างมากกระบี่ของผมไถลปราดไปกระแทกหอกออกไป แล้วผมสวนออกไปด้วยกระบวนท่า [คมกระบี่น้ำแข็งทมิฬ/ Fierce Ice Blade] บ้าง

‘ว่านเอ๋อ’เหาะลอยมาจากข้างบน

“มา  ฉันช่วย…”

ก่อนเธอจะปิดเกมสังหาร พลหอกทหารฉิ่นตอนปลายตนนั้นเข้าประชิด’ว่านเอ๋อ’ แล้วตวัดฟาดด้วยหอกทันที

“เพี๊ยะ”

โซ่น้ำแข็งพุ่งจากพื้นเลื้อยกระหวัดพันรอบขาของว่านเอ๋อเป็นเวลา 7 วินาที  มันคือทักษะ [โซ่น้ำแข็ง] ที่ค่อนข้างสะดวกทีเดียวแม้ว่ามันจะไม่มีพลังทำลาย แต่มันก็ฉุดรั้งคนได้ระยะหนึ่งสาวสวยเบิกตาด้วยความหงุดหงิดนิดๆ

“มันเกิดขึ้นได้ยังไงเนี่ย ฉันไม่ได้อยู่ใกล้พอจะกระตุ้นให้มันโกรธได้เลย ทำไมฉันโดนมันเล่นงานได้”

‘ตงเฉิงเย่ว’ อธิบาย

“น่าจะเป็นทักษะที่ถูกกระตุ้นโดยอัตโนมัติอย่างหนึ่ง เพราะเซี่ยวเหยาเป็นคนโจมตีหลัก เธอเคลื่อนไหวรอบๆ เขามากเกินไปมันเลยคิดว่าเธอเป็นคนโจมตีคนที่สอง ทักษะนี้จึงทำงาน”

“ท่าก็จะอย่างนั้น…”

“ฉันจะไปล่อตัวที่สอง ตัวที่สาม”

“ไปเลย”

‘ตงเฉิงเล่ย’กับโอลด์เคจัดการไปคนละตัว ไม่ค่อยกดดันมากนักเมื่อพวกเขามีฮีลเลอร์หนุนหลัง  มัทฉะถืออาวุธของเธอเข้าโจมตีมอนสเตอร์อย่างระมัดระวัง ทำให้พวกมันคิดว่าเธอเป็นคนโจมตีคนที่สอง  พยายามหลบหลีกทักษะ [โซ่น้ำแข็ง/Ice Lock] ที่เล็งเป้ามาที่เธอ

ผมเห็นกลยุทธ์ของเธอ ที่ใช้กับมอนสเตอร์ที่เน้นการใช้ ทักษะ [โซ่น้ำแข็ง/Ice Lock] ทำให้’ว่านเอ๋อ’และ’วูล์ฟ’มีโอกาสจู่โจมมากขึ้น และตัวเธอเองก็ไม่ตายอย่างไร้ประโยชน์

หลังจากเข่นฆ่าไปครึ่งชั่วโมง

ในที่สุดพวกเราก็เคลียร์พื้นที่โล่งได้จุดหนึ่ง  ชั้นสองไม่ค่อยแตกต่างจากชั้นแรกเท่าไร แต่มีมอนสเตอร์แน่นหนามากกว่า และดูแทบจะไม่สามารถทำลายล้างมันได้หมด……

เวลาประมาณตีสาม ทุกคนรู้สึกเหนื่อยล้าจากการต่อสู้อย่างมาก ถึงจุดที่เราต้องกลับไปหาช่างตีเหล็กชราเพื่อซ่อมอุปกรณ์ฟรี แล้วค่อยลงมาใหม่อีกครั้ง  เราตั้งใจจะเคลียร์ชั้นสองให้เสร็จภายในคืนนี้

ก่อนที่จะออฟไลน์ แน่นอนว่าคนที่รู้สึกตื่นเต้นมากที่สุดคือ มัทฉะที่จะได้เลเวล 42 จากชั้นสองและน่าจะถึงเลเวล 47 หลังจากที่จบเควสนี้  สำหรับ’วูล์ฟ’กับคนอื่นๆ พวกเขาน่าจะได้เลเวล 50 เมื่อจบเควส

จากเควสนี้ ระดับเฉลี่ยของ’ซานหลง’น่าจะพุ่งสูงจนไล่ทันผู้เล่นอื่นๆ ที่ได้หมวกเล่นเกมส์ชุดแรก

“ย๊ากสสส์”

หลังผ่าหัวของพลหอกทหารฉิ่นตอนปลายแล้ว

ผมรีบเคลื่อนไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วจนเจอบริเวณที่มีปราสาทขนาดใหญ่  ตรงท้ายสุดคือกษัตริย์หนวดเคราครึ้มตนหนึ่ง เขาถือดาบวงพระจันทร์ขนาดใหญ่ในขณะที่ดวงตาสีแดงเลือดจ้องเขม็งมาที่พวกเรา ราวกับท้าทายพวกเรา ……

 “บอสระดับม่วงเลเวล 58…”

น้ำเสียง’อวี๋จื่อเฉิงชัว’สั่นระริก

“ดูเหมือนว่าเราจะเจอแต่บอสระดับม่วงนะวันนี้.”

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments