ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปแปลโดย คุณ Parita Chee
**************************
“แคร้ง”
ผมกระแทกไปที่นักรบคลั่งที่อยู่ใกล้ๆ คนหนึ่ง และพุ่งทะยานไปพร้อมกับปลายกระบี่ที่พร้อมจะโจมตี ระยะห่างระหว่างพวกเราเหลือไม่มาก ตอนนี้น้อยกว่า 10 เมตรแล้ว กระบี่ประกายวสันต์เปล่งแสงด้วยท่าคมกระบี่น้ำแข็งพิโรธ [Fierce Ice Blade] ที่พร้อมจะทำงาน ผมคำรามเรียกชื่อเบาๆ
“ดรั๊งเคิน สเปียร์”
‘ดรั๊งเคิน สเปียร์’ สังเกตเห็นตัวผม เผยให้เห็นนัยน์ตาสีดำคู่หนึ่งที่ไม่แสดงอาการหวาดกลัวใดๆ ตะโกนตอบกลับมา
“เซี่ยวเหยา จื่อไจ๋ นายอยู่ที่นี่จริงๆ!”
คนบางคนถูกลิขิตให้มาเป็นศัตรู และในชั่วพริบตาที่ผมเห็น ‘ดรั๊งเคิน สเปียร์’ ผมรู้ว่าเขาคือศัตรูที่ฟ้าลิขิต เขาจะเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง แข็งแกร่งขนาดที่คุกคามผมได้ถึงตายทีเดียว
“ซ่า”
เม็ดฝนที่อยู่บนกระบี่ประกายวสันต์ของผมปลิวออกจากปลายกระบี่เมื่อผมตวัดกระบี่ไปที่ลำคอของ’ดรั๊งเคิน สเปียร์’ ซึ่งเป็นจุดอ่อนสำคัญโดยทั่วไปของคน การโจมตีตรงนั้นจะทำให้เพิ่มความเสียหายได้เพิ่มขึ้น 25% นี่เป็นเรื่องทั่วไปที่ผู้เล่นเกมทุกคนควรทราบ
ไม่ใช่เฉพาะ ‘ดรั๊งเคิน สเปียร์’ ความสามารถในการเคลื่อนไหวราวกับปุยเมฆและเลื่อนไหลราวกับสายน้ำอันประหลาดพิกลของเขาแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นนักเล่นเกมที่ชำนาญคนหนึ่ง
“แคร้ง”
กระบี่ผมปะทะกับหอกของเขาเสียงดังกังวานแล้วรอ นั่นคือหอกวิญญาณบริสุทธิ์ที่ได้มาจากเควส สุสาน Five Barbarians’ Desolate Tomb ซึ่งในท้ายที่สุดตกมาอยู่ในมือของฝ่ายตรงข้ามของพวกเรา
“ฮา ฮา”
หอกของ ดรั๊งเคิน สเปียร์ เลื่อนถอยหลังไป 20 ซม. สกัดกั้นกระบี่ประกายวสันต์จากการเลื่อนลงไป ในเวลาเดียวกัน เขาตวัดเท้าเตะที่ด้ามหอกอย่างกะทันหันทำให้ปลายของหอกเคลื่อนไหวราวกับสิ่งมีชีวิต มันคือทักษะพิเศษของเขา [Rock Piercing Thrust] ทักษะเฉพาะของอาชีพอัศวินธรรมชาติ
“เปรี้ยง”
ทรวงอกผมรู้สึกชาไปหมดเพราะเกราะเนบิวล่าของผมมีโพรงขนาดใหญ่เกิดขึ้นกลางตัวเกราะ ในเวลาเดียวกัน ผมก็ถูกกระแทกถอยหลักไป 2-3 เมตรโดยไม่ตั้งใจ ทักษะ [Rock Piercing Thrust] เป็นทักษะที่เจาะทะลุการป้องกันในขณะเดียวกันก็กระแทกให้ศัตรูกระเด็นถอยไป
‘ดรั๊งเคิน สเปียร์’ ยิ้ม เร่งรุดไปข้างหน้า มือขวาจับที่ด้ามหอกขณะที่ปลายหอกวิญญาณบริสุทธิ์พุ่งเข้ามาราวกับอสรพิษ ทักษะคมหอกเพลิง [Flame blade] เริ่มทำงานในลำดับต่อไป นั่นไง การใช้หอกของเขาช่างยอดเยี่ยม วิธีที่เขาบังคับหอกดูรื่นตา แม้ว่าเขาจะเป็นศัตรูก็ตาม แต่ด้วยการเคลื่อนไหวนั้น ผมรู้สึกนับถือ 1278!
ไหล่ผมรู้สึกปวดแสบปวดร้อน พลังโจมตีของ ‘ดรั๊งเคิน สเปียร์’ ช่างรุนแรงจริงๆ สร้างความเสียหายได้มากกว่า 1200 ทว่าตัวเขาเองรู้สึกตกใจที่จำนวนความเสียหายที่เกิดขึ้นน้อยมากเช่นกัน เห็นได้ชัดว่า เขาไม่คิดว่าพลังป้องกันของผมจะสูงขนาดนี้ หอกวิญญาณบริสุทธิ์เสียจังหวะจากที่กระทบโดนตัวผมเมื่อผมพลิกข้อมือทำให้ด้ามกระบี่ของผมเสียดสีกับด้ามหอกจนมีเสียง
“กึ้ก”
ผมฉวยโอกาสนี้กระโดดขึ้นไปบนฟ้ากระบี่ของผมเปล่งประกายด้วยสีแห่งทักษะคมกระบี่น้ำแข็งพิโรธ [Fierce Ice Blade] และฟันเข้าไปที่ไหล่ของ ‘ดรั๊งเคิน สเปียร์’ ค่าความเสียหายจำนวนมากลอยขึ้นมาเหนือศีรษะเขา 1517!
“อึ้กก…”
‘ดรั๊งเคิน สเปียร์’ ขมวดคิ้ว เขาเหลือพลังชีวิตประมาณ 50% ของพลังชีวิตทั้งหมดที่ประมาณ 3000 หลังจากรับพลังโจมตีของผม เขากระทืบเท้าฉับพลัน
“ทึ้บ”
พื้นดินเริ่มสะเทือนเมื่อน้ำเดือดเป็นฟองผุดขึ้นมาจากบริเวณรอบๆ พวกเราทันที ผมถูกลวกจากน้ำเดือดๆ นั้นโดยไม่มีทางหลบหลีกได้ 974!
ช่างเป็นทักษะที่ไร้ความเมตตาเกินไป ผมยกเท้าเตะเขาอย่างแรง
“พลั่ก”
‘ดรั๊งเคิน สเปียร์’ ตั้งหอกขวางการเตะ แต่ความแข็งแกร่งของเขาต่ำกว่าผมดังนั้นเขาจึงถูกผมเตะกระเด็นไปถึง 5 เมตร สีหน้าเขาแสดงความประหลาดใจ แต่ทว่านั่นไม่ได้หยุดเขาจาก การโผกลับเขามาพร้อมกับหอก หอกเหล็กของเขาเริ่มสั่นเมื่อเขาสั่งใช้ทักษะ [Iron Spear Thrusts] นี่คือท่าไม้ตายของเขา
ซึ่งเป็นทักษะแบบวงกว้างอย่างหนึ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเคยเห็นทักษะการฆ่าด้วยพลังกาย ดังนั้นผมจึงไม่ลังเลที่จะใช้ความสามารถพิเศษของแหวนมังกรสีชาด [Crimson Dragon Ring] คือทักษะเกราะมังกรสีชาด [Shield of the Crimson Dragon]
ทันใดนั้น ศีรษะมังกรสีชาดปรากฏร่างรอบๆตัวผม เป็นเหมือนเกราะให้ผมและเพิ่มพลังป้องกันอีกจำนวนมหาศาล กระบี่ประกายวสันต์ยังคงวาดขวางอยู่กลางอก ในท่าตั้งรับมาตรฐาน
ปล. เซี่ยวเหยาเลือกใช้ทักษะของแหวนมากกว่าใช้ทักษะสะท้อน เป็นเพราะว่าทักษะของ ดรั๊งเคิน สเปียร์ ที่จะใช้เป็นทักษะใหม่ที่อาจมีการโจมตีมากกว่า 1 ครั้ง
“เคร้ง เคร้ง เคร้ง”
หอกนั่นแทงมาที่ผม 3 ครั้ง มีจำนวนตัวเลขลอยขึ้นเหนือผม ดังนี้ 317! 296! 305!
ผมโบกมือร่ายเวทย์ [Heal] รักษาตัวเอง พลังชีวิตของผมเพิ่มขึ้น 900 และจากนั้นดื่มยาเพิ่มพลังชีวิต เลเวล 6 หนึ่งขวด ที่สามารถเพิ่มพลังชีวิตได้อีก 1000+ รวมกับผลของกลุ่มฮีลเลอร์ข้างหลังอีก ทำให้พลังชีวิตของผมกลับมาจนเต็ม
‘ดรั๊งเคิน สเปียร์’ขบริมฝีปาก แล้วคำรามเบาๆ
“แม่….. เอ๊ย เซี่ยวเหยา จื่อไจ๋ มีทักษะเยอะฉิบ ทำไมเขาถึงยอมช่วยกิลด์ [Valiant Bravery]..”
ผมไม่พูดกลับพุ่งเข้าใส่และใช้ทักษะแทน กระบี่ประกายวสันต์เป็นเงาแปลบปลาบหลังจากแทงหลอกไปที่ ‘ดรั๊งเคิน สเปียร์’ เพื่อบังคับให้เขาถอยหลัง พลังพุ่งขึ้นมาทั่วร่างเมื่อผมใช้ทักษะ [Strength of a Thousand Men]
“ฉิบ…แล้ว ทักษะต่อเนื่อง”
พยัคฆ์ทมิฬ ตะโกนร้องออกมาจากที่ห่างไกล เขาแยกเขี้ยวคำราม
“ดรั๊งเคิน สเปียร์ ระวัง นั่นเป็นทักษะต่อเนื่องระดับเอส”
‘ดรั๊งเคิน สเปียร์’ดูสงบนิ่งแม้ว่าทักษะนี้กำลังใช้ต่อหน้า ด้วยการพลิกข้อมือ หอกวิญญาณบริสุทธิ์ก็กระทบกับกระบี่ของผม สามครั้ง
“เผียะ เผียะ เผียะ”
สามารถป้องกันการโจมตีสามท่าแรกได้ แม้ว่าการเคลื่อนไหวสามท่าแรกของผมจะถูกป้องกัน แต่กระบวนท่าที่ 4 ของผมกระแทกเขาอย่างจัง
“ผลั่ก”
ไหล่ผมยวบลงเมื่อผมกระแทกโดน ‘ดรั๊งเคิน สเปียร์’ บังคับให้เขาอยู่ในสภาวะมึนงง กระบี่ประกายวสันต์สั่นระริกสำหรับเริ่มการใช้ทักษะสุดท้ายของกระบวนท่าต่อเนื่อง [Wind Blade] แม้ว่ามันจะฟาดลงบนตัวของ ‘ดรั๊งเคิน สเปียร์’ เต็มๆ แต่มันก็ไม่สามารถที่จะฆ่าเขาได้ ฮีลเลอร์จากกิลด์ [Flying Dragon] ร่ายเวทย์ [Heal] รักษาเขาได้ทันก่อนที่ผมจะสามารถสร้างความเสียหายได้มากไปกว่านี้
ทำให้การสังหาร ‘ดรั๊งเคิน สเปียร์’ เป็นเรื่องที่ยากมากขึ้น กำปั้นเหล็กข้างหนึ่งกระแทกลงบนพื้นดัง
“ปึ้ก”
กระตุ้นทักษะโซ่พันธนาการ [binding chains] ขึ้นล็อคขาของ’ดรั๊งเคิน สเปียร์’
“โอลด์เค ใช้คมขวานวายุหมุน [Whirlwind Blade]”
อย่างนั้นแหละ ผมเล็งมุมที่จะใช้ทักษะเพื่อน็อค ‘ดรั๊งเคิน สเปียร์’ ที่อยู่ใกล้กับสมาชิกซ่านหลงของผม สิ่งนี้แหละที่จะฆ่าเขาได้ง่ายขึ้น ถ้าเราไม่ฆ่าเขาตอนนี้ ไม่อย่างนั้นจะเรื่องนี้จะกลายเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบาก
“มาเลย”
‘โอลด์เค’คำราม ทักษะ [Whirlwind Slash] โผนออกไปราวกับเขาร่ายรำพร้อมกับขวานรบที่สั่นระริก คนที่อยู่ใกล้กับ ‘โอลด์เค’ถูกดึงเข้าไปในพายุหมุนทันที ทุกๆ คนที่ตกอยู่ในทักษะโดนฟัน 5 ครั้งสร้างความเสียหาย 400 แต้มต่อครั้ง รวมแล้วประมาณ 2000 แต้ม
‘ตงเฉิงเล่ย’ก็ลอยไปข้างหน้า คมขวานเพลิง [Flame Blade] พร้อมใช้แล้ว 1127 แต่เพราะการเข้ามาของฮีลเลอร์ของกิลด์ [Flying Dragon] ที่ใช้ทักษะ [Heal] ได้ทัน ทำให้พลังชีวิตของ ‘ดรั๊งเคิน สเปียร์’ยังคงเหลืออยู่ที่ 30%
ผมตะโกนบอก’โอลด์เค’ในขณะที่กำลังวิ่งไปข้างหน้า
“[Savage Jump Slash]!”
‘โอลด์เค’คำรามก้องขณะที่เขากระโจนไปข้างหน้า ทักษะจากขวานรบของเขาทำให้พื้นดินสั่นไหวอย่างรุนแรงเมื่อเขาโจมตี ‘ดรั๊งเคิน สเปียร์’
“เปรี้ยง” 1427
กระบี่ประกายวสันต์เริ่มสว่างมากขึ้นเมื่อมันลอยไปในอากาศ ส่งการโจมตีครั้งสุดท้ายไปที่ ‘ดรั๊งเคิน สเปียร์’ เขาล้มลงบนพื้นพร้อมกับหมวกเหล็กดรอปลงมา ซึ่งผมคว้าเอาไป มันเป็นหมวกเหล็กระดับม่วงเลเวล 55 ซึ่งผมโยนมันไปให้’โอลด์เค’ เพื่อให้นักรบคลั่งของเราแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ….
“จบกัน…”
พยัคฆ์ทมิฬหน้าขาวเผือด
“ดรั๊งเคิน สเปียร์ถูกสังหารแล้ว ให้ตายเถอะ ขนาดเขามีพลังป้องกัน 1547 ยังตายได้ พลังโจมตีของคนในซ่านหลงสูงจะไปถึงไหนกัน”
จากระยะไกล มังกรทะยาน [soaring dragon] ถือไม้เท้ากำลังลอยตัวอยู่ในอากาศตะโกนร้องเสียงดัง
“พยัคฆ์ทมิฬ ไม่ต้องห่วง รีบๆ ฝ่าทำลายแนวป้องกันของพวกนั้นเสีย เราต้องรักษาบอสระดับจักรพรรดิไว้สำหรับพวกเราให้ได้ แล้วอย่าสู้กับเซี่ยวเหยาจื่อไจ๋ ให้นักเวทย์กับมือธนูจัดการเขาแทน นายไม่จำเป็นจะต้องไปดวลกับคนอย่างนั้น”
ผมขบริมฝีปาก ออกคำสั่งในสถานการณ์นั้นด้วย
“ทุกคน บุก”
ระหว่างนั้น ในแนวศัตรูระยะไกล พวกมือลอบสังหารเข้าโจมตีในที่สุด
“วู้บ”
ลำแสงสีแดงสาดลงมาที่นักเวทย์เลเวล 53 คนหนึ่งและถูกทำให้มึนงงก่อนที่ทักษะต่อเนื่อง [Bleed]+แทงข้างหลัง [backstab] จะสังหารตายคาที่ หลังจากนั้น มือลอบสังหารก็หายตัวไปโดยใช้ทักษะลอบเร้น [Stealth] มือลอบสังหารระดับ 50+ กำลังสังหารนักเวทย์และฮีลเลอร์ของกิลด์ [Flying Dragon] ทั้งซ้ายและขวา
กลยุทธ์นี้เป็นกลยุทธ์ที่เฉียบขาดอย่างไม่ต้องสงสัย มังกรทะยานเห็นนักเวทย์ที่อยู่ใกล้เขาถูกสังหารไปต่อหน้าจากการโจมตีอย่างไม่ได้คาดหมาย เขารู้สึกฉุนเฉียวอย่างแรง ไม้เท้าของเขาทำให้พื้นสั่นสะเทือนเมื่อเขาร่ายเวทย์ หอกภูผา [Rock Spike] ในระหว่างที่บังคับให้ มือลอบสังหารของกิลด์ [Valiant Bravery] หลุดจากทักษะ ลอบเร้น [Stealth]
จากนั้นเขาก็ใช้ทักษะ [Pillar of Fire and Ice] ต่อเนื่องทันที ซึ่งทำให้มือลอบสังหารถูกฆ่าตายในคราเดียว ขณะเดียวกัน เขาก็ตะโกนก้องว่า
“ใช้ทักษะแบบ AOE บังคับให้พวกมือลอบสังหารเปิดเผยตัวเอง ช่างน่ารังเกียจที่สุด ถึงกับใช้มือลอบสังหารลอบเข้ามาเล่นงานเลยเหรอ มือปืน ทุกคนใช้ทักษะยิงปูพรม [Bombardment] ในพื้นที่ทั้งหมด ผมไม่เชื่อว่าจะมีผู้เล่นคนไหนในกิลด์ [Valiant Bravery] จะอยู่ยงคงกะพัน”
ในชั่วพริบตา เสียงตูมตามดังขึ้นมือลอบสังหารที่มองไม่เห็นแต่ละคนถูกบังคับให้เผยตัวตน ต้องเจอกับความโกรธเกรี้ยวของนักเวทย์และมือธนูที่เหลืออยู่ มือลอบสังหารจำนวน 50 คนลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว โดยทิ้งวูลฟ์กับมือลอบสังหารสองสามคน รีบหนีเข้าไปซ่อนตัวในพุ่มไม้อย่างรวดเร็ว
แม้ว่ามือลอบสังหารจะสูญเสียน้อย แต่พวกเขาก็จัดการสังหารผู้เล่นที่สวมเกราะผ้าได้มากกว่า 100 คน สงครามยังคงแผ่ขยายออกไปแม้ว่าผู้เล่นจะยังคงล้มไปแล้วล้มไปอีก สมาชิกของ [Flying Dragon] ที่เป็นพวกต่อสู้ระยะไกล เริ่มรุกคืบหน้าเมื่อพวกเราเริ่มถอย ความสูญเสียของพวกเราเพิ่มขึ้น
ผู้เล่นมากกว่า 250 คนที่ยังเหลือชีวิตอยู่ และสุสานที่อยู่ใกล้ที่สุดของพื้นที่แห่งนี้อยู่ห่างไปประมาณ 30 นาที ดังนั้นจึงไม่มีทางที่ผู้เล่นที่เสียชีวิตแล้วนี้จะกลับคืนมาได้ในระยะเวลาสั้น ๆ ฮีลเลอร์ก็ถึงขีดจำกัดจากระยะเวลา cooldowns ดังนั้นการใช้ทักษะ [Revive] ไม่สามารถใช้ให้กับทุกคนได้
“ย้ากก”
กระบี่ประกายวสันต์ฉีกร่างมือธนูระดับสูงคนหนึ่งจังหวะนั้นผมหมุนตัวเตะไปที่นักรบคลั่งคนหนึ่งที่กำลังซุ่มรอจังหวะเล่นงานผม
“แม่ทัพหลี่มู่มัวไปทำอะไรอยู่ ทำไม่พวกเขายังไม่โผล่มา”
ผมส่งเสียงด้วยความโมโห ‘มัทฉะ’ที่กำลังถอนธนูบนเกราะบริเวณอกอย่างระมัดระวัง ขณะที่เธอเม้มปากพูดขึ้น
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่น่าจะเร็วๆ นี้ บอสคะ ฉันไม่สามารถหลบลูกธนูได้เลย โดนยิงนี่เจ็บมากเลย…”
ผมพูดอย่างไม่แน่ใจ
“ลองหัดวิ่งเป็นรูปตัวแซดดูซิ มือธนูที่พยายามจะเล็งเป้าที่เธอจะมีโอกาสพลาดเป้าได้สูง”
“เอ่อ แต่ฉันไม่สามารถวิ่งซิกแซกได้ดี…”
“ผมรู้ ค่อยๆ ปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของเกม พยายามรักษาสมดุลเอาไว้…”
“ค่ะ ฉันจะพยายาม”
เมื่อ’มัทฉะ’พูดออกมาอย่างนั้น เธอก็โดนยิงไปที่อกอีกดอกนึง ทำให้เธอหน้าแดงเถือก ขณะที่เธอพยายามเคลื่อนไหวอีก ‘เป็ดที่รัก’เริ่มร่าย [Heal] รักษาให้เมื่อ’มัทฉะ’ร้องครางหงิงๆ กับตัวเอง
“อึ๊กกก ทำไม ฉันถึงรู้สึกว่าเรากำลังจะแพ้เลย..”
…. ผมเห็นพรรคพวกเพื่อนฝูงที่ทยอยล้มลงทีละคน ก็อดรู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อยไม่ได้ ทันใดนั้น เสียงคำรามดังมาจากข้างหลังแนวหน้าของกิลด์ [Flying Dragon] เมื่อมือกระบี่ที่มีพลังชีวิตเหลือ 10% วิ่งหกคะเมนตีลงกามากจากยอดเขา เหนือศีรษะเขามีคำว่า
“มู่เทียน”
ลอยอยู่อย่างเห็นได้ชัด เขาเดินโซเซไปหามังกรทะยานพร้อมส่งเสียงร้อง
“บอส กองกำลังด้านหลังถูกซุ่มโจมตี พวกเราสูญเสียอย่างหนัก กองร้อยทีมที่ 16 – 22 ตายหมดในห้านาที พวกกิลด์ [Valiant Bravery] มันบ้าไปแล้ว”
‘มังกรทะยาน’ตัวสั่นเทิ้มด้วยความประหลาดใจ
“ว่าไงนะ คนของเรา 700 คนโดนฆ่าภายในห้านาทีเรอะ นี่ฉันฟังไม่ผิดใช่ไหม แม่งงงง ทำไมไม่ส่งข่าวมา”
‘มู่เทียน’กัดฟันแน่น
“ผมคิดว่าเราจะชนะเพราะทีมหลักของพวกมันกำลังพยายามเล่นงานบอสตัวนั้น ใครจะไปคิดว่าจะมีคนโผล่มามากมายขนาดนั้น กองกำลังจู่โจมหลักของกิลด์ [Valiant Bravery] ได้ทะลวงผ่านกองกำลังด้านหลังของเรามาแล้ว คนที่อยู่ในแอ่งกระทะนั่น เป็นเพียงสมาชิกบางส่วนของเซี่ยวเหยาจื่อไจ๋นำทีมอยู่”
‘มังกรทะยาน’กำไม้เท้าแรงมากจนไม้เท้าแตกร้าวภายใต้แรงบีบมหาศาลนั้น นัยน์ตาโปนออกมาโดยไม่แสดงความโกรธออกมาเลยแม้แต่น้อย
“เซี่ยวเหยาจื่อไจ๋ แม่ทัพหลี่มู่ พวกแกทั้งสอง ช่างเลวระยำจริงๆ….”
ที่มา: