I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Zhan Long ตอนที่ 221 ค่าสเน่ห์ 10 แต้ม แถมผีผ้าห่ม

| Zhan Long | 1452 | 2366 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

แปลโดยคุณ WildFox เรียบเรียงโดยคุณ Paeng

////////////////////

“เอล์ฟอัคคีพวกนี้ พวกเราน่าจะสังหารมันทีละตัวนะ….”

‘ว่านเอ๋อ’จ้องมองไปที่เอล์ฟอัคคี ที่กำลังกระโดดโลดเต้นอยู่ไม่ไกลพลางหันมายิ้มและพูดต่อว่า

“มอนสเตอร์ระดับมายา พวกมันเป็นมอนสเตอร์ชนิดใหม่ที่มีพลังโจมตีเวทย์ 1500 และน่าจะมีค่าสเตตัสที่ซ่อนอยู่มากกว่า 20%จากมอนสเตอร์ทั่วไป เพราะฉะนั้นค่าพลังโจมตีเวทย์ของมันจริงๆน่าจะอยู่ราวๆ 1800 แบบนั้นท่าทางจะแรงเอาเรื่องอยู่ใช่ไหมคะ? เซียวเหยา นายลองทดสอบมันสักตัวดูสิว่ามันโจมตีแรงมากน้อยขนาดไหน?”

ฉันพยักหน้าและชักดาบประกายวสันต์พุ่งตัวไปยังเอล์ฟอัคคีตัวที่ใกล้ที่สุดทันที แต่ยังไม่ทันจะถึงตัวของมันดี เปลวไฟทั่วร่างของมันก็สั่นไหวตามมาด้วยเสียงกรีดร้องแสบหู ที่แขนของเอล์ฟอัคคีทั้งสองข้างก็โตขึ้น ก่อนที่มันจะยิงลูกไฟจากแขนนั้นใส่ที่หน้าอกของฉันเสียงดัง ฟุ่บ! ค่าความเสียหายปรากฏขึ้นทันที! “794 !”

ตามที่คาดการณ์ไว้ มอนสเตอร์ที่โจมตีด้วยเวทย์ย่อมต้องสร้างความเสียหายได้มากกว่ามอนสเตอร์ที่โจมตีกายภาพแน่นอน พวกเราคิดถูกแล้วที่ไม่ลากพวกมันมาสังหารเป็นกลุ่ม ถ้าทำอย่างนั้นแม้แต่ตัวฉันเองยังต้องถูกรุมโจมตีตายทันทีแน่นอน!

ฉันพลันยกมือขึ้นแล้วกางฝ่ามือออก ดาบประกายวสันต์ก็ลอยขึ้นแยกออกเป็นเงาดาบสามสายตามมาด้วยเสียง

“ฟ้าวว”

พุ่งตรงไปยังเอล์ฟอัคคีตัวที่เล็งไว้ สกิล【โลกาสิ้นสูญ】ทำงานทันที! “1997 !”

ตัวเลขค่าความเสียหายจำนวนมากนั้นลอยให้เห็น  ซึ่งเมื่อได้เห็นแล้ว’หลิวย่ง’ก็เก็บอาการแปลกใจระคนตื่นเต้นไว้ไม่ได้เอ่ยขึ้นว่า

“โหดว่ะ! ค่าพลังโจมตีของเซียวเหยาแรงจริงๆ ฉันเดาว่าสกิล【โลกาสิ้นสูญ】นี่ยังแค่เลเวล 1 เองใช่ไหม? ถึงกระนั้นก็ยังแรงขนาดทำดาเมจเกือบ 2000 !? สกิลนี้มันโกงมากไปเปล่าเนี่ย!”

ด้วยดวงตาที่มีแรงดึงดูดชวนให้หลงใหลคู่นั้นกำลังสำรวจเอล์ฟอัคคีอยู่ ‘ว่านเอ๋อ’ก็หัวเราะเบาๆและแสดงความเห็นว่า

“นี่ลุง มันไม่ใช่ว่าพลังโจมตีของเซียวเหยาจะมากเกินไปหรอกนะ แต่น่าจะเป็นเพราะสกิล【โลกาสิ้นสูญ】มันแข็งแกร่งมากกว่าหรือเปล่า? มันเป็นสกิลระดับ S ที่โจมตีเป้าหมายเดียวแถมเป็นของอาชีพขั้นสาม ที่มอบให้โดย NPC ระดับสูงอย่างหลิวชวง มันน่าจะประหลาดกว่านี้สิ ถ้าเกิดว่ามันไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนี้ อีกทั้งเจ้าพวกเอล์ฟอัคคีเหล่านี้ ก็มีค่าป้องกันต่ำด้วย เพราะงั้น ดาเมจ 2000 เป็นอะไรที่ฉันคิดว่าปกติที่สุดแล้ว”

ฉันยิ้มเล็กน้อยก่อนจะย่นระยะเข้าหาเอล์ฟอัคคีตัวเดิม ทันใดนั้นมันก็ส่งเสียงร้องดังต่อเนื่องและปรากฏกองไฟราวทะเลเพลิงล้อมรอบตัวมันไว้ แต่หาใช่อุปสรรคไม่ ฉันโจมตีมันด้วยการฟันธรรมดา ก่อนจะเปิดฉากด้วยสกิล【ฟันพริบตา】 ทำให้ร่างของฉันกลืนไปกับแสงของปราณดาบ

ก่อนที่จะพุ่งทะยานไปราว 5 เมตรพร้อมกับเสียง ฉั่วะ! ที่ผ่าร่างของเอล์ฟอัคคีและใช้หนีออกจากกองไฟรอบตัวมัน

แล้วหันกลับมาซ้ำด้วยสกิล【โจมตีต่อเนื่อง】เลเวล 6 ตามด้วยการโจมตีของ เจ้าโบโบ้น้อย ชั่วอึดใจเดียวเจ้ามอนสเตอร์ระดับมายาเลเวล 64 ก็ล้มลงร้องและขาดใจตายกับพื้นก่อนจะสลายร่างเป็นลูกไฟ 10 ดวงกระจายไปต่อหน้าพวกเรา

“ว้าว….”

ดวงตากลมโตของ ‘มัตชะ’ เบิกกว้างจ้องมาที่ฉันด้วยสายตาชื่นชมก่อนจะยิ้มที่มุมปากพร้อมเสียงหัวเราะ

“หัวหน้าคะ ความเข้าใจรวมถึงวิธีการใช้และจังหวะของสกิล ที่หัวหน้ามีเนี่ย เข้าขั้นยอดฝีมือเลยนะคะ โฮะโฮะ มีหัวหน้าแบบนี้สบายไปแปดอย่าง รับประกันอนาคตเราไปได้อีกนาน…”

แก้มนวลของ’ตงเฉิงเยว่’แดงระเรื่อก่อนจะพูดว่า

“ไม่เพียงเท่านั้นน่ะสิ ยังเป็นหัวหน้าที่ทั้งหล่อทั้งฉลาดด้วย ใครๆก็พากันชอบเค้าเนี่ย ทำยังไงดีน๊า…”

‘หยิ่วจื้อเฉิงโซ่ว’ขัดจังหวะขึ้นว่า

“นี่สาวๆ เจ้ว่าพวกเธอตั้งใจกันหน่อยดีกว่านะ พวกเรายังต้องรีบล้างบางเจ้าพวกเอล์ฟอัคคีนี่ก่อน ถึงจะไปต่อได้ โอ้!เซียวเหยาดูนั่นสิ เจ้าเอล์ฟอัคคีมันดรอปอะไรด้วยไปดูทีสิ..”

“ครับ!”

ฉันเดินไปข้างหน้าเพื่อที่จะเก็บของที่มอนสเตอร์ดรอปไว้ซึ่งมีเกราะแขนผ้าระดับเงิน เลวล 57 ที่เพิ่มพลังโจมตีเวทย์นิดหน่อย ก็ถือว่าใช้ได้ น่าจะเอาไปขายได้หลายตังค์อยู่ และก็ยังมีการ์ดสีแดงเล็กๆ เมื่อฉันโบกมือเพื่อสำรวจมัน คุณสมบัติของการ์ดก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าทันที

【การ์ดเอล์ฟอัคคี】(ระดับ A) : เพิ่มพลังโจมตีเวทย์ 5% ลดพลังป้องกันเวทย์ 10% เป็นเวลา 60 นาที เลเวลที่ต้องการ 60 …….

“อืมมม…”

ฉันเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะแล้วพูดว่า

“เป็นการ์ดแบบใช้แล้วทิ้งน่ะครับ ใช้เพิ่มพลังเวทย์ได้อีก 5% ตงเฉิงพลังโจมตีเวทย์ของเธอเท่าไหร่แล้วตอนนี้? ไหนลองบอกพวกเราสิ…”

‘ตงเฉิงเยว่’รับคำพลางก้มลงมองสเตตัสตัวเองและพูดว่า

“ตอนนี้อยู่ที่ 2097 คิดว่าเป็นไงบ้างคะ?”

ฉันหัวเราะพลางตอบว่า

“ถ้าเพิ่มอีก 5% อย่างน้อยที่สุดก็น่าจะรวมเป็น พลังโจมตีเวทย์ 2201..”

‘ตงเฉิงเยว่’รู้สึกดีใจขึ้นมาทันที

“งั้น..งั้นพลังโจมตีเวทย์ของฉันก็จะเหนือกว่านักเวทย์หมายเลขหนึ่งคนปัจจุบันที่ชื่อ ฟางเกอเชว่ แล้วน่ะสิใช่ไหม? ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะทำได้…”

ฉันโบกการ์ดในมือไปมาแล้วพูดว่า

“ก็พอจะคิดแบบนั้นได้อยู่หรอกนะ เพราะ ฟางเกอเชว่ ไม่ได้รับเควสเนื้อเรื่องแบบพวกเรา ก็ไม่น่าจะมีโอกาสได้เจอกับมอนสเตอร์ระดับมายา ซึ่งสามารถดรอปการ์ดเพิ่มพลังโจมตีเวทย์ได้ ต่อไปมอนสเตอร์ระดับมายาคงจะเป็นที่รู้จัก และจะถูกควานหาแหล่งฟาร์ม เพราะฉะนั้นยังไงค่าสเตตัสพื้นฐานก็ยังสำคัญกว่าอยู่ดีนั่นแหละ แต่ก็เอาเถอะ อ้ะ ชั้นมอบการ์ดนี่ให้เธอ..”

‘ตงเฉิงเยว่’รับการ์ดมา แล้วบรรจงเก็บไว้ในช่องเก็บของพร้อมกับพูดว่า

“ฉันจะเก็บเอาไว้ใช้ตอนเราเจอบอสหรือไม่ก็ตอนที่ต้อง PK มันยังไม่ควรนำมาใช้พร่ำเพรื่อตอนนี้”

ฉันผงกศีรษะเห็นด้วย

“สุดแท้แต่ใจเธอเลย…”

‘ว่านเอ๋อ’เดินถือมีดสั้นคมแดงเพลิงของเธอเข้ามา และมองลงไปยังพวกเอล์ฟอัคคีด้านหน้าและพูดว่า

“พวกเราน่าจะแบ่งเป็นกลุ่มเล็กๆ แล้วค่อยเริ่มเก็บกวาดพวกมันนะ ไม่อย่างนั้นคงใช้เวลานานโข กว่าจะเก็บได้หมด พื้นที่ราบก้นกระทะแดงนี่ ก็กว้างใหญ่และเต็มไปด้วยเอล์ฟอัคคี ถ้าไม่แยกกันสงสัยว่าต้องใช้เวลามากกว่า 24 ชั่วโมงแน่เลย…”

“แล้วพวกเราจะแบ่งกลุ่มกันยังไงล่ะ?”

‘หลิวย่ง’ถาม

‘ว่านเอ๋อ’เม้มปากขบคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตอบว่า

“พวกเราจะแบ่งกันเป็นสามกลุ่ม หลี่เซียวเหยา,เสยเจียหลันเหยียน,หลิ่วย่ง พวกนายสามคนเป็นกลุ่มแรก เยว่ชิงเฉียน เจ้หยิ่วจื้อเฉิงโซ่วและก็ฉันเป็นกลุ่มที่สอง และสุดท้ายก็ เจ้มัตชะ ตงเฉิงเยว่และก็เป็ดที่รักเป็นกลุ่มสุดท้าย แบบนี้ทุกกลุ่มจะมีทั้ง แท้งค์ DD และก็ฮีลเลอร์ครบเมื่อแยกกันออกไปฟาร์มพวกมัน คงไม่มีปัญหาอะไร”

ฉันพยักหน้า

“ตกลง พวกเราแยกย้ายกันออกไปฟาร์มมอนสเตอร์ตามแผนของว่านเอ๋อ พยายามเคลียร์มอนทั้งหมดให้ได้ภายในเวลา 4 ชม.นะ พวกเราจะมาเสียเวลาอยู่ที่นี่นานมากไม่ได้【Zhan Long】ยังต้องมีคนคอยกำกับดูแล”

‘มัตชะ’อมยิ้ม

“ตายแล้วจริงด้วยสิ ทั้งหัวหน้าและรองหัวหน้ากิลด์ทั้งคู่ มากวาดมอนอยู่ที่แมพนี้ ข้างนอกคงเหลือก็แต่ หรันหมิ่นกับกลุ่มของแม่ทัพหลี่มู่ที่ค่อนข้างจะใจร้อนทั้งนั้น ถ้าเกิดว่า【Zhan Long】ต้องรับมือกับกิลด์อื่นน่าจะเกิดปัญหาตามมาเยอะแน่ๆ ถ้าขาดความรอบคอบของหัวหน้าอ่ะค่ะ”

ฉันยิ้มอย่างใจเย็น

“ไม่ต้องเป็นห่วงให้มากไป ซ่งหานนั้นเป็นคนช่างสังเกตมีความคิดแล้วก็สุขุมเยือกเย็น ถ้ามีเขาอยู่ด้วย น่าจะไม่มีปัญหาใหญ่อะไรเกิดขึ้นหรอก ยิ่งไปกว่านั้น เยว่เหว่ยเหลียงกับเสวี่ยเฉิงเชียนหยางก็ออนไลน์อยู่ ไม่น่าจะมีอะไรให้หนักใจ”

“รับทราบค่ะ”

หลังจากแบ่งกลุ่มกันเรียบร้อย ฉันพา’เสยเจียหลันเหยียน’กับ’หลิวย่ง’มุ่งหน้าไปทางด้านขวาของแผนที่ ค่อยๆไล่สังหารเอล์ฟอัคคีทีละตัว ที่เดินวนเวียนไปทั่วบริเวณพร้อมกับแสงไฟลุกโชนราวกับกำลังฉลองงานปีใหม่ยังไงอย่างงั้น ยุทธวิธีของเราก็ไม่มีอะไรซับซ้อน

โดยการที่มีฉันเป็นคนทำดาเมจหลักและแท้งค์ไปในตัว มี’หลิวย่ง’ยิงสนับสนุนอยู่ด้านหลัง และมี’เสยเจียหลันเหยียน’คอยฮีลพวกเราเมื่อจำเป็น ถึงแม้ว่าฉันจะสามารถโซโล่พวกเอล์ฟอัคคีด้วยตัวคนเดียวอย่างไม่ยากเย็นนัก แต่การที่มีฮีลเลอร์คอยฮีลให้ ก็เป็นอะไรที่สบายกว่ามากมายนัก

ฟวั่บ ฟวั่บ ฟวั่บ!

เงาดาบสามสายเปล่งประกายจางๆก่อนจะพุ่งเข้าหาเป้าหมายในขณะที่ฉันกำลังวิ่งไปด้านหน้าพร้อมกับเรียกใช้สกิล【โลกาสิ้นสูญ】ไปด้วย น่าเสียดายที่ท่าร่างเวลาเรียกใช้สกิลนี้ค่อนข้างสะดุดตาไปหน่อย อีกทั้งยังต้องใช้เวลาชาร์จพลังราวๆหนึ่งวินาที แต่กระนั้นความแรงของมันก็ไม่อาจปฏิเสธได้

เก็บเอาไว้ใช้กับมอนสเตอร์ท่าทางจะได้ผลดีกว่าเอาไว้ใช้กับผู้เล่นด้วยกัน  และคงจะเหมือนปาฏิหารย์เลยทีเดียวถ้าหากเอาไปใช้แล้วได้ผลกับผู้เล่นติดอันดับท๊อปอย่าง’เจี้ยนเฟิงหาน’หรือว่า’เวิ่นเจี้ยน’

ช่างมันก่อน ยังไงซะตอนนี้ฉันก็ต้องจดจ่ออยู่กับการเรียกใช้สกิลใหม่ที่เพิ่งได้มา มันเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องเก็บเลเวลของสกิลที่ได้มาใหม่ให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตอนนี้สกิล【โลกาสิ้นสูญ】ยังใช้เวลาในการรวมพลังปราณนานไปหน่อย อีกทั้งยังมีผลกระทบด้านภูมิประเทศที่มีแสงน้อยและสูงต่ำยากต่อการกำหนดเป้าหมาย

แต่กระนั้นโอกาสโจมตีสำเร็จก็ไม่ได้ต่ำถึงขนาด 0% ฉันเพียงแต่ต้องมีสติให้มากก่อนการใช้สกิลทุกครั้งและเมื่อประสบผลสำเร็จไม่ว่าศัตรูหน้าไหนก็จะตกอยู่ในสภาพปางตายทันที

ฉั่บ!

เสียงคมดาบแยกส่วนหัวออกจากร่างของเอล์ฟอัคคีส่งผลให้ของเหลวคล้ายลาวากระจายไปทั่วพร้อมกับเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวด นี่นับเป็นเอล์ฟอัคคีตัวที่เจ็ดแล้วที่ตายภายใต้คมดาบของฉัน ทั้งยังดรอปการ์ดเอล์ฟอัคคีมาให้ด้วย

เมื่อเก็บการ์ดไปพลางคิดไปว่าจะมอบการ์ดอีกสองใบที่เก็บมาได้ก่อนหน้านี้ให้กับตงเฉิงเยว่ เจ้าการ์ดเพิ่มพลังโจมตีเวทย์ 5% นี่เป็นไอเทมใหม่ถอดด้าม การใช้มันเป็นข้อได้เปรียบและจำเป็นอย่างยิ่งต่อกลุ่มเรา

ฉะนั้นต้องระมัดระวังอย่าใช้อย่างฟุ่มเฟือย นอกจากการ์ดแล้ว เจ้าเอล์ฟอัคคียังใจดีแถมตราปีศาจให้อีกด้วย ซึ่งจะเก็บไว้มอบให้’มัตชะ’เพื่อเอาไปแลกค่าประสบการณ์ช่วยในการอัพเลเวลของเธอ!

ห่างไปอีกด้าน ‘มัตชะ’กำลังไล่สังหารมอนสเตอร์ราวกับร่ายรำด้วยหอกผลึกวิญญาณมังกรของเธอ โดยมี’ตงเฉิงเยว่’ยิงเวทย์สนับสนุนบ้างเมื่อจำเป็น

สองสาวช่วยกันฆ่ามอนสเตอร์ดูจะไวกว่าทีมของฉันด้วยซ้ำไป แต่ที่ฆ่ามอนสเตอร์ไวกว่าทีมของพวกเราเห็นจะเป็นทีมของสองสาวนักฆ่าเอล์ฟอัคคี ตัวแล้วตัวเล่าล้มลงขาดใจตายภายใต้การใช้คอมโบที่รุนแรงอย่าง【เจาะสกัด】+【ผสานสองคม】

‘เจ้เฉิงโซ่ว’ฮิลเลอร์ของทีมนี้เลยแทบไม่มีโอกาสได้ฮีลพวกเธอเท่าไหร่เปลี่ยนไปไล่เอาไม้เท้าหวดมอนแทนแก้เซ็ง …….

พริบตาเดียวเวลาก็ผ่านไปราวสองชั่วโมง เอล์ฟอัคคีส่วนใหญ่ของแมพนี้ก็ถูกกำจัดเกือบหมด แต่การฟาร์มก็ยังดำเนินต่อไปจนกระทั่งในที่สุดก็มีหัวข้อสนทนาขึ้นมาในช่องสนทนากลุ่ม

“ฉันว่าฉันหูไม่ฝาดนะ ดูเหมือนว่าจะได้ยินเสียงของรถพยาบาลเมื่อสักนาทีที่แล้วที่นอกหอพักใช่ไหม?..”

‘ว่านเอ๋อ’ถาม

“เธอไม่ได้หูฝาดหรอก เสียงรถพยาบาลจริงๆแหละ..”

‘ตงเฉิงเยว่’เอ่ยตอบ

“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”

‘เจ้เฉิงโซ่ว’ถามอย่างสงสัย ‘ตงเฉิงเยว่’หัวเราะเบาๆตอบว่า

“ฉันรู้มาจากหัวหน้าห้องเมื่อกี้ว่า มีพวกนักศึกษาไปต่อสู้กัน บริเวณพื้นที่ก่อสร้างที่ยังไม่ได้ปรับปรุงของมหาลัย มีพวกที่บาดเจ็บเล็กน้อยอยู่หลายคน ส่วนที่บาดเจ็บสาหัสก็มีสองสามคน…”

หัวใจฉันเต้นระทึก รู้ทันทีว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ก็ยังเนียนถามต่อไปว่า

“ตงเฉิง ทราบไหมครับว่าใครที่มาสู้กันน่ะ?”

‘ตงเฉิงเยว่’เบะปากเล็กน้อยก่อนตอบว่า

“จะมีใครซะอีกล่ะ ถ้าไม่ใช่หลิ่วอิง เสี่ยวจูกับพรรคพวกของเค้าน่ะ รู้สึกว่าจะสาหัสกันพอสมควรเลยทีเดียว ถึงกับกระดูกหักด้วย มีทั้งหมด 9 คนที่บาดเจ็บจากการต่อสู้นี้อ่ะ…”

“แล้วหลิ่วอิงไปมีเรื่องกับใครล่ะ?”

‘ว่านเอ๋อ’ถาม ‘ตงเฉิงเยว่’ยิ้ม

“ฉันก็ไม่รู้รายละเอียดเท่าไหร่นะ แต่พวกบุรุษพยาบาลพบแต่พวกของหลิ่วอิง ตอนที่พวกเค้ามาถึงที่เกิดเหตุน่ะ พวกนั้นอาจจะเป็นใครก็ได้ไม่มีใครรู้หรอก ฮิฮิ น่าสนใจดีนะ สำหรับพวกลูกคนรวยอย่างพวกหลิ่วอิงที่ไปสะดุดตอจนคว่ำไม่เป็นท่าแบบนี้…”

ฉันขมวดคิ้วแอบคิดในใจ ไม่น่าจะเป็นแบบนั้นได้ พวกบอดี้การ์ดของ’หวังจือเฉิง’ล้วนโดนฉันหักแขนไม่ก็หักขา ไม่มีทางที่พวกมันจะหลบหนีไปด้วยตัวเองได้ นี่หมายความว่าเจ้าบอดี้การ์ดพวกนั้น ต้องถูกเคลื่อนย้ายออกไปด้วยบุคคลอื่นงั้นหรือ? น่าจะเป็นแบบนั้น ไม่งั้นถึงพวกมันจะคลานหนีไปก็ไปไหนไม่ได้ไกลจากพื้นที่ก่อสร้างนั่นหรอก…

ฉันไม่พูดอะไรออกไปอีกคงเป็นการดีที่สุด เรื่องที่ฉันลงมือไปตรงบริเวณพุ่มไม้นั้น จะได้ไม่ล่วงรู้ไปถึงหู’ว่านเอ๋อ’  อีกอย่างก็ไม่ใช่หน้าที่ของฉันที่จะไปบอกว่า ‘หวังจือเฉิง’เป็นคนแบบไหน เพราะถ้าขืนทำลงไปก็กลายเป็นว่าฉันไปก้าวก่าย ทั้งยังจะทำให้’ว่านเอ๋อ’เข้าใจฉันผิดอีกด้วย

สิ่งที่ฉันต้องการไม่มีอะไรมากไปกว่า การคอยอยู่เคียงข้าง’ว่านเอ๋อ’เพื่อคอยปกป้องเธอจากอันตรายทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งอันตรายจากคนอย่าง’หวังจือเฉิง’ ฉันควรจะเก็บความรู้สึกที่ว่า CEO ของบริษัท บูสเทอร์สาขาเอเซียนี่ไม่ใช่พวกธรรมดาไว้ก่อน  สำหรับคนหนุ่มอย่างเขาที่สามารถขึ้นมายืนยังจุดนี้ได้

ต้องมีเบื้องหลังหรือคนหนุนหลังที่มีพาวเวอไม่ธรรมดาแน่นอน ไม่ก็ต้องเป็นผู้สืบทอดอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาได้เปรียบกว่าคนอื่นๆทั่วไป

ก้มหน้าก้มตาทำภารกิจของพวกเราต่อไป พวกเราสังหารมอนสเตอร์ไปอย่างต่อเนื่อง เพราะพวกเอล์ฟอัคคีนี้ให้ค่าประสบการณ์ค่อนข้างมาก อีกทั้งยังมีอัตราดรอปไอเทมที่สูงอีกด้วย ทำให้ความร่ำรวยหลั่งไหลมาไม่ขาดราวกับสายน้ำ การได้กวาดมอนสเตอร์ในแมพเควสระดับ SSS ช่างน่ารื่นรมณ์เสียจริงๆ ……..

เกือบ 4 ชั่วโมง ในที่สุดพวกเราก็สามารถพูดได้เต็มปากว่าล้างบางเจ้าเอล์ฟอัคคีจนเหี้ยนไปจากแมพ อันที่จริงพวกเราไม่ต้องสังหารมอนสเอตร์ทั้งแมพเพื่อที่จะผ่านไปยังส่วนของพื้นที่ต่อไป

แต่ค่าประสบการณ์ที่ได้มันช่างเย้ายวนใจเหลือเกิน ถ้าพวกเราไม่กวาดพวกเอล์ฟอัคคีให้หมดแมพก่อนจะเดินทางต่อไปละก็..คงต้องมานั่งเสียดายภายหลังแน่นอน ส่วนสุดท้ายของแผนที่นี้ ดูเป็นเหมือนที่ราบกว้างอันมีเสาโทเทม 12 เสา ปักอยู่เรียงรายเป็นวงกลม

ตรงกลางมีลานขนาดกว้างดูเหมือนจะมีแสงจากวงเวทย์ลอยปกคลุมอยู่ และเป็นจุดที่ทีมทั้งสามของพวกเรากลับมารวมตัวกันอีกครั้ง

“คุณหนูได้อะไรมามั่งครับ”

ฉันถาม’ว่านเอ๋อ’เมื่อกลับมาเจอกัน ‘ว่านเอ๋อ’หันไปดูช่องเก็บของก่อนจะตอบว่า

“อืม มีการ์ดเอล์ฟอัคคี 9ใบ ตราปีศาจ 4อัน ไอเทมสวมใส่ระดับทอง 3ชิ้น ระดับเงิน 27 ชิ้น และก็ของอย่างอื่นที่มีค่าเล็กน้อยไม่สมควรเอ่ยถึงน่ะ แล้วนายล่ะ?”

ฉันหัวเราะก่อนจะตอบว่า

“ของทีมผมมี การ์ดเอล์ฟอัคคี 15ใบ ตราปีศาจ 7อัน ไอเทมสวมใส่ระดับทอง 6ชิ้น ระดับเงิน 44ชิ้น แค่นั้นเองครับ”

‘ว่านเอ๋อ’หันหน้ามาจ้องเขม็งที่ฉันและตัดพ้อว่า

“นี่ไงล่ะ เห็นความต่างระหว่างคนที่มีค่าสเน่ห์ 51 กับ 39 รึยังล่ะ? ขี้โกงจะตาย ต่อไปถ้านายดรอปได้จารึกบัญชาสวรรค์มาอีก ต้องเอามาให้ฉันนะ ห้ามมีข้อแม้ด้วย…”

‘ตงเฉิงเยว่’อมยิ้ม เริ่มบทแม่สื่อทันที

“ใช่แล้ว เซียวเหยาต่อไปนี้นะ 1แต้มค่าสเน่ห์แลก 1จุ๊บของว่านเอ๋อ สะสมครบ 10แต้มเมื่อไหร่ ฉันแถมผีผ้าห่มยี่ห้อว่านเอ๋อให้นายด้วย ตกลงนะ”

‘ว่านเอ๋อแก้ม’แดงจัดเงื้อมีดสั้นพร้อมขู่ว่า

“อยากตายใช่ไหม ยัยเพื่อนตัวแสบตงเฉิง?!”

‘ตงเฉิงเยว่’พลันตัวสั่นสะท้านล้อเลียนต่อ

“คุณหนูว่านเอ๋อทั้งมีสเน่ห์ ทั้งเซ็กซี่ขยี้ใบไผ่ แถมยังฉลาดสดใส ตัวข้าเป็นสาวน้อยตัวเล็กๆ ขอหลีกทางให้! ขอเพียงแต่ได้รับใช้ข้างกายเซียวเหยาบ้างเป็นครั้งคราว และขอเป็นเพื่อนผู้ชอกช้ำของเธอไปตลอดกาล ฮิฮิฮิ…”

‘ว่านเอ๋อ’เสียงเข้ม

“จริงๆนะ พอได้ละ…”

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments