I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Zhan Long ตอนที่ 253 หลอมศาสตรา

| Zhan Long | 1400 | 2337 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

แปลโดย WildFox

////////////////

ผ่านไปอย่างน้อยร่วมครึ่งชั่วโมง ‘หนานกงเจวี๋ย'(Palace Decree)ได้ทำการขุดแร่ทองคำโลหิตแทบจะทั้งสายแร่ภายในถ้ำ ทำให้กระเป๋าที่ทั้ง’ซ่งหาน’และ’หรันหมิ่น’ถืออยู่แทบจะล้นอยู่ร่อมร่อ พลันเขาก็หรี่ตาลงเล็กน้อยและพูดว่า

“นี่ รู้สึกว่ายังไม่พอ ผมว่ายังต้องการแร่ทองคำโลหิตอีกประมาณ 400 ก้อนถ้าจะให้ หนานกงหลิง(Palace Spirit)อัพถึงเลเวล 10 ถ้าเธอไม่มีระดับถึงเลเวล10ละก็ เธอก็คงไม่อาจหลอมศาสตราตีดาบที่ชำรุดเล่มนั้นได้แน่นอน”

ผมพยักหน้า

“เข้าใจแล้วครับ ถ้าเช่นนั้นเชิญขุดต่อเลย”

“เอ่อ..ผมไม่เหลือน้ำยามานาแล้วน่ะครับ ขุดแร่ก็ต้องใช้มานานะครับ…”

‘หนานกงเจวี๋ย’กล่าว

“เอานี่เลยครับ…”

ผมส่งน้ำยามานาให้พอที่จะทำการขุดต่อไป ส่วนพวกเราที่เหลือก็คอยอารักขา’หนานกงเจวี๋ย’อย่างดีต่อไป…………

“ตุ้บ ตุ้บ ตุ้บ…”

เสียงสะเทือนของฝีเท้าที่สามารถได้ยินชัดเจนตามมาด้วยการปรากฏตัวของแม่ทัพ’เหยี่ยนเจา’และ’เจี้ยนเฟิงหาน’ซึ่งต่างก็เดินเข้ามาพร้อมกับสมาชิกของกิลด์ตัวเองทั้งจาก[Prague]และ[Vanguard]ที่ติดตามมาเบื้องหลัง หัวหน้ากิลด์ที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งสองกิลด์ของเมืองปาฮวงได้เข้ามาทำการตรวจสอบสถานการณ์ในเหมืองแล้วแม่ทัพ’เหยี่ยนเจา’พึมพัมเบาๆว่า

“โอ้ ? นี่มีคนสามารถขุดแร่ทองคำโลหิตได้แล้วเรอะเนี่ยะ? มันแร่ระดับ 9 เลยไม่ใช่เรอะ ? หือ? หนานกงเจวี๋ย ชื่อนี้คุ้นๆนะ…”

‘เจี้ยนเฟิงหาน’ทอดสายตาเย็นชาพลางว่า

“หนานกงเจวี๋ย? แร่ทองคำโลหิต ..หึ…”

‘ตั้วลั่วชางหลาง'(Fallen Wolf)ยกขวานรบขึ้นพาดไหล่พูดว่า

“นี่มันไม่ยุติธรรมเลย มีแต่หนานกงเจวี๋ยที่มีสกิลขุดแร่เลเวล 9 นี่หมายความว่าแร่ทองคำโลหิตในป่าจิ้งจอกขาวนี่ต้องเป็นของเค้าคนเดียวงั้นเรอะ?”

‘ฝูเซิงว่านเริ่น'(Fushen Thousand Blade)ผงกศีรษะพลางว่า

“เป็นอย่างนี้เองสินะ…”

“จิ๊…”

‘ตั้วลั่วชางหลาง’ไม่เย็นอีกต่อไป

“ป่าจิ้งจอกขาวถูกค้นพบโดยพวกเราแล้วทำไมแร่ทองคำโลหิตจะต้องตกไปเป็นของพวกกิลด์[Zhan Long]ด้วยละ หา?”

เริ่มมีเสียงพึมพัมมากขึ้นเรื่อยๆทำให้ผมต้องออกโรง กระชับดาบประกายวสันต์ในมือพลางเดินออกมาด้านหน้าและเริ่มพูดว่า

“ชั้นจำได้ว่าเราทำข้อตกลงกันแล้วนะว่า ใครก็ตามที่มีสกิลเลเวลสูงพอที่จะขุดแร่ก็สามารถทำได้เลยเป็นคนแรก หรือว่าชั้นจำผิด หรือหมายความว่ากิลด์[Vanguard]จะกลับคำกลืนน้ำลายตัวเอง? อีกอย่างเจ้าแร่ทองคำโลหิตพวกนี้เดี๋ยวมันก็กลับมาเองในเวลาราวๆหนึ่งอาทิตย์ ถึงเวลานั้น[Vanguard]เองก็น่าจะมีคนที่ขุดแร่เลเวล9นี่ได้แล้วละมั้ง…”

‘เจี้ยนเฟิงหาน’พยักหน้าพลางกล่าวว่า

“ชั้นไม่คิดที่จะคืนคำหรอกนะ เพราะว่าป่าจิ้งจอกขาวเป็นที่ที่ทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันและนี่ก็เป็นสถานการณ์ที่ยุติธรรมดี แต่ว่านะ ชั้นมีคำถามจะถามนายสักหน่อย เซียวเหยาจือไจ้ ถ้านายต้องการแร่ทองคำโลหิตมากขนาดนี้ หมายความเป็นไปได้ว่านายมีแบบแปลนระดับ 9 แล้วใช่ไหม?”

ผมส่ายศีรษะกวนประสาท

“มันก็ไม่เชิงหรอกนะ ไอ้การขุดแร่ทองคำโลหิตเนี่ยะไม่ใช่ว่าพวกชั้นจะเอาไปสร้างอะไรหรอก แค่พวกชั้นต้องการให้เค้าขุดแร่เลเวล 10 ได้เท่านั้นเอง”

“อะไรนะ สกิลขุดแร่เลเวล 10 งั้นเรอะ?”

แม่ทัพ’เหยี่ยนเจา’ลุกลี้ลุกลน

“กิลด์ [Zhan Long] มีคนหลอมศาสตราเลเวล 10 ได้แล้วงั้นรึ?”

‘เยว่ชิงเฉียน’หัวเราะขึ้นว่า

“ลุงคะ ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ! เขาแค่เป็นเพี่อนของพวกเรา อย่างน้อยก็ตอนนี้ล่ะนะคะ เขายังไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ [Zhan Long] แต่พวกเราก็หวังว่าเขาจะมาเข้าร่วมกับพวกเราเร็วๆนี้น่ะค่ะ…”

แม่ทัพ’เหยี่ยนเจา’ยกมือกอดอกมองดูสองสาว’เยว่ชิงเฉียน’และ’เยว่เหว่ยเหลียง’

“แล้วพวกเธอทั้งสองสาวนี่อยู่[Zhan Long]เป็นยังไงมั่งล่ะ? ถ้าเค้าดูแลไม่ดีละก็…[Prague]ของลุงยังพร้อมต้อนรับเสมอเลยนะ…”

‘เยว่ชิงเฉียน’หัวเราะเสียงใสตอบว่า

“ลุงคะ พวกเราสนุกมากที่ได้อยู่[Zhan Long]ค่ะ ทุกคนที่นี่ก็ดีกับพวกหนูมากๆ หนูต้องขอโทษที่ทำให้ลุงเป็นกังวลนะคะ ว่าแต่ว่าหนูสังเกตว่าลุงขนเอาพวกที่มีสกิลขุดแร่มาตั้งเยอะนี่หมายความว่าลุงตั้งใจจะขุดเอาแร่เลเวล6-8ทั้งหมดที่มีนี่ไปขายที่เมืองปาฮวงใช่ไหมคะ นี่ลุงกะจะคุมสายแร่เลยหรือคะเนี่ยะ?”

แม่ทัพ’เหยี่ยนเจา’รีบโบกมือกลบเกลื่อน

“แหมลุงจะไปทำยังงั้นได้ยังไง เมืองปาฮวงออกจะใหญ่โตแถมยังมีคนดีมีฝีมือปรากฏขึ้นมากมาย ไม่มีทางที่ใครจะทำเรื่องแบบนั้นได้หรอกน่า ยิ่งไปกว่านั้นพวกสายอาชีพขุดแร่เหล่านี้ก็รับเข้ากิลด์มาโดยพวกเธอไม่ใช่รึไง มาหยอกลุงด้วยคำถามแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ…”

‘เยว่ชิงเฉียน’เชิดหน้าขึ้นดูสดใสพร้อมทั้งแววตาซุกซน

“งั้นถ้าลุงว่าแบบนั้น แสดงว่าลุงไม่ได้อยากได้คนเหล่านี้ใช่ไหมคะ หนูจะได้ส่งคำเชิญให้เค้ามาเข้าร่วม[Zhan Long]ซะเลย ฮิฮิ…”

พลันสีหน้าของแม่ทัพ’เหยี่ยนเจา’ก็ปั้นยากพลางพูดว่า

“โธ่ อย่าทำอย่างนี้สิ ลุงแค่จะแกล้งหยอกพวกเธอเล่นๆน่ะ…”

‘เยว่ชิงเฉียน’ไม่ได้เอ่ยคำพูดใดๆตอบโต้……..

“ไม่ได้การ เราจะปล่อยให้พวกมันเอาแร่ทองคำโลหิตมากขนาดนั้นไปไม่ได้!”

‘ลั่วเย่ซูเซิง'(Leafy Gentleman)ผู้ที่ยืนอยู่ข้างๆ’เจี้ยนเฟิงหาน’แอบชักดาบออกมาและพุ่งตรงไปยัง’หนานกงเจวี๋ย’พลางตะโกนว่า

“คนไปได้ แต่แร่ต้องทิ้งไว้ที่นี่ [Vanguard]จะปกป้องแร่เหล่านี้ด้วยชีวิต!”

“ ฟุ่บ…”

แม่ทัพ’หวังเจี้ยน’พลันถลาเข้ามาจากด้านข้างเมื่อไหร่ไม่ทราบ แต่คมดาบคมกริบนั้นทำให้’ลั่วเย่ซูเซิง’ต้องยั้งท่าร่างตัวโก่ง ทั้งยังส่งสายตาเย็นเยียบจ้องเขม็งไปยังเขาพร้อมทั้งพูดว่า

“ถ้านายคิดว่านายจะสังหารสหายของ[Zhan Long]ละก็ ข้ามศพชั้นไปก่อนแล้วกัน…”

‘ลั่วเย่ซูเซิง’ต้องถอยไปตั้งหลักพร้อมใบหน้าบูดเบี้ยวด้วยความโกรธ แต่ในใจแอบร่ำร้องว่าแม่ทัพ’หวังเจี้ยน’เป็นผู้เล่นสายนักดาบที่แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่งของเมืองปาฮวงที่เค้าไม่อาจจะสามารถเอาชนะได้แน่นอน!

‘เจี้ยนเฟิงหาน’ขยับขึ้นมาด้านหน้าพลางยกมือขึ้นขวาง’ลั่วเย่ซูเซิง’

“พี่ลั่ว ชั้นเข้าใจเจตนาของพี่ แต่พวกเราได้ให้คำสัญญาไปแล้ว ซึ่งพวกเราไม่ควรที่จะกลับคำ เช่นนั้นปล่อยให้พวก[Zhan Long]ขุดแร่ทองคำโลหิตต่อไปเถอะ[Vanguard]ของเราจะยอมรับความพ่ายแพ้ไปก่อนครั้งนี้”

“แต่ ท่านหัวหน้า…”

‘ลั่วเย่ซูเซิง’กัดกรามเค้นเสียงออกมาและพูดออกมาในที่สุดว่า

“ก็ได้ แล้วแต่หัวหน้าละกัน..”

หลังจากแน่ใจว่า’ลั่วเย่ซูเซิง’ถอยไปแล้ว ผมจึงได้ก้าวไปข้างหน้าพร้อมทั้งลดมือจากดาบลงและพูดว่า

“เอาล่ะ ละครจบแล้ว มามัวดูคนขุดแร่ก็ไม่ได้น่ารื่นรมณ์อะไร หลิวย่ง หรันหมิ่น พวกนายสองคนเอาแร่กลับไปที่เมืองและให้แน่ใจด้วยนะว่าหาที่เก็บที่ปลอดภัยเก็บรักษาพวกมัน!”

“รับทราบ!”

สิ้นคำแสงจากใบวาปกลับเมืองก็สว่างขึ้นพาเอาทั้งสองที่ขนแร่ทองคำโลหิตเพียบแปล้กลับเมืองไปทันที ทั้ง’เจี้ยนเฟิงหาน’และแม่ทัพ’เหยี่ยนเจา’ต่างหนังตากระตุกด้วยความไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ทั้งยังรู้อีกว่าแบลคสมิธอันดับหนึ่งของเมืองปาฮวงย่อมไม่ได้อยู่ภายใต้สังกัดของ[Vanguard]หรือ[Prague]อย่างแน่นอน

จากนั้นไม่กี่นาทีต่อมา ทั้ง’เจี้ยนเฟิงหาน’และแม่ทัพ’เหยี่ยนเจา’ก็เดินจากไปอย่างหัวเสียขณะที่[Zhan Long]ก็ยังทำการคอยอารักขา’หนานกงเจวี๋ย’ต่อไป………

“หัวหน้าคะ….”

‘มัตฉะ’มองมาที่ผมพลางพูดว่า

“วันนี้ พี่น้องของเราใน[Zhan Long]ไม่น้อยที่ต้องเสียเลเวลไป เราควรจะชดเชยให้พวกเค้าอย่างไงดีคะ? ฉันว่าปัญหานี้น่าจะได้รับการดูแลเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เลยนะคะ”

ผมพยักหน้าเห็นด้วย

“อืม..พวกเราได้ไปสำรวจและเก็บข้าวของที่ดรอปได้จากสนามรบกันรึยัง?”

“ค่ะ พวก[Vanguard]ขอคืนในราคา 20 เปอร์เซนต์ของราคาของน่ะค่ะ แต่ส่วนที่เหลือพวกเรายังเก็บเอาไว้อยู่”

“จัดแยกเลยว่าอะไรควรจะคืน อะไรไม่ควรคืน จากนั้นเอาไปขายทั้งหมดแล้วนำเงินไปแบ่งให้พี่น้องเราที่เสียเลเวลไปทุกคน”

“รับทราบค่ะ!”

หลังจากผ่านไปอีกราวหนึ่งชั่วโมงสายแร่ทองคำโลหิตในป่าจิ้งจอกขาวก็ถูกค้นพบและขุดทั้งหมด ‘หนานกงเจวี๋ย’บรรจงนับแร่ทั้งหมดและหัวเราะออกมาในที่สุด

“เอาละครับ ผมคิดว่าพวกเราน่าจะเสร็จธุระที่นี่แล้ว ด้วยแร่ทั้งหมดนี้ สกิลหลอมศาสตราของหนานกงหลิงน่าจะถึงเลเวล 10 แน่นอน ท่านหัวหน้าเซียวเหยาพวกเราเอาแร่ทองคำโลหิตพวกนี้ไปส่งที่ร้านช่างเหล็กที่อยู่ทิศใต้ของเมืองกันเถอะครับ อาหลิงน่าจะรอพวกเราอยู่ที่นั่นและน่าจะใช้เวลาอัพเลเวลสกิลของเธอไม่เกินหนึ่งชั่วโมง”

ผมตอบอย่างลิงโลด

“ตกลง รีบไปกันเถอะ!”

“แว่บบบ!”

ผมกับ’หนานกงเจวี๋ย’และสองสาว’เยว่ชิงเฉียน’และ’มัตฉะ’วาปกลับเมืองขณะที่ แม่ทัพ’หลี่มู่’และแม่ทัพ’หวังเจี้ยน’แยกไปเก็บเลเวลต่อ พลันมุ่งหน้าไปยังร้านช่างเหล็กทางทิศใต้ของเมืองซึ่งไปถึงเกือบพร้อมกับพวกของ’หลิ่วย่ง’และ’หรั่นหมิน’ซึ่งยังพะรุงพะรังด้วยแร่ดิบที่ต้องนำไปถลุง

“แก๊ง แก๊ง แก๊ง…”

สะเก็ดไฟปลิวไปทั่วจากการสกัด ขณะที่มองเห็นสาวร่างสูงโปร่งนั่งตีเหล็กอย่างขมักเขม่น เธอสวมเกราะที่ดูเรียบง่ายหากแต่มีคุณภาพขณะที่มือที่ดูแกร่งอาบไปด้วยเหงื่อเม็ดเป้ง มองผ่านๆยังรู้ว่าเธอมีสุขภาพที่เยี่ยมจากเรือนร่างนั้น

ใบหน้างดงามอาบไปด้วยเหงื่อที่ไหลไปตามแก้มของเธอ

‘หนานกงหลิง’ เลเวล 57 อาชีพ อัศวินขาวเมืองหลัก : เมืองปาฮวงกิลด์ : [Epic]ตำแหน่ง : สมาชิกขั้นต้น

ทั้งคู่เป็นพี่น้องกันอย่างที่คิดไว้จริงๆ!

‘หนานกงเจวี๋ย’เดินตรงเข้าไปหาพลางเอ่ยพร้อมรอยยิ้มว่า

“อาหลิง ดูสิลูกค้าของเรามาหาแน่ะ!”

‘หนานกงหลิง’เงยหน้าขึ้นพร้อมมองตรงมาที่ผม พลันเธอก็โพล่งขึ้นอย่างอดไม่ได้

“อ้ะ! หน้าแบบนี้คุ้นๆแฮะ! หูยยยย..นี่มัน เซียวเหยาจื้อไจ้คนเดียวกับที่มักจะเผชิญหน้ากับ[Vanguard] ที่เป็นหมอใช้ดาบคนแรกคนนั้นใช่ไหมเนี่ย เซียวเหยาจื้อไจ้จริงๆ? ฉันเป็นแฟนคลับตัวยงของคุณเลยค่ะ!!”

ผมพยักหน้าและอดที่จะยิ้มไม่ได้

“หนานกงหลิง ผมจะมอบวัตถุดิบเหล่านี้ให้กับเธอ แร่ทองคำโลหิตเหล่านี้ผ่านการถลุงมาแล้ว ไม่ทราบว่ากระบวนการอัพเลเวลของเธอจะยุ่งยากประการใดไหม?”

“ก็นะ..”

‘หนานกงหลิง’ยกดาบยาวสีฟ้าในมือของเธอขึ้นพร้อมทั้งเผยรอยยิ้ม

“สำหรับการเป็นช่างตีดาบเลเวล 9 ฉันสามารถตีดาบยาวเลเวล60ระดับเงินขึ้นมาได้ ซึ่งถึงแม้ว่ามันไม่ค่อยจะดูมีราคานักและก็ไม่คุ้มค่ากับวัตถุดิบที่ใช้เท่าไหร่ แต่อย่างน้อยมันก็สามารถเอาไปขายให้ NPC และทำให้ฉันได้ค่าประสบการณ์ในการตีดาบบ้างพอสมควร นี่ถ้าไม่เป็นเพราะเซียวเหยายื่นมือช่วยพี่ชายของฉัน นำวัตถุดิบแร่ทองคำบริสุทธิ์กลับมามากมายขนาดนี้ละก็ เห็นทีว่าฉันต้องใช้เวลาอย่างน้อยอีกเป็นเดือนกว่าจะได้เลื่อนขั้นเป็นช่างตีดาบเลเวล 10 น่ะค่ะ”

‘หนานกงเจวี๋ย’ตบเข่าฉาดพลางเล่าว่า

“อาหลิงเธอไม่รู้หรอกว่า ในการต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิ์ในการเข้าเหมืองที่ป่าจิ้งจอกขาวนั้น ทั้ง[Zhan Long] [Ruined Bones] [Winds of Battle] [Misty Palace]และ[Crimson Contact]ต่างต้องผนึกกำลังกันขึ้นเพื่อต่อกรกับ[Vanguard]ที่ยกพลมาถึง 10000 คน แต่ก็ถูกตีโต้จนพ่ายกลับไป เจ้าแร่ทองคำโลหิตทั้ง 1000 ก้อนเนี่ย ช่างแสนยากลำบากขนาดไหนกว่าจะได้มา…”

‘หนานกงหลิง’หัวเราะ

“ฉันจะไม่รู้เรื่องได้ยังไงละพี่ ที่บอร์ดสนทนาน่ะปั่นป่วนไปหมดด้วยหัวข้อจากเหตุการณ์นี้ กิลด์ขนาดกลางทั้งห้าเผชิญหน้ากิลด์ยักษ์ใหญ่อย่าง[Vanguard] ใครๆต่างพูดกันว่าเมืองปาฮวงนี่ช่างมากมายไปด้วยผู้เล่นมากฝีมือที่มาจากทุกแห่งหน แต่การที่จะได้เห็นกิลด์อย่าง[Vanguard]ถูกกำหราบลงและต้องยอมตามข้อเสนอนั้น นี่เรียกว่าเพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ[Vanguard]ในเกมส์ Destiny นี้เลยนะคะเนี่ยะ”

หลังจากเอ่ยมาถึงตรงนี้ ‘หนานกงหลิง’ก็หันมายกนิ้วโป้งให้ผม

“และเป็นเซียวเหยาจื้อไจ้สุดหล่อคนนี้เองที่เป็นผู้กล้าเผชิญหน้ากับ[Vanguard]อย่างตาต่อตาฟันต่อฟัน!”

ผมไม่ได้พูดอะไรออกไป’เยว่ชิงเฉียน’ลุกขึ้นยืนข้างกายผมแล้วพูดว่า

“พี่กงหลิงคะอย่ามัวแต่ยอพี่เซียวเหยาอยู่เลย เร่งมืออัพเลเวลเพื่อที่จะได้ทำการหลอมศาสตราตีดาบจักรพรรดิฉินให้พี่เค้าดีกว่านะคะ พี่เซียวเหยาอดใจรอแทบจะไม่ไหวแล้วค่ะ”

‘มัตฉะ’เอ่ยพลางหัวเราะ

“นั่นสิ จะทำการหลอมดาบเล่มนั้นขึ้นมาใหม่ต้องใช้ช่างตีดาบระดับ 10 และก็แร่เหล็กกิเลนอีก 100 ก้อน ว่าแต่พวกเรามีวัตถุดิบรึยังคะเนี่ยะ?”

‘หนานกงเจวี๋ย’ผงกศีรษะ

“ถูกแล้ว แต่ว่าเรื่องแร่เหล็กกิเลนนั้นไม่น่าจะเป็นปัญหาเพราะว่า ผมเคยพบเห็นมันอยู่บ้างที่หุบเขากิเลนพฤกษา ตอนนั้นสกิลขุดแร่ของผมยังไม่ถึงระดับ 10 เลยไม่สามารถทำการขุดพวกมันมาได้ ผิดกับตอนนี้ที่สกิลของผมถึงระดับแล้ว ผมจะรีบไปที่นั่นทันที กะแค่แร่เหล็กกิเลน 100 ก้อนช่างง่ายดายสำหรับการค้นหาและขุดออกมายิ่งนัก”

‘มัตฉะ’เสริมว่า

“หุบเขากิเลนพฤกษาเป็นฐานบัญชาการของพวกเราเอง เมื่อนายจะไปละก็เดี๋ยวฉันจะส่งข้อความไปบอกพวกที่นั่นเขาจะได้คอยช่วยเหลือนายในการค้นหาแร่”

“ตกลงครับ ผมจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลย!”

“ได้ค่ะฉันจะจัดการให้ โชคดีนะ!”

“ติ้ง!”

ดาบเล่มหนึ่งก็ถูกสร้างเสร็จในมือของ’หนานกงหลิง’หลังจากใช้เวลาในการตีอยู่ประมาณ 5 นาทีและใช้เวลาอีกประมาณ 10 วินาทีในการยืนยันการสร้างดาบของเธอ และเมื่อเสียง

“ติ้ง!”

ดังขึ้นอีกครั้งดาบอีกเล่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือของเธอ

“คิดๆไป ก็น่าเสียดายพวกดาบระดับเงินพวกนี้นะ…”

‘หลิวย่ง’หัวเราะแห้งๆ

“ค่าพลังโจมตีก็ไม่ได้แย่อะไร เพียงแต่ว่าสำหรับคนที่เลเวล 60หรือสูงกว่าแล้วเนี่ยะ ไม่มีใครคิดที่จะใช้ดาบที่มีระดับเพียงแค่ไอเทมขั้นเงินหรอก”

‘ซ่งหาน’กลับพูดว่า

“ผมว่ารอดูซักครึ่งเดือนต่อจากนี้ไป พวกไอเทมระดับเงินเหล่านี้น่าจะเป็นที่ต้องการของตลาด เอาเก็บเข้าโกดังไว้ก่อนดีกว่า ถึงเวลานั้นค่อยเอามาขายน่าจะคุ้มค่าวัตถุดิบที่เราเสียไปมากกว่าตอนนี้นะครับ”

ภาพที่เห็นเบื้องหน้า ‘หนานกงหลิง’กำลังตั้งอกตั้งใจผลิตอาวุธอย่างเต็มที่ไม่ยอมหยุดพัก ผมทำได้แค่นั่งลงมองด้วยจิตใจเป็นกังวล ดาบจักรพรรดิ์ฉินใกล้จะได้เวลาเผยโฉมเต็มที่แล้ว ถึงแม้ผมจะยังไม่สามารถล่วงรู้ถึงสเตตัสของดาบเล่มนั้นได้ แต่ในใจของผมก็ยังรู้สึกกังวลจนไม่อาจสงบใจได้อยู่ดี!

“แว้บบบบ!”

หลังจากผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมง ประกายแสงสีทองก็สาดส่องลงมาจากเบื้องบนอาบร่างของ’หนานกงหลิง’บ่งบอกให้รู้ว่าเธอได้เลื่อนระดับแล้ว พร้อมเสียงหัวเราะและรอยยิ้มอย่างดีใจเธอพูดว่า

“ว้าว! ตอนที่ฉันอัพเป็นช่างตีดาบเลเวล 10 นี่ได้ค่าสเน่ห์เพิ่มมาตั้ง 7 แต้มแน่ะ..”

‘มัตฉะ’พูดว่า

“โห น่าอิจฉานะคะเนี่ยะ…”

‘เยว่ชิงเฉียน’หันไปมองรอบๆเอ่ยขึ้นว่า

“เอ่อ… พี่กงเจวี๋ยยังไม่กลับมาใช่ไหมคะ?”

‘หนานกงหลิง’เอ่ยขำๆว่า

“ไม่ต้องกังวลไปหรอกจ้ะ ตอนนี้พี่เจวี๋ยสะสมแร่เหล็กกิเลนได้ 97 ก้อนแล้วอีกไม่นานก็คงจะเสร็จแล้วกลับมาจ้ะ..”

ผมเดินออกมาและนำเอาดาบจักรพรรดิ์ฉินที่สำเร็จเพียงครึ่งเดียว มอบให้’หนานกงหลิง’ เธอรับใบดาบไปพิจารณาและเอ่ยอย่างตื่นเต้นว่า

“ว้าว ต้องดาบอย่างนี้สิถึงจะคู่ควรเป็นอาวุธของเซียวเหยาจื้อไจ้…”

“ไม่ทราบว่าเธอคิดว่าพอจะหลอมมันขึ้นมาใหม่ได้ไหม?”

ผมถามด้วยใจตุ้มๆต่อมๆ ‘หนานกงหลิง’พยักหน้าและจ้องมองมาที่ผม สายตาของเธอทั้งคู่นั้นฉายแววมั่นใจเต็มเปี่ยมขณะที่บอกกับผมว่า

“ไม่ต้องกังวลไปหรอกค่ะ ฉันอยู่ที่นี่แล้ว นายจะได้รับอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดตั้งแต่เกมส์ Destiny เปิดมาเลย!!”

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments