ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปแปลโดย WildFox
/////////////////
“พี่เจวี๋ยกลับมาแล้ว”
‘หนานกงหลิง’ที่ในมือถือครึ่งหนึ่งของดาบจักรพรรดิ์ฉิน หันหน้าไปทางบุรุษผู้ที่กำลังรีบเร่งเดินตรงมาทางนี้จากสุดปลายถนน เมื่อมองตามไปก็ปรากฏร่างของชายผู้ใช้หอกเป็นอาวุธ ‘หนานกงเจวี๋ย’หัวเราะร่าขณะที่เร่งฝีเท้าเข้ามาหาพวกเราพร้อมกล่าวว่า
“ภารกิจเสร็จเรียบร้อยดี แร่เหล็กกิเลนทั้ง 100 ก้อนได้มาครบแล้ว! หุบเขากิเลนพฤกษาช่างเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยมอนสเตอร์ระดับสูงที่รับมือด้วยยากจริงๆแถมมีเลเวลมากกว่า 69 ซะด้วย นี่ถ้าไม่ได้สหายของเราจากกิลด์[Zhan Long]ช่วยเหลือละก็ พี่ว่าอย่างน้อยก็ต้องใช้เวลามากกว่า 2 ชั่วโมงเป็นแน่กว่าจะเข้าถึงแหล่งแร่เหล่านั้นได้!”
‘หนานกงหลิง’ก้าวออกมาด้านหน้าพร้อมรอยยิ้มเบิกบานต้อนรับและรับเอาแร่เหล่านั้นไปพร้อมกล่าวว่า
“ขอบคุณค่ะ พี่เจวี๋ย!”
‘ซ่งหาน’ผู้ซึ่งยืนอยู่ข้างๆผม มีแววตากังวลแปลกๆพลางส่งเสียงกระซิบถามว่า
“พี่เซียวเหยาครับ พี่เอาดาบของพี่มอบให้หนานกงหลิงง่ายๆอย่างนั้นจะดีเหรอครั้บพี่? พี่เชื่อใจเธอได้ขนาดนั้นเลยเหรอพี่? เกิดว่าเธอลอคออฟจากเกมส์หายตัวไปเลยพี่จะทำไงละครับ?”
ผมยิ้มบางๆตอบพร้อมกับกระซิบว่า
“พี่ไม่คิดอย่างนั้นหรอกนะ ลองดูที่แววตาของทั้งคู่สิ พี่ไม่พบแม้แต่เพียงเสี้ยวเดียวที่แฝงไว้ด้วยความไม่ซื่อสัตย์อยู่ในนั้น มีคำกล่าวว่า ดวงตาย่อมเป็นหน้าต่างของจิตใจ อีกอย่างนะ พวกเค้าดูจริงจังในเรื่องนี้มากราวกับว่าพวกเค้าต้องการสร้างอาวุธที่แข็งแกร่งจริงๆ แล้วนายจะเข้าใจเรื่องที่พูดนี่ในไม่ช้านี้แหละ!”
“จริงอ้ะ พี่?”
“งั้น…เอางี้”
ผมเดินตรงไปหา’หนานกงหลิง’และเอ่ยว่า
“ดูจากการที่เธอตีดาบระดับเงินพวกนั้นก่อนหน้านี้ ซึ่งดูช่ำชองอย่างมาก ผมเลยประหลาดใจว่า เธอจะชำนาญในการตีดาบขนาดนี้ได้อย่างไร? นอกเสียจากว่าในชีวิตจริงๆของพวกเธอก็ต้องมีประสบการณ์เรื่องเหล่านี้อย่างแน่นอน ใช่ไหมครับ?”
“ว้า…โดนจับได้จนได้…”
‘หนานกงหลิง’แลบลิ้นน้อยๆน่ารัก
“พี่เจวี๋ยคะ ทำไมพี่ไม่ลองอธิบายเรื่องราวให้คุณหัวหน้ากิลด์[Zhan Long]ฟังดูละคะ?”
‘หนานกงเจวี๋ย’ผู้ที่กำลังลำเลียงแร่เหล็กกิเลนอยู่นั้นหันมาอธิบายว่า
“พวกเราไม่คิดจะปิดบังอะไรหรอกนะครับ แต่บรรพบุรุษของพวกผมมีต้นกำเนิดจากเมืองหลงฉวนแห่งมณฑณเจ๋อเจียงนะครับ พวกเราสืบทอดอาชีพการตีดาบผ่านกันมาหลายชั่วคนและก็ต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตไปเมื่อสงครามจบลง แต่ถึงกระนั้นพวกเราก็ยังรักในสร้างศาสตราวุธและเมื่อปัจจุบันมีคนสะสมดาบเป็นของมีค่า ด้วยเหตุนี้พวกเราพี่น้องจึงเลือกที่จะเป็นช่างตีดาบและใช้ชีวิตด้วยการตีดาบครับ”
“เป็นเช่นนี้ นี่เอง”
ผมหัวเราะเบาๆ
“เช่นนั้น เห็นทีผมคงจะต้องรบกวนสักครั้งแล้ว ดาบจักรพรรดิ์ฉินเล่มนี้ เป็นสิ่งที่ผมต้องพึ่งพาเป็นอย่างมากเพื่อสั่นสะเทือนเมืองปาฮวง…..”
‘หนานกงเจวี๋ย’หัวเราะขึ้นทันที
“อย่าได้กังวลไปเลยครับ สกิลตีดาบระดับ 10 ของอาหลิงจะไม่ทำให้นายผิดหวังแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังมีสกิลในสายความเข้าใจติดตัวที่ชื่อว่า [ช่างดาบเทวดา] อีกด้วยซึ่งมันจะช่วยเพิ่มโอกาสให้อาวุธที่ผ่านการสร้างโดยเธอนั้นมีโอกาส 50%ที่จะได้สเตตัสที่พิเศษมากๆ เพราะฉะนั้นต่อให้มีช่างตีเหล็กระดับเดียวกันมาสร้างของสิ่งเดียวกัน อาหลิงก็จะสร้างได้ไอเทมที่ยอดเยี่ยมกว่าแน่นอนครับ…”
ผมตะลึงอ้าปากค้างมองไปยัง’หนานกงหลิง’
“ตู้หูวววว…”
‘หนานกงเจวี๋ย’พลันดื่นตัวทันที
“เฮ้ๆ นายอย่ามองเธอแบบนั้นสิ ทำอย่างกับว่าอยากจะกินเธออะไรแบบนั้น ที่เรากำลังพูดถึงนี่เป็นน้องสาวของผมนะครับ ถ้าคิดจะทำมิดีมิร้ายละก็ ผมจะสู้กับนายจนตายกันไปข้างเลยแม้นายจะเป็นถึงเซียวเหยาจื้อไจ้คนนั้นก็ตาม..”
ผมอดที่จะหัวเราะไม่ได้ก่อนที่จะตอบไปว่า
“อย่าคิดอย่างนั้นสิครับ ผมเพียงแค่กำลังคิดว่า เพราะอะไรหนอทำไมช่างตีดาบที่มีฝีมือขนาดนี้มาทำอะไรอยู่ในกิลด์ [Epic] นี้? หนานกงเจวี๋ย หนานกงหลิง ผมอยากจะขอเชิญพวกนายทั้งสองเข้าร่วมกับ[Zhan Long]ของเราอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ชื่อของหนานกงหลิงไม่เพียงจะเป็นช่างตีดาบอันดับหนึ่งใน[Zhan Long]หรือแค่ในเมืองปาฮวงหรือว่าในเซิฟเวอร์จีนเท่านั้น เธอจะต้องเป็นช่างตีดาบอันดับหนึ่งของเกมส์ Destiny แน่นอน!”
‘หนานกงเจวี๋ย’รู้สึกละอายใจบางอย่างเอ่ยขึ้นว่า
“ตะ..แต่ว่า กิลด์[Epic]ก็ดูแลเราดีมากมาโดยตลอด…”
‘หนานกงหลิง’พยักหน้าเห็นด้วยพร้อมพูดว่า
“ใช่ค่ะ..ขนาดหัวหน้ากิลด์ยังเดินทางมาเลี้ยงอาหารเราถึงที่เมืองหลงฉวนของเราครั้งนึงเลย…”
‘ซ่งหาน’เอามือกุมขมับว่า
“หนานกงหลิง หนอ หนานกงหลิงช่างไร้เดียงสาจริงๆ อาหารมื้อเดียวก็ติดสินบนเธอได้ซะแล้ว…”
‘หนานกงหลิง’พูดขำๆว่า
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะคะ แต่ว่าหัวหน้ากิลด์[Epic]เป็นคนซื่อสัตย์ต่อพวกเราจริงๆค่ะ..”
“ไม่เป็นไรครับ…”
ผมถอนหายใจ
“[Zhan Long]ของเราไม่ใช่พวกที่ชอบบังคับให้ใครมาทำตามความต้องการของเรา แต่ขอโปรดจำไว้ว่า ประตูสู่กิลด์[Zhan Long]ของเราเปิดกว้างพร้อมยินดีต้อนรับเธอทั้งสองคนตลอดไป วันใดก็ตามที่เธอทั้งสองตัดสินใจว่า[Epic]ไม่ใช่ที่ ที่พวกเธอคิดจะอยู่อีกต่อไป เช่นนั้นจงมาเข้าร่วมกับพวกเรา[Zhan Long] พวกเราจะรอต้อนรับพวกเธอเสมอ!”
“ตกลงค่ะ!”
‘หนานกงหลิง’พยักหน้าก่อนที่จะกลับไปเริ่มกระบวนการหลอมดาบเล่มนั้นขึ้นใหม่อีกครั้ง …………..
ในเบ้าหลอม เสี้ยวของดาบจักรพรรดิ์ฉินกำลังลุกโพลงด้วยความร้อน ขณะที่’หนานกงหลิง’เติมเต็มเสี้ยวดาบด้วยแร่เหล็กกิเลนที่หลอมเหลวแล้วนำมาราดลงบนเสี้ยวของดาบจักรพรรดิ์ ซึ่งเสี้ยวของดาบค่อยๆซึมซับเอาแร่เหล็กกิเลนที่หลอมเหลวค่อยๆทำให้มันสมบูรณ์ทีละน้อย
เวลาผ่านไปร่วมครึ่งชั่วโมงกว่ากรรมวิธีหลอมแร่เหล็กกิเลนเข้ากับเสี้ยวของดาบจนหมดทั้ง 100 ก้อนนั้นจนกระทั่งมันเริ่มสั่นสะเทือนช้าๆ ราวกับว่าวิญญาณที่สถิตย์อยู่ภายในดาบกำลังร่ำร้องที่จะออกมาอวดโฉมสู่โลกภายนอก แม้กระทั่งเบ้าหลอมก็สะเทือนไปมา หนานกงหลิงกระพริบตาส่งให้ขนตายาวของเธอกระทบกันเบาๆพร้อมกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“ว้าว ฉันไม่เคยเห็นอะไรอย่างนี้มาก่อนเลย วิญญาณภายในดาบกำลังตื่นเต้นที่จะได้ออกมาสู่โลกภายนอกหรือเนี่ยะ?”
‘หนานกงเจวี๋ย’รีบกล่าว
“ระวังด้วย ช่วงนี้เป็นตอนสำคัญที่สุดในการตีดาบแล้ว!”
“เข้าใจแล้วค่ะ!”
ทันใดนั้นเอง ‘หนานกงหลิง’ก็คว้าเอาด้ามจับที่ดาบจักรพรรดิ์ที่กำลังลุกโชน เสียงดาบที่มีเปลวเพลิงตัดผ่านอากาศพร้อมด้วยเสียงเผาไหม้ของด้ามที่จับที่อยู่ในมือของ’หนานกงหลิง’วางบนทั่งตี ก่อนที่ค้อนเหล็กของเธอจะแหวกอากาศแล้วประเคนลงบนตัวดาบเสียงดังสนั่น
เพื่อทุบให้ตัวดาบเข้ารูปทรงและคงความคงทนและขึ้นคมดาบ แล้วนำไปแช่น้ำเพื่อให้โลหะเข้ารูปแล้วนำไปเข้าเบ้าหลอมอีกครั้ง ก่อจะนำออกมาตีบนทั่งเสียงดังสนั่น วนเวียนไปแบบนี้อีก 7 รอบด้วยกัน!
‘หนานกงเจวี๋ย’รอจนกระทั่งน้องสาวของเขาปาดเหงื่อออกจากใบหน้างามนั้นเรียบร้อยจึงถามว่า
“ใกล้แล้วใช่ไหม?”
“98% แล้วค่ะใกล้เสร็จแล้ว!”
“ดีมาก ลุยต่อไปเลย!”
เมื่อค้อนถูกเงื้อได้เพียงครึ่งทางก่อนจะประเคนลงบนตัวดาบอีกครั้ง พลันก็เกิดเสียงที่ตัวดาบดังบาดหูทุกคนพร้อมกับแสงเปล่งประกายออกมาจากดาบราวกับว่ามันพร้อมที่จะพรากทุกชีวิตที่อยู่ที่นั้น เสียงของ’หนานกงหลิง’ร้องอย่างตกใจเมื่อค้อนที่เธอกำลังจะฟาดลงบนดาบแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆเพราะมิอาจต้านทานพลังที่แผ่ออกมาจากดาบได้
แม้กระทั่ง ทั่งรองตียังเกิดรอยแหว่งคล้ายจะพังได้เมื่อดาบเริ่มคืนกลับสู่สภาพเดิมของมัน! ที่ลอยอยู่บนทั่งตีดาบขณะนี้ ปรากฏเป็นแสงสว่างสีเขียวอมฟ้าเข้มเปล่งประกายเจิดจ้าจากดาบยาวที่มีตราผนึกอยู่ที่ปลายด้านหนึ่ง พลังงานจากดาบแปลบปลาบออกมา ทำให้รู้สึกว่าการที่จะไปจับต้องดาบตอนนี้คงจะต้องตีราคาถึงชีวิตของเราทีเดียวเพราะแรงกดดันจากรังสีฆ่าฟันที่แผ่ออกมาจากตัวดาบขณะที่มันกำลังคืนสู่สภาพสมบูรณ์
ใครๆก็สามารถบอกได้ทันทีเลยว่า ดาบเล่มนี้เหนือกว่าคำว่าธรรมดาไปไกลโขแล้ว!
“พี่จื้อไจ้สุดหล่อคะ…”
‘หนานกงหลิง’ชี้ไปยังดาบที่ลอยอยู่เหนือทั่ง
“อาวุธของพี่เสร็จแล้ว เชิญรับไปได้แล้วค่ะ…”
ผมเดินตรงไปที่ดาบและคว้าจับที่ด้ามของดาบไว้ ราวกับดาบจำเจ้าของได้มันหยุดสั่นและปล่อยให้ตัวดาบตวัดเข้าสู่มือของผมอย่างทะมัดทะแมง ขุมพลังที่สัมผัสได้แผ่จากมือที่กุมดาบไปทั่วทั้งร่างของผม มากเสียจนกระทั่งผมยังรู้สึกร่างตัวเองสะท้านเบาๆจากความรู้สึกที่ได้สัมผัสพลัง และด้วยการไล่นิ้วไปตามตัวดาบและเคาะเบาๆ ทันใดนั้นทั้งตัวเลขและคำบรรยายของดาบก็พรั่งพรูสะกดทุกคนที่ได้เห็นให้ตกตะลึง
【ดาบจักรพรรดิ์ฉิน】(ระดับ วัลคีรี่-ชั้นยอด)
พลังโจมตี : 1400-1850
ความแข็งแกร่ง : +70
ความต้านทาน : +68
พลังเวทย์ : +65
พิเศษ : เพิ่มพลังโจมตีอีก 17%
พิเศษ : ไม่สนใจพลังป้องกันของเป้าหมาย 25%
โบนัส : ค่าความทนทานเป็นอนันต์ ไอเทมชิ้นนี้ไม่มีวันเสียค่าความทนทาน
โบนัส : เพิ่มโอกาสในการโจมตีแบบหนักหน่วง อีก 10%
ความสามารถไอเทม : เมื่อใดก็ตามที่ดาบนี้สังหารผู้เล่นจะทำการเพิ่มพลังโจมตี 1% ต่อ 1 ผู้เล่นที่สังหารได้ สามารถทับซ้อนได้ไม่จำกัด ผลของการสะสมจะหายไปเมื่อทำการลอคเอาท์จากเกมส์
คำอธิบาย : นานมาแล้วมีจักรพรรดิ์องค์หนึ่งนามเป็นที่ปรากฏทั้งสวรรค์และพื้นพิภพ ดาบคู่กายของพระองค์นั้นชื่อว่าหลงฉวนหากแต่ในการรบอันดุเดือดหนหนึ่ง ดาบถูกสะบั้นเหลือเพียงครึ่งและถูกฝังลงใต้ปฐพีนานนับหลายชั่วอายุคน ในที่สุดเสี้ยวดาบนั้นก็มีโอกาสหวนคืนเหนือพิภพทั้งยังทรงไว้ซึ่งพลานุภาพขององค์จักรพรรดิ์นั้น ดาบเล่มนี้จะถูกกล่าวขานต่อชนรุ่นหลังว่าเป็นราชันย์แห่งดาบตามปนิธานของจักรพรรดิ์ฉินผู้ครองดาบองค์เดิม
เลเวลที่ต้องการ : 65
ผมกระชับดาบมั่นพลางคิดในใจว่า ครั้งนี้ผมได้รับอาวุธเทพจริงๆซักที ในขณะนั้นเสียงประกาศจากระบบก็ดังขึ้นข้างหูว่า
“ติ๊ง!” ประกาศจากระบบ : ผู้เล่น เซียวเหยาจือไจ้ ได้รับไอเทมระดับวัลคีรี ชิ้นแรกของเซิฟเวอร์
ของรางวัลจากระบบ : เลเวล +1 ค่าสเน่ห์ +10 หินวิญญาณ x 10!
“ฮ่าฮ่า ยินดีด้วยครับพี่เซียวเหยา ค่าสเน่ห์ตั้ง 10 แต้มแน่ะ!”
‘ซ่งหาน’กล่าวปนเสียงหัวเราะ ‘เยว่ชิงเฉียน’กระพริบตาก่อนจะเอ่ยขำๆว่า
“ดาบจักรพรรดิ์ฉินระดับวัลคีรี่นี่ท่าทางดูราวกับผู้ครอบครองทุกสิ่งเลยนะคะ พี่เซียวเหยาคะ พลังโจมตีของพี่สูงขนาดไหนคะเนี่ยเมื่อสวมดาบจักรพรรดิ์ฉินแล้ว?”
ผมตอบว่า
“แล้วค่อยบอกเธอทีหลังละกันนะ หนานกงหลิง เธอเพิ่งจะสร้างไอเทมระดับวัลคีรี่ได้คิดว่าคงจะได้รางวัลเช่นกันใช่ไหม?”
“ค่ะ!”
‘หนานกงหลิง’ผงกศีรษะพลางหัวเราะตอบว่า
“ได้ค่าสเน่ห์เพิ่มอีก 7 แต้ม แม้ฉันจะไม่ได้รับข้อความจากระบบแต่คำนวนจากค่าเดิมที่มีอยู่ ซึ่งตอนนี้ฉันมีค่าสเน่ห์รวม 54 แต้มยิ่งค่านี้มีเยอะมากเท่าไหร่โอกาสในการสร้างไอเทมดีๆก็มีมากขึ้นเท่านั้น นี่คงต้องขอบคุณ พี่จื้อไจ้สุดหล่อละมั้งเนี่ยะที่ให้โอกาสฉันได้สร้างดาบจักรพรรดิ์ฉินจนทำให้ได้ค่าสเน่ห์มาตั้ง 14 แต้ม!”
ผมหัวเราะก่อนที่จะดึงเอาหน้าต่างไอเทมออกมาและก็ขนเอาหินวิญญาณที่มีทั้งหมดมารวมกัน รวมกับของที่เพิ่งได้มาเมื่อกี้นี้อีก 10 อันด้วย ผมก็เริ่มมหกรรมตีบวกดาบจักรพรรดิ์ฉินอย่างเมามัน ผมอยากจะอัพเกรดมันจนกว่าจะทำต่อไปไม่ได้ ทำให้ตอนนี้ในหูของผมระงมไปด้วยเสียงประกาศจากการอัพเกรด
“ติ๊ง!” ประกาศจากระบบ : อาวุธของคุณ 【ดาบจักรพรรดิ์ฉิน】อัพเกรดสำเร็จ พลังโจมตีเพิ่มขึ้น 5%!
“ติ๊ง!” ประกาศจากระบบ : อาวุธของคุณ 【ดาบจักรพรรดิ์ฉิน +1】อัพเกรดสำเร็จ พลังโจมตีเพิ่มขึ้น 5%!
“ติ๊ง!” ประกาศจากระบบ : อาวุธของคุณ 【ดาบจักรพรรดิ์ฉิน +2】อัพเกรดล้มเหลว!
“ติ๊ง!” ประกาศจากระบบ : อาวุธของคุณ 【ดาบจักรพรรดิ์ฉิน +2】อัพเกรดล้มเหลว!
“ติ๊ง!” ประกาศจากระบบ : อาวุธของคุณ 【ดาบจักรพรรดิ์ฉิน +5】อัพเกรดสำเร็จ พลังโจมตีเพิ่มขึ้น 5%!
“ติ๊ง!” ประกาศจากระบบ : อาวุธของคุณ 【ดาบจักรพรรดิ์ฉิน +6】อัพเกรดล้มเหลว!
“ติ๊ง!” ประกาศจากระบบ : อาวุธของคุณ 【ดาบจักรพรรดิ์ฉิน +6】อัพเกรดล้มเหลว!
“ติ๊ง!” ประกาศจากระบบ : อาวุธของคุณ 【ดาบจักรพรรดิ์ฉิน +6】อัพเกรดสำเร็จ พลังโจมตีเพิ่มขึ้น 5%!
ผมจัดการอัพเกรดจนกระทั่งหินวิญญาณก้อนสุดท้ายที่ผมมี สุดท้ายก็ได้ ดาบจักรพรรดิ์ฉินที่ผ่านการอัพเกรด 7 ครั้ง ดูจากผลงานแล้วและหันมาดูสเตตัสที่ได้ ค่าพลังโจมตีก็สูงแทบจะทะลุเพดานสวรรค์เลยทีเดียว
【ดาบจักรพรรดิ์ฉิน +7】(ไอเทมระดับวัลคีรี-ชั้นยอด)
พลังโจมตี : 1400-1850 (+490-648)
ค่าพลังโจมตีของมันเพิ่มขึ้นไปราว 35% เมื่อทำการสลับเอาดาบประกายวสันต์เล่มเดิมออกและแทนที่ด้วยดาบเล่มใหม่นี้ ค่าพลังโจมตีของผมก็พุ่งทะยานพร้อมๆกับค่าสเตตัสอื่นๆที่ต่างเพิ่มขึ้นราวจะระเบิดขีดจำกัดเดิม พลิกโฉมของผมให้แทบจะกลายเป็นคนละคนทีเดียว
【เซียวเหยาจื้อไจ้】(ผู้เฝ้ามองรัตติกาลแห่งป้อมมังกร) เลเวล : 65
พลังโจมตี : 2820-3749
พลังป้องกัน : 2035
พลังชีวิต : 3925
มานา : 2286
ค่าสเน่ห์ : 75
อันดับในบอร์ด CBN : 27
ดูจากค่าสเตตัสพื้นฐานต่างๆของตัวเอง ทำเอาผมตะลึงไร้คำกล่าวอยู่ชั่วครู่ ค่าพลังโจมตีสูงสุดที่ทำได้ 3749 นี่แทบจะทำเอาค่าพลังโจมตีของ’เจี้ยนเฟิงหาน’ดูธรรมดาไปเลยจริงๆ ใช่ไหม?
“พี่เซียวเหยาคะ พลังโจมตีของพี่เท่าไหร่อ้ะ?”
‘เยว่ชิงเฉียน’ถามด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ผมหันไปมองที่เธอและถามกลับว่า
“เฉียนๆ เธอพอจะรู้ไหมว่าค่าพลังโจมตีของเจี้ยนเฟิงหานสูงประมาณไหน?”
“อืม…แป้บนะคะ”
ผ่านไปไม่กี่นาที ‘เยว่ชิงเฉียน’ก็เงยหน้าขึ้นมามองผมและตอบว่า
“หนูลองไปหาข้อมูลมาแล้วค่ะ เจี้ยนเฟิงหาน ที่สวมใส่กระบี่อัคคีเมฆารวมทั้งสายสร้อยและรองเท้าที่เป็นไอเทมระดับจักรพรรดิ์ ส่วนไอเทมชิ้นอื่นๆเป็นระดับม่วง เอ่อ…ดาบอัคคีเมฆาของเขาอัพเกรดถึงขั้น+6 ทำให้ค่าพลังโจมตีพื้นฐานของเขาอยู่ที่ 2447-2970 ค่ะ…..”
ผมตกใจไม่น้อย
“เขามีค่าพลังโจมตีพื้นฐานถึง 2974แล้วนี่เอง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม เปียวเมี่ยวหยุนเอียน(Misty Clouds)ถึงแทบจะโดนสังหารคาที่ในทันที….”
‘หรันหมิ่น’พาดขวานรบคมคู่วิญญาณหลอนของตัวเองขึ้นไหล่หัวเราะและพูดว่า
“แต่ว่านะดูจากค่าสเตตัสของนายตอนนี้แล้ว สงสัย จะเป็นนายมากกว่ามั้ง ที่จะสังหารเจี้ยนเฟิงหานคาที่ถ้าได้มีการดวลเดี่ยวกันอีกน่ะ ในป่าจิ้งจอกขาวนั่นน่ะ นายก็ส่งเขาลงไปจูบดินด้วยสกิล [โจมตีต่อเนื่อง] มาแล้ว ยิ่งตอนนี้นายเปลี่ยนมาใช้ดาบจักรพรรดิ์ฉินเข้าไปอีกเกรงว่า เจี้ยนเฟิงหาน จะยิ่งกลายเป็นแค่ขนมหวานสำหรับนายละมั้งตอนนี้!”
ผมส่ายศีรษะ
“ไม่หรอก ที่ป่าจิ้งจอกขาวนั่นน่ะ เป็นเพราะเขาได้ทำการไล่สังหารเปียวเมี่ยวหยุนเอียนกับอีกสองคนนั่น ซึ่งทั้งสามคนนั้นล้วนเป็นผู้มีฝีมือ เลยทำให้เขาเข้าสู่สภาวะคูลดาวน์ของสกิลและชั้นสงสัยอยู่ด้วยว่า เขาคงจะไม่เหลือน้ำยามานาอยู่แน่ๆ นั่นเลยเปิดโอกาสให้ชั้นมีโอกาสลงมือถนัดๆได้ซักครั้ง หาไม่แล้วคงไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ๆที่จะจัดการสังหารเจี้ยนเฟิงหานหรือรับมือกับวิชาดาบของเขาได้ง่ายๆน่ะ”
‘ซ่งหาน’ขำเบาๆเอ่ยขึ้นว่า
“เอาเถอะ ยังไงก็แล้วแต่ พี่เซียวเหยาก็ได้ครองดาบจักรพรรดิ์ฉินซึ่งถือเป็นเรื่องน่ายินดีต่ออนาคตของกิลด์[Zhan Long]นี่นา ว่าแต่เราควรทำอะไรต่อไปดีครับ?”
ผมหันไปมองเวลาก่อนจะตอบว่า
“พวกนายจะไปเก็บเลเวลต่อหรือจะพักก็ได้เลือกเอา ส่วนชั้นต้องพาว่านเอ๋อร์ไปหาอะไรกินก่อน..”
“ตกลงครับ!”
“ตริ๊ง!” ‘ว่านเอ๋อร์’ช่างส่งข้อความมาได้เวลาเหมาะเจาะจริงๆ
“หลี่เซียวเหยา นายรีบลอคออฟเดี๋ยวนี้เลยนะ ฉันมีข่าวดีจะบอกนายด้วยล่ะ..”
“ข่าวดี…อะไรเหรอครับ?”
“แล้วนายก็จะรู้เองแหละ อ้อ…มีสาวงามมารอพบนายอยู่ด้วย…”
“หา….?”
ที่มา: