I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Zhan Long ตอนที่ 274 ผ่ากลางนภา

| Zhan Long | 1285 | 2365 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

แปลโดย Kradiz

ผมพาดดาบแห่งจักพรรดิฉินไว้บนบ่าพลางยิ้ม

“แย่จริงๆ เลย ที่ไม่ค่อยมี PK แถวนี้เท่าไหร่ ไม่งั้นชั้นคงเพิ่มผลของ [ฆ่าเพื่อโลหิต] ได้ วันก่อนตอนที่สู้ตรงป่าวิถีเวท ชั้นสามารถเพิ่มพลังของดาบได้ถึง 221% เลยนะ มันโครตเจ๋งเลย ฮ่าๆ….”

NOTE : [ฆ่าเพื่อโลหิต] ทุกครั้งที่ฆ่าผู้เล่นได้ เพิ่มพลังโจมตีของดาบ 1% ต่อหนึ่งคน ……

‘หลี่มู่’เหล่มองไปยังพวก [Flying Dragons] ที่อยู่ไม่ห่างจากพร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้มเหมือนปีศาจร้าย

“อันที่จริง นายควรจะไปแถวนั้นนะ แล้วฆ่าพวก [Flying Dragons] ซักนิดหน่อย หลังจากนั้นพลังโจมตีจะได้เพิ่มขึ้นได้ แถมยังเพิ่มความเป็นไปได้ในการจัดการบอสตัวสุดท้ายด้วยนะ ฮ่าๆ ดาบของนายนี่มันขี้โกงโดยแท้เลยวะ คิดดูถ้าฆ่าผู้เล่นไป 1000 คน พลังโจมตีจะเพิ่มไปถึง 1000% ขนาดนั้นพลังโจมตีของนายจะไม่ถึง 20000 เลยเหรอไง? ต่อให้ชางเฉิงที่มีพลังป้องกัน 2900 ก็ตายด้วยดาบเดียวแน่ๆ…..”

“หืมม ชีวิตเป็นสิ่งที่มีค่ามากนะ แถมสำหรับคนอื่นมันก็ไม่ง่ายที่จะเพิ่มระดับ อีกอย่างพวกนั้นก็ไม่ใช่ศัตรูด้วย เพราะงั้นชั้นไม่คิดจะฆ่าพวกเขาหรอกนะ”

ผมกล่าวพลางสะบัดดาบ นักธนูด้านหลังของผมกล่าวแทรกขึ้น

“หัวหน้ากิลด์ ดาบของคุณกำลังแทงผมอยู่นะ”

“ไม่เป็นไร ถ้าคุณเลื่อนผมเป็นหัวหน้าหน่วย ผมจะยกโทษให้คุณ”

“ไสหัวไปเลย นี่กล้าขู่ชั้นงั้นเหรอ อยากเป็นหัวหน้า? ชั้นไล่นายออก….”

“โอ้หัวหน้าผู้หลักแหลม ได้โปรดอย่าไล่ผมออกเลย ผมแค่วางแผนไว้ว่าจะใช้ตำแหน่งนี้เพื่อเกี่ยวสาวเท่านั้นเอง ในความจริงแล้ว ผมอายุ 34 แล้วนะ แต่ก็ยังไม่ได้แต่งงาน และมองไม่เห็นอนาคตใดๆ เลย ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย ผมจะตอบแทนด้วยความจงรักและอุทิศตนให้กับ Zhan Long อย่างเต็มที่”

“…… ”

ริมฝีปากแสนสวยของ’มัทฉะ’โค้งขึ้นเล็กน้อยเธอฟังคำสนทนาของพวกเราพลางยิ้ม พร้อมกับมองออกไปด้านหน้า

“แต่ละระรอกจะมีบอสหนึ่งตัว และพวกเราก็ไม่รู้ด้วยว่าบอสจะออกมาประตูไหน ฮือๆ ฉันหวังให้มันออกมาทาง Zhan Long จะดีมากเลย”

“ชั้นกลัวว่ามันจะเป็นตรงข้ามมากกว่า…..”

‘หลี่มู่’กล่าวพร้อมกับกัดฟัน

“มีข่าวใหม่มา บอสก๊อบลินระดับม่วงปรากฏที่ประตูทิศใต้ของเมืองโบราณ และ [Vanguard] พร้อมกับผู้เล่นหลักของพวกเขากว่า 17000 คนอยู่ตรงนั้น ถ้าไม่มีอะไรเหนือความคาดหมาย บอสตัวนั้นต้องเป็นของเจี้ยนเฟิงฮานแน่นอน อีกไม่เกินห้านาทีมันก็คงจะตายแล้วหละ….”

‘หรั่นหมิน’หัวเราะด้วยความรุนแรง

“เจ้าหนูหลี่ เราจะพาคนไปขโมยบอสพวกนั้นมั้ย?”

“ม่ายอ่ะ…”

ผมค่อยๆ อธิบาย

“มันแค่บอสระดับม่วง ไม่ค่อยให้ประโยชน์กับพวกเราเท่าไหร่ แถมพวก [Vanguard] ก็ยังมีคนมากกว่าเราถึง 20 เท่า มารอกันอย่างเงียบๆ เถอะ แล้วค่อยๆ ช่วยกันจัดการม่อนต่อไป ชั้นพึ่งตรวจสอบกิลด์ดูเมื่อสักครู่  ระรอกแรกเพิ่มประสบการณ์ให้กิลด์ถึง 5% ถ้าเราฆ่ามันต่อไปอีกสัก 9 ระรอก กิลด์ของเราต้องขึ้นสู่ระดับ 4 แน่ๆสิง่นี้สำคัญกว่ามาก…”

‘หรั่นหมิน’พยักหน้า

“โอเคๆ ชั้นจะเชื่อนาย”

หลังจากพวกเราพักผ่อนไปกว่าสามนาที เสียงประกาศของทางระบบก็ดังขึ้น ตามคาด’เจี้ยนเฟิงฮาน’เป็นคนฆ่าบอส

ตริงงงง ประกาศจากทางระบบ : ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่น เจี้ยนเฟิงฮาน ที่สามารถฆ่าบอสตัวแรกของ [เมืองโบราณ]

แห่งเมืองป้าฮวงได้สำเร็จ จะได้รับรางวัล เสน่ห์ + 1 ค่าประสบการณ์ + 5%

(สมมุติ 61 กับอีก 50% > 61 กับอีก 55% หรือ 71 กับอีก 90% > 71 กับอีก 95%)

และหนังสือทักษะ ระดับ S [ผ่ากลางนภา]

“น่าเศร้า….”

‘มัทฉะ’หัวเราะอย่างขมขื่น

“ฉันคิดว่ามันจะเป็นแค่บอสระดับม่วงซะอีก แต่ผลตอบแทนมันกลับไม่ใช่ มันยังมีค่าเสน่ห์และหนังสือทักษะระดับ S อีกต่างหากหืมม ขอฉันตรวจสอบดูก่อนนะ…….[ผ่ากลางนภา] มันคือทักษะแบบ AOE เหมาะกับนักดาบและอัศวิน ระยะของมันกว้างถึง 20 เมตร ตอนนี้เจี้ยนเฟิงฮานยิ่งแข็งแกร่งขึ้นไปอีก….”

ตอนนี้’หลี่มู่’อิจฉาตาร้อนอย่างมาก

“นักดาบที่มีทักษะแบบ AOE ในครอบครอง คือสุดยอดนักดาบที่สมบูรณ์แบบ จนถึงตอนนี้ในกิลด์ของเรานั้นมีเพียงหัวหน้ากิลด์เท่านั้นที่เป็นนักดาบที่สมบูรณ์แบบ…….หวางเจี้ยน คนอื่นๆ และชั้น เทียบไม่ได้ด้วยซ้ำ มันช่างน่าเศร้าจริงๆ”

ผมยิ้ม

“หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้วน่า มันก็แค่บอสตัวหนึ่ง มันยังเหลืออีกตั้ง 9 ตัว มาพยายามให้หนักดีกว่า เดี๋ยวมันก็ออกมาฝั่งเราเอง ที่ประตูทิศเหนือแห่งนี้ เมื่อมันออกมา เราจะจัดการมันเอง!!”

“และพวก [Flying Dragons] ด้วย?”

‘หลี่มู่’ถามด้วยรอยยิ้ม ผมหัวเราะในขณะที่ดาบแห่งจักพรรดิฉินในมือเปล่งประกายขึ้นชั่ววูบ

“ใช่!! ทำไมพวกเราต้องยอมให้พวกมันด้วยหละ? ฆ่าพวกมัน ชั้นไม่อยากให้พวกมันได้หนังสือทักษะ ไม่งั้นพวกมันจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น”

“โอเค!!!”

ราวๆ สิบนาทีต่อมา ประตูเมืองโบราณก็ค่อยๆ เปิดออกอีกครั้ง และระรอกคลื่นสีโลหิตก็ค่อยๆ พุ่งออกมา รอบนี้พวกมันคือ นักรบคนแคระ อยู่ในชุดเกราะสีแดงเลือด คนแคระคลั่งระดับ 67 พวกนี้ มันแทบจะเหมือนกับนักรบโครงกระดูก ดูไม่มีชีวิตเหมือนจะตายมานานแรมปี พุ่งเข้าสู่สนามรบด้วยขวานรบของมัน

มาเลย!! เอาค่าประสบการณ์มาให้พวกเราซะ!!!!

“ป้องกัน!! ระดับของม่อนพวกนี้มันสูงมาก เพราะงั้นพลังโจมตีของมันก็ต้องสูงตามไปด้วยแน่นอน”

ผมสะบัดดาบไปพลางตะโกนไปพลาง

“อย่าไปล่อศัตรูมา ปล่อยให้มันพุ่งมาหาเราเอง และเราจะฆ่าพวกมันเมื่อมันเข้าใกล้ อย่าปล่อยให้มันรวมกลุ่มอยู่หน้าเรา พวกเราจะควบคุมมันไม่ได้!!”

เหล่าผู้เล่นต่างพยักหน้า [Pillars of Fire and Ice] พุ่งเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง และในขณะนี้ [Zhan Long] ของเรายังคงสามารถทำดาเมจโดยรวมได้มากที่สุดเมื่อเทียบกับ [Flying Dragons] ที่อยู่ใกล้ๆ แล้ว พวกเขาดูจะรอบคอบอย่างมาก แม้ว่าพวกเขาจะมีคนจำนวนมากมาย แต่พวกเขาก็ต้องใช้แนวป้องกันมากถึง 5 แถว แต่เพราะเหตุนี้พวกเขาจึงยังคงปกครองพื้นที่ของตนได้อยู่

“แก้ง แก้ง แก้ง……….”

เพียงแค่เหล่านักรบคลั่งแห่งเผ่าคนแคระฟาดขวานของพวกเขาเข้าใส่โล่ของแถวหน้าของเหล่า [Flying Dragons] ผู้เล่นกว่าสิบคนที่อยู่แถวหน้า ตายตกไปทันที  หมอของพวกนั้นแทบจะฮิลไม่ทัน ใบหน้าของมังกรทะยานขาวซีดลงไปทันที พลางออกคำสั่งด้วยเสียงอันดังก้อง

“กันไว้!!! ให้อัศวินคลาสสามใช้ [กำแพงโล่สวรรค์] ตอนนี้ เร็ว!!! ปกป้องพื้นที่เอาไว้!!”

‘เต่าดำ’เอ่ยตอบเบาๆ

“หัวหน้า ตอนนี้พวกเรามีอัศวินคลาสสามแค่ 7 คนเท่านั้น พวกเราใช้มันไม่ได้….”

หน้าของมังกรทะยานเขียวคล้ำ

“บัดซบ นายควรจะบอกชั้นก่อนหน้านี้นะ…..”

ไม่ไกลจากนั้น กลุ่มของ Zhan Long กำลังระเบิดเสียงหัวเราะกันอย่างดัง แม้ว่า [Flying Dragons] จะมีผู้เล่นมากมาย แต่ Zhan Long กลับสามารถควบคุมพื้นที่ได้ดีกว่า เพราะมีผู้เล่นที่มีความสามารถมากกว่า ‘หลี่มู่’ถามขึ้นในขณะที่เขาปล่อยท่า [ดาบสะท้านฟ้า]

“เห๋อ ใครคือคนที่จัดการข้อมูลของเรางั้นเหรอ? เอามาให้ดูหน่อยซิ ว่าพวกเรามีผู้เล่นคลาสสามกี่คน”

“ฉันเอง..”

‘มัทฉะ’กล่าว พลางสะบัดมือของเธอ ปลดปล่อย [Phantom Ray Slash] พุ่งเข้าทะลวงร่างของมอนสเตอร์

“การเก็บระดับของพวกเราในช่วงที่ผ่านมานี้ดีทีเดียว กิลด์ของพวกเรามีผู้เล่นคลาสสามมากถึง 117 คน ประกอบไปด้วย นักดาบ คลาสสาม 19 คน อัศวิน 14 คน นักเวท 21 คน และนักรบคลั่ง 11 คน ที่เหลือก็อาชีพอื่นๆ”

ผมถามด้วยรอยยิ้ม

“[กำแพงโล่สวรรค์] ของเราเป็นไงบ้าง?”

“อยากเห็นเหรอ?”

“แสดงให้ชั้นดูหน่อย…..”

“โอเค”

‘มัทฉะ’ขยับโล่ของเธอพลางคำรามลั่น

“กำแพงโล่สมบูรณ์!!”

ทันใดนั้นอัศวินทั้ง 14 คนที่แถวหน้าต่างยกโล่ของพวกเขาขึ้น เสียงกระหึ่มดังขึ้น ทันใดนั้นโล่เวทมนต์ก็ปรากฏขึ้น มันค่อยๆ ขยายขนาดขึ้น และค่อยๆ กลายเป็นโล่หนาแน่นขึ้นที่ด้านหน้า โล่โลหะปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าของพวกเรา มันคือผลของทักษะ ที่อัศวินทุกคนต่างภูมิใจกับมันมาก [กำแพงโล่สวรรคร์] ที่สร้างขึ้นจากผู้เล่นหลายคนมันแข็งแกร่งมาก ไม่สามารถทำลายได้

ต่อให้เป็นพลังระดับสูงมากก็ไม่สามารถทำลายมันได้อย่างรวดเร็ว แต่ว่าหากกลุ่มของนักดาบคลาสสามใช้ทักษะ [ดาบทลายทัพ] ซึ่งสามารถทะลวงผ่านสิ่งกีดขวางทุกอย่างได้ แม้จะเป็นโล่สวรรค์ก็ไม่สามารถป้องกันได้ ขวานรบของพวกคนแคระฟาดฟันเข้าใส่โล่อย่างรุนแรง แต่มันก็ทำดาเมจไม่ได้มากเท่าไหร่

ความห่างชั้นของอัศวินคลาสสามกับคลาสสองมันห่างกันมากทีเดียว ระดับคือทุกสิ่งทุกอย่าง ด้วยทักษะระดับสูงและการทนทาน ต่อให้ของห่วยแค่ไหนก็สามารถทนได้สบาย

“กรรรรร”

เทพพยัคฆ์เพลิงเทวะพุ่งทะลวงกลุ่มของคนแคระอย่างเมามัน ด้วยพลังป้องกันกว่า 1800 ทำให้มันทนทานพอๆ กับอัศวินระดับกลางค่อนไปทางสูงเลยทีเดียว และด้วยความสามารถในการฟื้นฟูของมันแล้วมันแทบจะไม่มีปัญหาเลย แถมด้วยทักษะหลักทั้งสามอย่าง [กรงเล็บเพลิง] [พยัคฆ์คำราม] และ [เพลิงเทวะทลายทัพ] ทำให้มันสามาถฆ่าเป้าหมายได้อย่างง่ายดาย

มันฆ่ากลุ่มของคนแคระไปได้อย่างง่ายดาย และเมื่อคนแคระพุ่งตรงเข้าหาเจ้าพยัคฆ์ด้วยความโกรธ ผมรีบเรียกใช้ [เกราะเพลิง] ให้กับมันทันที แกราะเพลิงค่อยๆ ปรากฏขึ้นรอบๆ ร่างของเจ้าพยัคฆ์น้อย การโจมตีของคนแคระต่างถูกลดทอนลงอย่างมากเหลือเพียง 200 ต่อครั้งเท่านั้น พลังในการป้องกันของทักษะ [เกราะเพลิง] มันดีกว่า [โล่มังกรสีชาด] ของผมเสียอีก นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้มันกล้าพุ่งเข้ากลางดงของศัตรูด้วยตัวคนเดียว……

ค่าประสบการณ์ค่อยๆ เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ไม่นานหลังจากนั้นก็มีคนได้รับ Devil Token ซึ่งทำให้พวกเขาดีใจอย่างมาก ผ่านไปราวๆ หนึ่งชั่วโมง ศพของเหล่าคนแคระก็นอนเรียงรายกันไปทั่วพื้นที่ การต่อสู้ใกล้จบลงแล้ว พวกเราสามารถหยุดมันไว้ได้ และไม่เสียใครเลย พวกเราได้เปลี่ยนกลุ่มทางด้านซ้ายใหม่ เราจะตายได้ง่ายมาก หากพวกเราไม่มีทีมเวิค

“ครั้งนี้บอสจะมาโพล่ทางด้านเราใช่มั้ย?”

‘ตังเซ่ว’กล่าวพร้อมกับจับไม้เท้าแน่น เธอบินขึ้นไปมองอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นตาของเธอก็เบิกกว้าง พลางหัวเราะคิกคัก

“บอส!! มันมาทางนี้จริงๆ มันคือบอสระดับ 67 บอสระดับม่วง”

ผมจ้องมองออกไป ก็เจอเข้ากับคนแคระที่ร่างกายกำยำบึกบึน อาวุธของมันคือค้อนสงครามสีดำสนิท ร่างผุพักของมันปกคลุมไปด้วยชุดเกราะ มันจ้องมองกลับมาด้วยดวงตาแดงก่ำ พร้อมกับคำรามออกมา

“เพื่อชัยชนะของเผ่าค้อนสงครามของเรา!!!! พวกเราจะไม่ยอมก้มหัวให้กับพวกมนุษย์อันแสนชั่วช้าพวกนั้น พวกเราจะไม่กลับไปเป็นทาสอีกครั้ง!! ฆ่า!! ฆ่าพวกมนุษย์ให้หมด!!!!”

ในที่สุดม่อนกว่าร้อยตัวที่นำโดยบอสของพวกมันก็วิ่งตรงมาหาพวกเรา เพราะตำแหน่งของพวกเราอยู่ด้านหน้าประตูเมืองพอดี เพราะฉะนั้นพวกเราจึงเป็นกลุ่มแรกที่มันมองเห็น และเป็นที่แน่นอนว่า บอสต้องเป็นของเราแน่นอน ……

อย่างไรก็ตาม ในขณะนั้นเองกลุ่มที่อยู่ด้านข้างของเราอย่าง [Flying Dragons] มังกรทะยานโบมือออกคำสั่ง

“พยัคฆ์ทมิฬ นำทีมแรกของเราไปขโมยบอส บอสตัวนี้ต้องเป็นของเรา อย่าให้ใครหน้าไหนเอาไปได้เด็ดขาด”

“พี่เซียวเหยา”

‘ซงฮาน’เรียกผมด้วยความตื่นตระหนก ผมเข้าใจในทันที

“ชั้นจะเข้าไปจู่โจมบอสข้างล่างกำแพงเมือง หลี่มู่และมัทฉะเตรียมคนสนับสนุนชั้น”

ในจังหวะที่พร้อมกันกับผม พยัคฆ์ทมิฬก็นำกองกำลังกว่า 100 คน พุ่งตรงไปด้านล่างเมืองทันที ร้อยหล่าภายใต้กำแพงเมือง อยู่ในระยะโจมตีของ NPC นักธนู แต่ก็ไม่มีคนสนใจเพราะจุดมุงหมายเดียวก็คือ บอส!!! ……

“เร็ว!! รีบไปดึงความสนใจของบอสมา นักธนูเอล์ฟสายลมโจมตีจากระยะไกล!!”

พยัคฆ์ทมิฬคำรามลั่น พร้อมกับพุ่งเข้าไปด้วยขวานรบในมือของเขา

“ฟุบบบบบ”

เอล์ฟสายลมสองคนก็บินขึ้นไปอย่างพร้อมเพรียงกัน แต่โชคไม่ดี ก่อนที่พวกเขาจะขึ้นสู่ท้องฟ้า พวกเขาก็โดนสอยร่วงโดยฝีมือของ NPC นักธนูระดับ 70 ที่อยู่บนกำแพงไปเสียก่อน

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments