ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปแปลโดย WildFox
สายลมกรีดกรายพัดผ่านสนามรบ ทั่วทั้งบริเวณรอบๆเมืองโบราณดูราวกับสถานที่รกร้างอันเกลื่อนกราดไปด้วยซากศพและเศษอาวุธแตกหักกระจัดกระจายไปทั่ว เพียงเพื่อ [ตราเทพการค้า] ทุกขุมกำลังในเมืองป้าฮวงล้วนถูกจัดส่งเข้าร่วมศึกแห่งการแย่งชิงในครั้งนี้
ที่ประตูทางทิศตะวันออกของ [เมืองโบราณ] ออร์คยักษ์ร่างกำยำในชุดดำขับขี่หมาป่าทะยานฝ่าฝูงชนที่รุมล้อมและฆ่าทุกชีวิตที่มันควบผ่าน มันถือขวานรบขนาดใหญ่ที่อาบไปด้วยโลหิต คราใดที่มันกวัดแกว่งคมขวานผ่านไปก็สร้างค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 2000+ ราชาออร์คทมิฬเป็นบอสระดับม่วงเลเวล 68
ถึงแม้ว่าบอสระดับม่วงจะไม่ใช่สิ่งที่วิเศษวิโสอะไรแล้วในตอนนี้ แต่บอสเลเวล 68 ระดับม่วงก็ยังแข็งแกร่งเกินไปอยู่ดีสำหรับผู้เล่นที่มีเลเวลต่ำกว่ามัน ซึ่งพวกเขาได้แต่รู้สึกว่าความหวังช่างริบหรี่เสียเหลือเกินในการเผชิญหน้าบอสตัวนี้………….
“พวกอัศวินและม๊องค์ ตั้งแนวรับรูปแบบป้องกัน!ขวางไอ้พวก[Hero’s Mound]เอาไว้เร็ว!”
ท่ามกลางความสับสนนั้น เสียงของ ‘เสี่ยวจู'(Piggy)ผู้ที่ถือปืนอยู่ในมือและที่ไหล่ของเขามีตราสัญลักษณ์ของรองหัวหน้าแห่งกิลด์ [Wrath of the Heroes] ราชาออร์คทมิฬเกิดในพื้นที่ตั้งค่ายรบของกิลด์ [Wrath of the Heroes] แต่ห่างออกไปเพียง 20 เมตร
‘ชางเฉิง’กำลังห้อตะบึงใกล้เข้ามาเพื่อหวังจะโขมยบอส ทะยานใช้สกิลโจมตีแบบ AOE ต่อเนื่องกันสกิลแล้วสกิลเล่าและทิ้งไว้เพียงความตายของผู้เล่นที่มาขวางเขาไว้ยังเบื้องหลัง อุปกรณ์สวมใส่ของเขาช่างแข็งแกร่งแม้จะได้เป็นผู้ที่ชื่อว่ามีค่าพลังป้องกันสูงที่สุดในเมืองป้าฮวง
แต่การโจมตีของเขาก็ไม่อาจจะประมาทได้เช่นกัน
“นายยันมันไว้อีกซักพักได้ไหม?”
‘หลิ่วอิง'(ซีฉู่ป้าหวาง)เอ่ยถามขณะที่เขายืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนนั้น กระชับดาบคมด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยไฟแค้นและรังสีแห่งการฆ่าฟัน
“ชางเฉิง ไอแม่ยิ้ม ไม่ต้องนับว่าที่แกแย่งผู้หญิงของชาวบ้านไป แกยังกล้ามาแย่งบอสม่วงของพวกเราอีกงั้นเรอะ? ฝันเปียกไปเถอะแก! นักเวทย์ทั้งหมดเตรียมฌาปนกิจไอเหียกนี่ได้เลย ใครจะไปสนแกวะ ว่ามีค่าพลังป้องกันสูงแค่ไหน มันก็ตายได้อยู่ดีนั่นล่ะถ้ามันไม่มีค่าป้องกันเวทย์!”
ด้านหลังของ’ซีฉู่ป้าหวาง’ พลันปรากฏนักเวทย์สาวเลเวล 63 ‘ซินเยี่ยน'(Heart of Fire) ยกไม้เท้าของเธอขึ้นร่ายเวทย์อย่างสง่างามก่อนจะยิงเวทย์ [เสาไฟน้ำแข็ง] ออกจากไม้เท้าของเธอออกไปทันที
ทำให้ผู้เล่นของ[Hero’s Mound]กลุ่มหนึ่งละลายหายไปกับเวทย์ของเธอ
ทันใดนั้นต่อมาเธอก็ส่งศรเวทย์สีครามจากมือซ้ายยิงตรงไปยัง ‘ชางเฉิง’ ทั้งความเร็วและจังหวะในการควบคุมเวทย์บอกได้เลยว่าเข้าขั้นไม่ธรรมดา!
“ตู้มมม!”
2612!
พลังชีวิตของ ‘ชางเฉิง’ ลดลงฮวบขณะที่เขาเองต้องตะลีตะลานถอยกลับไปหลายก้าว ในจังหวะที่เขากำลังจะถอยหนีนั่นเอง ลูกศรอีกดอกหนึ่งก็พุ่งราวกับจับวางเข้าสู่หน้าอกเสียงดัง
“ฉึ่ก”
สกิล [ศรแยกหยุดยั้ง] ก็สตันเขาไว้ตรงนั้นเอง ลูกศรดอกนี้ยิงมาโดยนักธนูเลเวล 62 เลี่ยนฉวี่(Sonata)ผู้ที่กำลังขึ้นสายลูกศรอีกดอกหนึ่ง ปากก็เผยรอยยิ้มและพูดว่า
“ชางเฉิง ไปตายซะไอชั่ว!”
“ย่าห์!”
ร่างของ’เลี่ยนฉวี่’ก็เปล่งประกายสีทอง พลันก็มีรูปของเทพโบราณองค์หนึ่งปรากฏขึ้นเหนือศีรษะกำลังง้างศรเช่นเดียวกัน ก่อนจะปล่อยศรจากภาพนั้นพร้อมๆกับศรเลี่ยนฉวี่ไปยังร่างของ ‘ชางเฉิง’ พร้อมกัน นี่คือสกิล[ศรเทพเกาทัณฑ์]ซึ่งไม่เพียงแต่ไม่สนใจค่าพลังป้องกันส่วนใหญ่ แถมยังเพิ่มพลังโจมตีอีก 200%
บางคนว่านี่คือสกิลสั่งตายของสายอาชีพนักธนูเลยทีเดียว!
1940!
ช่างน่าเสียดายนัก ที่มันยังไม่เพียงพอที่จะสังหาร ‘หวังจื้อเฉิง'(ชางเฉิง) ‘เลี่ยนฉวี่’บดกรามแน่นก่อนพูดว่า
“ไอ้ชั่วนี่ตายยากจริงแฮะ”
เบื้องหลังเขา ‘ซินเยี่ยน’ยกไม้เท้าของเธอเพื่อเรียกใช้สกิล [โดดข้ามมิติ] และยิง [ศรทะเลคราม] พร้อมกับ [เสาไฟน้ำแข็ง] ตามไปอีก
“อุ้….”
‘หวังจื้อเฉิง’ที่หลุดจากอาการสตันทันท่วงที รีบใช้สกิล[สายลมฟื้นฟู] ฟื้นเลือดของตัวเอง30%ทันที และเท้าของเขาก็ยกขึ้นจากพื้นเพื่อดีดตัวไปอีกทางเสียงดัง
“ตุ้บ”
พาร่างไปจากจุดเดิมสองสามเมตรส่งผลให้ [ศรทะเลคราม] ของ’ซินเยี่ยน’กลายเป็น MISS แต่ว่าสกิล [เสาไฟน้ำแข็ง]ยังโจมตีโดนจนทำให้เลือดของเขาลดลงก้นหลอดอีกครั้ง แต่เขาคงต้องนึกขอบใจเหล่าฮีลเลอร์เพราะ’หวังจื้อเฉิง’รอดมาได้เพราะพวกเขาเหล่านั้นนั่นเอง
และเพียงไม่กี่อึดใจต่อมา พลังชีวิตของเขาก็กลับมาเต็มเปี่ยมอีกครั้ง
“ไอ้ตัวตายยากเอ้ย ขนาดนี้ยังเอามันไม่ลงเลยแฮะ….”
‘เลี่ยนฉวี่’ขยับธนูยาวในมือดวงตาเต็มไปด้วยความอาฆาต เพราะความจริงที่ว่าครั้งนี้พวกเขาสังหารหวัง’จื้อเฉิง’ไม่สำเร็จ ย่อมจะยากยิ่งขึ้นในครั้งต่อไปแน่นอน’หลิ่วอิง’ตวัดดาบไปด้านหลังเสียบเข้าพุงนักดาบคนหนึ่งก่อนจะถอนหายใจและพูดว่า
“เลี่ยนฉวี่ ซินเยี่ยนพวกนายไม่ต้องลงมือให้หนักเกินไป เป้าหมายของเรามีเพียงบอส ปล่อยไอ้สวะหวังจื้อเฉิงนั่นหายใจต่อไปอีกไม่กี่ชั่วโมง พวกนายแค่ยันพวกมันเอาไว้ตรงนี้พร้อมกับพวก[Hero’s Mound]ของมัน ชั้นจะรีบไปฆ่าบอสก่อน!”
‘เลี่ยนฉวี่’พยักหน้า
“ครับ หัวหน้าระวังด้วย! ให้จุ้ยอวี่หานฟง(Drunken Cold Rain)ไปกับหัวหน้าด้วย เพราะเค้ามีค่าพลังป้องกันถึง 2400+ ซึ่งมากพอที่จะบลอคการโจมตีจากบอสระดับม่วงได้ครับ!”
“ตกลง!”
………………ในท่ามกลางสนามรบนั้น อัศวินเลเวล 62 ‘จุ้ยอวี่หานฟง’ยืนร่างสูงตระหง่าน โล่ในมือของเขาป้องกันการโจมตีของราชาออร์คทมิฬไว้ได้หมด ในขณะที่หอกเหล็กกล้าก็เล็งเขม็งไปยังพาหนะของเจ้าราชาออร์ค เขาจับจ้องอยู่ที่บอสอย่างไม่วางสายตาและด้วยพลังป้องกันที่สูงถึง 2400 ของเขาอีกทั้งพลังชีวิตที่มากกว่า 6000 หน่วยทำให้เขาสามารถแท้งค์บอสเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น
ปล่อยให้ทาง’หลิ่วอิง’และ’เสี่ยวจู’ทำหน้าที่ในการทำดาเมจ ยุทธวิธีของกิลด์ [Wrath of the Heroes] ช่างเรียบง่ายด้วยการต้านทานการบุกของ [Hero’s Mound] และปิดฉากบอสของระลอกนี้ลงให้ได้นั่นเอง
ห่างออกไปอีกด้าน บรรดาเหล่าผู้เล่นของสาขาย่อยที่หนึ่งแห่งกิลด์ [Hero’s Mound] ก็มองแผนนี้ออกอย่างง่ายดาย แต่ติดอยู่ที่ว่าไม่รู้จะแก้ไขยังไงดี เพราะด้วยเวลาจำกัดอันน้อยนิดเพราะเลือดบอสที่ลดลง และศัตรูที่ฝีมือจัดจ้านอย่าง ‘เลี่ยนฉวี่’และ’ซินเยี่ยน’ ซึ่งทั้งสองคนย่อมไม่ยินยอมให้พวกเขาผ่านไปอย่างง่ายๆเป็นแน่
หากใครสักคนในสาขาย่อยที่หนึ่งแห่งกิลด์ [Hero’s Mound] คิดจะลองดีตีฝ่าไปละก็คงต้องพบจุดจบด้วยความตายจากสกิล [ศรทะเลคราม] แน่นอน……………..
ผมยืนห่างออกไปไกลพอสมควรอีกด้านหนึ่งของสนามรบ จ้องมองการต่อสู้ระหว่างสาขาย่อยที่หนึ่งแห่งกิลด์ [Hero’s Mound] กับกิลด์ [Wrath of the Heroes] โดยมีกิลด์ [Prague] คุมเชิงไกลออกไปอีกด้านหนึ่ง ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มก่อนจะเอ่ยว่า
“ดูท่ากิลด์ [Wrath of the Heroes] จะไม่เหมือนกิลด์เก่าที่เราเคยรู้จักซะแล้วสินะ ด้วยการปรากฏตัวของสามยอดฝีมือ ซินเยี่ยน เลี่ยนฉวี่และจุ้ยอวี่ฟงหาน พวกเขาก็สามารถยันการบุกของสาขาย่อยที่หนึ่งแห่งกิลด์ [Hero’s Mound] ให้ถอยกลับไปได้เลย”
‘แม่ทัพหวังเจี้ยน’คิดครู่หนึ่งและพูดว่า
“ใช่แล้วล่ะ นี่ถ้าเป็น [Wrath of the Heroes]แบบเมื่อก่อน สงสัยจะโดนสอยไปหมดแล้วแค่ ชางเฉิง บุกมาคนเดียว แต่นี่ถึงกับยันไว้ได้แม้ชางเฉิงมันจะยกพวกมาทั้งหมด”
‘ซ่งหาน’ว่า
“งานนี้ราชาออร์คทมิฬคงตกเป็นของ [Wrath of the Heroes] อย่างไม่ต้องสงสัย มีเพียงอย่างเดียวที่พวกเรายังไม่ทราบก็คือ ใครจะเป็นคนลงมือปลิดชีพเจ้าบอสตัวนี้น่ะครับ?”
“ดูจากรางวัล ถ้าลาสบอสได้จะได้ค่าสเน่ห์เพิ่มแล้วละก็…..”
‘แม่ทัพหวังเจี้ยน’ยิ้ม
“ไม่ต้องแปลกใจเลยถ้าซีฉู่ป้าหวังจะเป็นคนลงมือเอง ใช่ไหม?”
สายตาของผมมีแววเย็นชาก่อนจะพูดว่า
“ก็นะ…มันขึ้นอยู่กับว่าหลิ่วอิงได้เรียนรู้อะไรบ้างหรือไม่ ติ๊ต่างว่าถ้าหลิ่วอิงเป็นคนลงมือเอง ถ้างั้น [Wrath of the Heroes] ก็คงไปไม่ถึงไหน แต่ถ้าหากเขาคิดที่จะลงทุนลงแรงเพื่อฝึกฝนคนอื่นโดยให้คนอื่นลงมือ แบบนั้นกิลด์ [Wrath of the Heroes] ก็จะได้ประโยชน์และเติบโตไปกว่านี้อีกมาก…”
“อื้ม!”
ไม่กี่นาทีต่อมาเลือดบอสก็แทบจะติดก้นหลอด บางอย่างที่เหนือความคาดหมายของผมก็เกิดขึ้น ‘ซีฉู่ป้าหวาง’หรือ’หลิ่วอิง’ ถอยตัวเองออกมาสองสามก้าวและส่งสัญญาณมือพูดว่า
“จุ้ยอวี่ฟงหานนายดึงบอสเอาไว้กับตัวนะ ซินเยี่ยนเธอลงมือฆ่าบอสเลย ค่าสเน่ห์ 3 แต้มนี้เป็นของเธอ!”
‘ซินเยี่ยน’พยักหน้ารับทราบและหลังจากระดมร่ายเวทย์ใส่เจ้าราชาออร์คทมิฬอย่างต่อเนื่อง
“โฮกกกก”
เสียงคำรามสุดท้ายของมันก็ดังขึ้นด้วยความเจ็บปวดก่อนที่จะทรุดลงไปนอนตายกับพื้นและดรอปไอเทมจำนวนมาก ในตอนนั้นเองเสียงสัญญาณก็ดังขึ้นทั่วทั้งสนามรบ
“ติ๊ง!”ประกาศจากระบบ : ขอแสดงความยินดีด้วย!
ผู้เล่น ซินเยี่ยน ได้สังหารบอสตัวที่สามของ [เมืองโบราณ แห่ง เมืองป้าฮวง]
และได้รับค่าสเน่ห์เพิ่ม +3 ค่าประสบการณ์ 30% และ ตำราสกิลระดับ S [อัคคีโหมกระหน่ำ]!
………………
“ซินเยี่ยน เป็นคนลาสบอสเหรอนี่….”
ผมพึมพัมกับตัวเอง’แม่ทัพหวังเจี้ยน’เก็บดาบเข้าฝักพลางพูดว่า
“สหายเซียวเหยา พวกเรากลับกันเถอะ สกิล[อัคคีโหมกระหน่ำ]น่าจะเป็นสกิลโจมตีเวทย์แบบ AOE และน่าจะให้ ซินเยี่ยนเป็นคนเรียน และเธอคนนี้น่าจะเป็นคู่ปรับตัวฉกาจกับเชียนหยางของเราแน่นอน ต่อไปเราคงต้องจับตามองให้มากกว่านี้ กิลด์[Wrath of the Heroes]ไม่ได้เป็นเช่นเมื่อก่อนอีกต่อไป การมาเยือนประตูทิศตะวันออกของเราครั้งนี้ช่างน่าตื่นตาตื่นใจซะจริงๆ ลองมาคิดดู ไม่เพียงแต่สาขาย่อยที่หนึ่งของกิลด์[Hero’s Mound]ไม่ได้ฟัดกับกิลด์[Prague]เท่านั้น ยังได้เห็นหนทางเปลี่ยนแปลงของกิลด์[Wrath of the Heroes]อีกด้วย น่าประหลาดใจดีจริงๆ…”
‘ซ่งหาน’ถามขึ้นว่า
“ทำไมกิลด์ [Prague] ไม่ลงมือทำอะไรซักอย่างล่ะครับ?”
ผมมองสำรวจไปรอบๆก่อนจะพูดว่า
“ดูออกง่ายมาก กิลด์[Prague]นั้นมีสมาชิกกิลด์เป็นจำนวนมาก ตอนที่ตาลุงเหยี่ยนเจ้าอู๋ซวงสั่งให้คนมาสืบข่าวบอสนั้นน่ะ เขาเอากำลังมาแค่ 50% จากแนวรบที่ประตูทิศตะวันออกเท่านั้น นั่นหมายความว่าเหลือกิลด์[Prague]เพียงกิลด์เดียวที่จัดการมอนสเตอร์จำนวนมากที่ออกมาจากประตูทิศตะวันออกถึง 12.5% ในการโจมตีระลอกที่สามของ[เมืองโบราณ] ตาลุงแสนเจ้าเล่ห์นี่รู้ดีว่าอะไรคือประโยชน์สูงสุดในสถานการณ์แบบนี้ เพราะงั้นเมื่อ[Prague]ลงมือ พวกเขาต้องแน่ใจว่าจะได้รางวัลที่ดีที่สุดเท่านั้น….. ไปกันเถอะ พวกเราเองก็มีศึกที่รอพวกเรากลับไปรบอยู่เช่นกัน”
“ตกลงครับ”
‘ซ่งหาน’เก็บมีดสั้นของตัวเองเข้าฝัก และเอ่ยขึ้นขณะที่พวกเรากำลังวิ่งกลับว่า
“เฮียเซียวเหยาครับ ถ้า[Prague]เป็นกิลด์เจ้าแผนการขนาดนี้ ….มีโอกาสไหมครับที่กิลด์ [ZhanLong] กับ [Prague] จะไฝว้กันในอนาคต?”
ผมคิดครู่หนึ่งและตอบว่า
“ไม่มีความจำเป็นขนาดนั้น….ในความเป็นจริงแล้วการเติบโตของแต่ละกิลด์ย่อมแตกต่างกัน [Hero’s Mound]และ[Vanguard]นั้น มีโครงสร้างการเติบโตอยู่บนพื้นฐานของการพิชิตกิลด์อื่นๆและอาศัยกำลังในการต่อสู้เข้าควบคุมเมือง ส่วนมุมมองของ[Prague]นั้นค่อนข้างจะแตกต่างออกไป ตาลุงเหยี่ยนเจ้านั้นเน้นที่สถานการณ์แบบ วิน-วินทั้งคู่ทำให้การเติบโตของกิลด์เป็นไปอย่างช้าๆ ถ้าไม่มีใครไปขวางทางพวกเขา พวกเขาก็จะไม่ยุ่งกับใคร แต่ด้วยแนวทางแบบนี้แหละทำให้ชื่อเสียงของกิลด์[Prague]ค่อยๆขจรขจายไปทั้งสี่มุมโลก นี่แหละแบบฉบับของเหยี่ยนเจ้าอู๋ซวง”
“ให้ตายสิ….”
‘แม่ทัพหวังเจี้ยน’สูดลมหายใจยาวก่อนพูดว่า
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ เหยี่ยนเจ้าอู๋ซวง ก็เป็นคนฉลาดที่สุดในเมืองป้าฮวงใช่ไหม?”
ผมหัวเราะพูดว่า
“มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้นน่ะสิ ความสัมพันธ์ของกลุ่มต่างๆในเมืองป้าฮวงล้วนยุ่งเหยิง และความแข็งแกร่งของแต่ละกลุ่มก็กระจัดกระจาย ถึงแม้ว่า [Prague] จะไม่อยากเข้าไปยุ่งกับใคร พวกเขาก็หนีไม่พ้นต้องถูกโยงไปมีเอี่ยวด้วยจนได้นั่นแหละ ยิ่งไปกว่านั้น ที่สุดแล้วเกมส์ก็เป็นเกมส์ที่แสนจะซับซ้อนและเต็มไปด้วยรูปแบบของพลังอำนาจมากมาย เอาแค่กิจกรรม[เมืองโบราณ]นี่เป็นไร ทำเอาผู้เล่นเกือบ 2 ล้านในเมืองป้าฮวงต้องห้ำหั่นแย่งชิงกันเพื่อ[ตราเทพการค้า]อันเดียวนี่ กดดันให้[Prague]ต้องเข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนี้จนได้ เพราะว่าถ้าพลาดโอกาสนี้ไปอาจจะทำให้พวกเขาล้าหลังชาวบ้านแค่ไหนใครจะรู้”“พวกเรามีโอกาสจะได้ [ตราเทพการค้า] นี้ไหม?”
“ชั้นก็ไม่แน่ใจนะ พวกเราแค่ทำ เท่าที่พวกเราทำได้ แต่ก่อนอื่นพวกเราต้องการที่จะไปให้ถึงจุดมุ่งหมายที่กิลด์ของพวกเราเป็นเลเวล 4 อันนี้เป็นเป้าหมายที่สำคัญที่สุด!”
“โอเค….”
………………..เมื่อเราทั้งสามคนกลับมาถึงยังค่ายของกิลด์ [Zhan Long] ประตูทิศเหนือก็กำลังเปิดออกพอดี เป็นสิ่งบอกให้รู้ว่าการโจมตีระลอกที่สี่ได้ออกมาแล้ว ซึ่งครั้งนี้เต็มไปด้วยกองทัพตะขาบเลื้อยยั้วเยี้ยเต็มไปหมด พวกมันล้วนมีเลเวล 69 และเป็นมอนสเตอร์ระดับปีศาจที่มีค่าพลังโจมตีที่สูงมากแต่พลังป้องกันและพลังชีวิตน้อย!
“ประจำตำแหน่งไว้!ที่อยู่ตรงหน้าพวกนายคือ ‘โอกาสอันสดใส’ ในการกอบโกยค่าประสบการณ์แล้ว!”
‘หรันหมิ่น’พูดพลางเดาะขวานรบในมือเพื่อสร้างกำลังใจให้กับทุกคน
‘แม่ทัพไป๋ฉี’ว่า
“นายน่าจะบอกว่า ‘เนินอกอันสดใส’ พวกอัศวินจะได้มีแรงมากกว่านี้นะ!”
‘มัทฉะ’ถึงกับพูดไม่ออกอ้อมแอ้มว่า
“…….. ตั้งใจฆ่ามอนสเตอร์ตรงหน้าก็พอ!”
ผมกลับมาประจำตำแหน่งในขบวนรบโดยมี’เยว่ชิงเฉียน’อารักขาอยู่ข้างๆ เธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก่อนจะพูดว่า
“หนูว่า หนูรู้สึกปลอดภัยที่สุดละ เวลาอยู่ใกล้ๆพี่เซียวเหยา….”
“ตู้มมมม!”
เสียงสกิล[ดาบเจ็ดดารา]ตัดผ่านฝูงมอนสเตอร์ไป เมื่อรวมกับสกิลโจมตีไกลของพยัคฆ์เทพเพลิงเทวะหลอดค่าประสบการณ์ของผมก็พุ่งทะยาน ‘เยว่ชิงเฉียน’ยิ้มด้วยดวงตาประกายหวานแหววพูดว่า
“โห อยู่กับพี่เซียวเหยานี่ มากยิ่งกว่ารู้สึกปลอดภัยเสียอีกค่ะ…”
ผมหันกลับมาส่งยิ้มให้และพูดว่า
“โอ๊ะ…. ‘มากยิ่งกว่า’….แหมทำให้พี่นึกถึงเรื่องเล่าเรื่องหนึ่ง….”
“เรื่องอะไรอ้ะคะ?”
‘เยว่ชิงเฉียน’ ‘มัทฉะ’ ‘เยว่เหว่ยเหลียง’และก็’เชียนหยาง’
สี่สาวสี่สวยก็ล้อมวงเข้ามาที่ผมด้วยใบหน้าสงสัยใคร่รู้ ดูเหมือนจะเป็นของแปลกสำหรับพวกเธอที่จู่ๆหัวหน้ากิลด์ของพวกเธอตั้งท่าจะเล่าเรื่องให้ฟังผมแอบยิ้มและเริ่มเล่าว่า
“ก็นะ เรื่องนี้มันเกี่ยวกับ… หุหุ… ความแตกต่างระหว่างภาษาอังกฤษกับภาษาญี่ปุ่น ติ๊ต่างว่าถ้าพวกเธอไปเที่ยวญี่ปุ่นและขึ้นรถไฟใต้ดิน แล้วบังเอิญไปเจอไอ้พวกโรคจิตเข้ามาลวนลาม เธอก็รีบขัดขืนมันทันที ถ้าเธอใช้ภาษาอังกฤษพูดว่า ‘Stop’ บางทีไอ้โรคจิตมันอาจจะหยุด แต่ว่าถ้าเกิดเธอเผลอไปพูดภาษาญี่ปุ่นกับมันว่า ‘Yamatte’ มันก็อาจจะไม่ยอมหยุดจับโน้นจับนี่นะ….”
(TL : คำว่า ‘Yamatte’ภาษาญี่ปุ่นแปลว่า ‘หยุดนะ’ แต่ในหนัง AV ยิ่งพูดมันยิ่งทำ)
“……………….”
สี่สาวก็ประสานเสียงทันทีว่า
“หัวหน้าอ้ะ!…….อุตส่าตั้งใจฟัง”
………………
ที่มา: